เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯ
พริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก
“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”
ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น
“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”
“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”
“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”
“พี่ภูจะไปทำไมคะ”
“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”
อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน
“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”
“อืม”
ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่
“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”
คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกัน
ตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ ก็นึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้ชะมัด
“พราวขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิ” ภูดิศคว้าข้อมือเล็กไว้ ยัดถุงกระดาษส่งให้ “ข้าวเที่ยงครับ เก็บไว้ให้พี่ด้วยนะ”
สาว ๆ แถวนั้นส่งเสียงฮือฮาขึ้นมาทันใด พริมารีบสาวเท้าเดินหนีไปอย่างไม่เกรงใจบอสแล้ว
คนตัวโตมองตามแล้วหัวเราะเบา ๆ อธิปเลยถองศอกใส่สีข้างเพื่อน
“คงว่างคุยกับกูสักทีสินะ ส่งเมียไปทำงานแล้วนี่”
“เออ ๆ ไปสิ”
สองหนุ่มพากันเดินขึ้นไปชั้นบนของตึกสร้างสรรค์ ทิ้งความสงสัยกองใหญ่ไว้เบื้องหลัง
พอพริมาเดินเข้าไปในแผนกก็เจอเพื่อนสนิทยืนคุยกับหัวหน้าอยู่ที่โต๊ะ
อิงฤดีเห็นหน้าอีกฝ่ายก็รีบเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป ทำไมหน้าแดงขนาดนี้”
“เปล่า ๆ เราไม่ได้เป็นอะไร”
“พราว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
อัคคีเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา มือจับแขนร่างบางบีบไว้แน่นจนเธอนิ่วหน้า
“ตกลงพราวไอ้หมอนั่นไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะ ทำไมถึงมาทำงานด้วยกันได้ ไหนจะข้าวกล่องบ้าบอนั่นอีก”
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งแค้นใจ ปัดถุงในมือเธอจนหล่นตกพื้นแตกกระจาย พริมามองกล่องข้าวแล้วรู้สึกโกรธจัด พูดขึ้นเสียงใส่อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“มีอะไรคุยกันดี ๆ ก็ได้ ทำไมต้องทำลายข้าวของด้วย”
“เหอะ ถึงกับดุพี่เลยนะ หวงของที่มันให้มามากขนาดนั้นเชียว”
“พี่ก็รู้ว่าพราวไม่ชอบคนใช้กำลัง” หญิงสาวพยายามแกะมืออีกฝ่ายออก “ปล่อยค่ะ เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว”
แต่ยิ่งเธอดิ้นอัคคีก็ยิ่งออกแรงบีบมากขึ้น ร่างบางเจ็บจนหน้าเบ้ นิธินันท์ต้องรีบเข้าไปช่วยลูกน้อง
“นี่มันที่ทำงาน เรื่องส่วนตัวเอาไว้คุยกัน...”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ถูกหมัดของอัคคีเข้าเต็ม ๆ จนหน้าชาไปแถบหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ยอมขยับหนีไปไหน
“ออกไปจากแผนกของผม”
“ผัวเมียเค้าจะเคลียร์กันมึงเสือกอะไรด้วย หรือเป็นชู้อีกคน”
“พราวไม่เคยมีชู้ พี่เปลวอย่าเอาความผิดของตัวเองมาโยนให้คนอื่น เราจบกันแล้ว เลิกมายุ่งกับชีวิตพราวสักที”
“พราว...” อัคคีจ้องมองแฟนสาวด้วยสายตาซับซ้อน
“ไป!” พริมาตะคอกเสียงดัง ยกมือชี้ไปที่ประตู “พราวจะพูดดี ๆ ด้วยเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าพี่เปลวยังไม่หยุดก่อกวนพราวจะแจ้งความ”
สีหน้าคนตัวเล็กจริงจังมาก อัคคีไม่เคยเห็นมุมนี้ของเธอมาก่อนจึงชะงักนิ่งไปหลายอึดใจ
“ก็ได้ แต่พี่ไม่ยอมเสียพราวไปแน่”
ขาดคำชายหนุ่มก็สาวเท้าออกจากห้อง พริมารีบเข้าไปดูคนที่มาช่วยเธอไว้
“หัวหน้าเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร พราวทำงานเถอะ” นิธินันท์เอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินเข้าห้องทำงานไป
พริมานั่งลงเก็บข้าวกล่องที่หกเละเทะ อิงฤดียืนลังเลว่าจะช่วยเพื่อนดีไหม แต่อีกฝ่ายก็พูดขึ้นก่อน
“อิงช่วยเอาน้ำแข็งไปให้หัวหน้าประคบแก้มทีได้ไหม โดนเข้าไปขนาดนั้นคงเจ็บมาก”
“ได้สิ ๆ”
อิงฤดีรีบเปิดตู้เย็นเทน้ำแข็งก้อนใส่ถุงพลาสติก ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าแผนกบัญชี
เจ้าของห้องกำลังนั่งเก๊กท่าตั้งใจทำงานอยู่ แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ออกอาการสำออยขึ้นมาทันใด
“โอ้ย เจ็บมากเลย จะมีใครเป็นห่วงเราหรือเปล่าน้า” ขาดคำก็ถูกฝ่ามือพิฆาตตบแขนป้าบเข้าให้ “โอ้ย ตีพี่ทำไมเนี่ย”
“ใครใช้ให้เอาหน้าไปรับหมัดล่ะคะ” อิงฤดีค้อนใส่พลางเอาถุงน้ำแข็งประคบแก้มบวม ๆ ให้ “สมน้ำหน้า อยากทำตัวเป็นพระเอกดีนัก น่าปล่อยให้เจ็บจนกินข้าวไม่ได้สักหลายวัน”
นิธินันท์ยกมือแฟนสาวข้างที่ว่างขึ้นมากุมไว้ “ก็เราจะเข้าไปขวางก่อนทำไมล่ะ พี่เลยต้องชิงเข้าไปแทน”
ใบหน้าสวยที่ขมวดคิ้วมุ่นเปลี่ยนเป็นเก้อเขินขึ้นมา “ที่พี่เข้าไปก็เพราะ...”
“หมอนั่นอารมณ์ร้อนจะตาย พี่กลัวมันจะลงไม้ลงมือกับอิง ถ้าเป็นแบบนั้นพี่ไม่ยอมจบแค่นี้แน่”
ดวงตาคมวาววับขึ้นหลายส่วน ช่วยบอกให้รู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง เล่นเอาอีกคนอุ่นวาบไปทั้งใจ แต่ก็ยังวางท่ามากอยู่
“ประคบเองไปเลยค่ะ อิงจะออกไปทำงานต่อแล้ว”
“โอ้ย เจ็บมากเลย คืนนี้ต้องการพยาบาลมาช่วยดูแล”
คนตัวโตพูดออดอ้อนอย่างหน้าไม่อาย แต่อิงฤดีดูแววตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นออกว่าเขาอยากให้ไปดูแลเรื่องไหน
“ถ้างั้นก็รีบทำงานเข้าสิคะ”
“กล้าสั่งหัวหน้าเชียวเหรอยะ”
ชมพูนุชเห็นรุ่นน้องหายเข้ามานานแล้วเลยตามมาขัด พอเปิดประตูก็ได้ยินประโยคนั้นเข้าพอดี
“แก่นกะโหลกจริง ๆ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่”
คนถูกต่อว่าชักสีหน้าใส่เล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาข้างนอก ปล่อยให้แฟนหนุ่มรับมือไปเอง
อิงฤดีออกมาช่วยเพื่อนทำความสะอาดแล้วค่อยซักถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอัคคีถึงตามมาฟาดงวงฟาดงาแบบนี้
พริมาเล่าอ้อมไปอ้อมมา แต่อีกฝ่ายก็จับใจความสำคัญได้อยู่ดี
“ตกลงว่าเธอกับคุณภูดิศ...”
ถามแค่นี้ก็ได้คำตอบแล้ว เพราะเพื่อนหน้าแดงอย่างกับถูกน้ำร้อนลวก ออกอาการยิ่งกว่าตอนที่ไอ้พี่เปลวมาตามจีบอีก
แม้จะเห็นว่าหนุ่มคนใหม่ดูแลพริมาค่อนข้างดี แต่อิงฤดีก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“แกแน่ใจแล้วเหรอว่าเขาไม่มีความลับอะไร หรือไม่ได้มีใครซุกเอาไว้ที่ต่างประเทศน่ะ”
คนถูกถามนิ่งอึ้งไป เรื่องนี้เธอยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเหมือนกัน เพราะเขาแทบไม่เปิดโอกาสให้ซักถาม ไม่ให้เวลาคิดไตร่ตรองอะไรเลย
“ก็คงต้องดูกันต่อไปล่ะมั้ง”
พริมาตอบเบา ๆ อิงฤดีก็ได้แต่พยักหน้ารับ
“เอาเถอะ ฉันว่าถ้าเธอรอดจากไอ้พี่เปลวมาได้ก็ไม่ต้องกลัวใครแล้วมั้ง”
“นั่นสิเนอะ”
สองสาวส่งยิ้มให้กำลังใจกัน ก่อนจะหันไปมองสาวรุ่นพี่ที่เดินสะบัดสะบิ้งกลับมานั่งโต๊ะทำงาน
“มองอะไรกันยะ งานการไม่มีทำหรือไง”
พวกรุ่นน้องพากันก้มหน้าทำงาน ขี้เกียจเถียงกับคนพาล เอาไว้ค่อยคุยเรื่องที่ค้างไว้ต่อตอนพักเที่ยง
ทางภูดิศตามเพื่อนขึ้นมาที่ห้องทำงานชั้นบนสุด พอประตูปิดลงก็ถูกอธิปพูดแซวทันที
“แหม๋ ๆ เพิ่งรู้ว่าไอ้คุณภูเป็นคนติดเมียขนาดนี้ แถมยังมีทำข้างกล่องให้กันด้วย”
“ก็พราวชอบกินอาหารทำเอง”
คนถูกแซวทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างที่โซฟาสีขาวกลางห้อง ท่าทางไม่สะทกสะท้านกับคำพูดเหล่านั้นสักนิด
“ว่าแต่มึงอยากได้ช่างภาพคนใหม่ไหม กูจะช่วยหาให้”
“โน ๆ กูคงไล่เปลวออกไม่ได้ ถ้าไม่ได้ทำผิดเรื่องงาน”
“เออ กูรู้ แค่ลองถามดู”
ภูดิศจ้องมองออกนอกหน้าต่างด้วยสีหน้านิ่งเฉย แต่แววตาฉายแววหงุดหงิดไม่น้อย อธิปเห็นแล้วสงสัย
“ทำไมวะ มึงกลัวพราวกลับไปคบกับแฟนเก่าหรือไง”
“ไม่มีทาง กูแค่ไม่อยากให้น้องรำคาญใจ”
“คร้าบ ๆ เป็นห่วงเป็นใยกันเหลือเกินนะ เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วันไม่ใช่เหรอวะ”
“ใครบอกมึง”
“หมายความว่ายังไง”
“กูเล็งมาตั้งแต่สิบกว่าขวบแล้ว เขาเป็นน้องข้างบ้านกูเอง”
“อ๋อ มิน่าล่ะมึงถึงกระโจนเข้าใส่ทันทีที่เห็น สงสัยจะรักมากนะเนี่ยถึงยังจำได้แม่นเลย”
ภูดิศยกยิ้มรับ “ตกลงว่ามึงจะให้กูทำงานไหม”
“อยู่ ๆ ก็ขยันขึ้นมาซะงั้น ก่อนหน้านี้กูพูดชวนคอเป็นเอ็น แทบจะคุกเข่าอ้อนวอน ถ้ารู้ว่าสังเวยลูกน้องแล้วอัญเชิญมึงมาได้กูคงทำไปนานแล้ว”
“ตอนนี้กูต้องหาเงินเดือนมาให้เมียไง”
“ขออีกสักแหม๋ ทำตัวเป็นผัวที่ดี แต่ตอนที่ตกลงกันน้องเขารู้ไหมล่ะว่ามึงได้ค่าคอมฯ ต่างหาก”
“อันนี้เป็นเงินเดือนให้เมียไว้ใช้ตามใจไง ส่วนค่าคอมฯ กูเอาไว้เปย์ทางอื่น อย่างซื้อของขวัญหรือพาไปเที่ยวอะไรอย่างนี้”
“โห ลึกซึ้ง น่าหมันไส้ว่ะ” อธิปบ่นพลางเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์แล้วส่งไฟล์งานให้เพื่อน
“เอาไว้มึงมีเมียบ้างก็รู้เองว่าการเอาใจหญิงมันยากแค่ไหน นี่งานใหม่เหรอ” ภูดิศหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดอีเมล์อ่าน
“เออ เป็นบริษัทเครื่องนอนหรูที่เคยส่งออกนอกอย่างเดียว แต่ตอนนี้อยากลองตีตลาดระดับกลางในประเทศดูบ้าง มึงรีบอ่านซะ อีกเดี๋ยวต้องเข้าประชุมกับทีมงานแล้ว”
อธิปเหลือบมองคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเงียบ ๆ สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอ บางคราวก็จดโน้ตสั้น ๆ เป็นระยะ
เขาคุ้นเคยกับวิธีการทำงานของเพื่อนดี รู้ว่าตอนนี้สมองอีกฝ่ายเริ่มมีไอเดียการตลาดผุดขึ้นมาแล้ว
ตอนอยู่อเมริกาภูดิศเป็นนักคอนเทนต์ครีเอเตอร์อนาคตไกล ทำงานฟรีแลนซ์แต่ละครั้งได้เงินไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งค่าแรงรายชั่วโมงและโบนัสพิเศษหลังจบงาน
แต่อยู่ ๆ เจ้าตัวดันอยากย้ายกลับมาอยู่ไทยเสียอย่างนั้น ดูท่าคงเป็นเพราะน้องข้างบ้านคนนี้กระมัง
ก็ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยปั้นให้บริษัทโฆษณาเล็ก ๆ ของเขาเติบโตขึ้นมาบ้าง
แต่ไอ้เรื่องปัญหาหัวใจนี่สิ เขาไม่รู้จะช่วยอย่างไรดีจริง ๆ เพราะเปลวก็เป็นช่างภาพมากฝีมือคนหนึ่งเหมือนกัน
เฮ้อ ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ว
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั