“เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี
“ท่านพ่อ รีบกลับไปเถอะ ลูกไม่อยากรออยู่ในนรกแห่งนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”เวินเยวี่ยรีบวิ่งช้าบ้างเร็วบ้างออกไปข้างนอก เดิมทีคิดว่าน่าจะมีรถม้าคอยพวกเขาอยู่ข้างนอกแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย“ให้ตายสิ พวกพี่ใหญ่ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเราจะออกมา? ไม่รู้ว่าต้องมารับพวกเรา”เวลานี้เวินเยวี่ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ พอเห็นว่าไม่มีรถก็เอ่ยปากตัดพ้อทันทีเวินเฉวียนเซิ่งที่เดินตามมาชายตามองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “พี่สามของเจ้าถูกกักบริเวณ พี่สี่พักฟื้นขา พี่ใหญ่ของเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบาย จะมารับพวกเราได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินเยวี่ยถึงตระหนักได้ในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ลูก...ลูกก็ลืมไปเหมือนกันนี่นา”ขณะที่นางพูดไปเช่นนี้ ความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งกระถางดอกไม้สองใบไปให้พี่ใหญ่ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาออกฤทธิ์แล้วหลังจากที่นางกลับไปก็จะใช้ยาถอนพิษกึ่งสำเร็จรูปที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ สุดท้ายค่อยลงมือช่วยชีวิตเวินฉางอวิ้นอีกครั้งแบบนี้พี่น้องสกุลเวินทั้งสามคนที่เหลือก็จะได้รับ “
ดังนั้นหลังจากที่เวินเยวี่ยรู้ว่าเวินฉางอวิ้นกำลังจัดเตรียมงานศพ นางก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่วัน เวินฉางอวิ้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วแต่เวินจื่อเยวี่ยไม่รู้ว่านางตกใจเรื่องนี้ เข้าใจผิดนึกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆแต่ในดอกไม้สามกระถางนั้นมีสองกระถางที่นางเป็นคนให้ และไม่รู้เช่นกันว่าดอกไม้นั้นมาจากไหนกันแน่ บางทีอาจถูกใครหลอกใช้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดจากบิดา เขาควรสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยบอกบิดาอีกครั้งดีกว่าหลังจากไตร่ตรองแล้วเวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น “หมอเถื่อนข้างนอกพวกนั้น มองสถานการณ์ที่แท้จริงของพี่ใหญ่ไม่ออกด้วยซ้ำ ต่อมาลูกก็ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา ถึงรู้ว่าถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ถูกวางยาพิษอีกแล้วหรือ?”ตอนนี้ทันทีที่เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินว่า “ถูกวางยาพิษ” ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมากในเวลาเพียงครึ่งปี ลูกชายทั้งหลายของเขาเกือบจะโดนวางยาพิษกันหมดทุกคนแล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวันไหนจู่ ๆ มีใครถูกพิษตายไปเขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูเศร้าหมอง แม้ว่าเจ้าสี่และเวินเยวี่ยจะรู้จักยาพิ
คืนวันนั้น เวินเยวี่ยนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาไม่ใช่ว่านอนไม่หลับจริง ๆ แต่ตอนนี้นางมีบางอย่างอยู่ในใจ อยากรอให้ดึก ๆ ก่อนค่อยไปหาเวินฉางอวิ้นดังนั้นนางจึงไม่ได้นอนเลย รอจนกระทั่งเทียนไขในห้องลุกโชนเกือบหมดแล้ว นางถึงคลำ ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าสบาย ๆ เดินอ้อมเซียงเหอที่คอยเฝ้ายามอยู่ ผลักเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก“เจ้าจะไปไหน?”ในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังจะแอบออกจากประตูเรือนเล็ก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของนางจู่ ๆ เวินเยวี่ยก็ตกใจขึ้นมา พอหันกลับไปมอง “ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง ข้าตกใจหมดเลย”ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางก็คือชายเลี้ยงแมลงกู่ คล้ายจะมีนามว่ากู่อี้ซานบอกว่าเป็นคนของมารดาของนาง แต่ท่าทางวางตัวสูงส่งดูไม่เหมือนคนธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายคนนี้ยังกล้าเอาแมลงกู่มาข่มขู่นาง!สายตาหม่นหมองของกู่อี้ซานหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน?”เวินเยวี่ยกลอกตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า? ข้ามีธุระส่วนตัวต้องทำ ไม่ใช่ว่าต้องบอกเจ้าไปเสียทุกอย่าง”กู่อี้ซานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วนะว่า อย่าใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไปทำเ
“ฟิ้ว!”มีดสั้นคมกริบเฉือนลำคอของคนชุดดำคนชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นอกจากคนบนเตียงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คนชุดดำก็หลบไปด้านข้างด้วยความระแวดระวังในทันใด จากนั้นค่อยหันกลับมาตอบโต้ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันภายในห้องของเวินฉางอวิ้นแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากทำให้คนข้างนอกตื่นตกใจ ดังนั้นต่อให้ลงมือก็จะพยายามให้เงียบไว้หลังจากต่อสู้กันมากกว่าสิบรอบ เวินจื่อเยวี่ยก็ตระหนักว่าทักษะของคนชุดดำนั้นดีกว่าเขาจริง ๆ และยังเป็นแนวทางที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ลับหญิงที่อยู่ข้างกายเวินซื่อหลังจากเวินจื่อเยวี่ยตัดข้อสงสัยในตัวเวินซื่อออกไปแล้ว ก็เอามีดจ่ออีกฝ่ายไว้ แล้วคาดคั้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องวางยาพิษคุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย?!”คนชุดดำไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้อยู่แล้ว หลังจากยกขาขึ้นเตะเวินจื่อเยวี่ยอย่างฉับพลัน ก็เข้าไปภายในห้องเวินจื่อเยวี่ยไล่ตามไปทันทีผลปรากฏว่าเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางเตียงทันที ท่าทางต้องการจับพี่ใหญ่ของเขาเป็นตัวประกันเวินจื่อเยวี่ยตกใจในทันใด มีดสั้นในมือพุ่งออกไปในทันทีประจวบเหมาะกับใน
องครักษ์ลับที่อยู่ข้างหลังก้มหน้ากล่าว“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเสียงเย็นถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เหตุใดเมื่อวานเขาเพิ่งบอกว่าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ดอกไม้ที่เวินเยวี่ยมอบให้ก็หายไปแล้ว?หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในห้องลูกชายคนโตของเขาไม่มีอะไรหายเลย นอกจากดอกไม้เหล่านั้นนี่ถ้าไม่มีปัญหา เช่นนั้นเวินเยวี่ยร้อนตัวอะไร?แล้วก็เจ้าสามลูกชายของเขา เกรงว่าเมื่อวานก็ไม่พูดความจริงกับเขาเช่นกันเวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตา ไม่ได้ไปหาเวินเยวี่ยทันที แต่หันไปกล่าวกับพ่อบ้าน “ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา บอกว่าอาการของคุณชายใหญ่ไม่ดี ข้าหวังว่าจะสามารถเชิญเขามาช่วยดูอีกรอบ”ไม่นานหมอหลวงหลี่ก็ถูกเชิญมาแล้วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวทักทาย ก็ได้รู้ความจริงจากหมอหลวงหลี่จริงๆ…“ดอกไม้สามกระถางนั่นเป็นดอกไม้พิษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ หลังจากข้าตรวจคุณชายใหญ่ ได้ลองกลับไปศึกษาดูสองวัน พบว่าดอกไม้สามกระถางนั่นอาจจะเริ่มแพร่พิษตั้งแต่ที่เริ่มปลูกแล้ว หลังจากเมล็ดเติบโตเป็นต้นกล้า ต้นกล้าแตกกิ่งก้าน กิ่งก้านเกิดดอกตูม ดอกตูมบานเป็นดอก สารพิษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกระบวนการแต่ละขั้น ปัจจุบันอยู่ในช่วงดอกตู
เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ออมแรงเลย ดังนั้นเมื่อโดนฝ่ามือนี้เข้าไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยแทบจะบวมในทันที นางโดนตบจนเซล้มลงบนพื้น มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ในเวลานี้เอง เงาสีดำหลายสายปรากฏตัวในเรือนเล็กของเวินเยวี่ย หนึ่งในนั้นไปยืนขวางตรงหน้าเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง และจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา“เจิ้นกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอะไร?”“ไสหัวไป”เวินเฉวียนเซิ่งจ้องคนกลุ่มนี้อย่างเย็นชา “ข้าสั่งสอนลูกสาวของตัวเอง ยังไม่ถึงคราวที่พวกเจ้าต้องมายุ่ง”“เวินเยวี่ยเป็นลูกสาวของท่านเจิ้นกั๋วกงก็จริง แต่นางก็เป็นสายเลือดของสกุลไป๋ด้วย ถ้าท่านกล้าแตะต้องนาง อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”บนมือกู่อี้ซานมีแมลงสีดำหลายตัวปรากฏทันที หน้าตาดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“นี่เจ้ากำลังขู่ข้าในจวนเจิ้นกั๋วกงของข้าหรือ?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงเวินเฉวียนเซิ่ง มีองครักษ์ลับสิบกว่าคนปรากฏตัวพร้อมกัน บางคนร่อนลงที่ลานบ้าน บางคนอยู่บนกำแพง ‘ซ่า’ ชักกระบี่ฉับพลัน บรรยากาศตึงเครียดในพริบตาความแตกต่างของสองฝ่ายชัดเจนคนของกู่อี้ซานล้วนเป็นมือดี
“เจ้าไม่อยาก หรือไม่อยากตอนนี้?”ราวกับเวินเฉวียนมองความคิดของเวินเยวี่ยออกแล้ว เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา “พ่อเตือนเจ้าทุกครั้ง เจ้าก็ยอมรับผิดแต่โดยดีทุกครั้ง แต่มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าฟังเข้าหูจริงๆ? สร้างความแตกแยกในครอบครัวครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าพ่อจะตามใจเจ้า ปล่อยให้เจ้าทำเรื่องเหลวไหลตลอดใช่หรือไม่?”เวินเยวี่ยตื่นตระหนกจนรีบส่ายศีรษะ เผชิญหน้ากับคำพูดของเวินเซิ่งเฉวียน นางจะกล้ายอมรับได้อย่างไร?“ดังนั้นครั้งนี้เพราะสาเหตุอะไรอีก? มา เล่าให้พ่อฟังหน่อย พ่อก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าวางยาพิษพี่ใหญ่ของเจ้าเพราะอะไร?”เวินเยวี่ยลังเลครู่หนึ่ง ความคิดต่างๆ แล่นในสมองอย่างรวดเร็ว นางค่อยๆ เอ่ยปากภายใต้สายตากดดันของเวินเฉวียนเซิ่ง“เพราะ…เพราะเยวี่ยเอ๋อร์รู้สึกทรมานใจ…ก็เหมือนกับที่ท่านพ่อพูด ตั้งแต่ข้ากลับจวนเจิ้นกั๋วกง พวกพี่ใหญ่ก็ปฏิบัติต่อข้าเหมือนเป็นน้องหญิงแท้ๆ มาโดยตลอด ต่อให้พี่หญิงห้ารังแกข้า พวกพี่ใหญ่ก็ช่วยข้า แต่จนถึงเมื่อช่วงก่อน พี่รองไปแล้ว พี่ใหญ่ก็ไม่ยอมยืนข้างข้า ใน…ในใจข้ารู้สึกทรมานนัก ข้ากลัวว่าต่อไปพี่ใหญ่จะไปเหมือนพี่รอง ดังนั้นข้าก็เลยมอบดอกไม้พิษให้พ
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว