ตอนที่ 1
~เมื่อ10ปีที่แล้ว ณ ไร่ธาราธร~ “มาแล้วค่ะ มาแล้ว…คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายกลับมาแล้วค่ะ คุณเขื่อน คุณขิม” สาวใช้ในบ้านร้องตะโกนขึ้นมาเมื่อรถยนต์คันหรูได้วิ่งเข้ามาภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่โต ที่อยู่ท่ามกลางไร่องุ่นอันกว้างสุดลูกหูลูกตา “คุณพ่อคุณแม่มาแล้วหรอคะพี่กระปุก” เด็กสาววัย13ปีพูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นดีอกดีใจ “ค่ะคุณหนู” “เดี๋ยวขิมไปบอกพี่เขื่อนก่อนนะว่าคุณพ่อคุณแม่กลับมาแล้ว” พูดเสร็จเด็กสาวหน้าตาสวยน่ารักสมวัยก็รีบวิ่งไปเรียกผู้เป็นพี่ซึ่งอยู่บนห้องทันที ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเด็กสาวจะเปิดเข้าไปข้างในทันที ในขณะที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาต “พี่เขื่อนคะคุณพ่อกับคุณแม่กลับมาแล้วค่ะ” “กลับมาแล้วยังไง?” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอย่างไม่ได้สนอกสนใจอะไร “เราลงไปหาคุณพ่อคุณแม่กันดีกว่าค่ะ น้องทานตะวันคงจะมาถึงแล้ว ขิมดีใจจังเลยที่เราจะมีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน” เด็กสาวพูดชวนพี่ชายขึ้นพร้อมจับแขนพี่ชายดึงให้เดินลงไปข้างล่างด้วยความตื่นเต้น “พี่ไม่นับยัยเด็กนั่นเป็นน้องหรอก ถ้าขิมอยากได้เด็กนั่นเป็นน้องก็แล้วแต่” น้ำเสียงไม่พอใจขึ้นก่อนจะชักแขนกลับและเดินเลี่ยงเข้าห้องไป “เป็นอะไรของเขานะ” เด็กสาวผู้เป็นน้องได้แต่บ่นอุบอิบคนเดียวก่อนจะวิ่งลงไปข้างล่างหาแขกผู้มาใหม่ “คุณแม่ข๋า คิดถึงจังเลยค่ะ” เด็กสาววิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ด้วยความคิดถึงเพราะไม่ได้เจอกันเป็นเวลากว่าสองอาทิตย์ “คิดถึงแค่แม่คนเดียวหรือไงยัยขิม” ท่านธีระผู้เป็นพ่อพูดขึ้นบ้าง “แหม๋ ขิมก็คิดถึงคุณพ่อเหมือนกันค่ะ อย่าเพิ่งน้อยใจกันสิคะคุณพ่อ” เด็กสาวพูดขึ้นพลันหันไปกอดผู้เป็นพ่อบ้างด้วยความรัก “ขิม…นี่น้องตะวันลูกสาวคุณอาพรทิพย์เพื่อนรักของแม่ ตั้งแต่วันนี้น้องจะมาอยู่กับพวกเรา ขิมต้องรักและดูแลน้องเหมือนน้องสาวของขิมอีกคนนะลูก” คุณนายดารินทร์ผู้เป็นแม่พูดขึ้น “ค่ะคุณแม่” “หนูตะวัน…ต่อไปนี้เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะลูก นับตั้งแต่นี้ไปแม่กับพ่อและพี่ขิมคือครอบครัวของหนูนะลูก” คุณนายดารินทร์หันไปพูดกับเด็กสาวคนที่อายุน้อยสุดในบ้าน ซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุกระทันหัน เด็กคนนี้จึงกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ขาดทั้งพ่อและแม่ในขณะที่เธอมีอายุแค่เพียง8ขวบเท่านั้น คุณนายดารินทร์จึงรับเลี้ยงลูกสาวของเพื่อนด้วยความสงสารและเอ็นดู เพราะไม่มีญาติที่ไหนรับไปดูแล อีกทั้งภาระหนี้สินของครอบครัวที่มีมากมายคุณนายดารินทร์จึงรับใช้หนี้ให้ทั้งหมด รวมทั้งจะดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของเพื่อนรักให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำเพื่อเพื่อนรัก “ค่ะแม่ดา” เด็กสาวตอบรับด้วยแววตาเศร้าและใบหน้าเศร้าหมอง เธอต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุเพียงแค่8ขวบ แต่นับว่ายังโชคดีที่คุณนายดารินทร์รับเธอมาเลี้ยงดู เธอจึงยังมีที่พึ่งที่สุดท้ายที่เธอจะพอได้พึ่งพาอาศัย มีที่อยู่ที่กินที่หลบแดดหลบฝน แม่ดาเปรียบเสมือนแม่และผู้มีพระคุณอีกคนของเธอ คุณนายดารินทร์และท่านธีระมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย ชื่อธาราธร ศิรชล หรือเขื่อน คนเล็กเป็นผู้หญิง ชื่อสายธาร ศิรชล หรือขิม ลูกชายคนโตเป็นคนเคร่งขรึม ตรงไปตรงมา กล้าได้กล้าเสีย แต่ปากไม่ตรงกับใจ ส่วนลูกสาวคนเล็กเป็นคนดื้อรั้น แก่นแก้ว แต่เป็นคนจิตใจดีขี้สงสาร “แล้วนี่ตาเขื่อนไปไหน” ท่านธีระผู้เป็นพ่อถามขึ้นเพราะตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่เห็นหน้าลูกชายเลย “นั่นสิ เจ้าลูกคนนี้มันยังไง พ่อแม่มาถึงแทนที่จะมาหาแต่นี่กลับหลบหน้าหลบตาหนีหาย” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นบ่นๆให้ลูกชาย “พี่เขื่อนอยู่บนห้องค่ะคุณแม่ ขิมขึ้นไปเรียกแล้วแต่พี่เขื่อนไม่ลงมาค่ะ ไม่รู้เป็นไรของเขา” “เฮ้อ! ฉันละเหนื่อยใจจริงๆค่ะคุณ เมื่อไหร่ตาเขื่อนจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำสักที” “ลูกยังเด็กน่ะคุณ เดี๋ยวโตขึ้นเขาก็เข้าใจเองแหละ ให้เวลาลูกหน่อย” “อายุ18ปีแล้วนะคุณ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ” “เอาน่าๆ ให้เวลาเขาหน่อย คุณก็อย่าใจร้อนไป” ท่านธีระผู้เป็นสามีพูดปลอบใจภรรยาพลางเอามือโอบไหล่และลูบแขนเบาๆ “งั้นขิมพาน้องทานตะวันเอาของไปเก็บก่อนนะคะคุณแม่” “จ้ะลูก พาน้องเอาของไปเก็บและพักผ่อนอาบน้ำอาบท่า ตอนเย็นค่อยลงมาทานข้าวนะลูก” “ค่ะคุณแม่ ป่ะน้องตะวันเราไปดูห้องใหม่กัน” “ค่ะ พี่ขิม” เด็กสาวอายุ13ปี จูงมือเด็กน้อยอายุ8ปีขึ้นไปพักบนบ้านอย่างรักใคร่ ทางด้านอีกฝั่งของข้างบนบ้าน เด็กหนุ่มวัย 18ปีได้แอบดูคนข้างล่างคุยกันและแอบมองเด็กผู้มาใหม่ที่เขานึกเกลียดตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า เด็กน้อยหน้าตาน่ารักดวงตากลมโตสีดำผมยาวถักเปียสองข้าง ที่กำลังยืนด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย แต่เขากลับนึกสมเพชนัก นอกจากเกิดมาจะอาภัพแล้วยังเกิดมาสร้างความวุ่นวายให้กับครอบครัวคนอื่นเขาอีก ขนาดญาติพี่น้องยังไม่มีใครเอาไปเลี้ยง พ่อแม่ครอบครัวของเธอก็คงจะเป็นคนไม่ดีถึงมีแต่คนรังเกียจและไม่อยากรับผิดชอบ จนพ่อแม่ของเขาเองต้องมารับอุปการะแทน “หึ ยัยตัวภาระ!” ชายหนุ่มพูดขึ้นพลางแสยะยิ้มเบาๆก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าห้องไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ “นี่ห้องของน้องตะวันนะจ้ะ พี่เป็นคนจัดห้องนี้ไว้รอตะวันเอง ตะวันชอบไหม?” “ตะวันชอบมากค่ะ ตะวันขอบคุณพี่ขิมมากๆเลยนะคะ” เด็กน้อยวัย8ขวบพูดขึ้นด้วยความดีใจและขอบคุณผู้เป็นเหมือนพี่สาวของเธออีกคนด้วยความจริงใจ “ไม่เป็นไรจ้า มา…เดี๋ยวพี่ช่วยจัดของ ตะวันจะได้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกเดี๋ยวจะได้ลงไปทานข้าวเย็นกัน” “ค่ะ” เด็กสาวทั้งสองช่วยกันจัดของเก็บเข้าที่อย่างเรียบร้อย ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัว ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนชายหนุ่มวัย18ปีจะเปิดออกมา ธาราธรมองสบตาดวงตาเศร้าๆของเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆน้องสาวของเขาด้วยสายตาแข็งกระด้างและไม่ค่อยจะเป็นมิตร “แกมีอะไรยัยขิม” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเปิดประตูออกมาเจอน้องสาวและเด็กน้อยที่เขาไม่ชอบตั้งแต่รู้ว่าแม่ของเขาจะไปรับเธอมาเพื่ออุปการะเลี้ยงดู “ขิมมาเรียกพี่เขื่อนลงไปทานข้าวค่ะ อ้อ!แล้วนี่น้องทานตะวันค่ะ ขิมชวนน้องมาตามพี่เขื่อนลงไปทานข้าวด้วยกันค่ะ” “หึ แค่เห็นหน้ายัยเด็กนี่พี่ก็กินไม่ลงแล้ว ขิมกินลงก็กินไปเถอะ” ชายหนุ่มพูดกระแทกแดกดันเด็กหญิงตัวน้อยๆตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะปิดประตูห้องดังปัง!!จนเด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งด้วยความตกใจ และรีบก้มหน้าก้มตาลงทันทีพลันน้ำตาไหลหยดลงพื้น “พี่เขื่อนบ้า เป็นอะไรของเขาก็ไม่รู้นิสัยไม่ดีเลย ตะวันอย่าไปสนใจพี่เขื่อนเลยนะ เขาก็เป็นแบบนี้ล่ะ อารมณ์ผีเข้าผีออก” ขิมพูดบ่นขึ้นมาให้กับนิสัยแย่ๆของพี่ชายที่กระทำใส่เด็กหญิงตัวน้อยจนต้องร้องไห้ “พี่เขื่อนเขาไม่ชอบตะวันหรอคะพี่ขิม ตะวันไม่ใช่น้องของพี่เขื่อน พี่เขื่อนเลยเกลียดตะวันใช่ไหมคะ” “ไม่ใช่หรอกจ้ะน้องตะวัน พี่เขื่อนเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ บางทีเวลาพี่ทำอะไรให้ไม่พอใจพี่เขื่อนก็ชอบตะคอกพี่แบบนี้เหมือนกัน แต่พี่ชินแล้ว…ตะวันก็อย่าคิดมากนะ” เด็กสาวพูดขึ้นด้วยความสงสารเด็กน้อยตรงหน้าจับใจเพราะรู้ดีว่าพี่ชายของเธอเองไม่ชอบทานตะวันตั้งแต่แรก และเกลียดตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า พี่ชายของเธอไม่ต้องการให้แม่กับพ่อไปรับลูกคนอื่นมาเลี้ยงดูอุปการะ เพราะกลัวจะมาแย่งความรักและทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขาและน้องสาว เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ทุกคนต่างอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันยกเว้นแค่ธาราธรคนเดียวที่ไม่มาร่วมโต๊ะ เด็กสาวตัวเล็กได้แต่ก้มหน้าก้มตามองมือที่ประสานกันไว้บนตักด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เพราะเธอรู้ดีว่าตัวเองคงเป็นตัวต้นเหตุให้ลูกชายของเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ลงมาทานข้าว “แล้วนี่พี่เรามันไม่ลงมาทานข้าวรึไงยัยขิม” คุณนายดารินทร์ผู้เป็นแม่พูดขึ้นเมื่อไม่เห็นลูกชายมาร่วมโต๊ะ “คงไม่หิวมั้งคะคุณแม่ ขิมขึ้นไปชวนแล้วแต่บอกทานไม่ลง สงสัยคงไม่หิวค่ะ” “เจ้าลูกคนนี้หนิ ฉันเหนื่อยใจกับมันจริงๆ” “เอาน่าคุณเดี๋ยวมันหิวก็คงลงมาทานเองแหละ มาๆ ทานข้าวกันเถอะเดี๋ยวกับข้าวกับปลาจะเย็นหมดซะก่อน” ท่านธีระพูดขึ้นเพราะรู้ดีว่าทำไมลูกชายถึงไม่ยอมลงมาทานข้าว ก่อนทุกคนจะเริ่มรับประทานอาหารกัน จะมีก็แต่เด็กหญิงตัวน้อยที่แทบจะกลืนข้าวไม่ลง ตอนแม่กับพ่อเสียเธอก็รู้สึกแย่มากแล้ว แต่พอมาอยู่บ้านคนอื่นและต้องมาเป็นตัวภาระให้กับคนอื่นอีกเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่มากยิ่งขึ้นไปอีกตอนที่ 2 หลายเดือนต่อมา… ทานตะวันเด็กหญิงตัวน้อยก็ปรับตัวได้บ้างแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่ไร่ธาราธรทุกคนดีกับเด็กกำพร้าอย่างเธอมาก โดยเฉพาะคุณนายดารินท์ที่เอ็นดูลูกสาวของเพื่อนสนิทเสมือนกับลูกสาวของเธออีกคน จะมีก็แต่ธาราธรลูกชายเจ้าของไร่ที่เกลียดเด็กคนนี้และคอยกลั่นแกล้งเธอ ยิ่งเด็กสาวตัวน้อยไม่ตอบโต้และทำหน้าไร้เดียงสาเขาก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากยิ่งขึ้น เพราะเขาคิดว่าเด็กน้อยคนนี้สร้างภาพให้ดูน่าสงสารและในใจคงจะเกลียดเขามากเหมือนกันแต่ต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ และตอนนี้เด็กนั่นกำลังเล่นขายของอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้หลังบ้าน เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็เดินดุ่มๆเข้าไปแกล้งเตะหม้อข้าวหม้องแกงของเด็กน้อยจนพังหมด ปั่ก ปั่ก!! เพล้ง!! ธาราธรใช้เท้าเตะจนของเล่นของเด็กสาวตัวน้อยล้มแตกกระจัดกระจายเต็มพื้น “พี่เขื่อน ทำหม้อข้าวหม้อแกงของตะวันทำไมคะ ดูสิแตกหมดเลย” เด็กน้อยหน้าตาน่ารักนัยน์ตาเศร้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือประกอบกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า “พี่หรอ! ฉันไม่ใช่พี่เธอ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ และเธอก็ไม่ใช่น้องของฉัน ฉันมีน้องแค่คนเดียวคือยัยขิม!!” เขาพูดต
ตอนที่ 3 ~10ปีผ่านไป~ เด็กน้อยอายุแปดขวบในวันนั้นตอนนี้เธอได้โตเป็นสาวแล้ว ทานตะวันในวัย18ปีสูง167ซม.หนัก45กก. รูปร่างผอมเพรียว หน้าตาจิ้มลิ้มประกอบกับผิวขาวๆของเธอยิ่งทำให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนเธอจะเป็นที่น่าสนใจให้กับหนุ่มๆวัยรุ่นในโรงเรียนมากพอสมควร ตอนนี้เด็กสาวเดินอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว สักพักได้ยินเสียงรถยนต์เหยียบเบรกลากยาวกระทันหันดังเอี๊ยดดด!! และเสียงบีบแตรรัวๆตามมาเนื่องจากมียายแก่ๆคนหนึ่งจะเดินข้ามถนน จนทำให้รถยนต์สุดหรูที่ขับมาทางตรงต้องเหยียบเบรกกะทันหัน “คุณยาย!!!” ทานตะวันตะโกนขึ้นมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปพยุงยายแก่ๆพาแกเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ด้วยความน่ารักและใจดีของเธอจึงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในรถยนต์คันหรูได้เผลอยิ้มบางๆออกมากลบเกลื่อนความโกรธที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ “สวย...น่ารักจัง” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวเมื่อได้เห็นความน่ารักและมีน้ำใจของเด็กสาวที่กำลังพยุงคุณยายแก่ๆข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก่อนเขาจะขับรถมุ่งตรงไปที่ตลาดเพื่อจะซื้อของกินอร่อยๆไปฝากผู้เป็นแม่ “น้องตะวัน!!” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งต
ตอนที่ 4 เช้าของวันใหม่ทานตะวันตื่นตั้งแต่เช้าอย่างเช่นทุกวัน เด็กสาวตัวเล็กตื่นมาเธอก็จะมาหมกมุ่นอยู่กับแปลงผักสวนครัวหลังบ้านที่เธอปลูกเองกับมือจนแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลยทีเดียว เพราะเธอปลูกผักสวนครัวแทบจะทุกชนิดไว้ตรงพื้นที่หลังบ้าน ทานตะวันตื่นมารดน้ำในทุกๆเช้าและเก็บผักบางชนิดไว้สำหรับนำไปประกอบอาหารอย่างเช่นทุกวัน ธาราธรเองวันนี้ก็ตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ ร่างสูงเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงห้อง ดวงตาคมทอดสายตามองออกไปข้างหน้าเขาก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กกำลังรดน้ำต้นไม้และร้องฮำเพลงไปด้วย ทานตะวันปล่อยผมยาวสีดำขลับสยายลงมาถึงกลางหลัง ในเวลาที่เธอไม่ได้รวบผมแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นสาวและสวยมาก แม้เธอจะใส่เพียงแค่ชุดนอนลายการ์ตูนธรรมดาๆ แต่มันก็ทำให้เธอดูน่ามองจนชายหนุ่มเผลอลอบยิ้มให้กับท่าทางของเธอที่กำลังรดน้ำผักสวนครัวและร้องเพลงไปด้วยอย่างเพลินตา “บ้าไปแล้ว…ทำไมต้องยิ้มให้กับยัยเด็กบ้าตัวภาระคนนี้ด้วยไอ้เขื่อน!!” ธาราธรได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆพลางสลัดรอยยิ้มทิ้งไป แต่ก็ยังทอดมองไปยังเจ้าของร่างบางอย่างไม่วางตา “คุณหนูเดี๋ยวผมช่วยเองครับ...มา!!” นะนนท์ลูกชายของป
ตอนที่ 5 ทานตะวันรีบวิ่งออกมาจากห้องของธาราธรอย่างร้อนรน ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นตุบๆแทบจะไม่เป็นจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทำไมเราถึงต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ” เธอได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหารข้างล่าง “เป็นไงลูกพี่เขื่อนทำอะไรอยู่” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นเมื่อตะวันเดินตรงมายังโต๊ะรับประทานอาหาร “เอ่อ...คุณเขื่อนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จค่ะแม่ดาก็เลยลงมาช้าหน่อย” “มิน่าล่ะ คงจะตื่นสาย งั้นเราก็ทานกันก่อนเลยแล้วกัน ถ้าเสร็จเขาก็คงลงมาเอง” “นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนโตของบ้านเดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร ก่อนธาราธรตะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตะวันเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียด “มาๆลูกทานข้าวกัน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมดซะก่อน” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อทุกคนต่างก็ลงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก่อนจะพากันรับประทานอาหารเช้า ธาราธรเหลือบมองเด็กสาวตรงหน้าเป็นระยะ ส่วนอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานหารตรงหน้า “แล้ววันนี้จะไปไหนกันหรือเปล่าลูก” ท่านธีระถามขึ้น “ผมว่าจะแวะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์สั
ตอนที่6 ธาราธรเหยียบคันเร่งออกมาจากไร่ของเพื่อนตะวันด้วยความรีบร้อนประกอบกับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด ยิ่งเห็นหน้ายัยเด็กตัวภาระนี่ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตะวันเองตั้งแต่ขึ้นมาบนรถก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร เธอเอาแต่ก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าตักแบบนั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ “เธอหนีเที่ยวมาพลอดรักกับผู้ชาย แต่โกหกแม่ของฉันว่ามาทำรายงานกับเพื่อนสินะ หึ!” คำพูดเหน็บแนมเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน “ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน ตะวันมาทำรายงานจริงๆค่ะ” “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเด็กตัวปัญหาอย่างเธอหรอ ห๊ะ! ถ้ารักสนุกก็อย่าเรียนให้มันเปลืองเงินของแม่ฉัน!” “ไม่ใช่อย่างที่คุณเขื่อนคิดเลยนะคะ ตะวันไม่เคยทำอะไรแบบที่คุณเขื่อนพูด ก่อนมาตะวันขออนุญาตแม่ดาแล้ว และแม่ดาก็อนุญาตแล้วด้วย” “แล้วยังไง? ก็เธอโกหกแม่ฉันหนิ หนีเที่ยวมาพรอดรักกับผู้ชาย หน้าไม่อาย แล้วนั่นของอะไรที่เขาเอามาล่อเธอล่ะ!” น้ำเสียงขุ่นเคืองพูดขึ้นอีกครั้งพลันหัน
ตอนที่ 7 หลังจากเข้ามาอยู่ในรถแล้วตะวันก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร สายตาเศร้าๆของเธอเอาแต่ทอดมองออกไปข้างนอกกระจกรถ “เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ธาราธรถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ตัวเขาเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไล่ให้เธอลงไปจากรถในขณะที่เป็นเวลาพลบค่ำและเส้นทางเปลี่ยวๆเช่นนี้ “เปล่าค่ะ” ตะวันตอบเพียงสั้นๆก่อนจะก้มหน้ามองมือที่ประสานกันบนตัก เธอยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอนึกไปถึงแต่ภาพที่เกิดขึ้นวกไปวนมาอยู่ในหัว จนกระทั่งรถยนต์คันหรูของธาราธรได้ขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว ตะวันเปิดประตูลงจากรถและรีบเดินปรี่เข้าไปในบ้าน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไร “อ้าว มาแล้วหรอจ้ะตะวัน ทานข้าวมาหรือยัง?” ขิมถามขึ้นเมื่อเห็นตะวันเดินขึ้นมาบนชั้นบนด้วยท่าทางอันเร่งรีบ “ตะวันทานมาจากบ้านยัยเจนแล้วค่ะพี่ขิม” “แล้วนี่ทำไมตาบวมแดงแบบนี้ล่ะ ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า” “เอ่อ...ตะวันไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่ขิม เดินลงจากรถมาเมื่อกี้แมลงอะไรไม่รู้บินมาเข้าตา เดี๋ยวตะวันขอตัวไปล้างน้ำ
ตอนที่8 รถยนต์คันหรูได้วิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน ภูพาเพื่อนบ้านคนสนิทของครอบครัวศิรชลได้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของฝากมากมายที่ถือมาเต็มไม้เต็มมือ “อ้าว ตาภู วันนี้หอบอะไรมาอีกล่ะลูกพะรุงพะรังเชียว” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นก่อนชายหนุ่มรูปหล่อจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมหลังจากเด็กรับใช้ในบ้านเดินมาช่วยเอาของที่ชายหนุ่มถือมาไปเก็บ “สวัสดีครับคุณแม่” “ไหว้พระเถอะลูก...แล้วนี่ได้อะไรมาเต็มไม้เต็มมือเชียว” “อ่อ พอดีวันนี้ผมเข้าไปตลาดน่ะครับ เห็นผลไม้ถูกๆวางขายกันเยอะเลย ผมก็เลยช่วยอุดหนุนแม่ค้าเขาหน่อยเลยซื้อมาฝากคุณแม่ด้วยครับ” “ขอบใจนะพ่อคุณที่นึกถึงแม่” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เอ่อ…แล้วนี่น้องตะวันยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอครับ” ภูผาถามขึ้นพลันสายตาคมก็สอดส่องมองหาคนตัวเล็กไปมา “กลับมาแล้วจ้ะสงสัยคงกำลังง่วนอยู่กับการคัดเลือกองุ่นน่ะลูก มาถึงปุ๊บก็เข้าไปในไร่ช่วยคนงานคนอื่นๆคัดองุ่นเลย” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาน้องตะวันในไร่ก่อนนะครับคุณแม่” “จ้ะลูก วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ เดี๋ยวแม่จะลงมือทำกับ
ตอนที่ 9 เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็นทุกคนก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องรับประทานอาหาร หลังจากนั้นธาราธรก็แนะนำโซเฟียกับภูผาพร้อมกับทานตะวัน “ไอ้ภู นี่คือโซเฟียเพื่อนกูที่เรียนที่ฝรั่งเศสด้วยกัน…ส่วนนี่คือภูผาเพื่อนผมเองครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณภูผาสุดหล่อ” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณโซเฟีย” “ส่วนนี่…ทานตะวัน เด็กกำพร้าที่แม่ผมอุปการะ” เมื่อธาราธรพูดจบก็ทำเอาทุกคนรู้สึกตกใจให้กับคำพูดของเขา โดยเฉพาะตะวันเธอมีสีหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนจะยกมือไหว้ผู้ที่มีอายุเยอะกว่าอย่างโซเฟียด้วยความนอบน้อม “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ้ะ” หญิงสาวรับไหว้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก อีกทั้งยังมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเหยียดๆ เมื่อคุณนายดารินทร์เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนของลูกชายคนนี้ขึ้นมาทันที “ฉันเลี้ยงทานตะวันมาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รักตะวันเหมือนลูกสาวของฉันคนหนึ่งถึงแม้เธอจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันก็ตาม และถ้าใครที่ไม่ให้เกียรติทานตะวันก็ถือว่าหยามหน้าฉันด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหมตาเขื่อน!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นอย่างเหลืออด และอดจะพูดจาตำหนิลูกชายตั
ตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก
ตอนที่ 41 หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จสรรพแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตะวันเองก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! “ตะวันจ้ะ ตะวัน” ขิมเรียกตะวันอยู่หน้าห้อง สักพักเพียงไม่นานทานตะวันก็เดินออกมาเปิดประตู “พี่ขิมมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ตะวันมาดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิจ้ะ คืนนี้ก็นอนเป็นเพื่อนพี่ด้วยเลย…พอดีพี่อยากดูหนังผีน่ะ แต่ไม่กล้าดูคนเดียว แหะแหะ” ขิมเอ่ยชวนขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยๆให้ตะวัน “ได้เลยค่ะ งั้นพี่ขิมรอตะวันแป้บนึงนะคะ เดี๋ยวตะวันเข้าไปเอาเสื้อคลุมก่อนค่ะ” “จ้า” หลังจากทานตะวันออกไปดูหนังผีเป็นเพื่อนขิมที่ห้องไม่นานนักธาราธรก็แอบเข้ามาในห้องของเธอ เขาตั้งใจไว้ว่ายังไงคืนนี้เขาจะจับเธอกินให้ได้ ไม่อย่างงั้นเขาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆ แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เพียงแค่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องแต่กลับไม่พบคนตัวเล็ก ก่อนเขาจะหันไปเปิดไฟและเดินสำรวจดูทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอ อารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจเริ่มประเดประดังเข้ามาท
ตอนที่ 40 ภูผาเดินออกมาจากไร่องุ่นและขับรถกระชากออกไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์โมโหของตัวเองที่ถึงขีดสุด เขาโกรธที่ธาราธรเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวหักหลัง ตลอดเวลาคอยกันท่าเขากับตะวันมาตลอด ปากบอกว่าเกลียด ปากบอกว่าไม่ชอบ แต่สุดท้ายกลับกลืนน้ำลายตัวเอง ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ธาราธรตัวเขาเองคงจะไม่เจ็บถึงขนาดนี้ “คุณเขื่อน ตะวันเดินเองได้ค่ะ” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อมือหนาของอีกคนบีบข้อมือของเธอกึ่งเดินกึ่งลากเข้ามาภายในบ้าน “ตาเขื่อนนั่นทำอะไรลูก แขนน้องแดงหมดแล้วนะ!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อเห็นธาราธรดึงกระชากแขนทานตะวันเข้ามาในบ้าน “คุณแม่ก็ถามลูกสาวตัวดีของคุณแม่ดูสิ ว่าทำไมไปยืนกอดกันกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผัวตัวเองแบบนั้น” “นี่มันเรื่องอะไรกันลูกตะวัน” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่ดา ตะวันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ภูนะคะ ตะวันคิดกับพี่ภูแค่พี่ชายเท่านั้น พี่ภูเขาแค่ขอกอดตะวันในฐานะน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย ตะวันก็เลย...” “ให้มันกอด เหอะ!” ธาราธรพูดแทรกขึ้นมาโดยที่พยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองเอาไว้ เขาโกรธ เขาหึง เขาหวงทำไมเ
ตอนที่ 39 เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว คุณนายดารินทร์และท่านธีระก็เรียกให้ธาราธรและทานตะวันไปพบที่ห้องรับแขก เพื่อจะได้ปรึกษาหารือกันเรื่องงานแต่งงานที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด “ตกลงตะวันยอมแต่งงานกับพี่เขื่อนเขาแล้วใช่ไหมลูก” ท่านธีระถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว “เอ่อ…ค่ะคุณพ่อ” “พ่อขอบคุณนะลูกที่หนูให้โอกาสลูกชายของพ่อได้ดูแลหนู” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความห่วงใยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องวันเวลาล่ะ ยังจะถือเอาฤกษ์สะดวกอยู่ไหมเขื่อน” ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกชายเพียงคนเดียวที่เอาแต่ยกยิ้มชอบใจขึ้นมาบ้าง “ผมตกลงกับน้องว่าภายในสามเดือนนี้ครับคุณพ่อ” “อืม ก็ยังดีกว่าภายในสองอาทิตย์เพราะนั่นมันก็เร็วเกินไป” “หลังจากนี้เขื่อนต้องดูแลน้องให้ดีๆนะลูก และที่สำคัญเขื่อนกับตะวันจะต้องแยกห้องนอนกันจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ในระหว่างนี้เขื่อนต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับน้องเด็ดขาด!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “อะไรนะครับคุณแม่!! ผมไม่ทำแบบนั้นแน่ๆครับ!” “แค่สามเด