“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะหัวหน้า”
พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
แต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม
“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”
“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”
“ค่ะ”
พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิม
ต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้ว
นิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้
“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”
ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน
“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”
“แต่คุณนันท์...”
“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”
ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็ต้องรีบปล่อย รอจนเขาเข้าห้องทำงานแล้วค่อยหันไประบายอารมณ์กับสองสาว
“มองอะไรกันยะ ไม่เคยเห็นผัวเมียทะเลาะกันหรือไง”
อิงฤดีหลุดขำพรืด ส่วนพริมากระพริบตาปริบ ๆ เพราะดูอย่างไรนิธินันท์ก็ไม่น่าจะยอมเป็นสามีของชมพูนุช แต่ถ้าพูดไปก็มีแต่เรื่อง เลยเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า
“ขำอะไรยะยายอิง แก่นกะโหลกอย่างเธอน่ะใครจะไปเอา ส่วนพราวก็หัวอ่อนเหลือเกิน โดนแฟนสวมเขามาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
ชมพูนุชทิ้งตัวลงนั่งประจำที่อย่างหงุดหงิด พอเห็นความสงบสุขของคนอื่นก็ยิ่งพาลพาโล
“แต่นั่งยิ้มหน้าระรื่นแบบนั้นคงยอมกลับไปคบกันอีกล่ะสิ เปลวมันลีลาดีจนตัดใจไม่ลงหรือไง ทำไมต้องทำตัวไร้ค่าให้ผู้ชายดูถูกด้วย”
“เอ้ะพี่ชม พอหัวหน้าไม่สนใจก็พูดจาไม่น่าฟังเลยนะ แค่นี้ยายพราวก็เสียใจมากพออยู่แล้ว”
อิงฤดีแหวใส่เข้าให้ พริมารีบดึงแขนเพื่อนเอาไว้
“ไม่เอาน่าอิง เดี๋ยวถูกหัวหน้าดุเอานะ”
“ก็...เชอะ” อิงฤดีสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง เพราะคนที่ว่าโผล่หัวออกมาดูจริง ๆ
นิธินันท์ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนจะปิดประตูไป
“เดี๋ยวนี้ปากดีเหลือเกินนะ สักวันฉันจะสั่งสอนให้งาม ๆ เลย”
ชมพูนุชคาดโทษรุ่นน้องอีกประโยค แล้วหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาเติมหน้าต่อ
เย็นนั้นสองสาวแวะกินชาบูร้านดังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป เพราะนิธินันท์โทรตามยิก ๆ จนอิงฤดีหงุดหงิด ดูท่าต้องคุยกันยาว ๆ สักหน่อยแล้ว
ฝ่ายพริมาลงจากรถประจำทางแล้วเดินเข้าซอยสิบสี่ตามปกติ สีหน้าท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย ดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนสักนิด
ตอนแรกก็ว่าจะเจ็บอยู่หรอก แต่พอได้คนมาดามใจแบบมาราธอนติดกันสองคืนรวด เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นก็กลายเป็นแค่อดีตที่ผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็ว
นี่เธอต้องขอบคุณเขาสินะ
“พี่ภู”
เสียงหวานเอ่ยเรียกคนในความทรงจำ สองแก้มพลันร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด
ไม่ได้มีแค่ความเจ็บปวดที่หายไป แต่ดูเหมือนเธอจะจำได้เพียงบทรักของคนชั่วคราวแล้วด้วย
ถ้าได้เข้าเรียนอีกสักคาบ...
ร่างบางรีบสั่นศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
ช่วงเวลาระหว่างเขากับเธอมันจบลงแล้ว คนหล่อเหลาอย่างนั้นย่อมมีสาว ๆ ผ่านเข้ามาให้เลือกมากมาย ไม่มีทางมาหยุดที่ยายจืดเป็นแน่ เต็มที่ก็คงจำได้เธอได้อยู่บ้าง
แต่นั่นมันรถใครกัน ทำไมถึงมาจอดอยู่หน้ารั้วบ้านเรา
พริมาเดินวนสำรวจไปรอบ ๆ รถเอสยูวีสีดำ
อย่างน้อยก็แน่ใจได้ว่าไม่ใช่รถของแฟนเก่าแน่ เพราะอัคคีชอบขับแต่รถสปอร์ทคันหรู เน้นโก้แต่ไม่เน้นใช้งานเช่นนี้
พอได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากบ้านข้าง ๆ เธอก็เลิกสนใจ คิดว่าคงเป็นรถของลูกหลานที่มาเยี่ยมคุณยายเหมือนทุกครั้ง
พริมาเดินกลับมาไขกุญแจประตูรั้วบานเล็กเตรียมเข้าบ้าน ในใจวางแผนว่าจะอ่านหนังสือพร้อมกับแช่เท้าในน้ำอุ่นสักหน่อย คืนนี้จะได้นอนหลับสบาย
“สวัสดีครับคนข้างบ้าน”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง ร่างบางรีบหันกลับไปมอง ดวงตากลมโตหลังยิ่งแว่นเบิกกว้างกว่าเดิม
“คุณ! คุณ ๆ”
“หืม” ร่างสูงหรี่ตามองนิ้วเล็กที่ชี้หน้าอยู่ “ใครคุณ”
“เอ่อ พี่ภูมาได้ยังไงคะ”
“สะกดรอยตามเรามามั้ง” ภูดิศดันคนตัวเล็กให้เข้าไปในรั้วบ้าน ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้แล้วไม่ยอมให้เขาเข้ามา
“เดี๋ยวค่ะ ๆ พี่ภูมาทำอะไรที่นี่คะ”
“ค้างกับเมียไงครับ”
“งั้นก็เอารถเข้าบ้านก่อน”
คนตัวโตเลิกคิ้วสูง พริมารีบหาข้อแก้ตัวแทบไม่ทัน
“คือซอยหน้าบ้านมันค่อนข้างแคบไงคะ ถ้ามีรถคันอื่นมาเฉี่ยวเข้าคงไม่ดี”
“อย่างนี้นี่เอง”
ภูดิศยกยิ้มชอบใจพลางเดินไปเปิดประตูรั้วบานใหญ่เพื่อเอารถเข้า ปล่อยให้คนขี้อายยืนเขินไป
พริมาเห็นชายหนุ่มถอยรถเข้ามาในรั้วอย่างชำนาญก็อดหมันไส้ไม่ได้ นี่คงเคยถอยเข้าบ้านสาวบ่อยแล้วสินะ
พอคนตัวโตปิดประตูรั้วเรียบร้อยก็ไม่เห็นเจ้าของบ้านแล้ว เขาจึงรีบเดินตามเข้าไปด้านใน อย่างไรคืนนี้ก็ไม่ยอมนอนในรถแน่
ภายในห้องนั่งเล่นแสนอบอุ่นอัดแน่นไปด้วยความทรงจำของครอบครัวเล็ก ๆ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าหญิงสาวคงเติบโตมาท่ามกลางความรักจากพ่อแม่
แต่ที่น่าเศร้าคือทั้งคู่ด่วนจากไปหมดแล้ว
“น้ำค่ะพี่ภู”
พริมาวางถาดเล็กลงบนโต๊ะหน้าโซฟา พอเห็นเขายืนมองรูปครอบครัวเธออยู่ก็เข้าไปแนะนำให้รู้จัก
“นี่พ่อกับแม่ของพราวค่ะ ส่วนเด็กผู้หญิงน่ารัก ๆ แก้มยุ้ย ๆ นั่นพราวเอง”
เธอพูดไปขำไป อีกคนก็หันมาส่งยิ้มให้
“ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย”
“ว่านั่นพราวเหรอคะ”
“ว่าเราน่ารักด้วย นึกว่าสวยอย่างเดียวซะอีก”
คนถูกชมอายม้วนจนหนีเข้าห้องครัวไปอีกรอบ ตอนแรกว่าจะวางท่าสักหน่อย แต่เจอแค่ประโยคนั้นก็เสียอาการแล้ว
ภูดิศเดินตามเข้าไปจ้องมองไม่เลิก ดวงตาคมวาววับราวกับหมาป่าจ้องจะงับเหยื่อ
“เอ่อ...พี่ภูกินอะไรมาหรือยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ พี่เห็นว่าเราไปกินชาบูแล้วก็เลยแวะหาอะไรกินมาบ้าง”
“พี่รู้ได้ยังไงคะว่าพราวไปไหนมา”
พริมากอดอกจ้องคนตัวโตกลับ เริ่มเชื่อจริง ๆ แล้วว่าเขาต้องสะกดรอยตามเธอแน่ ๆ
สมองน้อย ๆ หมุนติ้วคิดไปไกลมาก อีกคนก็เอาแต่ยืนยิ้มท่าเดียว ไม่ยอมอธิบายอะไรเพิ่มเลย
เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ว่าแต่เขาไปทำอะไรที่บ้านข้าง ๆ
“เมื่อกี้พี่ภูเข้าไปคุยกับคุณยายจันทร์มาเหรอคะ”
“ใช่ครับ พอดีพี่มีธุระอยากคุยกับเจ้าของบ้านหลังนั้นสักหน่อย แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว”
ภูดิศเอ่ยพลางตีเนียนเดินเข้าไปกอดคนตัวเล็ก “ทำหน้าบึ้งเชียว ไหนโกรธอะไรครับ ขอทีละเรื่องนะ”
“ใครโกรธกันคะ”
“อ้าว ไม่มีเหรอ งั้นก็ข้ามช่วงปรับความเข้าใจไปเข้าอย่างอื่นได้เลยสิ”
“ใครจะให้เข้ากัน ถอยออกไปเลยค่ะ”
พริมาขืนตัวเองออกจากอ้อมแขนกว้าง แต่ก็ถูกอีกคนช้อนตัวขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย
“เนี่ยนะไม่งอน หลับตาดูยังรู้เลย”
“พี่ภูจะรู้ได้ยังกันคะ ขนาดพี่เปลวยังดูไม่ออก ว้าย โอ้ย! เจ็บนะคะ โยนลงมาได้”
หญิงสาวเอามือลูบบั้นท้ายตัวเองป้อย ๆ เพราะถูกเขาโยนลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ประเด็นคือมันเก่ามากแล้วไง ความนุ่มนิ่มที่เคยมีก็ชักเหลือน้อยเต็มที พอเธอถูกทุ่มเข้าใส่แบบนี้ก็เจ็บสิ
“เจ็บบ้างก็ดี จะได้จำขึ้นใจว่าพี่ไม่ชอบให้เราพูดชื่อแฟนเก่า”
“พราวแค่...ขอโทษค่ะ”
เธอพูดไปแบบไม่ได้คิดอะไรเลย แค่สงสัยว่าผู้ชายจะดูออกจริงหรือ ขนาดคนที่คบกันมานานยังต้องรอให้หายงอนเองเลย
“ออกสิ ถ้าใส่ใจก็สังเกตเห็นหมดแหละ”
“นี่พราวเผลอพูดออกไปเหรอคะ”
พริมาทำหน้าเหวอ อีกคนเห็นแล้วนึกเอ็นดูขึ้นมาเลยยกมือลูบแก้มนวลเบา ๆ
“เปล่าครับ แต่พี่รู้ว่าเราอยากพูดอะไร”
สายตาคมดูนุ่มนวลมากจนคนถูกมองใจสั่นไปหมด ต้องรีบเบี่ยงประเด็นโดยไว
“ตกลงว่าพี่ภูสะกดรอยตามพราวจริง ๆ เหรอคะ”
“เปล่า”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพราวไปกินชาบูมา”
ภูดิศได้ยินก็หัวเราะร่วน เพราะคิดว่าเธอจะถามเรื่องบ้านเสียอีก “เรื่องนั้นนิธินันท์เป็นคนบอก”
“เกี่ยวอะไรกับหัวหน้าด้วยล่ะคะ”
“ก็...” ชายหนุ่มมองดวงหน้าไร้เดียงสาแล้วคลี่ยิ้มกว้าง “พี่เลยมารอเราที่นี่”
คนรอฟังขมวดคิ้วใส่ ทำไมเขาถึงเล่าข้ามไปข้ามมาแบบนี้ล่ะ
แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องพูดคุยกันจริง ๆ
“แล้วพี่รู้ได้ยังไงคะว่าบ้านพราวอยู่ที่ไหน”
“อืม พูดให้ถูกคือพี่มาดูบ้านเก่าของพี่ต่างหาก”
ชายหนุ่มจับมือเล็กมากุมไว้ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยหลังมือนุ่มเล่น ๆ แอบนึกถึงยามที่มือคู่นี้กอบกุมรอบตัวตนใหญ่โตแล้วชักรูดเบา ๆ ประโยคถัดมาเสียงทุ้มจึงแหบพร่า
“พี่ตั้งใจย้ายกลับมาอยู่ไทยก็เลยมาดูบ้านที่เคยอาศัยอยู่ แต่พอเข้าไปคุยแล้วเจ้าของปัจจุบันเขาไม่ยอมขายให้ ระหว่างที่พี่คิดว่าจะเอายังไงต่อพราวก็กลับมาพอดี”
ภูดิศนั่งนิ่งมองใบหน้าหวานที่เหวอหนักขึ้นเรื่อย ๆ ชวนให้คาดหวังคนตัวเล็กจะประติดประต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้
“นี่พี่...ใช่จริง ๆ ด้วย พราวนึกแล้วว่าหน้าตาคุ้น ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนั้น”
คราวนี้คนที่ประหลาดใจกลายเป็นภูดิศแทน “พราวจำพี่ได้ด้วยเหรอ ตั้งแต่แรกเลยอ่ะนะ”
“จำได้สิคะ พี่ภูดิศลูกป้ากัญญาบ้านข้าง ๆ พอคุณป้าเสียไปได้สองปีลุงภาศก็พาพี่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศนานแล้ว”
“พี่กลับมาแล้วครับ” ชายหนุ่มดึงน้องน้อยมากอดไว้แน่น ดีใจมากที่เธอจำเขาได้ “นึกว่าตอนนั้นพราวไม่สนใจพี่ซะอีก”
“ตอนแรกก็ไม่สนหรอกค่ะ ออกจะรำคาญด้วยซ้ำ คนอะไรชอบมานั่งเล่นกีต้าร์เสียงดังตอนที่เรากำลังอ่านหนังสือตลอด”
เธอรอมาตั้งสิบกว่าปี ในที่สุดก็ได้โอกาสบ่นสักที
“แต่พอพี่ย้ายไปแล้วพราวก็อดคิดถึงไม่ได้ มองไปเห็นหน้าต่างปิดสนิทก็...อื้อ”
อะไรเนี่ย นึกอยากจะจูบก็จูบ คนยังพูดไม่จบเลยนะ
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
แต่ดูท่าจะไม่ง่ายอย่างที่อธิปคาดหวังเพราะในที่ประชุมอัคคีจ้องมองหัวหน้าโปรเจคคนใหม่ไม่ว่าตา ดีที่พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายก็ข่มอารมณ์เอาไว้คนอื่น ๆ ในห้องพากันมองทั้งคู่สลับกันไปมา ข่าวซุบซิบย่อมเคลื่อนที่ไปไวอยู่แล้ว ใคร ๆ จึงรู้ว่าน้องบัญชีหน้าหวานเลิกกับช่างภาพมือหนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มคนใหม่จะมีโปรไฟล์เริดยิ่งกว่าส่วนภูดิศไม่ได้สนใจท่าทีของคนอื่นเลย พอแนะนำตัวเองจบก็เริ่มต้นระดมไอเดียกับทีมงานทันที คนที่รอดูเรื่องชาวบ้านจึงต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ก่อนกว่าจะประชุมเสร็จก็เลยเวลาพักเที่ยงไปแล้ว พอสองหนุ่มเดินคุยกันออกมา รุจีที่เป็นเลขาของอธิปก็เข้ามาดักหน้าไว้“คุณภูคะ มีน้องบัญชีเอาอาหารมาฝากไว้ให้ค่ะ”“ขอบคุณครับ”“อ้าว แล้วที่มึงให้น้องไปเมื่อเช้าล่ะ” อธิปปากไวเอ่ยทักทันที“ไม่รู้” ภูดิศรับกล่องโฟมมาอย่างงง ๆ สงสัยมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าวกล่อง ทำไมเธอต้องซื้ออาหารตามสั่งมาทิ้งไว้ให้ด้วยคนที่เพิ่งออกจากห้องประชุมล้วนยืนดูเหตุการณ์อย่างสนใจ พออัคคีเห็นอีกฝ่ายมองมาก็เดินแยกตัวไปเงียบ ๆ เหลือปภาดาที่ยังลังเลอยู่ สีหน้าแอบซ่อนความเสียดายไว้ไม่มิดมิน่าล่ะเด
เพียงไม่นานภูดิศก็ขับรถมาถึงบริษัทโฆษณาเอสดีแอดส์ฯพริมาเอ่ยขอบคุณ ขอให้เขาเดินทางดี ๆ แล้วลงจากรถ แต่หันไปมองอีกทีก็เห็นคนตัวโตเดินตามเข้ามายันหน้าตึก“พี่ภู! คนนอกห้ามเข้าอาคารนี้ค่ะ รีบไปทำงานสิคะ”ร่างบางมองซ้ายมองขวาราวกับกลัวคนเห็น อีกคนเลยยิ่งแกล้งหนักขึ้น“ไม่เอา พี่จะไปส่งเราก่อน”“พราวทำงานที่นี่มาหลายปีแล้ว ไม่หลงหรอกค่ะ”“งั้นพราวไปส่งพี่แทนแล้วกัน ห้องไอ้เอสอยู่ไหนเหรอ” เห็นน้องทำหน้างงงวยก็ต้องกลั้นขำ “ห้องบอสอธิปอยู่ที่ไหนครับ”“พี่ภูจะไปทำไมคะ”“อ้าว ไอ้ภู กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง กูกำลังคิดว่าถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูจะไปตามถึงบ้านแล้ว”อธิปเดินเข้ามากอดคอเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปมองสาวน้อยตรงหน้าแล้วพูดแซวเสียงหวาน“นี่มาด้วยกันเหรอ หวานกันจังเลยน้า”“อืม”ภูดิศตอบรับนิ่ง ๆ แต่พริมารีบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งชวนให้สงสัยเข้าไปใหญ่“ปะ...เปล่าค่ะ คือคุณภูเจอพราวเดินอยู่ข้างถนนก็เลยให้ติดรถมาด้วยกันน่ะค่ะ”คนฟังพากันขำเบา ๆ เพราะเธอยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งดูรู้ว่าสนิทกันตอนนี้พนักงานคนอื่นเริ่มหยุดมองอย่างสนใจมาก หญิงสาวทำหน้าไม่ถูกเลย พอเหลือบไปเห็นอัคคีกับคู่ขายืนอยู่ไกล ๆ
ภูดิศสอดมือรั้งท้ายทอยเล็กขึ้นรับจูบวาบหวาม ถึงตอนนี้ก็ยังนึกแปลกใจไม่น้อยที่เธอยังจูบเงอะงะเหมือนเด็กใหม่ ทั้งที่ก็คบกับไอ้หมอนั่นมาตั้งหลายปีแล้วแต่เขาไม่คิดจะถามเหตุผลแน่นอน ตอนนี้หน้าที่ฝึกฝนน้องน้อยเป็นของเขาแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องอีกเป็นอันขาดคนตัวโตนั่งลงบนโซฟาแล้วดึงร่างบางขึ้นมาคร่อมบนตักแกร่ง ริมฝีปากยังประกบกันแนบแน่น ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดง่าย ๆเสียงหวานครางอืออาในลำคอฟังดูเชื้อเชิญไม่น้อย กระตุ้นให้คนฟังบีบบั้นท้ายงอนงามเข้าเต็มแรง ก่อนลากมือขึ้นมาเคล้นคลึงอกนุ่มผ่านเสื้อเชิ้ตพอดีตัว เท่านี้ก็ทำให้คนถูกลูบสั่นสะท้านได้เหมือนกัน“อืม...พี่ภู”“ครับ ยกก้นขึ้นหน่อยเด็กดี” เขาดึงกระโปรงสั้นขึ้นไปกองบนเอวคอด กดแผ่นหลังบางเข้าหาตัวให้กลางกายเสียดสีกันไปมา “พราวเรียกพี่ทำไมเหรอครับ”“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะคะ”“มันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว”“คืนไหน”“คืนที่เราเอากันจนเช้าไง”คนตัวเล็กหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันใด พอถูกมือหนาสอดเข้าไปบดบี้กลางกายก็ยิ่งควบคุมสติไม่อยู่“พี่ภู เบาได้เบาค่ะ”“เบาไม่ได้ครับ พี่แข็งจนปวดไปหมดแล้ว เราก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”ใบหน้าคมกดหอมแก้มนุ่มเข้าฟอดใหญ่ ก่อ
“คุณพราวทำสรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้ด้วยนะครับ”“ได้ค่ะหัวหน้า”พริมารับกองใบเสร็จมาจากนิธินันท์ จัดแบ่งให้เป็นระเบียบว่าใบไหนเป็นค่าใช้จ่ายประเภทอะไร สามารถบันทึกลงบัญชีบริษัทได้โดยตรงหรือต้องรวมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆแต่แบ่งไปครึ่งกองก็รู้สึกได้ว่าหัวหน้ายังยืนอยู่ที่เดิม“มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ”“หือ อ๋อ ผมจะบอกว่าบิลยังมาไม่ครบนะ”“ค่ะ”พริมาตอบกลับงง ๆ เพราะนั่นมันเรื่องปกติที่ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ แต่เธอก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก้มหน้าทำงานไปตามเดิมต่างจากอีกคนที่แอบมองค้อนส่งให้ร่างสูง ทำมือทำไม้ไล่ให้เขาเข้าห้องทำงานส่วนตัวไปได้แล้วนิธินันท์เดินแยกไปพลางยกยิ้มมุมปาก ชอบใจที่ได้แกล้งแฟนสาว แต่ยังไม่ทันถึงหน้าประตูห้องก็ถูกลูกน้องอีกคนดักไว้“คุณนันท์หายไปไหนมาคะ วันนั้นชมรออยู่ที่ใต้ต้นมะพร้าวตั้งนาน มีฝรั่งตัวโตมาชวนชมคุยตั้งหลายรอบ น่ากลัวมากเลย ทำไมคุณไม่ไปตามนัดล่ะคะ”ชมพูนุชรองหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยอย่างออดอ้อน พยายามจะเข้าไปคล้องแขนอีกฝ่ายให้ได้ แต่เขาก็หลบหลีกเก่งเหลือเกิน“ผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะไป”“แต่คุณนันท์...”“ปล่อยมือครับ ผมไม่ชอบให้ใครถูกตัว”ชมพูนุชเห็นสายตาชายหนุ่มแล้วก็
หลังจบอาหารมื้อสายเจ้าของห้องก็แยกตัวไปอาบน้ำ พอเดินเช็ดผมออกมาก็เห็นร่างบางนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เขาจึงเข้าไปโน้มตัวกอดเธอจากทางด้านหลัง เกยคางไว้กับไหล่เล็ก“เป็นอะไรไป”หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ ปล่อยให้คนตัวโตกดจูบตามซอกคอเล็กไล่ไปถึงไหล่ลาด“บอกพี่มาสิ เรื่องไอ้หมอนั่นใช่ไหม”“คือ...”พริมาไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องนี้เท่าไรนัก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนลากเขาเข้ามาก็ควรจะอธิบายให้ฟังสักหน่อย“เมื่อคืนนี้...คุณพอใจไหมคะ” เอาเข้าจริงก็ยังไม่กล้าพูดอยู่ดี เลยเลี่ยงไปเรื่องอื่นก่อนดวงตาคมพราวระยับขึ้นมาทันใด รีบก้าวข้ามพนักโซฟาไปนั่งเบียดกับคนตัวเล็ก“ต้องตอบแบบไหนถึงจะได้ทำอีก”“คุณ!”“โอเค ๆ จริงจังแล้วก็ได้” เขาจับกำปั้นเล็กขึ้นมาจูบ “พี่ไม่สนหรอกว่าพราวจะเก่งเรื่องบนเตียงไหม เพราะเราเรียนรู้ไปด้วยกันได้ ขอเพียงแค่พราวเรียนกับพี่แค่คนเดียว”“พราวก็ไม่เคยคิดอยากเรียนกับครูหลาย ๆ คนพร้อมกัน แต่เขา...”“หมอนั่นพูดว่าอะไรบ้างเหรอ”เสียงทุ้มเอ่ยถามนิ่ง ๆ พลางเกลี่ยนิ้วโป้งบนหลังมือนุ่ม“ลองเล่ามาสิ พี่จะได้บอกมุมมองของผู้ชายคนอื่นให้ไง พราวจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ดีจริง ๆ หรือหมอนั่นแค่เป็นคนเฮงซวยเฉย
เพราะความห้าวเกินตัวในคืนก่อน ทำให้เช้านี้ร่างบางรู้สึกปวดร้าวระบมไปหมดเธอกับเขาฟัดกันมันหยดจริง ๆ บอกได้จากสภาพห้องสวีทที่เละเทะไปมากโขเอ่อ...หรือจะบอกจากตัวตนที่ยังแช่ฝังอยู่ในกายเธอก็ได้คนอะไรจะอึดถึงทนเอาดุเอวดีขนาดนี้เธอถูกจับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาร่างสูง ขาข้างหนึ่งก่ายเกยไว้บนเอวสอบ เปิดทางให้กลางกายใกล้ชิดสนิทสนมกันเต็มที่ เลยสามารถนอนมองคนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องขยับตัว แต่อาจมีเสียว ๆ แน่น ๆ อยู่บ้างอย่าไปโฟกัส ๆ มองข้ามเรื่องวาบหวิวไปดีกว่าสิ่งที่เธอนึกออกตั้งแต่เห็นเขาครั้งแรกคือหล่อ แค่นั้นเลย ไม่ต้องอธิบายมากเอ้า อธิบายเพิ่มให้ก็ได้แบบว่าหล่อมีเสน่ห์ตรงจริตเธอสุด ๆ โดยเฉพาะดวงตาแสนอ่อนโยนใจดีคู่นั้น แต่คิ้วหนากลับขมวดน้อย ๆ ชวนให้ดูเคร่งขรึมจริงจัง ยกเว้นยามที่แย้มยิ้มน่ามอง เลยดูขัดแย้งแต่น่าสนใจมากไหนจะบางอย่างที่กระตุ้นความสงสัยนั่นอีก แต่เธออาจคิดไปเองก็ได้ระหว่างที่พริมาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงโทรศัพท์ของห้องพักก็ดังขึ้นพอเขาสะดุ้งตื่น แท่งร้อนก็กระดกงัดอยู่ในร่องชื้น จนต่างคนต้องสูดปากไล่ความเสียวหญิงสาวจะขยับตัวหนีแต่ก็ถูกแขนยาวโอบรัดไว้แน่น แถมยังสามา
“รู้จักสิครับ นี่ที่รักไงล่ะ”ริมฝีปากหนาประกบลงจูบปากนุ่ม คนตัวเล็กถอยหนีแต่ก็ชนเข้ากับประตู กลายเป็นช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาเฉยเลยว่าแต่ทำไมถึงนุ่มนวลจังร่างสูงยกสองมือกักขังไม่ให้ร่างบางหนีไปไหน ปลายลิ้นร้อนก็ลิ้มเลียหยอกเย้า เชื้อเชิญให้เธอยอมเปิดทางพริมาร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเมาเหล้าหรือเมาจูบกันแน่ ใจนึกอยากจะถอดชุดเดรสสั้นนี่ทิ้ง ๆ ไปให้พ้นทางเหลือเกินที่แน่ ๆ คือเขาต้องเป็นครูที่เก่งกว่าอัคคีแน่นอน เพราะแค่จูบยังปลุกเร้าได้ขนาดนี้เขาไม่ได้แค่ตักตวงสิ่งที่ต้องการไปจากเธอ แต่ปรนเปรอในสิ่งที่แม้แต่ตัวเธอยังไม่เคยรู้ว่าต้องการให้กลับคืนมาด้วยเช่นยามที่มือสากลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังบาง ก่อนเลื่อนขึ้นเกี่ยวสายเดี่ยวทั้งสองข้างลงจากไหล่มน ปล่อยให้เดรสตัวน้อยที่มีบราในตัวร่วงลงไปกองกับพื้น เผยให้เห็นอกอิ่มเตะตาสะดุดใจทุกการเคลื่อนไหวของมือคู่นั้นช่างราบรื่นต่อเนื่อง ผสานกับปากร้ายที่ขบตรงนั้นจูบตรงนี้อยู่ตลอด ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถอนตัวจากความลุ่มหลงเลยชายหนุ่มใช้เข่าแทรกเข้าดันขาเรียวให้กางออก เปิดทางให้มือเลื่อนลงสัมผัสกลางกายสาวผ่านแพนตี้ลูกไม้สีดำสุดเซ็กซี่ ป
“สวัสดีครับ ยังมองเห็นหน้าผมอยู่ไหมเนี่ย”ชายหนุ่มที่เข้ามานั่งด้วยโบกมือไปมาตรงหน้าหญิงสาว มุมปากคลี่ยิ้มบางอยู่ตลอด พอเห็นเธอพยักหน้าก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเบา ๆ ให้อีกแก้ว“ดื่มอันนี้ดีกว่านะ จะได้ไม่เมาค้างหนัก”พริมาเอียงคอเพ่งมองอีกฝ่าย ต่อให้เห็นแค่ราง ๆ ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ชายที่หล่อคมเข้ม รูปร่างโดดเด่นสะดุดตาแค่ไหนก็ในเมื่อบรรดาสาว ๆ ในงานล้วนหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ แล้วพากันจับจ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทักทายยายจืดอย่างเธอทำไมกัน ถ้าอยากได้เหยื่อก็ไปเลือกสาวสวยไฮโซจากฝ่ายสร้างสรรค์สักคนสิ“เอ่อ...” พริมาไม่อยากอยู่ต่อแล้วจึงพยายามกวาดตามองหาเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่เห็นเงาอิงฤดีเลย“วันนี้คุณสวยมากนะ”“อะไรนะคะ” ทำไมถึงพูดราวกับเคยเห็นเธอวันอื่นด้วย“ไหนบอกสิว่าเป็นอะไร ทำไมถึงมานั่งเมาอยู่คนเดียวครับ”เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาร่างบางยกแก้วค็อกเทลขึ้นดื่มแก้เขิน รู้สึกเหมือนถูกสายตาเร่าร้อนมองทะลุไปถึงตับอ่อนข้างใน หรืออาจเป็นเธอที่ระอุเองก็ไม่รู้ ทำไมมันวูบวาบขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเหล้าแรง ๆ พวกนั้นแน่แต่ไม่ว่าจะด
พริมาเดินมาตามโถงทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมหรู สองมือกระชับผ้าคลุมไหล่กันหนาว นึกบ่นในใจเป็นร้อยรอบว่าไม่น่าสวมแค่ทูพีชลงไปเลยก็ตอนนั้นยายอิงมาเร่งแล้วเร่งอีก เธอขอให้รอพี่เปลวตื่นก่อนแล้วค่อยลงไปเล่นน้ำก็ไม่ยอม เห่อทะเลเป็นเด็ก ๆ ไปได้อาจเพราะที่บริษัทไม่ได้จัดทริปพักผ่อนอย่างนี้มานานแล้ว พอรู้ว่าจะได้มาเที่ยวทะเล อิงฤดีจึงลากเธอไปกว้านซื้อชุดบิกินนี่มาตั้งหลายตัว ไม่รู้ว่าจะใส่ไปอ่อยใครมากมายก่อนนี้พอเสร็จโปรเจคใหญ่ ๆ ทีไร คุณอธิปมักปิดบริษัทยกโขยงลูกน้องไปเที่ยวต่างจังหวัด ขึ้นเขาลงห้วยแล้วแต่อารมณ์แต่ปีสองปีหลังมานี้งานเยอะเป็นเท่าตัวจึงห่างหายไป หนนี้รู้สึกว่าบอสจะมีธุระที่นี่อยู่แล้ว เลยพาลูกน้องมาเที่ยวด้วยสามวันสองคืนพริมารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานบัญชีในบริษัทเอสดีแอดฯ แห่งนี้ ทั้งเงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงานล้วนดีมาก บรรยากาศการทำงานก็ใช้ได้ต่างจากเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานในบริษัทนำเข้าส่งออกอะไรสักอย่าง เวลาได้คุยกันทีไรเธอมักต้องนั่งฟังรตาบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกครั้ง แต่ระยะหลังนี่หายไปไหนก็ไม่รู้ หวังว่าจะอยู่สบายดีอีกหนึ่งสิ่งที่เธอได้จากบริษัทนี้คืออั