“มีแมลง”คำพูดของเป่ยเฉินหยวนทำให้สายตาเวินซื่อจริงจังขึ้นมาทันทีนางมองไปที่บัวหิมะในกล่องไม้อีกครั้งมองเห็นแมลงสีดำตัวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ตัวอยู่ในเกสรบัวหิมะอย่างที่คิดทันที มันโดนเป่ยเฉินหยวนใช้ถ้วยชาครอบ บินไม่ออกและหนีไม่ได้“แมลงนี่อีกแล้ว”เวินซื่อพึมพำเบาๆเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว มองไปทางนาง “ก่อนหน้านี้ท่านเคยเจอตัวที่เหมือนกันหรือ?”เวินซื่อพยักหน้า “มันอยู่ตรงที่นั่งของข้า ตอนที่มาถึงมันเกาะอยู่บนเก้าอี้หนึ่งตัว แต่ข้าสั่งให้คนเอาไปทิ้งแล้ว”แม้แต่เก้าอี้ก็ถูกเปลี่ยนพร้อมกับแมลงนั่นสายตาเป่ยเฉินหยวนเย็นลงทันทีครั้งที่หนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เขาไม่เชื่อว่าครั้งที่สองจะเป็นเรื่องบังเอิญอีกงานเลี้ยงท้องพระโรงนี้เป็นสถานที่อย่างไร ปกติแม้ไม่มีคนมาก็ต้องทำความสะอาดทุกวัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแมลงมากมายเช่นนี้แต่วันนี้กลับมีแมลงปรากฏตัวแล้วตัวเล่าอย่างต่อเนื่องเป่ยเฉินหยวนกับเวินซื่อนึกถึงเรื่องนี้พร้อมกัน พวกเขาสบตากัน เวินซื่อเย็นวูบในใจ “มีคนร้ายต่างเผ่าแฝงตัวเข้ามา?” “ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้ข้าก็จะกำจัดให้หมด”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างดุร้ายเวินซื่อหันไปมองท้
สายตาของนางมองไปที่อันปี่เค่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เหมือนใต้เท้าอันคนนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน”บัวหิมะเป็นของอันปี่เค่อ และยังเจาะจงถวายให้ฝ่าบาท ถ้าหากไม่มีนาง เกรงว่าเวลานี้บัวหิมะไปตกอยู่ในมือของฝ่าบาทแล้ว และแมลงน้อยสีดำก็น่าจะลอบทำร้ายสำเร็จแล้ว“เขาคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท?!”เวินซื่อหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าอันปี่เค่อแต่ใจกล้าถึงเพียงนี้หรือว่าอีกฝ่ายสมคบคิดกับคนร้ายต่างเผ่า?ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีร้ายต่างเผ่ามากมายเช่นนี้ปรากฏตัวในเมืองหลวง? หรือแม้แต่แฝงตัวเข้ามาในวังหลวง!ดวงตาเวินซื่อฉายแววอันตรายที่คลุมเครือนางกำลังคิด ถ้าหากอันปี่เค่อมีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงที่ร่วมมือกับอันปี่เค่อในวันนี้ล่ะ?พวกเขารู้หรือไม่รู้?หรือบางทีพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้?“อย่าเพิ่งไปคิดมากเกินไป”เสียงของเป่ยเฉินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง“ตอนนี้บัวหิมะอยู่ในมือของท่านแล้ว ต่อให้ก้าวออกไปบอกว่าพวกเขามีปัญหา พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับ และยังอาจจะย้อนมาเล่นงานท่านด้วย”เมื่อได้ยินเวินซื่อก็พยักหน้าอย่างอื่นไม่พูดถึง แค่มีโอกาส เวินเยวี่ยไม่มีทางละเว้นนางแน่นอน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจโ
งานเลี้ยงวังหลวงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความรื่นเริงแต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่งานเลี้ยงพระราชวังสิ้นสุดลง ทุกคนกลับโดนกักตัวอยู่ในท้องพระโรงแห่งนี้ทุกคนยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนวังที่โดนแมงมุมของเวินซื่อควบคุมก่อนหน้านี้ก็โดนลากออกมาทีละคนแล้วทหารรักษาพระองค์ยกดาบและฟันลงไปต่อหน้าเหล่าขุนนาง คนวังเหล่านั้นศีรษะหลุดจากบ่า เลือดพุ่งเหมือนน้ำพุเลือดจำนวนไม่น้อยยังได้กระเซ็นใส่คนที่อยู่ใกล้และไม่มีที่หลบไม่ต้องสงสัยเลยว่าในบรรดาคนเหล่านี้มีคนสกุลเวินรวมอยู่ด้วย“อ๊าๆๆ ท่านพ่อ!”เวินเยวี่ยตกใจจนหน้าซีด รีบวิ่งไปหลบหลังเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งตรงข้ามกับนาง สีหน้าของเขาในเวลานี้บูดบึ้ง จ้องมองเป่ยเฉินหยวนด้วยสายตาเย็นชา“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการ ในเมื่อท่านรู้ตั้งนานแล้วว่านักฆ่าเป็นใคร แล้วเหตุใดยังต้องขังพวกเราไว้ที่นี่ นี่ท่านไม่เห็นค่าชีวิตของพวกเรา หรือกำลังอาศัยเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัว?”“เจิ้นกั๋งกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนเช่นนี้ วางใจเถอะ แค่พวกท่านไม่ได้สมคบคิดกับนักฆ่าพวกนี้ ข้าย่อมไม่ทำอะไรพวกท่าน แต่ถ้าหากข้าสิ่งของที่ไม่ควรมีบนตัวพวกท่าน เช่นนั้นก็
คนป่านั่นยังเอาแมลงกู่มาใส่บนตัวเขาอีกด้วย!บ้าจริง คนป่านั่นคิดจะทำอะไรกันแน่?!เวินเฉวียนเซิ่งในเวลานี้สงสัยไปถึงตัวคนที่ซ่อนอยู่ในจวนเจิ้นกั๋วของเขาโดยตรงแล้วมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเวินเฉวียนเซิ่ง เป่ยเฉินหยวนเอ่ยปากอย่างใจเย็น “ดูเหมือนวันนี้เจิ้นกั๋วกงไปไม่ได้แล้ว เด็กๆ คุมตัวเจิ้นกั๋วกงกับบุตรสาวออกไป”“พ่ะย่ะค่ะ!”“ไม่! พวกเจ้าทำอะไร? ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ!”“ท่านพ่อ ทำอย่างไรดี?! ท่านรีบช่วยเยวี่ยเอ๋อร์สิ เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อยากติดคุก!”เวินเยวี่ยที่โดนลากออกมากลัวสุดขีด กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก“กลัวอะไร!”เวินเฉวียนเซิ่งตวาด มองเป่ยเฉินหยวนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “ก็แค่แมลงตัวหนึ่ง อยากตัดสินความผิดของข้า มันยังไม่ง่ายเช่นนั้น”“เช่นนั้นก็ต้องดูว่าปากของเจิ้นกั๋วกงแข็ง หรือกระดูกแข็งกว่าแล้ว”เป่ยเฉินหยวนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน กล่าวออกคำสั่ง “ยืนนิ่งอยู่ทำไม ยังไม่รีบเชิญเจิ้นกั๋วกงไปกรมอาญาอีก?”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทหารรักษาพระองค์เดินเข้าไป คุมตัวเวินเฉวียนเซิ่งกับเวินเยวี่ยไปทันทีแต่ไม่ได้มีเพียงพวกเขา ยังมีอีกคนที่เข้าคุกเช่นเดียวกันนั่นก็คืออันปี่เค่อ“ใต้เ
“จู๋เยวี่ย”ทันใดนั้นก็มีร่างเงาสายหนึ่งปรากฏตัวที่ข้างกายเวินฉางอวิ้นจู๋เยวี่ยยื่นมือไปอังครู่หนึ่ง หลังจากนั้นกล่าวกับเวินซื่อสามคำ “ใกล้ตายแล้ว”เวินซื่อ “?”ใกล้ตายแล้ว?นางขมวดคิ้ว หลังจากลังเลครู่หนึ่งจึงจะเดินเข้าไปตรวจชีพจรของเวินฉางอวิ้นที่นอนอยู่บนพื้นเดี๋ยวก่อนเวินซื่อเบิกตากว้างเล็กน้อย มองเวินฉางอวิ้นที่อยู่บนพื้นด้วยความประหลาดใจเกิดอะไรขึ้น เขาถูกพิษหรือ?ใครกันที่กล้าวางยาพิษคุณชายใหญ่ของจวนเจิ้นกั๋วกง? อีกทั้งเหตุใดลักษณะชีพจรนี่จึงคุ้นๆ?ขณะที่เวินซื่อกำลังจะตรวจดูอย่างละเอียด เวินฉางอวิ้นที่นอนหมดสติอยู่บนพื้นขยับกะทันหัน หลังจากนั้น ชีพจรที่อ่อนแอและยุ่งเหยิงของเขาในตอนแรกก็กลับมาเป็นปกติ นี่มันน่าแปลกมาก“น้องห้า ใช่เจ้าหรือไม่?”เวินฉางอวิ้นเพิ่งฟื้น การมองเห็นยังพร่ามัวเล็กน้อยตอนที่เห็นคนตรงหน้า เขายื่นมือไปคว้าอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวแต่น่าเสียดายที่เวินซื่อได้เตรียมตัวตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาจะฟื้นแล้ว จึงถอยหลังหนึ่งก้าวได้ทันเวลารอการมองเห็นของเวินฉางอวิ้นกลับมาเป็นปกติ ก็เห็นว่าคนที่ตัวเองคว้าไม่ใช่น้องสาวของเขา แต่เป็นผู้หญิงที่สวมชุดสีดำค
“โดน…วางยา?!”เวินฉางอวิ้นตะลึง “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ช่วงนี้ข้าไม่อยู่ในจวนก็อยู่หออาลักษณ์หลวง จะมีคนวางยาข้าได้อย่างไร?”เขาพูดจบก็รู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง จึงรีบกล่าวเสริม “ไม่ ความหมายของข้าไม่ได้กำลังสงสัยคำพูดของเจ้า ข้าแค่…”“คุณชายใหญ่เวินไม่ต้องอธิบายให้ข้าฟัง อย่างไรข้าก็ชินแล้ว”‘ชินแล้ว’ ประโยคเดียว คำพูดที่เรียบเฉยสามคำไม่ได้ทำให้เวินซื่อรู้สึกอะไร แต่เวินฉางอวี้ที่ได้ยินคำพูดนี้กลับทรมานใจมาก“นี่…นี่จะชินได้อย่างไรกัน โทษที่พี่ใหญ่ไม่ดีเอง เมื่อก่อนพี่ใหญ่ตามืดใจบอด ทำให้น้องห้าได้รับความคับข้องใจมากมาย พี่ใหญ่ทำผิดต่อ…”เวินฉางอวิ้นพูดยังไม่ทันจบ เวินซื่อก็ขัดจังหวะเขาอย่างหมดความอดทน “ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องอธิบาย คุณชายใหญ่เวินฟังไม่รู้เรื่องหรือ?”ความคิดที่อยากอธิบายของเวินฉางอวิ้นโดนเปิดโปง ความรู้สึกที่เหมือนเลือดอาบนี้ทำให้เขาทั้งเจ็บปวดและทรมาน ตอนนี้เขามีคำพูดมากมายอยากพูดกับน้องหญิง แต่ตอนนี้น้องหญิงของเขากลับไม่ยอมฟังเขาอีกแล้วก็เหมือนกับเขาในอดีตที่เคยทำกับน้องหญิงเช่นนี้…“พี่ใหญ่ ข้าไม่ได้รังแกน้องหกจริงๆ ข้ากับน้องหกแค่ออกไปเล่นด้วยกัน ข้าไม่เค
หลังจากที่เขาพูดประโยคนี้ เวินซื่อชะงักไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัด บนใบหน้านางแสดงความเย้ยหยัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย็นชา “น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้”ในที่สุดเวินฉางอวิ้นที่ได้ยินคำพูดนี้ของนางก็ทนต่อกลิ่นคาวในลำคอไม่ไหว อ้าปากกระอักเลือดออกมากองใหญ่เวินซื่อปลายนิ้วเวินซื่อขยับเล็กน้อย แต่สายตาไม่เปลี่ยนแปลงจู๋เยวี่ยเหลือบมองนางแวบหนึ่งหลังจากกระอักเลือด เวินฉางอวิ้นเหมือนเป็นมะเขือที่ต้องน้ำค้าง ท่าทางนั่นดูอ่อนแอยิ่งกว่าเวินอวี้จือที่ป่วยเสียอีกแต่ที่น่าแปลกคือ แม้เป็นเช่นนี้แล้ว เวินฉางอวิ้นยังสามารถยืนอยู่ตรงที่เดิมเหมือนกับว่าในร่างกายเขามีแรงเฮือกหนึ่ง คอยพยุงไม่ให้เขาล้มลงหลังจากยืนพักอยู่ตรงที่เดิมครู่หนึ่ง เวินฉางอวิ้นจึงจะสามารถปรับลงหายใจให้สงบ หลังจากค่อยๆ เช็ดมุมปาก เขาเม้มปากที่ซีดเล็กน้อย แล้วมองไปทางเวินซื่ออีกครั้ง“ตอนนี้น้องรอง…สบายดีหรือไม่?”เวินซื่อกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่รู้”นางไม่ได้รับเลี้ยงเวินจื่อเฉินเสียหน่อย เวินจื่อเฉินเป็นอย่างไรมาถามนางทำไม?เวินฉางอวิ้นไม่มีทางเลือก ตอนนี้อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของบิดา เขาไม่สามารถไปเยี
“น้องห้า!”น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากหางตาของเวินฉางอวิ้น ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด เขาพึมพำเพียงประโยคเดียว“อย่า…ทิ้งพี่ใหญ่”……หลังออกจากวังหลวง เวินซื่อหยุดฝีเท้า แหงนมองท้องฟ้ากะทันหันผ่านไปครู่หนึ่ง นางจึงจะสามารถสงบสติอารมณ์ มองไปทางจู๋เยวี่ยที่อยู่ข้างกายนางตั้งแต่เมื่อครู่เวินซื่อยิ้มที่มุมปาก “จู๋เยวี่ย เลิกกังวลได้แล้ว ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”จู๋เยวี่ยจ้องใบหน้าที่ฝืนยิ้มของนาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยปากกะทันหัน “อย่าเสียใจเลย ข้าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอด”ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ข้าก็เชื่อท่านเวินซื่อตะลึงไปครู่หนึ่ง จึงจะเข้าใจว่าจู๋เยวี่ยหมายถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ของนางเวินฉางอวิ้นเวินซื่อยิ้มทันที ครั้งนี้รอยยิ้มของนางดูดีขึ้น “อืม ข้ารู้แล้ว ขอบคุณมากจู๋เยวี่ย”หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เวินซื่อกลับไปที่รถม้าของนางทันทีที่ขึ้นรถม้า นางก็ปล่อยแมงมุมของนางออกมา ตรวจสอบทั้งนอกและในของรถม้าเป็นไปตามที่คาด จับแมลงสีดำได้หลายตัวจริงๆเวินซื่อกำจัดแมลงสีดำเหล่านั้นอย่างรังเกียจทั้งหมด ไม่ได้เอาให้แมงมุมของนางกินอย่างไรก็เป็นแมลงกู่ ถ้าหากหลังจากแมงมุมของนางกิน แมลงกู่เหล่า
เวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้ออมแรงเลย ดังนั้นเมื่อโดนฝ่ามือนี้เข้าไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเวินเยวี่ยแทบจะบวมในทันที นางโดนตบจนเซล้มลงบนพื้น มึนงงไปหมด ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ในเวลานี้เอง เงาสีดำหลายสายปรากฏตัวในเรือนเล็กของเวินเยวี่ย หนึ่งในนั้นไปยืนขวางตรงหน้าเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง และจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา“เจิ้นกั๋วกง นี่ท่านกำลังทำอะไร?”“ไสหัวไป”เวินเฉวียนเซิ่งจ้องคนกลุ่มนี้อย่างเย็นชา “ข้าสั่งสอนลูกสาวของตัวเอง ยังไม่ถึงคราวที่พวกเจ้าต้องมายุ่ง”“เวินเยวี่ยเป็นลูกสาวของท่านเจิ้นกั๋วกงก็จริง แต่นางก็เป็นสายเลือดของสกุลไป๋ด้วย ถ้าท่านกล้าแตะต้องนาง อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”บนมือกู่อี้ซานมีแมลงสีดำหลายตัวปรากฏทันที หน้าตาดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะอย่างเหยียดหยาม“นี่เจ้ากำลังขู่ข้าในจวนเจิ้นกั๋วกงของข้าหรือ?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงเวินเฉวียนเซิ่ง มีองครักษ์ลับสิบกว่าคนปรากฏตัวพร้อมกัน บางคนร่อนลงที่ลานบ้าน บางคนอยู่บนกำแพง ‘ซ่า’ ชักกระบี่ฉับพลัน บรรยากาศตึงเครียดในพริบตาความแตกต่างของสองฝ่ายชัดเจนคนของกู่อี้ซานล้วนเป็นมือดี
องครักษ์ลับที่อยู่ข้างหลังก้มหน้ากล่าว“เหอะ”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเสียงเย็นถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เหตุใดเมื่อวานเขาเพิ่งบอกว่าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด ดอกไม้ที่เวินเยวี่ยมอบให้ก็หายไปแล้ว?หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ในห้องลูกชายคนโตของเขาไม่มีอะไรหายเลย นอกจากดอกไม้เหล่านั้นนี่ถ้าไม่มีปัญหา เช่นนั้นเวินเยวี่ยร้อนตัวอะไร?แล้วก็เจ้าสามลูกชายของเขา เกรงว่าเมื่อวานก็ไม่พูดความจริงกับเขาเช่นกันเวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตา ไม่ได้ไปหาเวินเยวี่ยทันที แต่หันไปกล่าวกับพ่อบ้าน “ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา บอกว่าอาการของคุณชายใหญ่ไม่ดี ข้าหวังว่าจะสามารถเชิญเขามาช่วยดูอีกรอบ”ไม่นานหมอหลวงหลี่ก็ถูกเชิญมาแล้วเวินเฉวียนเซิ่งกล่าวทักทาย ก็ได้รู้ความจริงจากหมอหลวงหลี่จริงๆ…“ดอกไม้สามกระถางนั่นเป็นดอกไม้พิษที่รุนแรงที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ หลังจากข้าตรวจคุณชายใหญ่ ได้ลองกลับไปศึกษาดูสองวัน พบว่าดอกไม้สามกระถางนั่นอาจจะเริ่มแพร่พิษตั้งแต่ที่เริ่มปลูกแล้ว หลังจากเมล็ดเติบโตเป็นต้นกล้า ต้นกล้าแตกกิ่งก้าน กิ่งก้านเกิดดอกตูม ดอกตูมบานเป็นดอก สารพิษเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามกระบวนการแต่ละขั้น ปัจจุบันอยู่ในช่วงดอกตู
“ฟิ้ว!”มีดสั้นคมกริบเฉือนลำคอของคนชุดดำคนชุดดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นอกจากคนบนเตียงแล้ว ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย คนชุดดำก็หลบไปด้านข้างด้วยความระแวดระวังในทันใด จากนั้นค่อยหันกลับมาตอบโต้ทั้งสองคนเริ่มต่อสู้กันภายในห้องของเวินฉางอวิ้นแต่ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายไม่อยากทำให้คนข้างนอกตื่นตกใจ ดังนั้นต่อให้ลงมือก็จะพยายามให้เงียบไว้หลังจากต่อสู้กันมากกว่าสิบรอบ เวินจื่อเยวี่ยก็ตระหนักว่าทักษะของคนชุดดำนั้นดีกว่าเขาจริง ๆ และยังเป็นแนวทางที่เขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ลับหญิงที่อยู่ข้างกายเวินซื่อหลังจากเวินจื่อเยวี่ยตัดข้อสงสัยในตัวเวินซื่อออกไปแล้ว ก็เอามีดจ่ออีกฝ่ายไว้ แล้วคาดคั้นว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่ ทำไมต้องวางยาพิษคุณชายใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกงด้วย?!”คนชุดดำไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้อยู่แล้ว หลังจากยกขาขึ้นเตะเวินจื่อเยวี่ยอย่างฉับพลัน ก็เข้าไปภายในห้องเวินจื่อเยวี่ยไล่ตามไปทันทีผลปรากฏว่าเห็นอีกฝ่ายพุ่งไปทางเตียงทันที ท่าทางต้องการจับพี่ใหญ่ของเขาเป็นตัวประกันเวินจื่อเยวี่ยตกใจในทันใด มีดสั้นในมือพุ่งออกไปในทันทีประจวบเหมาะกับใน
คืนวันนั้น เวินเยวี่ยนอนไม่หลับพลิกตัวไปมาไม่ใช่ว่านอนไม่หลับจริง ๆ แต่ตอนนี้นางมีบางอย่างอยู่ในใจ อยากรอให้ดึก ๆ ก่อนค่อยไปหาเวินฉางอวิ้นดังนั้นนางจึงไม่ได้นอนเลย รอจนกระทั่งเทียนไขในห้องลุกโชนเกือบหมดแล้ว นางถึงคลำ ๆ ลุกขึ้นอย่างเงียบ ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าสบาย ๆ เดินอ้อมเซียงเหอที่คอยเฝ้ายามอยู่ ผลักเปิดประตูแล้วออกไปข้างนอก“เจ้าจะไปไหน?”ในขณะที่เวินเยวี่ยกำลังจะแอบออกจากประตูเรือนเล็ก ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังของนางจู่ ๆ เวินเยวี่ยก็ตกใจขึ้นมา พอหันกลับไปมอง “ที่แท้ก็เจ้านั่นเอง ข้าตกใจหมดเลย”ที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนางก็คือชายเลี้ยงแมลงกู่ คล้ายจะมีนามว่ากู่อี้ซานบอกว่าเป็นคนของมารดาของนาง แต่ท่าทางวางตัวสูงส่งดูไม่เหมือนคนธรรมดาโดยเฉพาะอย่างยิ่งชายคนนี้ยังกล้าเอาแมลงกู่มาข่มขู่นาง!สายตาหม่นหมองของกู่อี้ซานหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง แล้วถามซ้ำอีกรอบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน?”เวินเยวี่ยกลอกตาใส่ “เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยเล่า? ข้ามีธุระส่วนตัวต้องทำ ไม่ใช่ว่าต้องบอกเจ้าไปเสียทุกอย่าง”กู่อี้ซานยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าบอกไปแล้วนะว่า อย่าใช้สมองขี้เลื่อยของเจ้าไปทำเ
ดังนั้นหลังจากที่เวินเยวี่ยรู้ว่าเวินฉางอวิ้นกำลังจัดเตรียมงานศพ นางก็รู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดเช่นกันว่านางเพิ่งจากไปเพียงไม่กี่วัน เวินฉางอวิ้นก็กลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้วแต่เวินจื่อเยวี่ยไม่รู้ว่านางตกใจเรื่องนี้ เข้าใจผิดนึกว่านางไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆแต่ในดอกไม้สามกระถางนั้นมีสองกระถางที่นางเป็นคนให้ และไม่รู้เช่นกันว่าดอกไม้นั้นมาจากไหนกันแน่ บางทีอาจถูกใครหลอกใช้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดจากบิดา เขาควรสืบหาความจริงให้กระจ่างก่อนแล้วค่อยบอกบิดาอีกครั้งดีกว่าหลังจากไตร่ตรองแล้วเวินจื่อเยวี่ยก็เอ่ยขึ้น “หมอเถื่อนข้างนอกพวกนั้น มองสถานการณ์ที่แท้จริงของพี่ใหญ่ไม่ออกด้วยซ้ำ ต่อมาลูกก็ไปเชิญหมอหลวงหลี่มา ถึงรู้ว่าถูกพิษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ถูกวางยาพิษอีกแล้วหรือ?”ตอนนี้ทันทีที่เวินเฉวียนเซิ่งได้ยินว่า “ถูกวางยาพิษ” ก็กระวนกระวายใจเป็นอย่างมากในเวลาเพียงครึ่งปี ลูกชายทั้งหลายของเขาเกือบจะโดนวางยาพิษกันหมดทุกคนแล้วหากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าวันไหนจู่ ๆ มีใครถูกพิษตายไปเขาก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำสีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งดูเศร้าหมอง แม้ว่าเจ้าสี่และเวินเยวี่ยจะรู้จักยาพิ
“ท่านพ่อ รีบกลับไปเถอะ ลูกไม่อยากรออยู่ในนรกแห่งนี้อีกแล้วเจ้าค่ะ!”เวินเยวี่ยรีบวิ่งช้าบ้างเร็วบ้างออกไปข้างนอก เดิมทีคิดว่าน่าจะมีรถม้าคอยพวกเขาอยู่ข้างนอกแต่กลับพบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย“ให้ตายสิ พวกพี่ใหญ่ไม่รู้หรือว่าวันนี้พวกเราจะออกมา? ไม่รู้ว่าต้องมารับพวกเรา”เวลานี้เวินเยวี่ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจ พอเห็นว่าไม่มีรถก็เอ่ยปากตัดพ้อทันทีเวินเฉวียนเซิ่งที่เดินตามมาชายตามองนางแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ “พี่สามของเจ้าถูกกักบริเวณ พี่สี่พักฟื้นขา พี่ใหญ่ของเจ้าช่วงนี้ก็ไม่ค่อยสบาย จะมารับพวกเราได้อย่างไร?”เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้เวินเยวี่ยถึงตระหนักได้ในที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยความโมโห “ลูก...ลูกก็ลืมไปเหมือนกันนี่นา”ขณะที่นางพูดไปเช่นนี้ ความรู้สึกผิดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่งนางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ได้ส่งกระถางดอกไม้สองใบไปให้พี่ใหญ่ เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วน่าจะใกล้ถึงเวลาออกฤทธิ์แล้วหลังจากที่นางกลับไปก็จะใช้ยาถอนพิษกึ่งสำเร็จรูปที่แม่ของนางทิ้งไว้ให้ สุดท้ายค่อยลงมือช่วยชีวิตเวินฉางอวิ้นอีกครั้งแบบนี้พี่น้องสกุลเวินทั้งสามคนที่เหลือก็จะได้รับ “
“เจ้าว่าอะไรนะ? เข้าวัง?”เมื่อเวินซื่อได้ยินเรื่องนี้ หัวใจก็สั่นไหว“เจ้าจะเข้าวังไปเป็นพระสนมหรือ?”หลินเนี่ยนฉือเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นังเด็กแสบอย่าดูถูกข้านะ ข้าไม่ได้เข้าวังไปเป็นพระสนม แต่เข้าวังไปเป็นฮองเฮา”นางยิ้มตาหยี พูดกับเวินซื่อ “อีกไม่นานข้าจะเข้าวังไปเป็นฮองเฮาแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าเห็นข้าก็ต้องทำความเคารพข้าแต่โดยดี หากทำความเคารพไม่สวย ข้าจะให้เจ้าอุ่นเตียงนอนให้ข้า”เวินซื่อกลอกตาใส่นางอีกครั้ง “มาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า อย่ามาดื้อกับข้า”“นี่ล่ะเรื่องสำคัญ ถูกต้องแล้ว”หลินเนี่ยนฉือกอดเวินซื่อที่ห่อตัวอยู่ในผ้าห่มกล่าวว่า “หลังจากที่สกุลหลินของเราถูกโยกย้ายออกไปแล้ว อิงจากเวลาโยกย้าย หากต้องการกลับเมืองหลวงให้เร็วขึ้นก็ต้องมีโอกาส มิฉะนั้นก็ต้องรอไปอย่างน้อยสิบถึงยี่สิบปี จนกว่าพ่อของข้าจะเข้ารับตำแหน่ง สร้างผลงานให้เฉิดฉายต่อหน้าฝ่าบาท ถึงจะสามารถถูกโยกย้ายกลับมา แต่สกุลหลินของเราไม่อาจรอได้นานขนาดนั้น”“เจ้าก็รู้ว่า เมืองหลวงนั้นมีแต่การแย่งชิง เวลานี้ฝ่าบาทยังเยาว์นัก ถึงเวลาขอกำลังคนช่วยเหลือแล้ว หากสกุลหลินของเราไม่กลับให้เร็วกว่านี้ ก็อย่าพูดถึงการรอคอยยี่สิบปี
“มาโดนจั๊กจี้จากข้าสักที!”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ต่อไปข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว! ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”หลินเนี่ยนฉือไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยกเว้นการจั๊กจี้ของเวินซื่อทั้งสองหัวเราะร่วนด้วยกันอีกครั้งในทันทีเสียงหัวเราะแห่งความสุขดังไปทั่วเรือนเล็กจู๋เยวี่ยที่ยอดหลังคามองดูครู่หนึ่งด้วยควากอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ถอนสายตากลับช่างเถอะ ๆ ไม่อยากดูทั้งสองคนในห้องเริ่มคุยกันอีกครั้งหลินเนี่ยนฉือเพียงแค่เคยได้ยินมาก่อน ตอนนี้มาถึงเรือนของเวินซื่อแล้ว แน่นอนว่านางต้องการฟังเวินซื่อพูดเรื่องนั้นด้วยตัวเองนางแค่ต้องการรับรู้ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอาซื่อมีเรื่องคับข้องใจแค่ไหนนางไม่เคยรู้เลยแม้แต่นิดเดียวเวินซื่อที่ไม่อาจขัดใจนางได้จึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอย่างช้า ๆตั้งแต่เวินเยวี่ยถูกเวินเฉวียนเซิ่งพาเข้ามาในสกุลเวิน ทีละเรื่อง ทีละอย่างเมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายสีหน้าของหลินเนี่ยนฉือก็ดำทะมึนเป็นก้นหม้อ ตบแผ่นกระดานเตียงของเวินซื่อดัง “ปัง” จนแทบจะพังลง จากนั้นหลินเนี่ยนฉือก็เด้งขึ้นจากเตียง หยิบเสื้อผ้าออกมาสวมใส่พลาง
หมอหลวงหลี่ ท่านกำลังพูดเรื่องอะไร? ดอกไม้พวกนี้จะมีพิษได้อย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเกือบคิดว่าเป็นภาพหลอนของตัวเองเสียแล้วแต่หมอหลวงหลี่ยังคงยืนยันว่า “คุณชายสามสกุลเวิน ข้ามองไม่ผิดแน่ แม้ว่าจะไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้ชนิดใด แต่กลิ่นหอมของดอกไม้นี้ดูเหมือนจะเป็นยาพิษร้ายแรงประเภทกล่อมประสาท หลังจากได้กลิ่นหอมของดอกไม้เป็นเวลานาน พิษนี้จะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่ร่างกายของคุณชายใหญ่ ทั้งหมดสามต้น พิษรุนแรงขึ้นสามเท่า ไม่แปลกใจที่ร่างกายของคุณชายใหญ่จะทรุดลงอย่างรวดเร็วเช่นนี้”หลังจากฟังเขาพูดจนจบ สีหน้าของเวินจื่อเยวี่ยก็บึ้งตึงไม่รู้ว่าทำไม แต่เขานึกถึงเป็ดทอดกรอบที่เวินจื่อให้เขากินเมื่อตอนนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกไม่ ๆ ๆ เป็นไปไม่ได้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน น้องหกได้อธิบายให้เขาฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า นางวางยาพิษตัวเองเพียงเพราะความโกรธและหวาดกลัว ในเมื่อพี่ใหญ่ไม่เคยเปิดเผยภูมิหลังของนาง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยั่วยุน้องหกได้ น้องหกมีเหตุผลอะไรถึงต้องวางยาพิษพี่ใหญ่ด้วย?ช้าก่อน เวินจื่อเยวี่ยนึกอะไรออกทันใดเขามองไปที่อันเซิ่งอย่างดุดัน “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอีกกระถางหนึ่งเป็นของใครนะ?”