เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมด
เธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโข
เอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้
คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้
เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้าง
อย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่า
สิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมาก
เอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้
แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมาก
ไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้
ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้น
พอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียว
หญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามารถเอื้อมไปรับโทรศัพท์ได้อีก
จะยาวไปไหนนะพ่อคุณ หมายถึงแขนน่ะ
“ครับคุณแก้ม ใช่ครับ เอาไว้ที่หน้าห้องได้เลย ขอมื้อสายสองที่ด้วย ขอบคุณครับ”
พูดจบเขาก็วางสาย กดจูบกระหม่อมบางแล้วทำท่าจะหลับต่ออีกรอบ พริมาเลยต้องเรียกไว้
“คุณคะ ปล่อยก่อน พราวจะกลับห้อง”
“ไม่ต้อง”
“ไม่เอาค่ะ”
“พอเลิกครางแล้วดื้อเลยนะ” เขาบีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว “พี่ให้พนักงานโรงแรมเอาข้าวของขึ้นมาให้พราวแล้ว”
“แต่พราว...”
“ถ้ายังดื้อจะจับทำต่อ” ว่าแล้วก็ป้าบ ๆ เป็นตัวอย่างสักหน่อย
“โอเคค่ะ ๆ”
“หมายถึงทำต่ออ่ะเหรอ”
“ก็ใช่ เอ้ย พราวจะพักอยู่ที่ห้องนี้กับคุณก็ได้ พอใจหรือยังคะ”
“ยัง ไหนเรียกพี่ภูให้ฟังหน่อย”
คนตัวโตจับจ้องไม่วางตา กดดันจนปากเล็กต้องเอ่ยเรียก
“พี่ภู”
“ดีมากครับ”
“ดีแล้วไม่ทำต่อล่ะคะ”
“ใครบอกว่าไม่ทำล่ะ”
“อ้ะ” พริมาเอามือดันแผงอกกว้าง ขาข้างที่เกี่ยวเอวสอบอยู่ถูกยกขึ้นอ้ากว้าง เปิดทางให้อีกคนกระแทกได้สะดวกโยธิน
“คุณ โอ้ย พี่ภู เอาขนาดนี้ของพราวช้ำหมดแล้วมั้ง”
“เราปลุกพี่เองนะ”
“พราวไม่ได้ปลุกสักหน่อย ก็พี่ภูเล่นเสียบคาไว้แบบนี้”
“เมื่อคืนพี่ถูกพราวทิ้งกันไปก่อนไง จู่ ๆ ก็หลับคาอกเฉยเลย” คนตัวโตกัดฟันกรอด ขนาดเช้า ๆ ยังตอดเก่งดีนัก แบบนี้ต้องเอาให้เข็ด “เสร็จรอบนี้เดี๋ยวทายาให้ครับ”
“ฮือ เบาก่อนเลยนะ”
“ไหนพูดยังไง”
“ที่รักเบาหน่อยค่ะ พราวเจ็บไปหมดแล้ว”
พอเจอเสียงหวานออดอ้อนแต่เช้าเขาเลยต้องตามใจ ยอมผ่อนจังหวะลงเป็นเนิบช้าแต่หนักเน้นแทน รอจนใกล้ทนไม่ไหวค่อยรัวถี่ยิบจนจบ
“อา...อืม อยู่กับพราวนี่พี่เอาได้ไม่พักจริง ๆ”
“ยังดีที่รู้ตัว” ร่างบางบ่นพลางค้อนเข้าให้ “ปล่อยค่ะ พราวจะไปอาบน้ำแล้ว”
“ว่าไงนะ”
“ที่รักปล่อยหน่อยคะ พราวจะไปอาบน้ำ นะคะ ๆ น้ำเหนียวเต็มตัวไปหมดแล้ว”
ด้วยความกลัวว่าเขาจะไม่ยอมปล่อย เธอเลยแถมจุ๊บปากให้ทีหนึ่ง
“ที่รักเองก็นอนต่ออีกหน่อยนะคะ พออาหารมาส่งแล้วพราวจะปลุกมากินด้วยกัน ดีไหมคะ”
“โอเคครับ” คนตัวโตยอมปล่อยไปก่อน เพราะอย่างไรเขาก็ต้องได้กินเธออีกแน่ ๆ
ชายหนุ่มนอนมองร่างบางที่เดินสะบัดก้นเข้าห้องน้ำไป ถ้าไม่สงสารที่เธอต้องรับศึกหนักมาทั้งคืนแล้ว เขาคงตามเข้าไปอาบน้ำด้วยแน่
แต่ไว้คืนนี้ค่อยลองลงอ่างด้วยกันก็ได้
ร่างสูงคลี่ยิ้มกว้างอย่างชอบใจ พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็ลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกไปดู
ตอนที่พริมาออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นกระเป๋าเดินทางของตัวเองวางอยู่ในห้องแล้ว ส่วนคนตัวโตนั่งกดโทรศัพท์อยู่บนเตียงกว้าง เธอถึงนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรหาเพื่อนสนิทสักหน่อย
ร่างบางคว้ากระเป๋าถือใบเล็กเดินออกไปที่ระเบียง กดต่อสายหาอิงฤดี รออยู่ครู่ใหญ่ถึงมีคนตอบรับด้วยเสียงงัวเงีย
“ฮาโหล นั่นคราย”
“จำเบอร์เพื่อนไม่ได้เหรอ”
“อ้อ พราว เอ้อ เอ่อ”
อิงฤดีดูเหมือนจะถูกใบ้รับประทานไปชั่วขณะ พริมาเลยพูดต่อ
“ขอโทษนะที่ฉันไม่ได้กลับห้อง”
“อะไรนะ อ๋อ ไม่เป็นไร ๆ แล้วนี่แกไปอยู่ที่ไหน อย่าบอกนะว่ากลับไปนอนห้องไอ้พี่เปลว ฉันไม่ยอมนะยายพราว”
“เปล่า ๆ ไม่ใช่ คือฉันมากับ...”
“ที่รักตอบเพื่อนไปสิครับ”
เสียงทุ้มพูดใส่โทรศัพท์ ปลายสายกรี๊ดดังลั่นทันที
“ตายแล้วเพื่อนฉัน ๆ”
“ยังไม่ตายสักหน่อย” แค่จุก ๆ เท่านั้น แต่เธอไม่บอกหรอก
“โสดได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็หาผู้ใหม่ได้แล้ว ไหนใครว่าแกไม่แซบยะ” อิงฤดีใส่อารมณ์สุดฤทธิ์ “ขอแค่แกไม่กลับไปคบกับไอ้พี่เปลว อยากจะวันไนท์กับใครก็เชิญเลยจ้า ใช้หนุ่มคนนั้นฮีลใจซะนะ พอกลับกรุงเทพฯ ค่อยเลิกโอเคป่ะ”
“ผมว่าไม่นะครับ เพราะถ้ารวมคืนนี้ด้วยก็ทูไนท์แล้ว”
“คุณ! เลิกพูดมั่วซั่วได้แล้ว”
“ใครมั่ว พี่พูดจริงทุกคำ วางสายแล้วไปพิสูจน์ไหมล่ะ”
“โอ้ยตาย ท่าจะได้ผู้ดีเสียด้วย ตามสบายนะจ๊ะเพื่อนรัก ฉัน...ว้าย แค่นี้ก่อนนะ ๆ”
ขาดคำอิงฤดีก็วางสายไป พริมาจ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ ดับลงอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อครู่เหมือนเธอได้ยินเสียงสวบสาบแปลก ๆ
คนตัวโตก้มลงหอมแก้มนุ่ม ก่อนโอบเอวคอดเดินกลับเข้าไปด้านใน
“ไปกินข้าวกันเถอะครับ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
ต่ำลงไปที่ชั้นหก อิงฤดีกำลังเอาหมอนฟาดร่างสูงโปร่งของบางคนรัว ๆ
“ทำบ้าอะไรของพี่ อิงคุยกับยายพราวอยู่นะ ล้วงมาได้ยังไง”
“ก็ล้วงแบบนี้ไง” ต่อให้โดนฟาดแค่ไหน มือหนาก็ยังไม่ยอมหลุดออกจากแพนตี้ตัวบาง “จะคุยอะไรกันนักหนา ได้ยินเสียงผู้ชายหน่อยเป็นไม่ได้”
“ก็อิงอยากรู้ว่ายายพราวจะโดนหลอกหรือเปล่า โอ้ย เจ็บนะ”
เขาจับหมอนที่เธอถืออยู่ แล้วออกแรงดึงจนร่างบางถลาลงไปกองบนอกกว้าง
“ตกลงว่าใครโทรมา”
“ก็ยายพราวไงจะมีใครได้” อิงฤดีพยายามดิ้นหนี “ตื่นแล้วก็กลับห้องตัวเองไปสิ”
“นี่ห้องพี่”
“อ้าว” เออว่ะ พอมองให้ดี ๆ ถึงรู้ว่าเขาพูดถูก ดีนะที่เพื่อนเธอก็ไม่ได้กลับห้องเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นได้ความแตกแน่
เดี๋ยวนะ... “พี่อย่าบี้ได้ไหม”
“ไม่ได้ พี่อยากทำ”
“เอาแต่ใจ”
“ถ้าตามใจเราพี่ก็ไม่ได้เอาสิ” เขาจับเธอพลิกลงนอนบนเตียงแต่พลิกกายขึ้นคร่อมทับไว้ “พราวมีคนคอยดูแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก เรามาต่อกันดีกว่า”
“พี่ทำมาทั้งคืนแล้วนะคะ ยังไม่พออีกเหรอ”
อิงฤดีลองเปลี่ยนไปใช้วิธีอ้อนดูบ้างแต่ก็ไม่ได้ผล อีกคนจับท่อนลำพร้อมรบถูไถกับช่องทางรักของเธอแล้ว
“ไม่พอ เพราะถ้ากลับไปเราก็ใจร้ายกับพี่อีก”
“แต่...อื้อ...ก็...อ้า...”
“พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ขาดคำมือพิฆาตก็ฟาดเปรี้ยงเข้าที่ต้นแขนล่ำ
“ก็เล่นกระแทกขนาดนี้ใครจะไปพูดได้ ซี้ด ถ้าอยากมากนักก็ไปทำกับพี่ชมสิคะ เห็นยั่วกันอยู่ทุกวัน”
“แล้วยั่วขึ้นไหมล่ะ” คนตัวโตขบไหล่เล็กสั่งสอนย้ำ ๆ ก่อนกระซิบเสียงแหบพร่า “ยังไม่รู้อีกเหรอว่าพี่ขึ้นกับเราคนเดียว”
เจอประโยคนี้เข้าไปอิงฤดีก็ชักจะใจอ่อน ยอมกางขาอ้ากว้างให้อีกคนกระแทกกระทั้นได้ถนัดถนี่ขึ้น
นึกไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าจอมเย็นชาที่ชอบทำหน้าดุจะเอวดุด้วย แถมยังขี้อ้อนเหลือเกิน พอได้อยู่ด้วยกันตามลำพังทีไรเป็นต้องเข้ามาเบียดกระแซะตลอด
ถ้ารู้แต่แรกวันนั้นเธอคงไม่ซื้ออาหารไปเยี่ยมไข้ตามคำขอหรอก สุดท้ายเลยถูกจอมมารลวงล่อจนต้องยอมคล้อยตามมาถึงทุกวันนี้
“อิง ตอดอีก”
“พี่ก็ทำแรง ๆ สิ”
“ท้าเหรอ จุกอย่ามาว่ากันนะ”
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั่วห้องพัก คู่นี้ออกจะหนักหน่วงกว่าห้องบนบนอีก เพราะไม่มีเว้นวรรคพักกินข้าวกินปลากันบ้างเลย
ก็ใครใช้ให้เธอไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นแฟนเขากันเล่า พอได้โอกาสนิธินันท์เลยต้องตักตวงไว้ให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่เผลอลากแฟนสาวไปกินในห้องทำงานเข้าสักวัน
กว่าศึกครั้งล่าสุดจะผ่านพ้นไปก็กินเวลาเป็นชั่วโมง ชายหนุ่มก้มพรมจูบใบหน้าของคนในอ้อมแขนอย่างรักใคร่
ตอนแรกว่าจะพาออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารข้างนอกสักหน่อย แต่โดนไปแค่สองน้ำติดยายตัวแสบก็สลบคาอกไปแล้ว ดูท่าคงต้องสั่งรูมเซอร์วิสอีกตามเคย
ว่าแต่ก็นึกเป็นห่วงลูกน้องอีกคนอยู่เหมือนกัน
ถ้าเพื่อนของบอสจริงจังกับพริมาก็คงจะดี เพราะเด็กนั่นไร้เดียงสาเกินไป จนเขากลัวว่าอาจถูกผู้ชายเลว ๆ หลอกอีกก็ได้
“รู้ไหมว่าเธอน่ะโชคดีแค่ไหนที่ได้คบกับพี่”
นิธินันท์กระซิบบอกแฟนสาวที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร พลางไล้ปลายนิ้วยาวไปตามกรอบหน้าเรียวอย่างทะนุถนอม
“พี่รักอิงนะครับ”
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั