ตอนที่ 2
หลายเดือนต่อมา… ทานตะวันเด็กหญิงตัวน้อยก็ปรับตัวได้บ้างแล้ว ตั้งแต่มาอยู่ที่ไร่ธาราธรทุกคนดีกับเด็กกำพร้าอย่างเธอมาก โดยเฉพาะคุณนายดารินท์ที่เอ็นดูลูกสาวของเพื่อนสนิทเสมือนกับลูกสาวของเธออีกคน จะมีก็แต่ธาราธรลูกชายเจ้าของไร่ที่เกลียดเด็กคนนี้และคอยกลั่นแกล้งเธอ ยิ่งเด็กสาวตัวน้อยไม่ตอบโต้และทำหน้าไร้เดียงสาเขาก็ยิ่งรู้สึกเกลียดมากยิ่งขึ้น เพราะเขาคิดว่าเด็กน้อยคนนี้สร้างภาพให้ดูน่าสงสารและในใจคงจะเกลียดเขามากเหมือนกันแต่ต้องพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ และตอนนี้เด็กนั่นกำลังเล่นขายของอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้หลังบ้าน เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็เดินดุ่มๆเข้าไปแกล้งเตะหม้อข้าวหม้องแกงของเด็กน้อยจนพังหมด ปั่ก ปั่ก!! เพล้ง!! ธาราธรใช้เท้าเตะจนของเล่นของเด็กสาวตัวน้อยล้มแตกกระจัดกระจายเต็มพื้น “พี่เขื่อน ทำหม้อข้าวหม้อแกงของตะวันทำไมคะ ดูสิแตกหมดเลย” เด็กน้อยหน้าตาน่ารักนัยน์ตาเศร้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือประกอบกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้า “พี่หรอ! ฉันไม่ใช่พี่เธอ ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ และเธอก็ไม่ใช่น้องของฉัน ฉันมีน้องแค่คนเดียวคือยัยขิม!!” เขาพูดตะคอกขึ้นมาด้วยความโมโห เขาเกลียดเธอเกลียดแสนเกลียด ยิ่งเห็นนัยน์ตาเศร้าๆและใบหน้าเศร้าหมองของเธอแล้วเขาก็ยิ่งเกลียดไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน “แต่ของเล่นพวกนี้แม่ดาซื้อให้ตะวันนะคะ พี่เขื่อนทำมันแตกหมดเลย” “แม่ดาคือแม่ฉันไม่ใช่แม่เธอ เธอมันก็แค่เด็กไม่มีพ่อแม่ ตัวภาระของครอบครัวพวกฉัน!!” เขาพูดออกไปด้วยความเกลียดชัง แม้เด็กคนนี้จะมีอายุแค่เพียง8ขวบเท่านั้น แต่เขาก็ยิ่งเกลียดแสนเกลียดเธอ ทานตะวันน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเสียใจที่ถูกชายหนุ่มด่าและพูดถึงปมด้อยของเธอ ก่อนจะวิ่งหนีออกไปด้วยความเสียใจ “ฮือ ฮืออ พี่เขื่อนใจร้าย ฮือออ….” เด็กน้อยวิ่งร้องไห้ออกไปโดยไม่ทันมอง จนกระทั่งวิ่งไปชนเข้ากับภูผาเพื่อนบ้านไร่ข้างๆกันเข้าอย่างจัง ปึ่กกก!! “โอ๊ยยย!!” “น้องตะวัน!! เจ็บตรงไหนไหม?” ภูผาถามขึ้น “ไม่เป็นอะไรค่ะ” “แล้วนี่ตะวันร้องไห้ทำไมครับ แล้ววิ่งหนีอะไรมา” ภูผาถามขึ้นอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเมื่อเด็กน้อยผมเปียที่แสนจะน่ารักวิ่งหน้าตั้งร้องไห้จนกระทั่งมาชนเข้ากับเขา “เปล่าค่ะ ตะวันไปก่อนนะคะ” เด็กน้อยรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านเพื่อเข้าห้องไปร้องไห้คนเดียวเหมือนเช่นเคยด้วยความเสียใจ ภูผาได้แต่มองตามอย่างนึกเป็นห่วง เขาถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น หน้าตาเธอน่ารัก สดใส แต่แววตาของเธอช่างดูเศร้าเหลือเกิน “มาที่นี่มีอะไรไอ้ภู” น้ำเสียงเข้มของธาราธรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเดินมาเห็นภูผาเพื่อนสนิทกำลังคุยกับเด็กน้อยคนนั้นอยู่ และเธอได้วิ่งออกไปแล้ว “มาหาน้องตะวัน แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลยน้องก็วิ่งร้องไห้ไปโน่นละ” ภูผาพูดขึ้นทำให้อีกคนถึงกับคิ้วขมวดว่าเพื่อนของเขามาหาเด็กนั่นทำไม “มึงมาหายัยเด็กนั่นทำไม” “มะรืนนี้วันเกิดกูไง มึงจำไม่ได้หรอ? กูก็เลยกะว่าจะมาชวนน้องขิมแล้วก็น้องตะวันไปงานวันเกิดด้วย แล้วก็กะจะมาชวนมึงด้วยนี่แหละ!” “หึ ถ้ายัยเด็กตัวภาระนั่นไปด้วย กูก็ไม่ไป” เขื่อนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งและแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง “อะไรของมึงวะไอ้เขื่อน จนป่านนี้แล้วมึงจะจงเกลียดจงชังอะไรน้องตะวันเขานักหนา ก็ไม่เห็นน้องตะวันเขาจะทำตัวเป็นภาระอะไรให้ ออกจะน่าสงสารมากกว่า” “ถ้ามึงสงสารก็เอายัยเด็กนั่นไปเลี้ยงเองเลยสิวะ จะได้ไม่ต้องมาเป็นตัวภาระให้กับครอบครัวกู!” “ก็ได้นะถ้าแม่ดายกให้ คุณแม่คงจะรับเลี้ยงเด็กน่ารักๆอย่างน้องตะวันแน่นอน” “หึ!” เขื่อนแสยะยิ้มมุมปาก “ตกลงถ้าว่างมึงก็พาน้องๆไปนะ อาทิตย์หน้ามึงก็จะไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสแล้ว คงอีกนานกว่าเราจะได้เจอกัน เดี๋ยวกูจะไปขออนุญาตแม่ดาอีกทีก่อน” “อืม” ภูผาและเขื่อนพูดคุยกันสักพักก่อนจะเข้าไปขออนุญาตคุณนายดารินทร์ให้ขิมและตะวันไปงานวันเกิดของตนในวันระรืนนี้ เมื่อช่วงเย็นทานตะวันเดินไปหลังบ้านเพื่อไปเก็บของเล่นที่ธาราธรทำแตกเมื่อตอนกลางวัน ชิ้นไหนที่ยังใช้ได้เธอก็จะเก็บเอาไว้เล่นอีก ส่วนชิ้นไหนแตกเธอก็จะเก็บใส่ถุงไว้ต่างหาก ก่อนจะเดินลัดเลาะมาทางด้านสวนหลังบ้านด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย โดยไม่รู้ว่ามีสายตาที่มีแต่ความเกลียดชังของอีกคนจับจ้องอยู่ตรงหน้าระเบียงชั้นบน เด็กน้อยเดินขึ้นมาบนบ้านเบาๆ ก่อนจู่ๆจะมีคนมากระชากถุงหม้อข้าวหม้องแกงที่อยู่ในมือของเธอข้างหนึ่งออกไป “คุณเขื่อน เอาของตะวันมานะคะ ตะวันจะเอาไปเก็บไว้ค่ะ” เด็กสาวพูดขึ้นพลันก้มหน้ามองพื้นโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนตัวโต “ถ้าฉันไม่ให้แล้วจะทำไม ก็แค่ของเล่นเน่าๆที่แตกพังไปหมดแล้ว เธอจะเก็บมาไว้ให้รกบ้านของฉันทำไม” “แต่แม่ดาซื้อให้ตะวันนะคะ ตะวันจะเอาไปเก็บไว้ค่ะ” “เก็บไว้หรอ... ได้!! งั้นก็ไปเก็บเอาข้างล่างแล้วกัน!” พูดเสร็จชายหนุ่มก็เดินเข้าไปกระชากเอาถุงหม้อข้าวหม้อแกงในมืออีกข้าง และเดินปรี่เข้าไปในห้องมุ่งตรงไปที่ระเบียงพร้อมจะเขวี้ยงถุงหม้อข้าวหม้อแกงเพื่อจะโยนทิ้งลงไปด้ายล่าง ทันใดนั้นเด็กน้อยวัย8ขวบก็ได้วิ่งไปยื้อยุดฉุดกระชากถุงในมืออีกคนกลับมา จนเผลอโดนคนตัวโตกว่าผลักเต็มแรงจนล้มลงไปกระแทกพื้น ปึ่ก!!! “โอ๊ยย!!” “นี่มันอะไรกันคะพี่เขื่อน ทำไมทำน้องแบบนี้คะ” ขิมน้องสาวเพียงคนเดียวของธาราธรพูดขึ้น เมื่อเข้ามาเห็นพี่ชายผลักทานตะวันจนล้มลงไปก้นกระแทกพื้น “หึ สมน้ำหน้า!!” เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกับสิ่งที่ตัวเองทำ ยิ่งเด็กน้อยคนนั้นทำหน้าตาเศร้าสร้อยและร้องไห้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเกลียดเธอมากขึ้นเท่านั้น “เป็นอะไรหรือป่าวน้องตะวัน เจ็บตรงไหนไหม” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ขิม” “พี่เขื่อนทำเกินไป แบบนี้พี่ต้องบอกคุณแม่คุณพ่อแล้ว” “ยะ อย่านะคะพี่ขิม อย่าบอกแม่ดานะคะ” “ทำไมล่ะตะวัน พี่เขื่อนทำนิสัยไม่ดีแบบนี้กับตะวันนะคะ พี่ต้องบอกคุณแม่” “ฮึก! ตะวันไม่อยากให้คุณเขื่อนเกลียดตะวันค่ะ ถ้าพี่ขิมบอกแม่ดา แม่ดาต้องไปดุคุณเขื่อนและคุณเขื่อนก็จะยิ่งเกลียดตะวันไปมากกว่านี้ค่ะ ฮือออ” ทานตะวันพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาไหลอาบสองแก้ม เธอแค่ไม่อยากจะเป็นตัวปัญหาให้เขาต้องมาทะเลาะกับผู้เป็นแม่ “งั้นก็ได้ ครั้งนี้พี่จะไม่ไปบอกคุณแม่ก็ได้ แต่ถ้าครั้งหน้าพี่ขิมจะไม่ทนแล้วนะ เพราะพี่เขื่อนทำตัวนิสัยไม่ดี พี่ไม่ชอบเลยแบบนี้” “ค่ะพี่ขิม” “พี่จะมาชวนน้องตะวันไปงานวันเกิดพี่ภูผาวันมะรืนนี้ ตะวันไปด้วยกันนะ พี่ภูผาฝากพี่ขิมชวนตะวันไปด้วย” “เอ่อ…ตะวันขอไม่ไปได้ไหมคะ เดี๋ยวตะวันจะเขียนการ์ดอวยพรฝากไปให้คุณภูผาค่ะ” “เพราะพี่เขื่อนใช่ไหมตะวันถึงไม่อยากไป” เด็กสาวถามขึ้นแม้จะพอรู้เหตุผลที่เด็กน้อยคนนี้ไม่อยากไปก็ตาม “เอ่อ…คือ..” “เอาเป็นว่าพี่เข้าใจตะวันนะคะ งั้นตะวันอย่าลืมเตรียมการ์ดอวยพรไว้ให้พี่ภูผานะเดี๋ยวพี่ขิมจะเป็นคนเอาไปให้เอง โอเคไหม??” “โอเคค่ะพี่ขิม” เด็กสาวทั้งสองต่างโผเข้ากอดกันด้วยความรัก ขิมเองก็รักและเอ็นดูเด็กน้อยคนนี้เหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งของเธอ ~2 อาทิตย์ต่อมา~ วันนี้ธาราธรต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสทุกคนในครอบครัวต่างเดินทางมาส่งชายหนุ่มที่สนามบิน รวมทั้งเด็กน้อยนัยน์ตาเศร้าคนนี้ด้วย “ไปอยู่ที่โน่นดูแลตัวเองดีๆด้วยนะลูก โทรหาแม่บ่อยๆด้วยนะแม่คงคิดถึงเขื่อนแย่เลย” คุณนายดารินทร์โผเข้ากอดลูกชายด้วยความรัก เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ได้ห่างกันไกลๆเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ธาราธรจบมัธยมปลายแล้วจึงต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อจะได้กลับมาสานงานต่อที่ไร่องุ่นแห่งนี้แทนผู้เป็นพ่อ “คุณแม่คุณพ่อก็ดูแลตัวเองดีๆด้วยนะครับ ยัยขิมก็ด้วยดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีๆล่ะ” “รับทราบค้าคุณพ่อคนที่สอง” เด็กสาวผู้เป็นน้องโผกอดผู้เป็นพี่ชายด้วยความรัก จากนี้คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน พลันสายตาคมของชายหนุ่มก็เหลือบไปมองเด็กน้อยนัยน์ตาเศร้าที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น ก่อนเขาจะหันหลังเตรียมตัวเดินไปขึ้นเครื่องเพราะจวนจะได้เวลาแล้ว “คุณเขื่อนคะ!” ทานตะวันเด็กน้อยวัยแปดขวบเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้น ก่อนเขาจะหยุดชะงักและหันกลับมามองทางต้นเสียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง “ตะวันเขียนการ์ดอวยพรให้คุณเขื่อนค่ะ” พูดเสร็จเด็กสาวก็ยื่นการ์ดให้กับชายหนุ่มตรงหน้าที่มองเด็กน้อยคนนี้ด้วยอารมณ์หงุดหงิดและไม่พอใจสักเท่าไหร่ “รับไปสิลูก น้องอุตส่าห์เขียนการ์ดอวยพรให้” คุณนายดารินทร์เอ่ยขึ้นเพื่อให้ลูกชายรีบรับการ์ดอวยพรของทานตะวันเด็กน้อยที่เขารักเหมือนลูกอีกคน “เอามา! เสียเวลาฉันจริงๆ!!” ธาราธรรีบกระชากการ์ดอวยพรในมือของตะวันอย่างไม่ค่อยพอใจก่อนจะรีบเดินออกไปทันทีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว “อย่าถือสาพี่เขื่อนเลยนะลูก พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ” “ค่ะแม่ดา” เด็กน้อยตอบรับด้วยใบหน้าเศร้าๆ ก่อนทุกคนจะเดินทางกลับไร่ธาราธรทันทีตอนที่ 3 ~10ปีผ่านไป~ เด็กน้อยอายุแปดขวบในวันนั้นตอนนี้เธอได้โตเป็นสาวแล้ว ทานตะวันในวัย18ปีสูง167ซม.หนัก45กก. รูปร่างผอมเพรียว หน้าตาจิ้มลิ้มประกอบกับผิวขาวๆของเธอยิ่งทำให้เธอดูน่ามองมากยิ่งขึ้น และดูเหมือนเธอจะเป็นที่น่าสนใจให้กับหนุ่มๆวัยรุ่นในโรงเรียนมากพอสมควร ตอนนี้เด็กสาวเดินอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนเนื่องจากเป็นเวลาเลิกเรียนแล้ว สักพักได้ยินเสียงรถยนต์เหยียบเบรกลากยาวกระทันหันดังเอี๊ยดดด!! และเสียงบีบแตรรัวๆตามมาเนื่องจากมียายแก่ๆคนหนึ่งจะเดินข้ามถนน จนทำให้รถยนต์สุดหรูที่ขับมาทางตรงต้องเหยียบเบรกกะทันหัน “คุณยาย!!!” ทานตะวันตะโกนขึ้นมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปพยุงยายแก่ๆพาแกเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ด้วยความน่ารักและใจดีของเธอจึงทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ในรถยนต์คันหรูได้เผลอยิ้มบางๆออกมากลบเกลื่อนความโกรธที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ “สวย...น่ารักจัง” ธาราธรพูดออกมาเบาๆคนเดียวเมื่อได้เห็นความน่ารักและมีน้ำใจของเด็กสาวที่กำลังพยุงคุณยายแก่ๆข้ามถนนไปอีกฝั่ง ก่อนเขาจะขับรถมุ่งตรงไปที่ตลาดเพื่อจะซื้อของกินอร่อยๆไปฝากผู้เป็นแม่ “น้องตะวัน!!” ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งต
ตอนที่ 4 เช้าของวันใหม่ทานตะวันตื่นตั้งแต่เช้าอย่างเช่นทุกวัน เด็กสาวตัวเล็กตื่นมาเธอก็จะมาหมกมุ่นอยู่กับแปลงผักสวนครัวหลังบ้านที่เธอปลูกเองกับมือจนแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลยทีเดียว เพราะเธอปลูกผักสวนครัวแทบจะทุกชนิดไว้ตรงพื้นที่หลังบ้าน ทานตะวันตื่นมารดน้ำในทุกๆเช้าและเก็บผักบางชนิดไว้สำหรับนำไปประกอบอาหารอย่างเช่นทุกวัน ธาราธรเองวันนี้ก็ตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ ร่างสูงเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงห้อง ดวงตาคมทอดสายตามองออกไปข้างหน้าเขาก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กกำลังรดน้ำต้นไม้และร้องฮำเพลงไปด้วย ทานตะวันปล่อยผมยาวสีดำขลับสยายลงมาถึงกลางหลัง ในเวลาที่เธอไม่ได้รวบผมแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นสาวและสวยมาก แม้เธอจะใส่เพียงแค่ชุดนอนลายการ์ตูนธรรมดาๆ แต่มันก็ทำให้เธอดูน่ามองจนชายหนุ่มเผลอลอบยิ้มให้กับท่าทางของเธอที่กำลังรดน้ำผักสวนครัวและร้องเพลงไปด้วยอย่างเพลินตา “บ้าไปแล้ว…ทำไมต้องยิ้มให้กับยัยเด็กบ้าตัวภาระคนนี้ด้วยไอ้เขื่อน!!” ธาราธรได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆพลางสลัดรอยยิ้มทิ้งไป แต่ก็ยังทอดมองไปยังเจ้าของร่างบางอย่างไม่วางตา “คุณหนูเดี๋ยวผมช่วยเองครับ...มา!!” นะนนท์ลูกชายของป
ตอนที่ 5 ทานตะวันรีบวิ่งออกมาจากห้องของธาราธรอย่างร้อนรน ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นตุบๆแทบจะไม่เป็นจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทำไมเราถึงต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ” เธอได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหารข้างล่าง “เป็นไงลูกพี่เขื่อนทำอะไรอยู่” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นเมื่อตะวันเดินตรงมายังโต๊ะรับประทานอาหาร “เอ่อ...คุณเขื่อนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จค่ะแม่ดาก็เลยลงมาช้าหน่อย” “มิน่าล่ะ คงจะตื่นสาย งั้นเราก็ทานกันก่อนเลยแล้วกัน ถ้าเสร็จเขาก็คงลงมาเอง” “นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนโตของบ้านเดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร ก่อนธาราธรตะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตะวันเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียด “มาๆลูกทานข้าวกัน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมดซะก่อน” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อทุกคนต่างก็ลงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก่อนจะพากันรับประทานอาหารเช้า ธาราธรเหลือบมองเด็กสาวตรงหน้าเป็นระยะ ส่วนอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานหารตรงหน้า “แล้ววันนี้จะไปไหนกันหรือเปล่าลูก” ท่านธีระถามขึ้น “ผมว่าจะแวะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์สั
ตอนที่6 ธาราธรเหยียบคันเร่งออกมาจากไร่ของเพื่อนตะวันด้วยความรีบร้อนประกอบกับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด ยิ่งเห็นหน้ายัยเด็กตัวภาระนี่ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตะวันเองตั้งแต่ขึ้นมาบนรถก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร เธอเอาแต่ก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าตักแบบนั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ “เธอหนีเที่ยวมาพลอดรักกับผู้ชาย แต่โกหกแม่ของฉันว่ามาทำรายงานกับเพื่อนสินะ หึ!” คำพูดเหน็บแนมเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน “ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน ตะวันมาทำรายงานจริงๆค่ะ” “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเด็กตัวปัญหาอย่างเธอหรอ ห๊ะ! ถ้ารักสนุกก็อย่าเรียนให้มันเปลืองเงินของแม่ฉัน!” “ไม่ใช่อย่างที่คุณเขื่อนคิดเลยนะคะ ตะวันไม่เคยทำอะไรแบบที่คุณเขื่อนพูด ก่อนมาตะวันขออนุญาตแม่ดาแล้ว และแม่ดาก็อนุญาตแล้วด้วย” “แล้วยังไง? ก็เธอโกหกแม่ฉันหนิ หนีเที่ยวมาพรอดรักกับผู้ชาย หน้าไม่อาย แล้วนั่นของอะไรที่เขาเอามาล่อเธอล่ะ!” น้ำเสียงขุ่นเคืองพูดขึ้นอีกครั้งพลันหัน
ตอนที่ 7 หลังจากเข้ามาอยู่ในรถแล้วตะวันก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร สายตาเศร้าๆของเธอเอาแต่ทอดมองออกไปข้างนอกกระจกรถ “เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ธาราธรถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ตัวเขาเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไล่ให้เธอลงไปจากรถในขณะที่เป็นเวลาพลบค่ำและเส้นทางเปลี่ยวๆเช่นนี้ “เปล่าค่ะ” ตะวันตอบเพียงสั้นๆก่อนจะก้มหน้ามองมือที่ประสานกันบนตัก เธอยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอนึกไปถึงแต่ภาพที่เกิดขึ้นวกไปวนมาอยู่ในหัว จนกระทั่งรถยนต์คันหรูของธาราธรได้ขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว ตะวันเปิดประตูลงจากรถและรีบเดินปรี่เข้าไปในบ้าน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไร “อ้าว มาแล้วหรอจ้ะตะวัน ทานข้าวมาหรือยัง?” ขิมถามขึ้นเมื่อเห็นตะวันเดินขึ้นมาบนชั้นบนด้วยท่าทางอันเร่งรีบ “ตะวันทานมาจากบ้านยัยเจนแล้วค่ะพี่ขิม” “แล้วนี่ทำไมตาบวมแดงแบบนี้ล่ะ ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า” “เอ่อ...ตะวันไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่ขิม เดินลงจากรถมาเมื่อกี้แมลงอะไรไม่รู้บินมาเข้าตา เดี๋ยวตะวันขอตัวไปล้างน้ำ
ตอนที่8 รถยนต์คันหรูได้วิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน ภูพาเพื่อนบ้านคนสนิทของครอบครัวศิรชลได้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของฝากมากมายที่ถือมาเต็มไม้เต็มมือ “อ้าว ตาภู วันนี้หอบอะไรมาอีกล่ะลูกพะรุงพะรังเชียว” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นก่อนชายหนุ่มรูปหล่อจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมหลังจากเด็กรับใช้ในบ้านเดินมาช่วยเอาของที่ชายหนุ่มถือมาไปเก็บ “สวัสดีครับคุณแม่” “ไหว้พระเถอะลูก...แล้วนี่ได้อะไรมาเต็มไม้เต็มมือเชียว” “อ่อ พอดีวันนี้ผมเข้าไปตลาดน่ะครับ เห็นผลไม้ถูกๆวางขายกันเยอะเลย ผมก็เลยช่วยอุดหนุนแม่ค้าเขาหน่อยเลยซื้อมาฝากคุณแม่ด้วยครับ” “ขอบใจนะพ่อคุณที่นึกถึงแม่” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เอ่อ…แล้วนี่น้องตะวันยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอครับ” ภูผาถามขึ้นพลันสายตาคมก็สอดส่องมองหาคนตัวเล็กไปมา “กลับมาแล้วจ้ะสงสัยคงกำลังง่วนอยู่กับการคัดเลือกองุ่นน่ะลูก มาถึงปุ๊บก็เข้าไปในไร่ช่วยคนงานคนอื่นๆคัดองุ่นเลย” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาน้องตะวันในไร่ก่อนนะครับคุณแม่” “จ้ะลูก วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ เดี๋ยวแม่จะลงมือทำกับ
ตอนที่ 9 เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็นทุกคนก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องรับประทานอาหาร หลังจากนั้นธาราธรก็แนะนำโซเฟียกับภูผาพร้อมกับทานตะวัน “ไอ้ภู นี่คือโซเฟียเพื่อนกูที่เรียนที่ฝรั่งเศสด้วยกัน…ส่วนนี่คือภูผาเพื่อนผมเองครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณภูผาสุดหล่อ” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณโซเฟีย” “ส่วนนี่…ทานตะวัน เด็กกำพร้าที่แม่ผมอุปการะ” เมื่อธาราธรพูดจบก็ทำเอาทุกคนรู้สึกตกใจให้กับคำพูดของเขา โดยเฉพาะตะวันเธอมีสีหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนจะยกมือไหว้ผู้ที่มีอายุเยอะกว่าอย่างโซเฟียด้วยความนอบน้อม “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ้ะ” หญิงสาวรับไหว้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก อีกทั้งยังมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเหยียดๆ เมื่อคุณนายดารินทร์เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนของลูกชายคนนี้ขึ้นมาทันที “ฉันเลี้ยงทานตะวันมาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รักตะวันเหมือนลูกสาวของฉันคนหนึ่งถึงแม้เธอจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันก็ตาม และถ้าใครที่ไม่ให้เกียรติทานตะวันก็ถือว่าหยามหน้าฉันด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหมตาเขื่อน!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นอย่างเหลืออด และอดจะพูดจาตำหนิลูกชายตั
ตอนที่ 10 ธาราธรเข้ามาช่วยคนงานในไร่คัดเลือกองุ่น ถึงเขาจะเป็นเจ้าของไร่แต่เขามักจะทำอะไรทุกอย่างเฉกเช่นคนงานในไร่ เขามักจะลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับไม่มีสมาธิทำงาน ที่สำคัญไม่ว่าคนงานจะทำอะไรก็มักจะขัดหูขัดตาเขาตลอด “เขื่อนข๋า…เขื่อน คุณมัวแต่ทำอะไรอยู่คะ ในไร่ร้อนก็ร้อน โซเฟียอยากออกไปข้างนอกเขื่อนพาโซเฟียไปได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดขึ้นในขณะที่ถือร่มในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งก็ถือพัดวีไปมาเมื่อพัดดับความร้อน “ผมไม่ว่าง คุณไม่เห็นรึไงว่าผมทำงานอยู่ ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็ให้ลุงวิรัตน์ขับรถให้ก็แล้วกัน” “แต่โซเฟียอยากให้เขื่อนพาไปนี่คะ” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับทำง้ำหน้างอ “ผมต้องทำงาน ถ้าคุณมาสร้างปัญหาให้ผมในขณะที่ผมทำงานอยู่แบบนี้คุณก็ควรกลับฝรั่งเศสไปซะโซเฟีย!” ธาราธรพูดขึ้นอย่างเหลืออดเช่นกัน วันนี้เขายิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว “ทำไมเขื่อนพูดแบบนี้คะ โซเฟียอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อตามเขื่อนมาถึงที่นี่ เขื่อนยังมาไล่โซเฟียได้อีกหรอคะ...เขื่อนใจร้ายที่สุด” พูดจบหญิงสาวก็บีบน้ำตาร้องไห้ออกมาเพื่อเรี
ตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก
ตอนที่ 41 หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จสรรพแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตะวันเองก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! “ตะวันจ้ะ ตะวัน” ขิมเรียกตะวันอยู่หน้าห้อง สักพักเพียงไม่นานทานตะวันก็เดินออกมาเปิดประตู “พี่ขิมมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ตะวันมาดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิจ้ะ คืนนี้ก็นอนเป็นเพื่อนพี่ด้วยเลย…พอดีพี่อยากดูหนังผีน่ะ แต่ไม่กล้าดูคนเดียว แหะแหะ” ขิมเอ่ยชวนขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยๆให้ตะวัน “ได้เลยค่ะ งั้นพี่ขิมรอตะวันแป้บนึงนะคะ เดี๋ยวตะวันเข้าไปเอาเสื้อคลุมก่อนค่ะ” “จ้า” หลังจากทานตะวันออกไปดูหนังผีเป็นเพื่อนขิมที่ห้องไม่นานนักธาราธรก็แอบเข้ามาในห้องของเธอ เขาตั้งใจไว้ว่ายังไงคืนนี้เขาจะจับเธอกินให้ได้ ไม่อย่างงั้นเขาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆ แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เพียงแค่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องแต่กลับไม่พบคนตัวเล็ก ก่อนเขาจะหันไปเปิดไฟและเดินสำรวจดูทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอ อารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจเริ่มประเดประดังเข้ามาท
ตอนที่ 40 ภูผาเดินออกมาจากไร่องุ่นและขับรถกระชากออกไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์โมโหของตัวเองที่ถึงขีดสุด เขาโกรธที่ธาราธรเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวหักหลัง ตลอดเวลาคอยกันท่าเขากับตะวันมาตลอด ปากบอกว่าเกลียด ปากบอกว่าไม่ชอบ แต่สุดท้ายกลับกลืนน้ำลายตัวเอง ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ธาราธรตัวเขาเองคงจะไม่เจ็บถึงขนาดนี้ “คุณเขื่อน ตะวันเดินเองได้ค่ะ” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อมือหนาของอีกคนบีบข้อมือของเธอกึ่งเดินกึ่งลากเข้ามาภายในบ้าน “ตาเขื่อนนั่นทำอะไรลูก แขนน้องแดงหมดแล้วนะ!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อเห็นธาราธรดึงกระชากแขนทานตะวันเข้ามาในบ้าน “คุณแม่ก็ถามลูกสาวตัวดีของคุณแม่ดูสิ ว่าทำไมไปยืนกอดกันกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผัวตัวเองแบบนั้น” “นี่มันเรื่องอะไรกันลูกตะวัน” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่ดา ตะวันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ภูนะคะ ตะวันคิดกับพี่ภูแค่พี่ชายเท่านั้น พี่ภูเขาแค่ขอกอดตะวันในฐานะน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย ตะวันก็เลย...” “ให้มันกอด เหอะ!” ธาราธรพูดแทรกขึ้นมาโดยที่พยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองเอาไว้ เขาโกรธ เขาหึง เขาหวงทำไมเ
ตอนที่ 39 เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว คุณนายดารินทร์และท่านธีระก็เรียกให้ธาราธรและทานตะวันไปพบที่ห้องรับแขก เพื่อจะได้ปรึกษาหารือกันเรื่องงานแต่งงานที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด “ตกลงตะวันยอมแต่งงานกับพี่เขื่อนเขาแล้วใช่ไหมลูก” ท่านธีระถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว “เอ่อ…ค่ะคุณพ่อ” “พ่อขอบคุณนะลูกที่หนูให้โอกาสลูกชายของพ่อได้ดูแลหนู” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความห่วงใยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องวันเวลาล่ะ ยังจะถือเอาฤกษ์สะดวกอยู่ไหมเขื่อน” ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกชายเพียงคนเดียวที่เอาแต่ยกยิ้มชอบใจขึ้นมาบ้าง “ผมตกลงกับน้องว่าภายในสามเดือนนี้ครับคุณพ่อ” “อืม ก็ยังดีกว่าภายในสองอาทิตย์เพราะนั่นมันก็เร็วเกินไป” “หลังจากนี้เขื่อนต้องดูแลน้องให้ดีๆนะลูก และที่สำคัญเขื่อนกับตะวันจะต้องแยกห้องนอนกันจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ในระหว่างนี้เขื่อนต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับน้องเด็ดขาด!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “อะไรนะครับคุณแม่!! ผมไม่ทำแบบนั้นแน่ๆครับ!” “แค่สามเด