แชร์

บทที่ 60

ผู้เขียน: จิ้งซิง
บอกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงเพิ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อสักครู่

เลือกเวลาได้แม่นยำถึงเพียงนี้ ราวกับจงใจทรมานพวกเขาจริง ๆ

เวินฉางอวิ้นที่เหนื่อยล้านิดหน่อยเช่นเดียวกันอดบ่นไม่ได้ “น้องห้าช่างทรมานคนจริง ๆ”

ตอนเช้าไม่ฟื้น ตอนเย็นไม่ฟื้น แต่มาฟื้นตอนนี้

หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นเวินซื่อที่ถูกเวินจื่อเฉินทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสมาก่อน เกรงว่าเขาคงจะสงสัยว่านางฟื้นมาตั้งนานแล้วใช่หรือไม่

เวินเฉวียนเซิ่งที่รู้ว่าบุตรชายกำลังคิดอะไรอยู่กลับหัวเราะหยัน “เวินซื่อยังไม่มีความกล้าหาญพอที่จะกล้าต่อต้านข้าหรอก เกรงว่าคงจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

เวินฉางอวิ้นตกตะลึง “ความหมายของท่านพ่อคือ?”

“นอกจากเป่ยเฉินหยวนแล้ว ยังมีใครในราชสำนักนี้ได้อีก?”

เวินเฉวียนเซิ่งทำหน้าเย็นชา แววตาคมกริบ “คนผู้นี้ลงมืออย่างเด็ดขาดฉับไว อาศัยความโปรดปรานของฝ่าบาท กระทำการเผด็จการอย่างยิ่ง”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่กดดันจวนเจิ้นกั๋วกงของพวกเขา

เป่ยเฉินหยวนไม่มีทางพลาดโอกาสใด ๆ เลย

“ครั้งนี้สกุลเวินของเราพลาดท่าอยู่ในเงื้อมมือของเขา หากไม่ใช่เพราะนังเด็กเหลวไหลอย่างเวินซื่อ เรื่องคงไม่บานปลายมาถึ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 61

    ตั้งแต่รู้ว่าเวินจื่อเฉินบุกเข้าไปในอารามสุ่ยเยว่ และยังทำร้ายเวินซื่อ หลายวันนี้เวินเยวี่ยอารมณ์ดีมากแต่นางคิดไม่ถึงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับเกินความคาดหมายของนางฝ่าบาทสั่งโบยเวินจื่อเฉินแปดสิบไม้เพื่อเวินซื่อและยังสั่งสกุลเวินต้องได้รับการให้อภัยจากเวินซื่อ จึงจะละเว้นเขาหลังจากรู้ข่าวเรื่องนี้ เวินเยวี่ยก็เผลอกล่าวด้วยความโกรธ “ถือสิทธิ์อะไร?!”ฝ่าบาทบ้าไปแล้วหรือ?เพื่อแม่ชีคนหนึ่ง ล่วงเกินทั้งจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างไม่ลังเล?เวินเยวี่ยรู้สึกว่านี่มันบ้ามากนางเวินซื่อถือสิทธิ์อะไรได้รับการปกป้องจากฝ่าบาท?ตอนนี้นางไม่ใช่บุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว แต่เป็นแค่แม่ชีคนหนึ่งที่ไร้ชื่อ นางยังมีอะไรสามารถเข้าตาฝ่าบาทที่อยู่บนจุดสูงสุดอีก?เวินเยวี่ยที่ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในราชสำนัก คิดว่ามีเพียงฮ่องเต้น้อยคนเดียวที่ออกหน้าแทนนางแต่หารู้ไม่ ยังมีอีกคนอีกคนที่มีอิทธิพลต่อราชสำนักตอนที่รู้ว่าเวินเฉวียนเซิ่งให้นางไปที่ห้องหนังสือ เวินเยวี่ยก็เดาได้แล้วว่า พวกเขาต้องถามนางเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้นในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นนางก็ป่าวประกาศ ‘เรื่อง

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 62

    “นางกำลังทำอะไรที่นั่น?”เวลานี้เวินฉางอวิ้นยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวหลังจากเวินเยวี่ยแสร้งลังเล ทำหน้าเหมือนไม่อยากช่วยเวินซื่อปิดบังอีกแล้ว ก็กล่าวทั้งน้ำตา “นางแอบ…แอบพบกับบุรุษคนหนึ่งที่นั่น”“เพล้ง!”จู่ๆ ฝาถ้วยชาที่อยู่ข้างมือของเวินเฉวียนเซิ่งก็แตกกระจายบนพื้นเวินฉางอวิ้นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “น้องหก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”เวินซื่อแอบพบกับบุรุษ?!นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!นังเด็กเวินซื่อนั่นจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!เวินเยวี่ยกล่าวทั้งน้ำตา “เยวี่ยเอ๋อร์รู้ว่าท่านพ่อกับท่านพี่ไม่เชื่อ เยวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ เยวี่ยเอ๋อร์เห็นกับตาจริงๆ หลังจากถูกพี่หญิงห้าพบเห็น เดิมทีข้าอยากเกลี้ยกล่อมนางอย่าทำเช่นนี้ แต่นางกลับกดข้าลงน้ำ ขู่ข้าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้น…นางก็จะกดข้าจมน้ำตาย”หลังจากฟังนางกล่าวจบ เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นเงียบไปชั่วขณะสีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งเคร่งขรึมมากส่วนเวินฉางอวิ้นอย่างไรก็ไม่เชื่อเขารู้ว่าตอนนี้น้องห้าหัวรั้นมาก ไม่เชื่อฟัง และไม่รู้ความ แต่ถึงนางจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีทางทำเรื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 63

    “อะไรนะ? นางไปแล้ว?”เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นไปเสียเที่ยวอีกครั้งตอนที่พ่อลูกคู่นี้คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไปหาเวินซื่อที่วังหลวง แต่กลับรู้มาว่าเวินซื่อกลับอารามสุ่ยเยว่แล้วเสี่ยวเต๋อจื่อยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์กังวลเกี่ยวกับพิธีขอพรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพิ่งฟื้นก็รีบกลับอารามสุ่ยเยว่เพื่อเตรียมตัวแล้ว”สีหน้าเวินเฉวียนบึ้งตึงเล็กน้อยเดิมทีเขาอยากถามให้ชัดเจนด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เวินซื่อกลับกลับอารามสุ่ยเยว่โดยตรงแล้วถ้าหากอยู่ในวังหลวง เขายังสามารถเจอนางแต่อยู่ในอารามสุ่ยเยว่ เขากลับไม่สามารถเข้าแม้แต่ประตูหรือนี่ก็อยู่ในแผนของเป่ยเฉินหยวน?เวินเฉวียนเซิ่งสงสัยในใจแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ นี่ไม่ใช่แผนของเป่ยเฉินหยวนเวินซื่อเดาว่าเวินเฉวียนเซิ่งต้องมาหานางด้วยตัวเองแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ดวงตาหายดีแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับม่อโฉวซือไท่ทันทีไม่ใช่ว่านางกลัวเวินเฉวียนเซิ่ง แต่เพราะนางจะเตรียมพิธีขอพรก่อน รอหลังจากนี้นางค่อยลงมือทวงคืนทุกอย่างจากคนเหล่านี้แล้วก็ นางไม่อยากให้เวินจื่อเฉินออกจากคุกเร็วเช่นนั้นก่อนที่นางจะอารมณ์ดีขึ้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 64

    เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น แววตาเวินซื่อเผยให้เห็นความประหลาดใจทันทีเพราะรูปร่างของอิ่งชีสูงบาง ประกอบกับชุดที่มิดชิด รูปร่างภายนอกแทบไม่มีลักษณะเด่นใดๆ ดูแล้วย่อมแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ตอนนี้เสียงของอิ่งชีดังขึ้น เวินซื่อก็รู้แล้วอิ่งชีเป็นผู้หญิง“ท่านอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เวินซื่อก็เคยเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์มีชาติตระกูล ย่อมรู้ว่าในเรือนของคนชนชั้นสูง และรวมถึงราชวงศ์ จะฝึกองครักษ์ลับส่วนตัวจำนวนหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็เช่นกันข้างกายเวินเฉวียนเซิ่งก็มีองครักษ์ลับค่อยปกป้องสมัยเด็กนางเคยเห็นคนเช่นนี้ ความรู้สึกที่อิ่งชีนำมาให้นาง ก็เหมือนกับองครักษ์ลับข้างกายของบิดา “นี่คือองครักษ์ลับที่ฝ่าบาทสั่งให้ข้าส่งมา เดิมทีพวกเขาเป็นคนของราชวงศ์เท่านั้น แต่ท่านเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์เพียงคนเดียว และยังขอพรเพื่อบ้านเมืองในอาราม หลังจากข้ากับฝ่าบาทปรึกษากัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างก่อนหน้านี้ ก็เลยเลือกองครักษ์ลับที่เหมาะสมกับท่านคนหนึ่งส่งมาให้ท่าน”เป่ยเฉินหยวนล้วงป้ายประจำตัวของอิ่งชีออกมาส่งให้เวินซื่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็คือนายของ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 65

    “นี่คือของขวัญตอบแทนที่มอบให้ท่าน อีกชิ้นเป็นของที่ถวายให้ฝ่าบาท รบกวนท่านอ๋องช่วยข้านำไปให้ฝ่าบาทด้วย”เป่ยเฉินหยวนรับกล่องไม้มา ไม่ได้เปิดต่อหน้านางทันที เพียงแค่พยักหน้า “ได้ ข้ารู้แล้ว”รอหลังจากเป่ยเฉินหยวนจากไป เวินซื่อเริ่มคัดพระสูตรต่ออีกครั้ง แต่เพิ่งลงพู่กันได้ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าข้างนอกมีคนมาอีกแล้วคือม่อโฉวซือไท่“อู๋โยว”ม่อโฉวซือไท่เห็นเวินซื่อคัดพระสูตรอย่างจริงจังตั้งแต่อยู่ตรงลาน สีหน้าที่แข็งกระด้างตลอด นุ่มนวลลงสองส่วนโดยแทบสังเกตไม่เห็น“อาจารย์?”เมื่อซื่อได้ยินเสียง ก็วางพู่กันลง“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องมอบองครักษ์ลับคนหนึ่งให้เจ้า?”“ถูกต้อง ศิษย์รับไว้แล้ว ชื่อจู๋เยวี่ย อาจารย์จะพบนางหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนส่งคนมาอารามสุ่ยเยว่ ย่อมต้องผ่านการเห็นชอบจากม่อโฉวซือไท่ ดังนั้นเวินซื่อไม่แปลกใจที่ม่อโฉวซือไท่รู้เรื่องนี้“ไม่ต้องแล้ว เจ้าเคยพบแล้วก็พอ”ม่อโฉวซือไท่โบกมือ หลังจากเข้าห้องก็รับน้ำชาที่เวินซื่อรินให้นาง แต่ไม่ได้ดื่มทันที “เจ้านั่งลงก่อน อาจารย์มีเรื่องจะถามเจ้า”เวินซื่อวางกาน้ำชา ไปนั่งที่ข้างๆ นางทันที“อาจารย์จะถามอะไรหรือ?”ม่อโฉวซือไท่มองด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 66

    จุดเปลี่ยนกะทันหันนี้ทำให้เวินซื่อยืนตะลึงอยู่ตรงที่เดิมนางไม่อยากจะเชื่อ “อาจารย์ ท่านๆๆ…ท่านบอกว่าท่านคือราชันพิษ? เช่นนั้นหมอปีศาจราชันพิษท่านนั้น?”ม่อโฉวซือไท่เลิกคิ้วเล็กน้อย ยกมือกล่าว “คนออกบวชไม่พูดปด”ราชวงศ์ต้าหมิงมีหมอเทวดาที่เลื่องชื่อสองท่านท่านหนึ่งเล่ากันว่าคือหลินจื่อฟู สามารถช่วยคนตายฟื้นคืนชีพ รักษาเนื้อและกระดูกงอกใหม่ส่วนอีกท่านคือหมอปีศาจราชันพิษที่เชี่ยวชาญการแพทย์และยาพิษชื่อเสียงของพวกเขา ต่อให้เป็นเวินซื่อที่อยู่เรือนส่วนหลังในอดีตก็เคยได้ยินในบรรดาสองท่านนี้ คนที่ลึกลับที่สุดย่อมหนีไม่พ้นหมอปีศาจราชันพิษท่านนี้ ลือกันว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของหมอปีศาจราชันพิษแต่วันนี้นางรู้แล้ว!ใครจะคิดว่าหมอปีศาจราชันพิษที่ลึกลับ จะเป็นซือไท่เจ้าอาวาสของอารามชีที่ไม่สะดุดตาเลยสักนิด?“เช่นนั้นอาจารย์ ท่านจะสอนข้าเรียนพิษจริงหรือ?”“ทำไม เจ้าไม่ยินดี?”“ยินดีเจ้าค่ะ!”เวินซื่อกล่าวกระตือรือร้น “ศิษย์แค่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคดีเช่นนี้”ก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนยังเตือนนาง ทางที่ดีที่สุดหาใครสักคนที่สามารถชี้แนะจริงๆ มาสอนนางแต่ปราก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 67

    พวกเขาคิดเหมือนกันหมด ‘ถึงว่าฝ่าบาทจะเลือกนาง ปกติก็ไม่รู้สึกอะไร วันนี้พอตั้งใจดูดีๆ เวินซื่อคนนี้มีใบหน้าที่เกิดมาเพื่อเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ’ก็ได้ ขอเพียงต่อไปเวินซื่อยังคงอยู่ในกรอบในศีลขอพรเพื่อบ้านเมือง พวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่สามารถยอมรับธิดาศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้เวินซื่อยังไม่รู้ ด้วยใบหน้าของตัวเองก็ชนะใจทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นั่งตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างมั่นคงแล้ว“เสด็จอาท่านดู ธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เราเลือกท่านนี้ไม่เลวกระมัง?”ฮ่องเต้น้อยย่อมไม่พลาดการแสดงออกที่ยอดเยี่ยมบนใบหน้าของเหล่าขุนนางและชาวบ้านที่อยู่ข้างล่างในใจรู้สึกพอใจต่อเวินซื่อมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไรก็ตามเขาแค่มอบโอกาสให้เวินซื่อ แต่จะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนางเองความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า ผลงานของนางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ“สายพระเนตรของฝ่าบาทไม่เลวจริงๆ”เป่ยเฉินหยวนชมฮ่องเต้น้อยในเวลาที่เหมาะสมและยังพยักหน้าอย่างจริงจังด้วยความพยายามในช่วงที่ผ่านมาของเวินซื่อล้วนอยู่ในสายตาของเขา ในพิธีขอพร นางจำเป็นต้องท่องบทสวดขอพรเก้าชุด เพื่อแสดงความศรัทธายังไม่สามารถพลางดูพลางอ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 68

    “ผู้หญิงท่าทางลับๆ ล่อๆ?”เวินซื่อชะงักเล็กน้อย “ข้างกายนางยังมีคนอื่นหรือไม่?”“ไม่มีเจ้าค่ะ แค่นางคนเดียว”เวินซื่อพยักหน้า “เช่นนั้นดี เจ้าซ่อนตัวก่อน อย่าให้ใครพบเห็น”“เจ้าค่ะ”จู๋เยวี่ยหายไปทันทีเวินซื่อจัดแจงเสื้อผ้าต่อ หลังจากจัดแจงเสร็จก็เดินออกไปข้างนอกเหมือนไม่รู้อะไรตอนที่จะก้าวข้ามประตูใหญ่นั้นเอง จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็ปรากฏ เหวี่ยงตรงเข้ามาหานางโชคดีที่เวินซื่อมีการเตรียมตัวไว้ก่อน ผินหน้าก็หลบได้แล้วหลังจากนั้นพลิกมือเหวี่ยงใส่ใบหน้าอีกฝ่ายดัง ‘เพียะ’ เวินเยวี่ยตกเป็นฝ่ายที่เสียท่า กุมใบหน้ากล่าวด้วยความโกรธ “เวินซื่อ เจ้ากล้าตบข้า!”“ตบแล้วเจ้าจะทำไม?”เวินซื่อกล่าวเย้ยหยัน “เหมือนสมองของสีกาไม่ค่อยดี ต้องให้ข้าเตือนหน่อยหรือไม่? อย่างไรเสียข้าไม่ได้แค่เคยตบสีกา”“เจ้า!”เวินเยวี่ยอับอายจนโมโหทันที ยกมือคิดจะตบเวินซื่ออีกครั้งแต่เวินซื่อกลับเร็วกว่านาง แทบจะทันทีที่นางยกมือ เวินซื่อใช้มือซ้ายจับนาง มือขวาก็ตบกลับไปอย่างไม่ลังเล“เพียะ!”เสียงของฝ่ามือนี้ ชัดเจนกว่าก่อนหน้านี้มากเวินเยวี่ยไม่ทันหลบด้วยซ้ำ ใบหน้าซ้ายขวาสมดุลทันทีเวินซื่อที่ตบได้หนำ

บทล่าสุด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 300

    “ทุกอย่าง?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วยหรือ?”“แน่นอน ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมาะกับการตบตีฆ่าฟัน แต่หม่อมฉันแตกต่างออกไป หม่อมฉันสามารถเป็นดาบที่คมที่สุดในมือของท่านอ๋อง เพื่อท่าน...”“ฉัวะ!”อันหลันซินยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาจากด้านข้างรถม้า เกือบจะเฉือนคอของอันหลันซินเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของอันหลันซินทันทีข้างนอกรถ เป่ยเฉินหยวนดึงมือกลับ “กระบี่ในมือข้ามีมากมาย ไม่ได้ขาดเจ้า อีกอย่าง อย่าเอาเจ้าไปเปรียบเทียบกับอู๋โยว หากมีครั้งหน้า กระบี่นี้จะไม่แทงพลาดแล้ว”พูดจบ เป่ยเฉินหยวนก็หันหลังขึ้นม้า เหลือบมองรถม้าด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วสั่งเกาเย่า“เผาเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”อันหลันซินที่แผนการยั่วยวนล้มเหลวตั้งแต่ครั้งแรก ในที่สุดก็ถูกเกาเย่าไล่ลงมาจากรถม้าและรถม้าคันนั้นก็ถูกเกาเย่าลากไปเผาทิ้งจริงๆ อันหลันซินที่รู้สึกได้ถึงความรังเกียจอย่างสิ้นเชิง ในใจของนางก็รู้สึกย่ำแย่มากแต่นางก็พอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้วเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกรังเกียจอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้แต่ถ้าเขาถูกนางยั่วยวนได้ง่ายเกินไป นา

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 299

    บนพระพักตร์ของฮ่องเต้น้อยเผยรอยยิ้มพอพระทัยออกมาทันที“ดีมาก”เขาพยักหน้า แต่คำพูดก็เปลี่ยนไปว่า “แต่ท่านพ่อของเจ้าบอกว่าเจ้าเกิดในชนบท ไม่รู้จักกฎระเบียบ หากอยากเป็นสนมของเรา ข้อนี้เกรงว่าจะลำบากเล็กน้อย...”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่มือข้างหนึ่งเท้าคาง ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังกลุ้มใจกับเรื่องนี้อยู่จริงๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวินเยวี่ยก็รีบกล่าวว่า “ไม่ลำบาก ไม่ลำบากเพคะ! ฝ่าบาทมิได้ตรัสว่าจะให้หม่อมฉันเรียนรู้กฎระเบียบกับไทเฮาหรือเพคะ? หม่อมฉันจะตั้งใจเรียนรู้ เพื่อที่จะได้เป็นสนมของฝ่าบาทโดยเร็ว!”ขณะที่นางเอ่ยขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเล็กน้อยในใจท่านพ่อก็จริงๆ เลย!ฝ่าบาททรงตรัสแล้วว่าตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ เหตุใดจึงต้องทูลเรื่องไม่ดีของนางกับฝ่าบาทด้วย?หากฝ่าบาททรงเปลี่ยนใจเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาจริงๆ จะทำอย่างไร?เช่นนั้นนางจะไม่พลาดโอกาสนี้ไปหรอกหรือ?!เวลานี้ในใจของเวินเยวี่ยทั้งบ่นทั้งกังวล กลัวว่าฝ่าบาทจะถอนคำพูดเมื่อครู่นี้โชคดีที่ท่ามกลางสายตาที่คาดหวังของนาง ฝ่าบาททรงพยักพระพักตร์อย่างพอพระทัยอีกครั้ง “ดี เจ้าเป็นสตรีที่รู้ความจริงๆ เช่นนั้นตั้งแต่วั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status