พอถึงวันหยุดที่นัดกันไว้ ภูดิศก็ตื่นแต่เช้ามาเตรียมสำรับไปถวายพระและข้าวกล่องสำหรับพวกเขา เพราะตั้งใจว่าพาน้องน้อยไปปิกนิกในวัดวาอารามสักหน่อย
พริมาลงมายืนแอบมองเข้าไปในครัว เห็นร่างสูงกำลังจัดเรียงอาหารใส่กล่องอย่างตั้งใจ
แต่ยิ่งมองหัวใจเธอก็ยิ่งเต้นรัวผิดปกติ คนอะไรทำได้แทบทุกอย่าง ชักจะเก่งเกินไปแล้วนะ
ไม่น่าเชื่อว่าพี่ข้างบ้านคนนั้นจะโตมาได้น่ารักขนาดนี้ ถ้ารู้แต่แรกเธอจะได้ชิงจีบตั้งแต่ตอนเด็กเพื่อเอาของแถมตอนโต
แม้ตอนนี้จะดูเหมือนว่าเธอได้มาครอบครองแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกคนตัวโตด้วยสถานะอื่น ต่อให้ในใจจะจัดลำดับความสำคัญของเขาไว้บนสุดก็ตาม
ก็เรื่องแบบนี้สมควรให้ผู้ชายเป็นคนขอคบก่อนไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอก็เริ่มได้ สงสัยต้องไปถามเพื่อนดูสักหน่อย
“คิดอะไรอยู่ครับ ดูเพ้อเอาเรื่องเชียว”
คนตัวโตบีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว พอเธออ้าปากก็ป้อนไข่หวานม้วนให้
“ลองชิมดูหน่อยสิว่าอร่อยไหม พี่ลองทำตามในคลิปแม่บ้านญี่ปุ่นน่ะ”
“อืม ขออีกคำได้ไหมคะ พราวยังไม่แน่ใจเลย”
“แสดงว่าอร่อยสินะ” เขาป้อนให้อีกชิ้นตามคำขอ “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ”
“ค่า ๆ”
ร่างบางวิ่งขึ้นชั้นสองไปอย่างน่าเอ็นดู ลงมาอีกทีก็อยู่ในชุดกระโปรงสีหวาน พอบวกกับรอยยิ้มร่าเริงก็ยิ่งน่ามองจนคนตัวโตยืนนิ่งไป
พริมารีบก้มลงมองสภาพตัวเอง “ชุดนี้แปลกเหรอคะ”
“เปล่า น่ารักมากต่างหาก”
คนชมพูดตรงไปตรงมาจนอีกคนเขินแทบไม่ทัน
“เอ่อ...เราไปกันเถอะค่ะ”
หญิงสาวเข้าไปช่วยถือของสำหรับทำบุญ ก่อนคล้องแขนร่างสูงเดินออกจากบ้านไปพร้อมกัน
ทั้งคู่ช่วยกันทำความสะอาดรอบ ๆ สถานที่เก็บอัฐิพ่อแม่ ก่อนจะนิมนต์พระมาสวดบังสุกุลทำบุญให้
พอทำพิธีทุกอย่างเรียบร้อย ภูดิศก็ช่วยถือสังฆทานกับข้าวปลาอาหารไปส่งพระสงฆ์ที่กุฏิ ส่วนพริมานั่งคุยกับพ่อแม่ต่อ
“พ่อจ๋าแม่จ๋า หนูเลิกกับพี่เปลวแล้วนะ เขานอกใจไปมีคนอื่น แต่พราวรู้นานแล้วเลยไม่ได้เสียใจอะไรมาก”
นิ้วเรียวลูบไปตามกรอบภาพขาวดำเล็ก ๆ อย่างรักใคร่ พอนึกถึงเรื่องต่อไปที่จะพูด ริมฝีปากอิ่มก็ยกยิ้มเขิน ๆ
“ตอนนี้มีคนมาช่วยดูแลพราวแล้วด้วย เป็นพี่ภูลูกคุณลุงภาศกับคุณป้ากัญญาที่เคยอยู่ข้างบ้านไงคะ เขาดีกับพราวมาก ๆ ไม่นึกเลยว่าคนที่ชอบทำหน้าบึ้งตอนนั้นจะอ่อนโยนได้ขนาดนี้”
พริมาเหลือบมองข้าวกล่องที่วางอยู่ไม่ไกล ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่รู้ว่าพวกเราจะเป็นแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน แต่พราวเข้มแข็งมาก ดูแลตัวเองได้แน่ พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ภูดิศที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างหลังรู้สึกหลากหลายมาก ทั้งดีใจที่ได้รับคำชม และคิดหนักที่เธอยังไม่เชื่อใจนัก
แต่ไม่เป็นไร เขารู้ว่าเรื่องอย่างนี้ต้องใช้เวลา ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน มันเป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องสร้างมันขึ้นมา
ชายหนุ่มเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างหญิงสาว สายตาจับจ้องภาพเล็ก ๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งที่ส่งยิ้มมาให้
“สวัสดีครับลุงภพ ป้าลออ ผมเจ้าภูเด็กข้างบ้านไงครับจำได้ไหม แต่ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ผมจะแนะนำตัวใหม่”
เขาเอื้อมไปกุมมือคนข้างกายไว้แล้วพูดต่อ
“ผมภูดิศเป็นแฟนของพราวครับ ผมย้ายมาอยู่ดูแลน้องที่บ้านด้วย หวังว่าคุณลุงจะไม่หวงลูกสาวจนไล่ตีผมอีกนะครับ”
“คืออะไรคะพี่ภู”
“พี่เคยไปขอคุยกับเราแล้วคุณลุงไม่ยอมน่ะ พี่เลยต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ แต่ยังไม่ทันได้บุกถ้ำเสืออีกทีก็ต้องย้ายตามพ่อไปเมืองนอกซะก่อน”
“แบบนี้นี่เอง” คุณพ่อนะคุณพ่อ หวงลูกสาวไม่เข้าเรื่อง เธอเกือบไม่ได้เจอเขาอีกแล้วนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเสียดายแย่
ชายหนุ่มยกยิ้มส่งให้แล้วหันไปพูดกับผู้ล่วงลับต่อ
“ผมสัญญาว่าจะดูแลพราวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะไม่ทำให้น้องต้องเสียใจ เพราะผมรักพราวมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว”
“พี่ภูพูดอะไรเนี่ย” ใบหน้าหวานแดงซ่าน ยกมือเล็กตีแขนล่ำระบายความเขิน
“พี่ก็พูดความจริงไงครับ”
ร่างบางยิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่ ภูดิศมองแล้วต้องนึกเตือนตัวเองว่าอยู่เขตวัดวาอาราม รอกลับบ้านแล้วค่อยจับฟัดให้หนำใจ
พอรายงานตัวกับพ่อแม่ของเธอเสร็จเรียบร้อย เขาก็หยิบร่มขึ้นมากางให้คนตัวเล็กเพราะเห็นว่าแดดจ้ามาก
“พราวคงหิวแย่แล้ว เราไปนั่งกินข้าวกล่องตรงนั้นกันดีกว่า จะได้อยู่กับพ่อแม่อีกสักพัก”
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะหินใต้ต้นไม้ใหญ่ ภูดิศส่งทิชชูเปียกให้คนน้องเช็ดมือก่อน ตามด้วยตะเกียบและกล่องข้าวแบบญี่ปุ่นที่เขาตั้งใจทำกับมือ
“โห น่ากินมากเลยค่ะ พี่ภูเก่งจังเลย”
พริมามองอาหารตาเป็นประกาย ทั้งหมูย่างซีอิ้ว ข้าวปั้นพอดีคำ ไข่ม้วนสีเหลืองแสนอร่อย กุ้งชุบแป้งทอดตัวกำลังดีและสลัดผักน้ำใสไว้กินตัดเลี่ยน
“กินสิครับ แล้วบอกด้วยนะว่าชอบไหม”
“ชอบมากค่ะ”
“หมายถึงพี่อ่ะเราชอบไหม”
คนถูกหยอกรีบก้มหน้าทำเป็นสนใจแต่อาหาร คนถามก็ไม่คาดคั้นอะไร แค่ได้เห็นใบหูแดง ๆ นั่นก็พอใจแล้ว
ร่างบางคีบอาหารเข้าปากทีละคำ ๆ สีหน้ายิ้มแย้มร่าเริง รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
ช่วงแรก ๆ ที่คบกับอัคคี เขาเคยมาเป็นเพื่อนอยู่ครั้งสองครั้ง แต่ก็แค่ไหว้พ่อแม่เท่านั้น
พอหลัง ๆ ที่ต้องมาคนเดียว เธอก็รู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้สำคัญสำหรับเขาอีกต่อไป
นึกแล้วก็อดเหลือบมองคนข้าง ๆ ไม่ได้ เธออยากเผื่อใจไว้ล่วงหน้าว่าความสุขที่ได้รับอาจไม่ยืนยาวนัก แต่อีกใจก็อยากต่อสู้เพื่อรักษาเอาไว้ให้ได้นานที่สุด
‘พ่อคะ แม่คะ พราวจะเลือกทางไหนดี’
ภูดิศเห็นเธอชะงักนิ่งไปก็ส่งขวดน้ำส้มให้ “วันนี้อากาศดีเนอะ โชคดีจัง”
“นั่นสิคะ” พริมาหันไปคลี่ยิ้มกว้าง “หมูย่างอร่อยมากเลยค่ะ นี่พี่ภูทำเองทั้งหมดจริง ๆ เหรอคะ ต้องตื่นตั้งแต่ตีอะไรเนี่ย”
“เปล่า พี่แอบสั่งในแอพแล้วเอามาจัดลงกล่อง”
“ใช่ที่ไหน พราวเห็นข้าวของกองรกเต็มครัวเลย”
“พี่สร้างภาพน่ะ”
“ยังจะหลอกกันต่ออีก”
“ก็แกล้งพราวสนุกดี”
สองหนุ่มสาวหัวเราะให้กันและกัน เปลี่ยนวันหยุดธรรมดา ๆ ให้มีความหมายขึ้นมา
พอออกจากวัดภูดิศก็พาน้องแวะเดินตลาดแถวนั้น หาอะไรง่าย ๆ กินเล่นแล้วค่อยขับรถกลับบ้าน
ระหว่างทางหลังจากชั่งใจอยู่นาน พริมาก็ตัดสินใจถาม
“พ่อพี่ภูเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็เรื่อย ๆ” เสียงทุ้มฟังดูเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด แต่ก็ยังหันไปส่งยิ้มให้อีกคน “ทำไมครับ พราวอยากเจอพ่อพี่เหรอ”
“ก็...พี่ภูบอกว่าพราวเป็นแฟน...” ร่างบางเอ่ยเสียงอ่อนลงทุกที สุดท้ายก็ไม่กล้าพูดความในใจต่อไป
“เอาไว้พี่จะพาไปหานะครับ”
มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะเล็กอย่างรักใคร่ แต่แววตาแอบซ่อนความกังวลไว้
เขาไม่ได้กลัวว่าพ่อจะไม่ชอบใจพริมา แต่กลัวครอบครัวใหม่ของพ่อต่างหาก
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของแม่เลี้ยงนัก เรียกว่ารำคาญจะดีกว่า แค่สงสารพวกน้อง ๆ ที่อาจถูกระบายอารมณ์ใส่แทน เพราะเธอไม่ค่อยอยากเห็นเขามีความสุขเท่าใดนัก
แต่ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรก็ช่าง เขาก็ไม่มีทางปล่อยมือเล็กคู่นี้ไปเป็นอันขาด
“วันนี้ไม่ต้องทำมื้อเย็น งั้นเราขึ้นไปนอนคุยกันเร็วกว่าเดิมหน่อยดีไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยชวน สายตาคมวิบวับบอกความนัย ทำอีกคนแก้มแดงแทบจะคั้นน้ำหวานออกมาได้
“แต่พราวอยากแช่เท้าก่อนค่ะ”
“ได้สิครับ”
“เราแช่ด้วยกันไหมคะ”
“พี่กำลังคิดอยู่พอดีว่าจะให้พราวนั่งบนตักแล้วแช่เท้าไปพร้อมกัน แต่เราต้องไม่ใส่อะไรเลยนะ”
คนฟังเผลอคิดภาพตามอยู่นาน กว่าจะรู้ตัวว่าถูกคนพี่หยอกเย้าก็เขินไม่ทันแล้ว
“เลิกหื่นสักวันได้ไหมคะเนี่ย”
“ถ้าอยู่ห่างพราวพี่ก็ไม่หื่นหรอก” คนตัวโตยิ้มกรุ้มกริ่ม “แต่พอมีเนื้อนุ่ม ๆ อยู่ใกล้ ๆ ใครจะไปอดใจไหว”
“หมายถึงหมูย่างนมสดนี่เหรอคะ พราวป้อนให้นะ”
“มีนมสดกว่านี้อีก แต่พี่จะรอกลับไปกินที่บ้าน”
“ไม่เคยชนะเลยอ่ะ”
คนตัวเล็กตัดพ้อแก้มป่อง เรียกสายตาเอ็นดูจากอีกคนได้
“เรื่องหื่นยกให้พี่เถอะ ส่วนเรื่องอื่นพี่ยกให้พราวหมดเลย”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”
พริมาต้องยอมจำนน หันไปทำหน้าที่ป้อนลูกชิ้นทอดให้คนตัวโตแทน
“ที่นี่มีแต่ของอร่อย ๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ พี่ภูว่าไหม”
“พราวอร่อยกว่าเยอะ”
“เฮ้อ”
พอเปิดเช้าวันทำงานมา ความน่ารักของทั้งคู่ก็เห็นได้ชัดกว่าอาทิตย์ที่แล้วเสียอีกถึงกับมีคำพูดลอยมาเข้าหูอิงฤดีว่าคงจะแอบคบกันมานานแล้ว พริมาถึงยอมเลิกกับอัคคีง่ายดายเหลือเกินเธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างข่าวลือ แต่โต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ คนเราชอบเชื่อในสิ่งที่คิดเองเออเองอยู่แล้วกระนั้นก็ยังอยากจะมาเล่าให้เพื่อนฟัง แต่พอเห็นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็พูดไม่ออกเมื่อคืนเธอได้รู้จากพริมาว่าภูดิศพาไปไหว้พ่อแม่มาก็ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมความรักครั้งนี้ถึงเบ่งบานไวนักคนหล่อเท่นิสัยดีเอาใจใส่ขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องตกหลุมรักไหม ขนาดเธอยังอดมองไม่ได้เลยแต่แค่คิดอิงฤดีก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ พอหันมองกลับไปก็เจอสายตาพิฆาตจากแฟนหนุ่ม ทำอย่างกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละอิงฤดีถือคติที่ว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ จึงเลิกนึกอวยคุณภูแล้วเข้าไปสะกิดตามเพื่อนไปทำงานพริมาพยักหน้าให้เพื่อนแล้วเอ่ยไล่คนตัวโต ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงไม่ยอมปล่อยมือเธอสักที“ไปทำงานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวโดนหักเงินเดือน”“ก็ได้ ๆ ตอนเที่ยงพี่จะมากินข้าวด้วยนะ”ภูดิศก้มลงจูบกระหม่อมเล็กแล้วเดินแยกออกไป ร่างบางรีบคล้
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
พอเปิดเช้าวันทำงานมา ความน่ารักของทั้งคู่ก็เห็นได้ชัดกว่าอาทิตย์ที่แล้วเสียอีกถึงกับมีคำพูดลอยมาเข้าหูอิงฤดีว่าคงจะแอบคบกันมานานแล้ว พริมาถึงยอมเลิกกับอัคคีง่ายดายเหลือเกินเธอรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ได้เป็นอย่างข่าวลือ แต่โต้เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ คนเราชอบเชื่อในสิ่งที่คิดเองเออเองอยู่แล้วกระนั้นก็ยังอยากจะมาเล่าให้เพื่อนฟัง แต่พอเห็นทั้งคู่คุยกันกระหนุงกระหนิงก็พูดไม่ออกเมื่อคืนเธอได้รู้จากพริมาว่าภูดิศพาไปไหว้พ่อแม่มาก็ยิ่งเข้าใจ ว่าทำไมความรักครั้งนี้ถึงเบ่งบานไวนักคนหล่อเท่นิสัยดีเอาใจใส่ขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องตกหลุมรักไหม ขนาดเธอยังอดมองไม่ได้เลยแต่แค่คิดอิงฤดีก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ พอหันมองกลับไปก็เจอสายตาพิฆาตจากแฟนหนุ่ม ทำอย่างกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละอิงฤดีถือคติที่ว่าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ จึงเลิกนึกอวยคุณภูแล้วเข้าไปสะกิดตามเพื่อนไปทำงานพริมาพยักหน้าให้เพื่อนแล้วเอ่ยไล่คนตัวโต ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงไม่ยอมปล่อยมือเธอสักที“ไปทำงานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวโดนหักเงินเดือน”“ก็ได้ ๆ ตอนเที่ยงพี่จะมากินข้าวด้วยนะ”ภูดิศก้มลงจูบกระหม่อมเล็กแล้วเดินแยกออกไป ร่างบางรีบคล้
พอถึงวันหยุดที่นัดกันไว้ ภูดิศก็ตื่นแต่เช้ามาเตรียมสำรับไปถวายพระและข้าวกล่องสำหรับพวกเขา เพราะตั้งใจว่าพาน้องน้อยไปปิกนิกในวัดวาอารามสักหน่อยพริมาลงมายืนแอบมองเข้าไปในครัว เห็นร่างสูงกำลังจัดเรียงอาหารใส่กล่องอย่างตั้งใจแต่ยิ่งมองหัวใจเธอก็ยิ่งเต้นรัวผิดปกติ คนอะไรทำได้แทบทุกอย่าง ชักจะเก่งเกินไปแล้วนะไม่น่าเชื่อว่าพี่ข้างบ้านคนนั้นจะโตมาได้น่ารักขนาดนี้ ถ้ารู้แต่แรกเธอจะได้ชิงจีบตั้งแต่ตอนเด็กเพื่อเอาของแถมตอนโตแม้ตอนนี้จะดูเหมือนว่าเธอได้มาครอบครองแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าเรียกคนตัวโตด้วยสถานะอื่น ต่อให้ในใจจะจัดลำดับความสำคัญของเขาไว้บนสุดก็ตามก็เรื่องแบบนี้สมควรให้ผู้ชายเป็นคนขอคบก่อนไม่ใช่เหรอ หรือว่าเธอก็เริ่มได้ สงสัยต้องไปถามเพื่อนดูสักหน่อย“คิดอะไรอยู่ครับ ดูเพ้อเอาเรื่องเชียว”คนตัวโตบีบจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว พอเธออ้าปากก็ป้อนไข่หวานม้วนให้“ลองชิมดูหน่อยสิว่าอร่อยไหม พี่ลองทำตามในคลิปแม่บ้านญี่ปุ่นน่ะ”“อืม ขออีกคำได้ไหมคะ พราวยังไม่แน่ใจเลย”“แสดงว่าอร่อยสินะ” เขาป้อนให้อีกชิ้นตามคำขอ “ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วครับ”“ค่า ๆ”ร่างบางวิ่งขึ้นชั้นสองไปอย่างน่าเอ็นดู ลงมาอีกทีก็
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป