เมื่อวานนี้อาจารย์เพิ่งบอกให้นางระวังหนอนกู่ ที่แสดงอำนาจต่อนางตลอดมาหากนางดื่มน้ำทิพย์แล้ว ดวงตาเห็นได้ชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อก่อน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถสังเกตเห็นหนอนตัวนี้ได้จริง ๆนางกำนัลตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มศีรษะลงมองไปที่ตั่งตัวนั้น มองดูอย่างถี่ถ้วนสักพักถึงจะสังเกตเห็นว่ามีหนอนสีดำตัวเล็ก ๆ อยู่จริงนางกำนัลรีบคุกเข่าลงขออภัยโทษ “บ่าวละเลยหน้าที่ ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดลงโทษ”การทำความสะอาดในงานเลี้ยงของวังนั้นเข้มงวดมาก อย่าว่าแต่หนอนตัวเดียว แม้แต่ฝุ่นสักเม็ดก็ไม่อนุญาตให้ปรากฏขึ้นแต่ตอนนี้บนที่นั่งของธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้มีหนอนตัวหนึ่งปรากฏขึ้น หากเจอเจ้านายที่มีอารมณ์ร้าย ศีรษะของพวกนางคงต้องหลุดจากบ่าดังนั้นทันทีที่นางกำนัลผู้นั้นคุกเข่าลง ก็เริ่มตัวสั่นงันงก หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง“จัดการเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาด แล้วประเดี๋ยวเจ้ามาอยู่ข้างตัวข้า”“เจ้าค่ะ”ในเมื่อเป็นการแสดงอำนาจ เช่นนั้นนางก็มารับคำท้าเวินซื่อมองนางกำนัลแวบหนึ่ง หลังจากให้นางเก็บกวาดสถานที่แล้ว กลับไม่ได้ปล่อยนางไปต่อมานางก็นั่งลงในตำแหน่งเดิม เอื้อมมือไปใต้โต๊ะ แล้วปล่อยแมงมุมสีดำตัวหนึ่งออกมาแมงมุมต
“เจ้าเคยเห็นมาก่อนหรือ?”สายตาของฮ่องเต้น้อยหยุดอยู่ที่เวินเยวี่ยแม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่ดวงตาของเขายังไม่มืดบอด มองนางไม่ออกแต่จะมองเวินเฉวียนเซิ่งที่นั่งอยู่ข้างกายนางไม่ออกได้หรือ?“เพคะฝ่าบาท มารดาของหม่อมฉันเชี่ยวชาญด้านโอสถ และเคยทิ้งตำราแพทย์และสมุนไพรไว้ให้หม่อมฉัน ในนั้นมีบัวหิมะตากแห้งเก็บรักษาไว้ต้นหนึ่ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ต่อมาหม่อมฉันล้มป่วย จำเป็นต้องใช้บัวหิมะต้นนั้นไป แต่หม่อมฉันก็ยังพอมีความทรงจำในเรื่องนี้อยู่บ้างเพคะ”“อย่างนั้นหรือ?”สายตาของฮ่องเต้น้อยกวาดมองเวินเยวี่ยและเวินเฉวียนเซิ่งสองพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทต้องการวินิจฉัยว่าบัวหิมะต้นนี้ของใต้เท้าอันเป็นของจริงหรือปลอม ให้ลูกสาวของกระหม่อมเป็นธุระแทนพระองค์ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ๆ ในเมื่อบัวหิมะนี้ใต้เท้าอันเจาะจงนำถวาย เราย่อมเชื่อมั่นในสายตาของใต้เท้าอันอยู่แล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อันปี่เค่อก็เผยสีหน้าน้ำตาคลอเบ้าบ่งบอกว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะไว้วางใจกระหม่อมเช่นนี้”แต่วินาทีต่อมาก็ได้
เผชิญหน้ากับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฮ่องเต้น้อย ชั่วขณะเวินเยวี่ยไม่รู้ว่าควรจะไปต่อหรือไม่นางฟันเบาๆ หันไปมองทางเวินเวินเฉวียนเซิ่ง“ท่านพ่อ…”“ไป”เวินเฉวียนเซิ่งเปิดปากกล่าวเสียงเบา “ทำตามแผนก่อนหน้านี้ หากมีอะไรพ่อจะเตือนเจ้าเอง”เพียงแต่ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งพูดก็ดูไม่แน่ใจนัก“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”เวินเยวี่ย “ฝ่าบาทโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะวินิจฉัยยาแทนพระองค์เดี๋ยวนี้เพคะ”นางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ไปคุกเข่าลงที่ข้างกายอันปี่เค่อ “ใต้เท้าอัน รบกวนท่านยื่นบัวหิมะให้ข้าดูหน่อยเถิด”อันปี่เค่อยื่นบัวหิมะในมือให้เวินเยวี่ยด้วยสีหน้าที่อยากจะร้องไห้หลังจากเห็นบัวหิมะที่อยู่ในกล่องไม้เป็นของจริง แม้แต่ในแววตาของเวินเยวี่ยก็อดฉายประกายแห่งความโลภไม่ได้คิดไม่ถึงว่าสกุลอันมีของดีเช่นนี้อยู่จริงๆ ด้วยใช่แล้ว นางจำได้ว่าในสูตรยายาถอนพิษของพวกคนที่ควบคุมจินซือถูก็มีบัวหิมะถ้าหากสามารถได้บัวหิมะนี้มา ไม่แน่อาจสามารถนำมาใช้หลอกพวกจินซือถู ให้พวกเขาทำงานให้นางแต่โดยดีต่อไปช่วงนี้เวินเยวี่ยรู้สึกได้รางๆ พวกจินซือถูเริ่มไม่เชื่อฟังแล้วคาดว่าเป็นเพราะนางไม่สามารถเอายาถอนพิษอ
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างหันไปมองทางไทเฮาบางทีตัวไทเฮาเองยังอาจไม่รู้สึกว่าชัดเจนมากนักผู้คนที่ไม่กล้ามองตรงๆ ก่อนหน้านี้ คราวนี้ลองแอบมองอย่างละเอียด สีหน้าของไทเฮาดูดีกว่าก่อนหน้านี้มากจริงๆ!สมกับเป็นเห็ดหลินจือสีม่วงอายุร้อยปี!แน่นอนว่ามีคนสงสัยคำพูดของไทเฮาเช่นกัน คิดว่าเป็นแค่การพูดให้เป็นพิธีเท่านั้นมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณน่าอัศจรรย์เช่นนี้ที่ไหนกัน?ต่อให้มี มันจะมาจากมือของเวินซื่อได้อย่างไร?นางออกมาจากจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ได้ยินมาว่านอกจากสินเจ้าสาวของแม่นาง ก็ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลยคนเหล่านี้ย่อมเป็นขุนนางรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ว่าภูมิหลังของสกุลหลานในอดีตแข็งแกร่งเพียงใดพวกเขาไม่เข้าใจถึงความสำคัญของสกุลหลานในอดีต และไม่รู้ถึงความสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของสกุลหลานเช่นกันแม้เวินซื่อไม่ได้เลือกเห็ดหลินจือสีม่วงอายุร้อยปีมาจากสินเจ้าสาวของมารดานาง แต่หยกแขวนชิ้นนั้นเป็นของที่มารดานางให้นาง แล้วจะไม่นับว่าเป็นของที่มารดานางเหลือไว้ได้อย่างไร?และแม้ว่าปกติไทเฮาจะพูดเป็นพิธีจนชินแล้ว แต่ตอนนี้พูดออกมาจากใจจริงๆผู้หญิงที่อายุมากขึ้นคนไหนบ้างไม่อยากให้ตัวเองกลับมาเป็
“มีแมลง”คำพูดของเป่ยเฉินหยวนทำให้สายตาเวินซื่อจริงจังขึ้นมาทันทีนางมองไปที่บัวหิมะในกล่องไม้อีกครั้งมองเห็นแมลงสีดำตัวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ตัวอยู่ในเกสรบัวหิมะอย่างที่คิดทันที มันโดนเป่ยเฉินหยวนใช้ถ้วยชาครอบ บินไม่ออกและหนีไม่ได้“แมลงนี่อีกแล้ว”เวินซื่อพึมพำเบาๆเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว มองไปทางนาง “ก่อนหน้านี้ท่านเคยเจอตัวที่เหมือนกันหรือ?”เวินซื่อพยักหน้า “มันอยู่ตรงที่นั่งของข้า ตอนที่มาถึงมันเกาะอยู่บนเก้าอี้หนึ่งตัว แต่ข้าสั่งให้คนเอาไปทิ้งแล้ว”แม้แต่เก้าอี้ก็ถูกเปลี่ยนพร้อมกับแมลงนั่นสายตาเป่ยเฉินหยวนเย็นลงทันทีครั้งที่หนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เขาไม่เชื่อว่าครั้งที่สองจะเป็นเรื่องบังเอิญอีกงานเลี้ยงท้องพระโรงนี้เป็นสถานที่อย่างไร ปกติแม้ไม่มีคนมาก็ต้องทำความสะอาดทุกวัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแมลงมากมายเช่นนี้แต่วันนี้กลับมีแมลงปรากฏตัวแล้วตัวเล่าอย่างต่อเนื่องเป่ยเฉินหยวนกับเวินซื่อนึกถึงเรื่องนี้พร้อมกัน พวกเขาสบตากัน เวินซื่อเย็นวูบในใจ “มีคนร้ายต่างเผ่าแฝงตัวเข้ามา?” “ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้ข้าก็จะกำจัดให้หมด”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างดุร้ายเวินซื่อหันไปมองท้
สายตาของนางมองไปที่อันปี่เค่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เหมือนใต้เท้าอันคนนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน”บัวหิมะเป็นของอันปี่เค่อ และยังเจาะจงถวายให้ฝ่าบาท ถ้าหากไม่มีนาง เกรงว่าเวลานี้บัวหิมะไปตกอยู่ในมือของฝ่าบาทแล้ว และแมลงน้อยสีดำก็น่าจะลอบทำร้ายสำเร็จแล้ว“เขาคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท?!”เวินซื่อหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าอันปี่เค่อแต่ใจกล้าถึงเพียงนี้หรือว่าอีกฝ่ายสมคบคิดกับคนร้ายต่างเผ่า?ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีร้ายต่างเผ่ามากมายเช่นนี้ปรากฏตัวในเมืองหลวง? หรือแม้แต่แฝงตัวเข้ามาในวังหลวง!ดวงตาเวินซื่อฉายแววอันตรายที่คลุมเครือนางกำลังคิด ถ้าหากอันปี่เค่อมีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงที่ร่วมมือกับอันปี่เค่อในวันนี้ล่ะ?พวกเขารู้หรือไม่รู้?หรือบางทีพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้?“อย่าเพิ่งไปคิดมากเกินไป”เสียงของเป่ยเฉินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง“ตอนนี้บัวหิมะอยู่ในมือของท่านแล้ว ต่อให้ก้าวออกไปบอกว่าพวกเขามีปัญหา พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับ และยังอาจจะย้อนมาเล่นงานท่านด้วย”เมื่อได้ยินเวินซื่อก็พยักหน้าอย่างอื่นไม่พูดถึง แค่มีโอกาส เวินเยวี่ยไม่มีทางละเว้นนางแน่นอน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจโ
งานเลี้ยงวังหลวงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรื่นเริงแต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่งานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ทุกคนกลับโดนกักตัวอยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนวังที่โดนแมงมุมของเวินซื่อควบคุมก่อนหน้านี้ก็โดนลากออกมาทีละคนแล้วทหารรักษาพระองค์ยกดาบและฟันลงไปต่อหน้าเหล่าขุนนาง คนวังเหล่านั้นศีรษะหลุดจากบ่า เลือดพุ่งเหมือนน้ำพุเลือดจำนวนไม่น้อยยังได้กระเซ็นใส่คนที่อยู่ใกล้และไม่มีที่หลบไม่ต้องสงสัยเลยว่าในบรรดาคนเหล่านี้มีคนสกุลเวินรวมอยู่ด้วย“อ๊าๆๆ ท่านพ่อ!”เวินเยวี่ยตกใจจนหน้าซีด รีบวิ่งไปหลบหลังเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งตรงข้ามกับนาง สีหน้าของเขาในเวลานี้บูดบึ้ง จ้องมองเป่ยเฉินหยวนด้วยสายตาเย็นชา“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ในเมื่อท่านรู้ตั้งนานแล้วว่านักฆ่าเป็นใคร แล้วเหตุใดยังต้องขังพวกเราไว้ที่นี่ นี่ท่านไม่เห็นค่าชีวิตของพวกเรา หรือกำลังอาศัยเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว?”“เจิ้นกั๋งกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนเช่นนี้ วางใจเถอะ แค่พวกท่านไม่ได้สมคบคิดกับนักฆ่าพวกนี้ ข้าย่อมไม่ทำอะไรพวกท่าน แต่ถ้าหากข้าสิ่งของที่ไม่ควรมีบนตัวพวกท่าน เช่นนั้นก็
คนป่านั่นยังเอาแมลงกู่มาใส่บนตัวเขาอีกด้วย!บ้าจริง คนป่านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?!เวินเฉวียนเซิ่งในเวลานี้สงสัยไปถึงตัวคนที่ซ่อนอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วของเขาโดยตรงแล้วมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเวินเฉวียนเซิ่ง เป่ยเฉินหยวนเอ่ยปากอย่างใจเย็น “ดูเหมือนวันนี้เจิ้นกั๋วกงไปไม่ได้แล้ว เด็กๆ คุมตัวเจิ้นกั๋วกงกับบุตรสาวออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ!”“ไม่! พวกเจ้าทำอะไร? ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”“ท่านพ่อ ทำอย่างไรดี?! ท่านรีบช่วยเยวี่ยเอ๋อร์สิ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากติดคุก!”เวินเยวี่ยที่โดนลากออกมากลัวสุดขีด กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก“กลัวอะไร!”เวินเฉวียนเซิ่งตวาด มองเป่ยเฉินหยวนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ก็แค่แมลงตัวหนึ่ง อยากตัดสินความผิดของข้า มันยังไม่ง่ายเช่นนั้น”“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าปากของเจิ้นกั๋วกงแข็ง หรือกระดูกแข็งกว่าแล้ว”เป่ยเฉินหยวนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวออกคำสั่ง “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบเชิญเจิ้นกั๋วกงไปกรมอาญาอีก?”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทหารรักษาพระองค์เดินเข้าไป คุมตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับเวินเยวี่ยไปทันทีแต่ไม่ได้มีเพียงพวกเขา ยังมีอีกคนที่เข้าคุกเช่นเดียวกันนั่นก็คืออันปี่เค่อ“ใต้เ
เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ออมแรงเลย ดังนั้นเมื่อโดนฝ่ามือนี้เข้าไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยแทบจะบวมในทันที นางโดนตบจนเซล้มลงบนพื้น มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ในเวลานี้เอง เงาสีดำหลายสายปรากฏตัวในเรือนเล็กของเวินเยวี่ย หนึ่งในนั้นไปยืนขวางตรงหน้าเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง และจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา“เจิ้นกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอะไร?”“ไสหัวไป”เวินเฉวียนเซิ่งจ้องคนกลุ่มนี้อย่างเย็นชา “ข้าสั่งสอนลูกสาวของตัวเอง ยังไม่ถึงคราวที่พวกเจ้าต้องมายุ่ง”“เวินเยวี่ยเป็นลูกสาวของท่านเจิ้นกั๋วกงก็จริง แต่นางก็เป็นสายเลือดของสกุลไป๋ด้วย ถ้าท่านกล้าแตะต้องนาง อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”บนมือกู่อี้ซานมีแมลงสีดำหลายตัวปรากฏทันที หน้าตาดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“นี่เจ้ากำลังขู่ข้าในจวนเจิ้นกั๋วกงของข้าหรือ?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงเวินเฉวียนเซิ่ง มีองครักษ์ลับสิบกว่าคนปรากฏตัวพร้อมกัน บางคนร่อนลงที่ลานบ้าน บางคนอยู่บนกำแพง ‘ซ่า’ ชักกระบี่ฉับพลัน บรรยากาศตึงเครียดในพริบตาความแตกต่างของสองฝ่ายชัดเจนคนของกู่อี้ซานล้วนเป็นมือดี
องครักษ์ลับที่อยู่ข้างหลังก้มหน้ากล่าว“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเสียงเย็นถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เหตุใดเมื่อวานเขาเพิ่งบอกว่าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ดอกไม้ที่เวินเยวี่ยมอบให้ก็หายไปแล้ว?หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในห้องลูกชายคนโตของเขาไม่มีอะไรหายเลย นอกจากดอกไม้เหล่านั้นนี่ถ้าไม่มีปัญหา เช่นนั้นเวินเยวี่ยร้อนตัวอะไร?แล้วก็เจ้าสามลูกชายของเขา เกรงว่าเมื่อวานก็ไม่พูดความจริงกับเขาเช่นกันเวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตา ไม่ได้ไปหาเวินเยวี่ยทันที แต่หันไปกล่าวกับพ่อบ้าน “ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา บอกว่าอาการของคุณชายใหญ่ไม่ดี ข้าหวังว่าจะสามารถเชิญเขามาช่วยดูอีกรอบ”ไม่นานหมอหลวงหลี่ก็ถูกเชิญมาแล้วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวทักทาย ก็ได้รู้ความจริงจากหมอหลวงหลี่จริงๆ…“ดอกไม้สามกระถางนั่นเป็นดอกไม้พิษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ หลังจากข้าตรวจคุณชายใหญ่ ได้ลองกลับไปศึกษาดูสองวัน พบว่าดอกไม้สามกระถางนั่นอาจจะเริ่มแพร่พิษตั้งแต่ที่เริ่มปลูกแล้ว หลังจากเมล็ดเติบโตเป็นต้นกล้า ต้นกล้าแตกกิ่งก้าน กิ่งก้านเกิดดอกตูม ดอกตูมบานเป็นดอก สารพิษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกระบวนการแต่ละขั้น ปัจจุบันอยู่ในช่วงดอกตู
“ฟิ้ว!”มีดสั้นคมกริบเฉือนลำคอของคนชุดดำคนชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นอกจากคนบนเตียงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คนชุดดำก็หลบไปด้านข้างด้วยความระแวดระวังในทันใด จากนั้นค่อยหันกลับมาตอบโต้ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันภายในห้องของเวินฉางอวิ้นแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากทำให้คนข้างนอกตื่นตกใจ ดังนั้นต่อให้ลงมือก็จะพยายามให้เงียบไว้หลังจากต่อสู้กันมากกว่าสิบรอบ เวินจื่อเยวี่ยก็ตระหนักว่าทักษะของคนชุดดำนั้นดีกว่าเขาจริง ๆ และยังเป็นแนวทางที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ลับหญิงที่อยู่ข้างกายเวินซื่อหลังจากเวินจื่อเยวี่ยตัดข้อสงสัยในตัวเวินซื่อออกไปแล้ว ก็เอามีดจ่ออีกฝ่ายไว้ แล้วคาดคั้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องวางยาพิษคุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย?!”คนชุดดำไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้อยู่แล้ว หลังจากยกขาขึ้นเตะเวินจื่อเยวี่ยอย่างฉับพลัน ก็เข้าไปภายในห้องเวินจื่อเยวี่ยไล่ตามไปทันทีผลปรากฏว่าเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางเตียงทันที ท่าทางต้องการจับพี่ใหญ่ของเขาเป็นตัวประกันเวินจื่อเยวี่ยตกใจในทันใด มีดสั้นในมือพุ่งออกไปในทันทีประจวบเหมาะกับใน
คืนวันนั้น เวินเยวี่ยนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาไม่ใช่ว่านอนไม่หลับจริง ๆ แต่ตอนนี้นางมีบางอย่างอยู่ในใจ อยากรอให้ดึก ๆ ก่อนค่อยไปหาเวินฉางอวิ้นดังนั้นนางจึงไม่ได้นอนเลย รอจนกระทั่งเทียนไขในห้องลุกโชนเกือบหมดแล้ว นางถึงคลำ ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าสบาย ๆ เดินอ้อมเซียงเหอที่คอยเฝ้ายามอยู่ ผลักเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก“เจ้าจะไปไหน?”ในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังจะแอบออกจากประตูเรือนเล็ก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของนางจู่ ๆ เวินเยวี่ยก็ตกใจขึ้นมา พอหันกลับไปมอง “ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง ข้าตกใจหมดเลย”ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางก็คือชายเลี้ยงแมลงกู่ คล้ายจะมีนามว่ากู่อี้ซานบอกว่าเป็นคนของมารดาของนาง แต่ท่าทางวางตัวสูงส่งดูไม่เหมือนคนธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายคนนี้ยังกล้าเอาแมลงกู่มาข่มขู่นาง!สายตาหม่นหมองของกู่อี้ซานหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน?”เวินเยวี่ยกลอกตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า? ข้ามีธุระส่วนตัวต้องทำ ไม่ใช่ว่าต้องบอกเจ้าไปเสียทุกอย่าง”กู่อี้ซานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วนะว่า อย่าใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไปทำเ
ดังนั้นหลังจากที่เวินเยวี่ยรู้ว่าเวินฉางอวิ้นกำลังจัดเตรียมงานศพ นางก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่วัน เวินฉางอวิ้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วแต่เวินจื่อเยวี่ยไม่รู้ว่านางตกใจเรื่องนี้ เข้าใจผิดนึกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆแต่ในดอกไม้สามกระถางนั้นมีสองกระถางที่นางเป็นคนให้ และไม่รู้เช่นกันว่าดอกไม้นั้นมาจากไหนกันแน่ บางทีอาจถูกใครหลอกใช้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดจากบิดา เขาควรสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยบอกบิดาอีกครั้งดีกว่าหลังจากไตร่ตรองแล้วเวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น “หมอเถื่อนข้างนอกพวกนั้น มองสถานการณ์ที่แท้จริงของพี่ใหญ่ไม่ออกด้วยซ้ำ ต่อมาลูกก็ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา ถึงรู้ว่าถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ถูกวางยาพิษอีกแล้วหรือ?”ตอนนี้ทันทีที่เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินว่า “ถูกวางยาพิษ” ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมากในเวลาเพียงครึ่งปี ลูกชายทั้งหลายของเขาเกือบจะโดนวางยาพิษกันหมดทุกคนแล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวันไหนจู่ ๆ มีใครถูกพิษตายไปเขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูเศร้าหมอง แม้ว่าเจ้าสี่และเวินเยวี่ยจะรู้จักยาพิ
“ท่านพ่อ รีบกลับไปเถอะ ลูกไม่อยากรออยู่ในนรกแห่งนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”เวินเยวี่ยรีบวิ่งช้าบ้างเร็วบ้างออกไปข้างนอก เดิมทีคิดว่าน่าจะมีรถม้าคอยพวกเขาอยู่ข้างนอกแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย“ให้ตายสิ พวกพี่ใหญ่ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเราจะออกมา? ไม่รู้ว่าต้องมารับพวกเรา”เวลานี้เวินเยวี่ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ พอเห็นว่าไม่มีรถก็เอ่ยปากตัดพ้อทันทีเวินเฉวียนเซิ่งที่เดินตามมาชายตามองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “พี่สามของเจ้าถูกกักบริเวณ พี่สี่พักฟื้นขา พี่ใหญ่ของเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบาย จะมารับพวกเราได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินเยวี่ยถึงตระหนักได้ในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ลูก...ลูกก็ลืมไปเหมือนกันนี่นา”ขณะที่นางพูดไปเช่นนี้ ความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งกระถางดอกไม้สองใบไปให้พี่ใหญ่ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาออกฤทธิ์แล้วหลังจากที่นางกลับไปก็จะใช้ยาถอนพิษกึ่งสำเร็จรูปที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ สุดท้ายค่อยลงมือช่วยชีวิตเวินฉางอวิ้นอีกครั้งแบบนี้พี่น้องสกุลเวินทั้งสามคนที่เหลือก็จะได้รับ “
“เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี
“มาโดนจั๊กจี้จากข้าสักที!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”หลินเนี่ยนฉือไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยกเว้นการจั๊กจี้ของเวินซื่อทั้งสองหัวเราะร่วนด้วยกันอีกครั้งในทันทีเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังไปทั่วเรือนเล็กจู๋เยวี่ยที่ยอดหลังคามองดูครู่หนึ่งด้วยควากอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถอนสายตากลับช่างเถอะ ๆ ไม่อยากดูทั้งสองคนในห้องเริ่มคุยกันอีกครั้งหลินเนี่ยนฉือเพียงแค่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้มาถึงเรือนของเวินซื่อแล้ว แน่นอนว่านางต้องการฟังเวินซื่อพูดเรื่องนั้นด้วยตัวเองนางแค่ต้องการรับรู้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอาซื่อมีเรื่องคับข้องใจแค่ไหนนางไม่เคยรู้เลยแม้แต่นิดเดียวเวินซื่อที่ไม่อาจขัดใจนางได้จึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างช้า ๆตั้งแต่เวินเยวี่ยถูกเวินเฉวียนเซิ่งพาเข้ามาในสกุลเวิน ทีละเรื่อง ทีละอย่างเมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของหลินเนี่ยนฉือก็ดำทะมึนเป็นก้นหม้อ ตบแผ่นกระดานเตียงของเวินซื่อดัง “ปัง” จนแทบจะพังลง จากนั้นหลินเนี่ยนฉือก็เด้งขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่พลาง
หมอหลวงหลี่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? ดอกไม้พวกนี้จะมีพิษได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเกือบคิดว่าเป็นภาพหลอนของตัวเองเสียแล้วแต่หมอหลวงหลี่ยังคงยืนยันว่า “คุณชายสามสกุลเวิน ข้ามองไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้ชนิดใด แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นยาพิษร้ายแรงประเภทกล่อมประสาท หลังจากได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นเวลานาน พิษนี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณชายใหญ่ ทั้งหมดสามต้น พิษรุนแรงขึ้นสามเท่า ไม่แปลกใจที่ร่างกายของคุณชายใหญ่จะทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”หลังจากฟังเขาพูดจนจบ สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยก็บึ้งตึงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขานึกถึงเป็ดทอดกรอบที่เวินจื่อให้เขากินเมื่อตอนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่ ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน น้องหกได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า นางวางยาพิษตัวเองเพียงเพราะความโกรธและหวาดกลัว ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เคยเปิดเผยภูมิหลังของนาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยั่วยุน้องหกได้ น้องหกมีเหตุผลอะไรถึงต้องวางยาพิษพี่ใหญ่ด้วย?ช้าก่อน เวินจื่อเยวี่ยนึกอะไรออกทันใดเขามองไปที่อันเซิ่งอย่างดุดัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอีกกระถางหนึ่งเป็นของใครนะ?”