Share

บทที่ 62

Author: จิ้งซิง
“นางกำลังทำอะไรที่นั่น?”

เวลานี้เวินฉางอวิ้นยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราว

หลังจากเวินเยวี่ยแสร้งลังเล ทำหน้าเหมือนไม่อยากช่วยเวินซื่อปิดบังอีกแล้ว ก็กล่าวทั้งน้ำตา “นางแอบ…แอบพบกับบุรุษคนหนึ่งที่นั่น”

“เพล้ง!”

จู่ๆ ฝาถ้วยชาที่อยู่ข้างมือของเวินเฉวียนเซิ่งก็แตกกระจายบนพื้น

เวินฉางอวิ้นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ “น้องหก เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”

เวินซื่อแอบพบกับบุรุษ?!

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร!

นังเด็กเวินซื่อนั่นจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!

เวินเยวี่ยกล่าวทั้งน้ำตา “เยวี่ยเอ๋อร์รู้ว่าท่านพ่อกับท่านพี่ไม่เชื่อ เยวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ เยวี่ยเอ๋อร์เห็นกับตาจริงๆ หลังจากถูกพี่หญิงห้าพบเห็น เดิมทีข้าอยากเกลี้ยกล่อมนางอย่าทำเช่นนี้ แต่นางกลับกดข้าลงน้ำ ขู่ข้าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้น…นางก็จะกดข้าจมน้ำตาย”

หลังจากฟังนางกล่าวจบ เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นเงียบไปชั่วขณะ

สีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งเคร่งขรึมมาก

ส่วนเวินฉางอวิ้นอย่างไรก็ไม่เชื่อ

เขารู้ว่าตอนนี้น้องห้าหัวรั้นมาก ไม่เชื่อฟัง และไม่รู้ความ แต่ถึงนางจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีทางทำเรื
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 63

    “อะไรนะ? นางไปแล้ว?”เวินเฉวียนเซิ่งกับเวินฉางอวิ้นไปเสียเที่ยวอีกครั้งตอนที่พ่อลูกคู่นี้คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไปหาเวินซื่อที่วังหลวง แต่กลับรู้มาว่าเวินซื่อกลับอารามสุ่ยเยว่แล้วเสี่ยวเต๋อจื่อยิ้มเล็กน้อย “ใช่แล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์กังวลเกี่ยวกับพิธีขอพรในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพิ่งฟื้นก็รีบกลับอารามสุ่ยเยว่เพื่อเตรียมตัวแล้ว”สีหน้าเวินเฉวียนบึ้งตึงเล็กน้อยเดิมทีเขาอยากถามให้ชัดเจนด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เวินซื่อกลับกลับอารามสุ่ยเยว่โดยตรงแล้วถ้าหากอยู่ในวังหลวง เขายังสามารถเจอนางแต่อยู่ในอารามสุ่ยเยว่ เขากลับไม่สามารถเข้าแม้แต่ประตูหรือนี่ก็อยู่ในแผนของเป่ยเฉินหยวน?เวินเฉวียนเซิ่งสงสัยในใจแต่สิ่งที่เขาไม่รู้คือ นี่ไม่ใช่แผนของเป่ยเฉินหยวนเวินซื่อเดาว่าเวินเฉวียนเซิ่งต้องมาหานางด้วยตัวเองแน่นอน ดังนั้นหลังจากที่ดวงตาหายดีแล้ว ก็กลับไปพร้อมกับม่อโฉวซือไท่ทันทีไม่ใช่ว่านางกลัวเวินเฉวียนเซิ่ง แต่เพราะนางจะเตรียมพิธีขอพรก่อน รอหลังจากนี้นางค่อยลงมือทวงคืนทุกอย่างจากคนเหล่านี้แล้วก็ นางไม่อยากให้เวินจื่อเฉินออกจากคุกเร็วเช่นนั้นก่อนที่นางจะอารมณ์ดีขึ้

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 64

    เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น แววตาเวินซื่อเผยให้เห็นความประหลาดใจทันทีเพราะรูปร่างของอิ่งชีสูงบาง ประกอบกับชุดที่มิดชิด รูปร่างภายนอกแทบไม่มีลักษณะเด่นใดๆ ดูแล้วย่อมแยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงแต่ตอนนี้เสียงของอิ่งชีดังขึ้น เวินซื่อก็รู้แล้วอิ่งชีเป็นผู้หญิง“ท่านอ๋อง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”เวินซื่อก็เคยเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์มีชาติตระกูล ย่อมรู้ว่าในเรือนของคนชนชั้นสูง และรวมถึงราชวงศ์ จะฝึกองครักษ์ลับส่วนตัวจำนวนหนึ่งจวนเจิ้นกั๋วกงก็เช่นกันข้างกายเวินเฉวียนเซิ่งก็มีองครักษ์ลับค่อยปกป้องสมัยเด็กนางเคยเห็นคนเช่นนี้ ความรู้สึกที่อิ่งชีนำมาให้นาง ก็เหมือนกับองครักษ์ลับข้างกายของบิดา “นี่คือองครักษ์ลับที่ฝ่าบาทสั่งให้ข้าส่งมา เดิมทีพวกเขาเป็นคนของราชวงศ์เท่านั้น แต่ท่านเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งราชวงศ์เพียงคนเดียว และยังขอพรเพื่อบ้านเมืองในอาราม หลังจากข้ากับฝ่าบาทปรึกษากัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างก่อนหน้านี้ ก็เลยเลือกองครักษ์ลับที่เหมาะสมกับท่านคนหนึ่งส่งมาให้ท่าน”เป่ยเฉินหยวนล้วงป้ายประจำตัวของอิ่งชีออกมาส่งให้เวินซื่อ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านก็คือนายของ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 65

    “นี่คือของขวัญตอบแทนที่มอบให้ท่าน อีกชิ้นเป็นของที่ถวายให้ฝ่าบาท รบกวนท่านอ๋องช่วยข้านำไปให้ฝ่าบาทด้วย”เป่ยเฉินหยวนรับกล่องไม้มา ไม่ได้เปิดต่อหน้านางทันที เพียงแค่พยักหน้า “ได้ ข้ารู้แล้ว”รอหลังจากเป่ยเฉินหยวนจากไป เวินซื่อเริ่มคัดพระสูตรต่ออีกครั้ง แต่เพิ่งลงพู่กันได้ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าข้างนอกมีคนมาอีกแล้วคือม่อโฉวซือไท่“อู๋โยว”ม่อโฉวซือไท่เห็นเวินซื่อคัดพระสูตรอย่างจริงจังตั้งแต่อยู่ตรงลาน สีหน้าที่แข็งกระด้างตลอด นุ่มนวลลงสองส่วนโดยแทบสังเกตไม่เห็น“อาจารย์?”เมื่อซื่อได้ยินเสียง ก็วางพู่กันลง“ได้ยินมาว่าท่านอ๋องมอบองครักษ์ลับคนหนึ่งให้เจ้า?”“ถูกต้อง ศิษย์รับไว้แล้ว ชื่อจู๋เยวี่ย อาจารย์จะพบนางหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนส่งคนมาอารามสุ่ยเยว่ ย่อมต้องผ่านการเห็นชอบจากม่อโฉวซือไท่ ดังนั้นเวินซื่อไม่แปลกใจที่ม่อโฉวซือไท่รู้เรื่องนี้“ไม่ต้องแล้ว เจ้าเคยพบแล้วก็พอ”ม่อโฉวซือไท่โบกมือ หลังจากเข้าห้องก็รับน้ำชาที่เวินซื่อรินให้นาง แต่ไม่ได้ดื่มทันที “เจ้านั่งลงก่อน อาจารย์มีเรื่องจะถามเจ้า”เวินซื่อวางกาน้ำชา ไปนั่งที่ข้างๆ นางทันที“อาจารย์จะถามอะไรหรือ?”ม่อโฉวซือไท่มองด

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 66

    จุดเปลี่ยนกะทันหันนี้ทำให้เวินซื่อยืนตะลึงอยู่ตรงที่เดิมนางไม่อยากจะเชื่อ “อาจารย์ ท่านๆๆ…ท่านบอกว่าท่านคือราชันพิษ? เช่นนั้นหมอปีศาจราชันพิษท่านนั้น?”ม่อโฉวซือไท่เลิกคิ้วเล็กน้อย ยกมือกล่าว “คนออกบวชไม่พูดปด”ราชวงศ์ต้าหมิงมีหมอเทวดาที่เลื่องชื่อสองท่านท่านหนึ่งเล่ากันว่าคือหลินจื่อฟู สามารถช่วยคนตายฟื้นคืนชีพ รักษาเนื้อและกระดูกงอกใหม่ส่วนอีกท่านคือหมอปีศาจราชันพิษที่เชี่ยวชาญการแพทย์และยาพิษชื่อเสียงของพวกเขา ต่อให้เป็นเวินซื่อที่อยู่เรือนส่วนหลังในอดีตก็เคยได้ยินในบรรดาสองท่านนี้ คนที่ลึกลับที่สุดย่อมหนีไม่พ้นหมอปีศาจราชันพิษท่านนี้ ลือกันว่าจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของหมอปีศาจราชันพิษแต่วันนี้นางรู้แล้ว!ใครจะคิดว่าหมอปีศาจราชันพิษที่ลึกลับ จะเป็นซือไท่เจ้าอาวาสของอารามชีที่ไม่สะดุดตาเลยสักนิด?“เช่นนั้นอาจารย์ ท่านจะสอนข้าเรียนพิษจริงหรือ?”“ทำไม เจ้าไม่ยินดี?”“ยินดีเจ้าค่ะ!”เวินซื่อกล่าวกระตือรือร้น “ศิษย์แค่คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคดีเช่นนี้”ก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนยังเตือนนาง ทางที่ดีที่สุดหาใครสักคนที่สามารถชี้แนะจริงๆ มาสอนนางแต่ปราก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 67

    พวกเขาคิดเหมือนกันหมด ‘ถึงว่าฝ่าบาทจะเลือกนาง ปกติก็ไม่รู้สึกอะไร วันนี้พอตั้งใจดูดีๆ เวินซื่อคนนี้มีใบหน้าที่เกิดมาเพื่อเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์จริงๆ’ก็ได้ ขอเพียงต่อไปเวินซื่อยังคงอยู่ในกรอบในศีลขอพรเพื่อบ้านเมือง พวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่สามารถยอมรับธิดาศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้เวินซื่อยังไม่รู้ ด้วยใบหน้าของตัวเองก็ชนะใจทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นั่งตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างมั่นคงแล้ว“เสด็จอาท่านดู ธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่เราเลือกท่านนี้ไม่เลวกระมัง?”ฮ่องเต้น้อยย่อมไม่พลาดการแสดงออกที่ยอดเยี่ยมบนใบหน้าของเหล่าขุนนางและชาวบ้านที่อยู่ข้างล่างในใจรู้สึกพอใจต่อเวินซื่อมากขึ้นเรื่อยๆอย่างไรก็ตามเขาแค่มอบโอกาสให้เวินซื่อ แต่จะสามารถคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับนางเองความจริงพิสูจน์ให้เห็นว่า ผลงานของนางไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ“สายพระเนตรของฝ่าบาทไม่เลวจริงๆ”เป่ยเฉินหยวนชมฮ่องเต้น้อยในเวลาที่เหมาะสมและยังพยักหน้าอย่างจริงจังด้วยความพยายามในช่วงที่ผ่านมาของเวินซื่อล้วนอยู่ในสายตาของเขา ในพิธีขอพร นางจำเป็นต้องท่องบทสวดขอพรเก้าชุด เพื่อแสดงความศรัทธายังไม่สามารถพลางดูพลางอ่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 68

    “ผู้หญิงท่าทางลับๆ ล่อๆ?”เวินซื่อชะงักเล็กน้อย “ข้างกายนางยังมีคนอื่นหรือไม่?”“ไม่มีเจ้าค่ะ แค่นางคนเดียว”เวินซื่อพยักหน้า “เช่นนั้นดี เจ้าซ่อนตัวก่อน อย่าให้ใครพบเห็น”“เจ้าค่ะ”จู๋เยวี่ยหายไปทันทีเวินซื่อจัดแจงเสื้อผ้าต่อ หลังจากจัดแจงเสร็จก็เดินออกไปข้างนอกเหมือนไม่รู้อะไรตอนที่จะก้าวข้ามประตูใหญ่นั้นเอง จู่ๆ มือข้างหนึ่งก็ปรากฏ เหวี่ยงตรงเข้ามาหานางโชคดีที่เวินซื่อมีการเตรียมตัวไว้ก่อน ผินหน้าก็หลบได้แล้วหลังจากนั้นพลิกมือเหวี่ยงใส่ใบหน้าอีกฝ่ายดัง ‘เพียะ’ เวินเยวี่ยตกเป็นฝ่ายที่เสียท่า กุมใบหน้ากล่าวด้วยความโกรธ “เวินซื่อ เจ้ากล้าตบข้า!”“ตบแล้วเจ้าจะทำไม?”เวินซื่อกล่าวเย้ยหยัน “เหมือนสมองของสีกาไม่ค่อยดี ต้องให้ข้าเตือนหน่อยหรือไม่? อย่างไรเสียข้าไม่ได้แค่เคยตบสีกา”“เจ้า!”เวินเยวี่ยอับอายจนโมโหทันที ยกมือคิดจะตบเวินซื่ออีกครั้งแต่เวินซื่อกลับเร็วกว่านาง แทบจะทันทีที่นางยกมือ เวินซื่อใช้มือซ้ายจับนาง มือขวาก็ตบกลับไปอย่างไม่ลังเล“เพียะ!”เสียงของฝ่ามือนี้ ชัดเจนกว่าก่อนหน้านี้มากเวินเยวี่ยไม่ทันหลบด้วยซ้ำ ใบหน้าซ้ายขวาสมดุลทันทีเวินซื่อที่ตบได้หนำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 69

    พลันการแสดงออกบนใบหน้าเวินเยวี่ยแข็งเล็กน้อยเพราะคำพูดของเวินซื่อ จี้โดนอารมณ์ที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้สึกสีหน้าเวินเยวี่ยขรึมลงทันทีนางมองเวินซื่อด้วยสายตาเคร่งขรึม “ดังนั้นเจ้าตัดสินใจไม่กลับสกุลเวินแล้ว?”ถูกต้องแต่เวินซื่อไม่อยากให้เวินเยวี่ยอยู่อย่างมีความสุขนางยิ้มเล็กน้อย “ดูสถานการณ์แล้วค่อยว่ากัน อย่างไรเสียถ้าหากพวกท่านพ่อเปลี่ยนใจแล้ว เช่นนั้น ก็ใช่ว่าข้าจะไม่สามารถกลับไปเป็นบุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกครั้ง”‘บุตรภรรยาเอก’ คำนี้มันแสบหูเวินเยวี่ยข้างนอก นางคือลูกสาวของผู้มีพระคุณที่เวินเฉวียนเซิ่งรับเลี้ยงแต่ในความเป็นจริง นางก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเวินเฉวียนเซิ่งเช่นกัน ทว่าไม่ใช่ลูกสาวภรรยาเอกของเวินเฉวียนเซิ่งและถึงขั้นไม่นับเป็นลูกอายุภรรยาด้วยซ้ำแต่เป็นแค่ลูกสาวนอกสมรสนอกเสียจากวันข้างหน้านางสามารถลบชื่อหลานจื่อจวิน มารดาของเวินซื่อออกจากบันทึกลำดับญาติสกุลเวินหลังจากนั้นเติมชื่อของมารดาตัวเองลงไป ไม่เช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถก้าวข้ามเวินซื่อ กลายเป็นบุตรภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงและนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ชาติที่แล้ว เพราะเหตุใ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 70

    “โอ๊ย เรียกข้ามาแต่เช้าเช่นนี้จะทำอะไรเนี่ย?”“ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้ว ข้าว่าเจ้ารีบมาดูของสิ่งนี้ดีกว่า!”หลินจื่อฟูที่ถูกคนของจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเคาะประตูเรียกจนตื่น และยังถูกลากมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เดิมทียังงัวเงียเล็กน้อยแต่หลังจากเห็นของในกล่องไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะ ตื่นตัวขึ้นมาทันที“สวรรค์! นี่ไม่ใช่เห็ดหลินจือสีม่วงหรือ!”หลินจื่อฟูกระโจนไปที่ข้างโต๊ะ หยิบเห็ดหลินจือที่อยู่ในกล่องไม้ขึ้นมาดูอย่างระมัดระวังทันที“ฮ่าๆๆ สีนี่ดีเกินไปแล้วกระมัง? พวกเจ้าไปได้ของดีเช่นนี้มาจากที่ใด?”หลินจื่อฟูตื่นเต้นจนตาลุกวาวแล้วขยับหน้าเข้าไปใกล้เห็ดหลินจือสีม่วงต้นนั้น ท่าทางที่ทะนุถนอมนั่นก็เหลือแค่จูบแล้ว“นี่เจ้าเลิกตื่นเต้นได้แล้ว รีบดูก่อนว่านี่ใช่เห็ดหลินจือสีม่วงอายุร้อยปีที่เจ้าพูดถึงหรือไม่?”เกาเย่าและคนอื่นร้อนใจจะตายอยู่แล้ว พากันเร่งเร้าเขามีเพียงเป่ยเฉินหยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังนับว่าสงบหลินจื่อฟูกล่าวอย่างไม่ลังเล “มันแน่อยู่แล้ว! พวกเจ้าก็ไม่ดูเลยว่าดอกใหญ่เช่นนี้! เป็นเห็ดหลินจือสีม่วงร้อยปีไม่ผิดแน่!”“เยี่ยมไปเลย!”เกาเย่าและคนอื่นดีใจจนแทบกระโดด“ท่า

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 300

    “ทุกอย่าง?”เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วยหรือ?”“แน่นอน ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมาะกับการตบตีฆ่าฟัน แต่หม่อมฉันแตกต่างออกไป หม่อมฉันสามารถเป็นดาบที่คมที่สุดในมือของท่านอ๋อง เพื่อท่าน...”“ฉัวะ!”อันหลันซินยังไม่ทันพูดจบ กระบี่เล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาจากด้านข้างรถม้า เกือบจะเฉือนคอของอันหลันซินเหงื่อเย็นไหลลงมาบนหน้าผากของอันหลันซินทันทีข้างนอกรถ เป่ยเฉินหยวนดึงมือกลับ “กระบี่ในมือข้ามีมากมาย ไม่ได้ขาดเจ้า อีกอย่าง อย่าเอาเจ้าไปเปรียบเทียบกับอู๋โยว หากมีครั้งหน้า กระบี่นี้จะไม่แทงพลาดแล้ว”พูดจบ เป่ยเฉินหยวนก็หันหลังขึ้นม้า เหลือบมองรถม้าด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วสั่งเกาเย่า“เผาเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”อันหลันซินที่แผนการยั่วยวนล้มเหลวตั้งแต่ครั้งแรก ในที่สุดก็ถูกเกาเย่าไล่ลงมาจากรถม้าและรถม้าคันนั้นก็ถูกเกาเย่าลากไปเผาทิ้งจริงๆ อันหลันซินที่รู้สึกได้ถึงความรังเกียจอย่างสิ้นเชิง ในใจของนางก็รู้สึกย่ำแย่มากแต่นางก็พอจะคาดการณ์ไว้บ้างแล้วเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกรังเกียจอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้แต่ถ้าเขาถูกนางยั่วยวนได้ง่ายเกินไป นา

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status