“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”
ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลย
ว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจัง
ร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทาง
พริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกิน
ที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้
เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วย
เช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจ
ทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลย
ชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ปลายนิ้วยาวกรีดผ่านรอยแยกไปมาช้า ๆ
“สวยจัง ถูกใจพี่มากเลย”
“หน่ะ...นี่ ไม่ใช่ของพราว”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยายอิงถึงมีชุดชั้นในแบบนี้ติดกระเป๋ามาด้วย เธอก็ไม่น่าบ้าจี้ยอมใส่ตามที่เพื่อนยุเลย
“พี่ไม่ได้หมายถึงกางเกงใน หมายถึงตรงนี้”
พูดไม่ทันขาดคำเขาก็สอดเข้าไปจับโหนกเนื้อตรง ๆ เต็มอุ้งมือ ลูบ ๆ บด ๆ อย่างเพลิดเพลินมาก ไม่สงสารร่างบางที่พยายามแอ่นหนีอย่างสุดความสามารถเลย
“คุณ...ที่รัก อย่าค่ะ” มือเล็กดันแขนแกร่งให้ออกห่าง แต่ดันถูกเส้นเลือดบนท่อนแขนดึงความสนใจไปเสียนี่ “เท่จัง”
“หึ ชอบก็ลูบไปครับ หรืออยากจะลูบอันนี้แทนก็ได้นะ”
พริมาเผลอก้มมองตาม พอเห็นเข้าตรง ๆ ก็เบิกตากว้าง คอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายไม่รู้กี่อึก
“อื้อหือ”
“ตกใจอะไรขนาดนั้น”
คนตัวโตยกยิ้มมุมปาก นึกชอบใจสีหน้าไร้เดียงสานั้นมาก จึงตอบแทนด้วยการเร่งมือขยี้แคนดี้สีหวานให้เต่งตึงหนักข้อขึ้น
แคนดี้สีหวานเป็นคำที่พวกเขามักใช้เรียกจุดกระสันของสาวน้อยให้มันฟังดูน่ารักขึ้น เวลาที่พูดเรื่องทะลึ่งตึงตังกันจะได้ไม่โดนคนนอกมองว่าเป็นคนโรคจิต
แต่สำหรับตัวเขาเองแล้ว มีแค่ของคนตรงหน้าเท่านั้นที่นับว่าน่ารักได้
“คุณ” คนตัวเล็กกัดฟันข่มเสียงครางไว้ “อย่าบี้แบบนั้นสิ”
“ที่รักนั่นแหละอย่าฝืน ขอพี่ฟังเสียงหวาน ๆ หน่อย”
ชายหนุ่มสอดนิ้วยาวเข้าไปกระตุ้นในโพรงฉ่ำอีกแรง เร่งเร้าจนสะโพกผายขยับหนีไม่หยุด เขาเลยต้องกดตัวเธอติดกับประตูให้อยู่เฉย ๆ
“พราวครับ ปล่อยมันออกมา”
ร่างสูงพรมจูบไล่ไปตามลำคอระหง ใกล้จะถึงเนินอกอยู่รอมร่อ แต่กลับถูกอีกคนเอามือดันหน้าผากไว้
“เราไม่ควรทำอย่างนี้นะคะ”
“ควรสิ ควรมาก ๆ เลยด้วย”
ขาดคำยอดเนินก็หายเข้าไปในปากร้อน ความอ่อนโยนหอมหวานค่อย ๆ ร้อนแรงมากขึ้นทุกที มือที่เคยดันออกก็เปลี่ยนเป็นกดศีรษะชายหนุ่มฝังเข้ากับความนุ่มนิ่มแทน
“อื้อ ซี้ด อือ อา”
เสียงหวานครางกระเส่า ความเสียดเสียวพุ่งทะยานสูงสุด ก่อนความผ่อนคลายจะแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
พริมารู้สึกสมองโล่งไปหมด ได้แต่แอบนึกชมว่าเขาใช้นิ้วเก่งเหลือเกิน
หรือเธออ่อนประสบการณ์เองก็ไม่รู้ เพราะพี่เปลวไม่ค่อยได้กระตุ้นเธอเท่าไหร่ มักให้เธอเป็นฝ่ายทำให้เขามากกว่า
คนตัวโตเหลือบมองใบหน้าหวานพลางดูดเม้มฝากรอยรักไว้บนอกสวย แอบพอใจที่ทำให้เธอเสร็จคานิ้วได้ ต่อไปก็ต้องคาอย่างอื่นบ้างแล้ว
“อ้ะ คุณ พอก่อนค่ะ”
เล่นบอกกันด้วยเสียงระทวยขนาดนี้จะไปห้ามเขาได้อย่างไร ร่างบางจึงถูกจับพลิกหันเข้าหาประตู ให้ใช้สองมือค้ำยันเอาไว้
ส่วนเขาค่อย ๆ รูดแพนตี้ตัวน้อยลงไปกองไว้ที่ข้อเท้าเล็กข้างหนึ่ง แล้วจับสะโพกผายแอ่นมาด้านหลัง ก่อนฝังหน้าเข้ากับกลางกายสาวฉ่ำเยิ้ม
ทันทีที่ถูกปลายลิ้นสัมผัส พริมาก็แหงนหน้าครางจนลืมอาย ตัวสั่นสะท้านจนแทบยืนไม่อยู่
โอ้ยพ่อคุณ ไม่รู้จะใช้ลิ้นเก่งไปไหน คนจะไม่ไหวแล้วนะ
ทีแรกเธอคิดว่าเขาจะค่อย ๆ ทำเหมือนตอนแรก แต่ที่ไหนได้ มีทั้งตวัดเลีย เกร็งลิ้นแหย่เข้าออกระรัว ประกบปากดูดสูดซดกันขนาดนี้ ดูราวกับเป็นคนละคนไปเลย
พริมาถูกรสรักที่แตกต่างเล่นงาน ล่อลวงให้ตกหลุมพรางจนถอนตัวไม่ขึ้น หลงลืมคำปฏิเสธไปสิ้น ต้องการเพียงให้เขาพาเธอทะยานสู่ห้วนปรารถนาสักที
“คุณ คุณขา พราวจะไม่ไหวแล้ว”
“ตอนอยู่ข้างล่างพราวเรียกพี่ว่าอะไรนะครับ”
เขาผละออกมาเอ่ยถาม แต่ยังใช้นิ้วขยี้จุดอ่อนไหวในร่องนุ่มอย่างช่ำชอง กระตุ้นให้อีกคนต้องการหนักขึ้น
“ไหนใครอยากเสร็จบ้าง เรียกให้ถูกเดี๋ยวมีรางวัลให้”
“อย่าทำเป็นเล่นได้ไหม คนเสียวจนจะขาดใจแล้ว อุ้ย โอ้ย”
พอไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ คนตัวโตก็เร่งขยับมือเร็วขึ้นอีก ก่อนจะผ่อนลงกะทันหัน
“ที่รักไงครับ พี่ช่วยเฉลยแล้วนะ ตาพราวพูดอ้อนพี่บ้าง”
พริมาเม้มริมฝีปากแน่น แต่พอเอี้ยวตัวมาเห็นอีกคนกำลังสาวรูดแก่นกายแข็งแกร่งก็เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปาก
ร่างสูงยกยิ้มมุมปากพลางชักมือเร็วขึ้น นิ้วที่ค้างอยู่ในร่องชื้นก็คว้านเร้าไม่อยู่นิ่ง
“ซี้ด เร็วเข้าที่รัก เดี๋ยวถ้าเจ้านี่มันพ่นน้ำแล้วคุณจะอดนะ”
“อย่ามาขู่กันนะ”
“ซี้ดอ่า เสียวหัวชะมัดเลย” ใบหน้าหล่อเหลาเหยเกเสียดเสียว กล้ามท้องเกร็งเครียดจนเห็นเป็นลอน ๆ น่าลูบไล้เหลือเกิน
“คุณ...” เสียงเล็กเริ่มอ่อนแรงลง สองมือกำแน่นข้างตัว ฝืนไม่ให้กระโจนเข้าไปบีบอกแน่น ๆ นั่น
ฝ่ายคนตัวโตเลิกคิ้วมองจ้องกลับมา ท่าทางไม่ยอมง่าย ๆ แน่
เอาวะ มาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว เธอดันไปพูดชวนเขาก่อนเองนี่
“ทะ...ที่รัก”
ให้ตายเถอะ กับพี่เปลวยังไม่เคยอ้อนขนาดนี้เลยนะ
เอ้ะ หรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้ ไหนขอลองเทสดูหน่อย
“ที่รักคะ พราวต้องการคุณจะแย่แล้ว ขอให้พราวนะคะ”
พริมาพูดอ้อนเสียงหวาน สองแขนโอบรอบคอหนา บดเบียดกายเข้าหาอย่างยั่วยวน
แต่คนใจร้ายยังเรียกร้องเพิ่มอีก ได้คืบจะเอาศอก
“ขอฟังชัด ๆ ดี ๆ อีกที เดี๋ยวพี่จัดให้เลย”
“ใส่ ๆ มาสักทีเถอะ มันตอดใหญ่แล้วไม่รู้สึกเหรอ ตกลงจะเอาหรือไม่เอา โอ้ย ยัดมาทีเดียวหมดได้ยังไง มันเจ็บนะ”
พูดไม่ทันจบพริมาก็ถูกจับหันหน้ากลับไปทางเดิม ก่อนที่ท่อนลำอวบยาวจะยัดเข้ามาจากทางด้านหลังจนสุดโคน
ถึงจะเจ็บ ๆ จุก ๆ บ้างแต่ก็สะใจดีชะมัด
นี่เธอเมาแล้วซาดิสม์หรือเนี่ย เพิ่งรู้ตัว
“ไม่น่าติดเล่นเลยกู มาเป็นหางว่าว” ร่างสูงโน้มตัวไปขบเม้มติ่งหูบาง สองมือเคล้นคลึงอกนุ่มไม่หยุด “พอใจหรือยังครับ”
“อืม เร็วอีกค่ะ ดีจัง”
เขาดันให้เธอเอียงหน้าขึ้นมารับจูบ อีกมือก็ขยี้ยอดเนินจนแข็งชัน เอวสอบอัดกระแทกถี่ยิบให้สมกับที่อดใจรอมานาน
“ที่รักครับ ชอบไหม”
มือหนาย้ายลงไปบดขยี้แคนดี้สีหวาน เอวเปลี่ยนจากกระแทกกระทั้นเป็นหมุนควงควานหาจุดกระสันด้านใน พอร่างบางสะดุ้งเมื่อไหร่ก็รีบย้ำให้รัว ๆ
“ว่าไงครับ พี่เก่งพอไหม”
“เก่ง เก่งค่ะ”
“ใครเก่ง”
โอ้ย ก็ใครกันล่ะที่อัดเธอจนตัวโยกขนาดนี้ ยังจะถามอยู่นั่น
แต่จะบ่นก็ไม่ได้ เดี๋ยวน้อยใจแล้วหยุดทำขึ้นมาจะยิ่งอารมณ์เสียกันไปใหญ่
“ที่รักค่ะ ที่รักเก่งมาก ๆ”
จะว่าไปเขาก็เก่งจริง ๆ นั่นแหละ เล่นจับความต้องการของเธอได้อยู่หมัดตั้งแต่เริ่มต้นเลย
ไหนจะความเอาใจใส่นั่นอีก ไม่มีสักชั่วขณะที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงที่รองรับความใคร่ แต่มีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมร่วมกัน
“โอ้ย อือ เร็วไปแล้ว”
“ก็ที่รักยั่วกันเกินไป”
“เค้าเมื่อยอ่ะ”
“ได้สิ ไปที่เตียงกันนะครับ”
คนตัวโตรีบจัดท่าอุ้มให้ สองมือช้อนสะโพกอวบเด้งรับตามจังหวะไม่ให้ขาดตอน
พริมากอดคอหนาไว้แน่น หลับตาพริ้มอดทนกับความเสียวซ่านที่ใกล้ถึงจุดหมายเต็มที หูได้ยินเสียงทุ้มคำรามต่ำในลำคออย่างชัดเจน ช่วยกระตุ้นให้ไฟราคะในกายลุกไหม้ท่วมท้น
“ที่รัก ที่รัก”
เสียงหวานกรีดร้องออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงบนไหล่หนา คราวนี้ถูกซัดขึ้นเกยฝั่งฝันรุนแรงกว่าครั้งแรกเสียอีก
พอแท่งร้อนถูกบีบรัดรุนแรงก็ทนอดกลั้นต่อไปไม่ไหว เอวสอบกระแทกเน้นอยู่สามสี่ทีก็ปล่อยตามไป
น้ำอุ่นพุ่งเข้าใส่เต็มท้องน้อยจนพริมาสะดุ้ง เผลอขมิบรัดรีดน้ำอีกระลอก ทำเอาอีกคนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“เบาหน่อยครับ รู้แล้วว่ายังแน่น”
“อื้อ อย่าแซวนะ”
มือเล็กยกขึ้นดันใบหน้าคมที่พรมจูบไม่เลิกให้ถอยออกไป แต่ร่างสูงไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ รอจนปรับลมหายใจได้แล้วก็พาร่างบางไปที่ห้องน้ำ
พริมาผละออกมาสบตากับคนตัวโต ก่อนจะเริ่มจูบเองอย่างหน้าไม่อาย
ใช่ เธอไม่สนใจอะไรแล้ว
คืนนี้ขอตักตวงความสุขให้ล้นทะลักไปเลย จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำดี ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงในเช้าวันพรุ่งนี้
“ที่รักขา”
“ว่าไงครับ”
“ขออีก”
“หึ ได้สิ”
คนอย่างเขามีหรือจะจบแค่รอบเดียว แต่แค่ไม่อยากพูดให้น้องน้อยตกใจกลัวก็เท่านั้น
“คราวนี้เราลองในห้องน้ำแล้วกันเนอะ บรรยากาศกำลังดี เหมาะกับการซ้อมฮันนีมูนมากเลย”
“พูดอะไรเนี่ย อื้อ”
สุดท้ายพริมาก็ลืมทุกอย่างไปจนสิ้น จำได้เพียงบทสวาทที่อีกคนตั้งอกตั้งใจสอนเหลือเกิน
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
พอถึงวันหยุดที่นัดกันไว้ ภูดิศก็ตื่นแต่เช้ามาเตรียมสำรับไปถวายพระและข้าวกล่องสำหรับพวกเขา เพราะตั้งใจว่าพาน้องน้อยไปปิกนิกในวัดวาอารามสักหน่อยพริมาลงมายืนแอบมองเข้าไปในครัว เห็นร่างสูงกำลังจัดเรียงอาหารใส่กล่องอย่างตั้งใจแต่ยิ่งมองหัวใจเธอก็ยิ่งเต้นรัวผิดปกติ คนอะไรทำได้แทบทุกอย่าง ชักจะเก่งเกินไปแล้วนะไม่น่าเชื่อว่าพี่ข้างบ้านคนนั้นจะโตมาได้น่ารักขนาดนี้ ถ้ารู้แต่แรกเธอจะได้ชิงจีบตั้งแต่ตอนเด็กเพื่อเอาของแถมตอนโตแม้ตอนนี้จะดูเหมือนว่าเธอได้มาครอบครองแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกคนตัวโตด้วยสถานะอื่น ต่อให้ในใจจะจัดลำดับความสำคัญของเขาไว้บนสุดก็ตามก็เรื่องแบบนี้สมควรให้ผู้ชายเป็นคนขอคบก่อนไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอก็เริ่มได้ สงสัยต้องไปถามเพื่อนดูสักหน่อย“คิดอะไรอยู่ครับ ดูเพ้อเอาเรื่องเชียว”คนตัวโตบีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว พอเธออ้าปากก็ป้อนไข่หวานม้วนให้“ลองชิมดูหน่อยสิว่าอร่อยไหม พี่ลองทำตามในคลิปแม่บ้านญี่ปุ่นน่ะ”“อืม ขออีกคำได้ไหมคะ พราวยังไม่แน่ใจเลย”“แสดงว่าอร่อยสินะ” เขาป้อนให้อีกชิ้นตามคำขอ “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ”“ค่า ๆ”ร่างบางวิ่งขึ้นชั้นสองไปอย่างน่าเอ็นดู ลงมาอีกทีก็
พอเปิดเช้าวันทำงานมา ความน่ารักของทั้งคู่ก็เห็นได้ชัดกว่าอาทิตย์ที่แล้วเสียอีกถึงกับมีคำพูดลอยมาเข้าหูอิงฤดีว่าคงจะแอบคบกันมานานแล้ว พริมาถึงยอมเลิกกับอัคคีง่ายดายเหลือเกินเธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างข่าวลือ แต่โต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ คนเราชอบเชื่อในสิ่งที่คิดเองเออเองอยู่แล้วกระนั้นก็ยังอยากจะมาเล่าให้เพื่อนฟัง แต่พอเห็นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็พูดไม่ออกเมื่อคืนเธอได้รู้จากพริมาว่าภูดิศพาไปไหว้พ่อแม่มาก็ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมความรักครั้งนี้ถึงเบ่งบานไวนักคนหล่อเท่นิสัยดีเอาใจใส่ขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องตกหลุมรักไหม ขนาดเธอยังอดมองไม่ได้เลยแต่แค่คิดอิงฤดีก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ พอหันมองกลับไปก็เจอสายตาพิฆาตจากแฟนหนุ่ม ทำอย่างกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละอิงฤดีถือคติที่ว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ จึงเลิกนึกอวยคุณภูแล้วเข้าไปสะกิดตามเพื่อนไปทำงานพริมาพยักหน้าให้เพื่อนแล้วเอ่ยไล่คนตัวโต ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงไม่ยอมปล่อยมือเธอสักที“ไปทำงานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวโดนหักเงินเดือน”“ก็ได้ ๆ ตอนเที่ยงพี่จะมากินข้าวด้วยนะ”ภูดิศก้มลงจูบกระหม่อมเล็กแล้วเดินแยกออกไป ร่างบางรีบคล้
ภูดิศใจร้อนมาก พอเข้าเช้าวันจันทร์ก็พาแฟนสาวไปจดทะเบียนสมรส เปลี่ยนสถานะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายให้เรียบร้อยแต่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอนิธินันท์กับอิงฤดีที่นั่นด้วย ในมือถือเอกสารไว้ไม่ต่างกันเลย“อ้าว”“อุ้ย คือ...คุณภูขอให้เรามาเป็นพยาน...”“ไม่ต้องหาเรื่องแก้ตัวเลยย่ะ เปิดตัวได้สักทีนะเรา”พริมากอดแขนเพื่อนสนิทพากันเดินเข้าไปในสำนักงานเขต ทิ้งให้สองหนุ่มยืนมองคุมเชิงกันไปมาแม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งคู่รับรู้ตรงกันว่าการแข่งขันได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้วเย็นนี้ต้องรีบกลับไปผลิตทายาททันทีต่างคนต่างเซ็นเป็นพยานให้อีกคู่หนึ่ง เพียงไม่นานธุระก็เสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่อธิปโทรตามให้รีบเข้าบริษัท“ไปไหนกันมา ทำไมที่แผนกบัญชีมีใครสักคน”บอสหนุ่มยืนกอดอกจ้องมองคนทั้งสี่ที่ดูมีพิรุธชอบกล“กูพาเมียไปจดทะเบียนสมรสมา”ภูดิศกอดคอพริมา ทำท่าทางอวดว่านี่คือภรรยาของตน อธิปเบะปากใส่เพื่อนก่อนหันไปหาหัวหน้าแผนกบัญชี“คู่นี้ก็เลยไปจดบ้างว่างั้น”“เปล่านะคะ ๆ” อิงฤดีรีบปฏิเสธพัลวัน“เราตั้งใจไปจดของเรากันเองครับ ไม่ได้แข่งกับใครจริง ๆ”นิธินันท์เอ่ยตอบแทน แต่นั่นกลับทำให้สีหน้าบอสหนุ่มยิ่งเคร่งข
พอปรับความเข้าใจกับแฟนสาวเรียบร้อย ภูดิศก็ขึ้นไปคุยกับน้องสาวบ้าง แต่กลับเจออธิปอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง“อ้าว เดมี่ล่ะ”“กูสั่งให้ลงไปช่วยเก็บกวาดที่ห้องบัญชี”“เออ ให้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก็ดี จะได้รู้ว่าไม่ควรทำ”“มึงไม่กลัวเธอลงไปทะเลาะกับพราวเหรอ”“ไม่หรอก กูคุยกับพราวเข้าใจแล้ว” ภูดิศทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างที่โซฟา “กูห่วงเดมี่มากกว่า สงสัยจะทะเลาะกับแม่มาอีกแล้ว คงต้องให้หลบอยู่ที่ไทยสักระยะ”อธิปพับกระดาษใบหนึ่งเก็บใส่ลิ้นชักชั้นบนสุด ตาแอบมองเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด“กูจะให้น้องมึงมาเป็นผู้ช่วย”“จริงเหรอ ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีสิ”“มึงจะไม่ถามเหรอว่ากูทำไปทำไม”“ไม่ล่ะ ถ้ามึงยอมช่วยเดมี่กูก็พอใจแล้ว”“แต่งานผู้ช่วยของกูมันหนักนะเว้ย เลิกงานก็ไม่เป็นเวลา ต้องตามกูไปทุกที่ ขนาดผู้ชายยังลาออกกันไปหมด”“ก็ลองให้เธอทำดูก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยเลิก มึงโอเคไหมล่ะ”“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้”“เออ ขอบใจมึงมาก”สีหน้าภูดิศสบายใจขึ้นเยอะ เพราะตอนอยู่ต่างประเทศก็มีอธิปนี่แหละที่เดมี่ดูจะเกรงใจบ้าง คงพอช่วยอบรมสั่งสอนได้อยู่“ถ้าเดมี่ทำตัวงอแงมึงก็ลงโทษได้เลยนะ”“มึงพูดเองนะ”อธิปถามย้ำ ภูดิศจึ
“ว่าไงนะ”“คุณภูพูดขอยายพราวแต่งงานแล้ว อิงก็เลยคิดว่าในเมื่อคู่ที่เพิ่งคบกันแค่เดือนกว่ายังคิดไปถึงขั้นนั้นได้ แล้วทำไมพวกเราถึงจะก้าวไปอีกขั้นไม่ได้”นิธินันท์รีบตบไฟเลี้ยวเข้าจอดข้างทาง ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอี้ยวตัวไปกอดแฟนสาวไว้แน่น“ขอบคุณครับที่คิดฝากชีวิตไว้กับพี่ พี่สัญญาว่าจะดูแลเราให้ดีที่สุด”“อิงต่างหากที่ต้องขอบคุณ นอกจากพี่นันท์แล้วคงไม่มีใครทนกินไข่เจียวกรอบในไหม้นอกของอิงหรอกค่ะ”“พูดถึงเรื่องนี้...พราวยังเปิดคอร์สสอนเราทำกับข้าวอยู่ไหม”“พี่นันท์!”“ตัวพี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก สงสารก็แต่ลูก”“นี่คิดไปถึงไหนแล้วคะ”“ถึงตอนทำลูกไงครับ”“คนหื่น!”ร่างบางเอ็ดเข้าให้อีกรอบ แต่คนตัวโตก็หาได้เกรงกลัว กดจูบกดหอมจนน้ำลายเปียกหน้าแฟนสาวไปหมด“ถ้าอิงอยากจัดงานแต่งแบบไหนก็บอกได้เลยนะ พี่อาจทำได้ไม่หรูหราอะไรนัก แต่พี่ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้เราต้องอายใคร”“ไม่ต้องหรอกค่ะ เราจดทะเบียนกันเฉย ๆ ก็ได้ เก็บเงินค่าจัดงานไว้เลี้ยงลูกดีกว่า”“ไปถามพ่อแม่ก่อนไหม พี่อยากให้เกียรติเราเต็มที่ เพราะชาตินี้พี่จะแต่งงานแค่ครั้งเดียว”“อิงเคยถามแล้ว พ่อกับแม่บอกว่าให้พี่ไปผูกข้อมือที่บ้านก็พอ ไม่ต้องใ
คนป่วยรู้สึกตัวตื่นตอนเช้ามืดวันถัดมา ความรู้สึกแรกคือคันปากยิบ ๆ และหายใจไม่สะดวกเท่าไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าตอนก่อนจะหมดสติไปภูดิศกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เห็นเสาน้ำเกลือก็แน่ใจแล้วว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นเงาตะคุ่ม ๆ ที่ฟุบอยู่ข้างเตียงก็ต้องเป็นสุดที่รักของเขาแน่นอนไม่รู้ว่าพริมาได้หลับไปตอนกี่โมง ภูดิศจึงปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนไปดวงตาคมจ้องมองคนหลับสนิทไม่วางตา เจ้าของดวงหน้าหวานที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ต่อให้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศมาหลายปีก็ยังไม่ลืม เพราะไม่มีใครทำให้ใจเขาเต้นแรงได้เท่าเด็กแว่นข้างบ้านคนนี้อีกแล้วนึกไปก็น่าขำ ที่เขาฝึกเล่นกีต้าร์ก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากน้องน้อย แต่ดันได้ความรำคาญมาเสียอย่างนั้นยังดีที่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอจดจำเขาได้เช่นกันตอนนั้นเองอีกคนก็รู้สึกตัวตื่น พอเห็นว่าเขานอนลืมตาอยู่ก็รีบควานหาแว่นมาสวมก่อนลุกขึ้นยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ ๆ“พี่ภูฟื้นแล้ว ดีจังค่ะ”“เด็กขี้แย พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ภูดิศยกมือจะช่วยเช็ดน้ำตาให้คนรัก แต่เธอกลับจับมือเขาไปกุมไว้“พี่ทำให้พราวตกใจมากเลย ทำไมถึงดื่มแอลกอฮอล์ล่ะคะ”“มีคนสลับแก้วของพี่น่ะ ไ
“แกทำอะไรผัวฉัน”พอได้ยินแบบนั้นอธิปถึงเข้าไปดูสภาพเพื่อนให้ดี ๆ ก่อนจะรีบโทรตามรถพยาบาลโดยด่วนให้ตายสิ ลืมเช็กเรื่องนี้ไปได้อย่างไร นี่ถ้าไอ้ภูเป็นอะไรขึ้นมาชาตินี้เขาคงไม่มีทางให้อภัยตัวเองเป็นแน่ส่วนปภาดาที่ถูกตบถึงกับนิ่งอึ้งไปนาน เพราะคราวก่อนไม่เห็นว่ายายเด็กนี่จะทำอะไรเลย ขนาดนั่นเป็นผู้ชายที่คบกันมาตั้งหลายปี เธอจึงคิดว่ากับคนที่เพิ่งคบกันไม่กี่เดือนคงไม่หวงถึงขั้นลงไม้ลงมืออย่างนี้อัคคีเองก็ตกใจไม่แพ้กัน พอเห็นสายตาของเพื่อนร่วมงานก็ยิ่งหงุดหงิด ทำไมต้องมองเหมือนเขาเป็นคนถูกทิ้งด้วยระหว่างที่ยังไม่มีใครตั้งสติได้ พริมาก็ตบคู่กรณีเข้าอีกฉาด คราวนี้ปภาดารู้สึกตัวแล้ว“นังนี่ ผัวแกเมาแล้วข่มขืนฉันนะ”“ยังจะพูดพล่อย ๆ เอาอีกสักฉาดไหม”พริมาง้างมือจะตบอีกรอบจริง ๆ แต่อธิปเข้ามาห้ามไว้“พอแล้วพราว มาดูไอ้ภูก่อนดีกว่า”“รถฉุกเฉินยังมาไม่ถึงอีกเหรอคะ”พอเธอถามแบบนั้นอธิปจึงแยกไปดูให้ ส่วนร่างบางย่อตัวลงข้างชายหนุ่มที่นอนหมดสติอยู่บนโซฟา มือก็ช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยขึ้นหน่อย“เดี๋ยวสิยะ แกต้องเคลียร์กับฉันก่อน จะเอาตัวคุณภูไปทั้งแบบนี้ไม่ได้”ปภาดากระชากไหล่คนตัวเล็กอย่างแรงให
เวลาที่ปิดโปรเจคอะไรได้ ทีมงานมักรวมตัวไปสังสรรค์กันที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนักภูดิศในฐานะคนคุมโปรเจคย่อมปฏิเสธไม่ได้ อีกอย่างอธิปก็บอกว่าอยากให้มารู้จักกับเจ้าของร้านเอาไว้ด้วย เผื่อพาลูกค้ามาคุยงานที่นี่จะได้สะดวกหน่อย“นี่คุณวีรกร ส่วนนี้ไอ้ภูดิศ เพื่อนสนิทผมเองครับ”“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมได้ยินคุณเอสพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ”วีรกรจับมือกับชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มกลับไป“ยินดีเช่นกันครับ”“เชิญตามสบายนะครับ อยากได้อะไรก็บอกเด็ก ๆ ได้เลย”“ขอเป็นม็อกเทลให้เพื่อนผมนะครับ”อธิปกำชับเจ้าของร้าน ก่อนที่จะเดินไปร่วมวงกับคนอื่น ๆ ที่เปิดโต๊ะรออยู่ก่อนแล้ว เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร ยิ่งงานเลี้ยงอย่างนี้ก็ยิ่งปล่อยตามสบายภูดิศนั่งลงบนเก้าอี้ถัดจากเพื่อนสนิทได้ไม่นาน ก็มีคนมานั่งตรงเก้าอี้ข้าง ๆ“คุณภูอยากดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวดาชงให้”ปภาดาขยับเก้าอี้เข้าใกล้ร่างสูงมากขึ้น เอียงหน้าเข้าไปพูดคุยราวกับกลัวอีกฝ่ายไม่ได้ยิน ทั้งที่ดนตรีเพิ่งเริ่มเล่นคลอเบา ๆ เท่านั้น ท่าทางไม่ได้เกรงใจอัคคีที่นั่งอยู่ไม่ไกลเลย“ผมไม่ดื่ม”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบพร้อมขยับเก้าอี้ออกห่าง
และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ภูดิศหัวเสียมากที่พริมารีบร้อนทิ้งบ้านไป ที่สำคัญคือไม่โทรบอกเขาสักคำยังไม่ทันปิดประตูรั้วดี คนตัวโตก็ทนไม่ไหวพูดระบายออกมา“รู้ไหมว่าพอกลับมาเจอสภาพบ้านพี่ตกใจแค่ไหน ทำให้พี่เป็นห่วงเราแทบบ้า”“พราวขอโทษค่ะที่ไม่ได้โทรบอก มันกะทันหันจริง ๆ”“กะทันหันหรือไม่ได้คิดถึงพี่กันแน่” ดวงตาคมปลาบวาววับ เห็นไฟโทสะเต้นระริกอยู่ในนั้นได้ชัดเจน “ขอแค่มันโทรมาหา พราวก็พร้อมออกไปเจอมันทันทีเลยสินะ”“พี่ภู!” พริมาขึ้นเสียงกลับ รู้สึกเหมือนโดนดูถูกอยู่ “ที่พราวไปก็เพื่อคุณป้า ไม่ใช่เพราะพี่เปลวสักหน่อย”“แต่ป้าคนนั้นตั้งใจทำให้เรากลับไปคบกับมันอีกครั้งนะ ดูไม่ออกหรือไง”“ดูออกค่ะ พราวถึงวางตัวชัดเจนตลอดว่ามันเป็นไปไม่ได้ ในใจพราวแค่อยากตอบแทนน้ำใจที่คุณป้าเคยมีให้เท่านั้นจริง ๆ”ร่างบางยื่นมือไปกุมมืออีกคนไว้ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างที่เขาไม่สะบัดมือเธอทิ้ง“พราวขอโทษค่ะที่ไม่ได้โทรบอก ทำให้พี่ภูต้องเป็นห่วง คราวหลังพราวจะไม่ทำอีกแล้ว”ภูดิศจ้องใบหน้าหวานเขม็ง แต่เห็นดวงตากลมโตแดงก่ำก็สงสาร นึกอยากจะโกรธต่อก็ทำไม่ลง“พราวครับ พี่ทนไม่ได้จริง ๆ” เสียงทุ้มฟังดูปวดใจมาก “ถ้าพี่เส
ภาพโฟโต้ชูทเซทนั้นได้ผลตอบรับดีมาก ทางลูกค้าจึงขอเร่งให้ถ่ายทำโฆษณาตัวจริงทันทีช่วงนี้ภูดิศเลยงานยุ่งวุ่นวายมาก เพราะดูแลทั้งโปรเจคที่นอนและโปรเจคของเล่นที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี่ยังไม่นับโปรเจคเล็ก ๆ ยิบย่อยที่รับเป็นที่ปรึกษาอีก จนโดนอธิปพูดแซวอยู่บ่อย ๆ ว่าคิดจะเก็บตังไว้เลี้ยงเมียกี่คนกันแน่ชายหนุ่มไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป แค่คิดว่าเอาไว้รอให้มันอยากมีเมียขึ้นมาบ้างแล้วจะรู้เอง ว่าไอ้การไม่อยากให้คนที่เรารักต้องลำบากน่ะมันเป็นเช่นไรพริมาเห็นเขาดูเหนื่อย ๆ ก็ไม่ได้ทำตัวสร้างปัญหาอะไร แต่รับหน้าที่คอยส่งเสบียง บางวันก็ทำข้าวกล่องมาฝาก ถ้าไม่ว่างจริง ๆ ก็ซื้อมาให้ ไม่มีขาดตกบกพร่องสักครั้ง ช่วยให้คนตัวโตมีกำลังใจทำงานขึ้นเป็นกองช่วงแรก ๆ อิงฤดีเห็นข้าวกล่องฝีมือเพื่อนดูไม่ต่างจากของตัวเองนักก็แอบโล่งใจ แต่หลายวันเข้าดันดูดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเธออดถามไม่ได้“ทำยังไงถึงจะทำอาหารเก่งขึ้นเหรอ”“ทำบ่อย ๆ ไง”พริมาตอบผ่าน ๆ เพราะมัวแต่คิดเมนูของอาทิตย์หน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยเปิดประตูเข้าไปเจอข้าวกล่องของหัวหน้าที่ดูเหมือน...ทุ่นระเบิด เธอจึงหันไปคุยกับเพื่อนอย่างตั้งใจ“เรากำลังอยากมีเพื่อนห
หลังจากเตรียมตัวเตรียมใจมาสักระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ถึงวันถ่ายงานสักทีแม้จะเป็นเพียงภาพที่ใช้ในช่องทางออนไลน์เบื้องต้น แต่ก็ถือเป็นการสร้างภาพลักษณ์แรกเห็นของแบรนด์ การทำงานจึงต้องละเอียดรอบคอบไม่ต่างจากโปรเจคหลักแต่ทีมงานของบริษัทเคยผ่านโปรเจคใหญ่ ๆ มาแล้วนับไม่ถ้วน ย่อมมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ห่วงก็แต่นางแบบชั่วคราวเท่านั้นพริมาต้องมาแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืด ภูดิศเองก็ตรวจสอบว่าฉากที่เซทไว้มีปัญหาอะไรหรือไม่รอจนใกล้ได้เวลา อธิปถึงเดินนำลูกค้าเข้ามาในกองถ่ายจิดารันกับภวัตเฝ้าดูการทำงานในกองถ่ายอย่างสนใจ ถ้ามีข้อสงสัยก็ถามสองหนุ่มบ้างผ่านไปครู่หนึ่งจู่ ๆ คนในสตูดิโอก็พากันนิ่งสนิท ภูดิศรู้สึกแปลก ๆ จึงหันไปมองด้านหลัง เห็นคนคุ้นเคยกำลังฉีกยิ้มโบกมือส่งให้เบา ๆ ท่าทางเขินอายไม่น้อยใบหน้าหวานแดงก่ำราวกับปัดบลัชออนมาหมดตลับ ริ้วแดงลามไปถึงไหล่มนที่มีเพียงสายเดี่ยวเส้นเล็กเกี่ยวไว้ ผ้าเนื้อลื่นพอดีตัวช่วยขับเน้นเรือนร่างสะโอดสะองให้โดดเด่นยิ่งขึ้น แต่ก็ยังแฝงความน่าทะนุถนอมราวกับเป็นลูกคุณหนูตรงตามคอนเซป“แบบนี้เลยค่ะที่ตาร์อยากได้ น้องน่าฟัดมาก วัตว่าไงคะ”“ขอแค่คุณชอบ ผมโอเคหมด” ภวั