ตอนที่ 4
เช้าของวันใหม่ทานตะวันตื่นตั้งแต่เช้าอย่างเช่นทุกวัน เด็กสาวตัวเล็กตื่นมาเธอก็จะมาหมกมุ่นอยู่กับแปลงผักสวนครัวหลังบ้านที่เธอปลูกเองกับมือจนแทบไม่ต้องซื้อผักกินเลยทีเดียว เพราะเธอปลูกผักสวนครัวแทบจะทุกชนิดไว้ตรงพื้นที่หลังบ้าน ทานตะวันตื่นมารดน้ำในทุกๆเช้าและเก็บผักบางชนิดไว้สำหรับนำไปประกอบอาหารอย่างเช่นทุกวัน ธาราธรเองวันนี้ก็ตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ ร่างสูงเดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงห้อง ดวงตาคมทอดสายตามองออกไปข้างหน้าเขาก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กกำลังรดน้ำต้นไม้และร้องฮำเพลงไปด้วย ทานตะวันปล่อยผมยาวสีดำขลับสยายลงมาถึงกลางหลัง ในเวลาที่เธอไม่ได้รวบผมแบบนี้มันยิ่งทำให้เธอดูเป็นสาวและสวยมาก แม้เธอจะใส่เพียงแค่ชุดนอนลายการ์ตูนธรรมดาๆ แต่มันก็ทำให้เธอดูน่ามองจนชายหนุ่มเผลอลอบยิ้มให้กับท่าทางของเธอที่กำลังรดน้ำผักสวนครัวและร้องเพลงไปด้วยอย่างเพลินตา “บ้าไปแล้ว…ทำไมต้องยิ้มให้กับยัยเด็กบ้าตัวภาระคนนี้ด้วยไอ้เขื่อน!!” ธาราธรได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆพลางสลัดรอยยิ้มทิ้งไป แต่ก็ยังทอดมองไปยังเจ้าของร่างบางอย่างไม่วางตา “คุณหนูเดี๋ยวผมช่วยเองครับ...มา!!” นะนนท์ลูกชายของป้าน้อมแม่ครัวของที่นี่พูดขึ้น เมื่อเห็นตะวันกำลังยืดรดน้ำผักสวนครัวอยู่ นะนนท์กับตะวันสนิทกันพอสมควรเพราะอายุไล่เลี่ยกัน และทานตะวันเองก็นับถือนะนนท์เหมือนพี่ชายคนหนึ่งเช่นกัน “ไม่เป็นไรค่ะพี่นนท์อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้วตะวันทำได้ค่ะ” “ไม่เป็นไรครับคุณหนู มาๆผมช่วยเองจะได้เสร็จเร็วๆ” ชายหนุ่มเข้าไปแย่งสายยางรดน้ำจากมือของทานตะวันมาเพื่อจะช่วยเธอรดน้ำผัก แต่ตะวันเองนึกอยากจะแกล้งนะนนท์เลยฉีดน้ำเข้าใส่ชายหนุ่มจนเปียกปอนไปทั้งตัว “นี่แน่ะๆ อยากช่วยนักใช่ไหมพี่นนท์ งั้นก็เปียกซะเลย ” ตะวันแกล้งฉีดน้ำเข้าใส่อีกจนเปียกชุ่มไปทั้งตัว “คุณตะวัน ผมเปียกหมดแล้วนะครับ” ทั้งสองคนต่างแย่งกันฉีดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ก่อนเสียงทุ้มเข้มที่แฝงไปด้วยความดุดันจากบุคคลที่สามจะดังขึ้นทำให้ทั้งสองต่างหยุดชะงักไปทันที “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” ธาราธรตะโกนขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก “พวกเธอเล่นอะไรกันเสียงดังน่ารำคาญ จนฉันต้องตื่น!!” “อะ เอ่อ ตะวันขอโทษนะคะคุณเขื่อน ตะวันลืมไปว่าคุณเขื่อนกลับมาแล้ว เลยพลอยเสียงดังจนทำให้รบกวนการนอนของคุณเขื่อน” ทานตะวันก้มหน้าก้มตาพูดขอโทษอีกคน โดยไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้าและสบสายตาดุๆของเขา “นี่เธอพูดกับดินกับหญ้าหรือไง เวลาพูดกับฉันเธอต้องมองหน้า ไม่ใช่หลบหน้าหลบตาพูด!!” “คะ ค่ะ คุณเขื่อน” “เอ่อ กระผมผิดเองครับคุณเขื่อน อย่าไปโทษคุณตะวันเลย” นะนนท์พูดขึ้นเพราะไม่อยากให้เจ้านายต่อว่าทานตะวัน “นี่แกเป็นแฟนกับยัยนี่รึไงห๊ะ! ถึงได้ออกรับแทนกัน!” “ปะ เปล่านะครับคุณเขื่อน ผมกับคุณหนูเราไม่ได้เป็นอะไรกันครับ กระผมไม่กล้าแม้แต่จะคิดแบบนั้นหรอกครับ” “ดี!! เธอเองก็เหมือนกัน…เป็นผู้หญิงอะไรมาหยอกล้อกันกับผู้ชายแบบนี้ ถ้าเธอไม่อายก็ควรจะกลัวว่าแม่ฉันจะอับอายบ้างนะ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะคิดว่าแม่ของฉันเลี้ยงเธอไม่ดี!!” ธาราธรพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาไม่ชอบใจที่เห็นทานตะวันไปคุยและทำตัวสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนอื่น และก็ยังเป็นลูกของคนใช้ในบ้านของเขาแบบนี้ “ค่ะคุณเขื่อน” ทานตะวันตอบรับด้วยหน้าตาเศร้าๆ และเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้น จนธาราธรเริ่มจะหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเธอขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วเธอจะยังยืนบื้ออยู่อีกทำไมล่ะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิ หรือว่าชอบนักที่ยืนโชว์หุ่นให้ผู้ชายมอง” ธาราธรพูดจบก็ไล่ระดับสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนี้สภาพของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ชุดนอนที่เธอสวมใส่เมื่อเปียกน้ำทำให้แนบเนื้อมองเห็นรูปร่างของเธอชัดเจน ทานตะวันเมื่อได้สติจึงรีบใช้แขนโอบกอดตัวเองปิดบังหน้าอกเอาไว้ ก่อนร่างบางจะรีบหมุนตัวและวิ่งขึ้นไปบนบ้านทันที “ค่ะ!” ตะวันรีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านไปด้วยความอับอาย เพราะไม่คิดว่าเขาจะพูดจาตรงไปตรงมาแบบนี้ และเธอเองก็ดันลืมคิดไปจริงๆว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่สวมใส่เพียงแค่ชุดนอนบางเบา แล้วยังต้องไปแกล้งฉีดน้ำใส่นะนนท์จนตัวเองต้องเปียกปอนไปด้วย เธอเองก็ทำตัวไม่เหมาะสมจริงๆ สมควรแล้วที่โดนต่อว่า ก๊อก ก๊อก ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทานตะวันจึงรีบกุลีกุจอเดินออกไปเปิดประตูให้คนข้างนอก “พี่ขิม!” ทานตะวันพูดขึ้นอย่างดีอกดีใจที่ได้เจอบุคคลตรงหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นพี่สาวอีกคนของเธอ ก่อนจะโผเข้าไปโอบกอดด้วยความคิดถึง “เป็นยังบ้างไงจ้ะ น้องสาวพี่สบายดีไหม” “ตะวันสบายดีค่ะ พี่ขิมล่ะคะเป็นยังไงบ้าง” “พี่ก็สบายดีจ้ะ น้องตะวันโตขึ้นเยอะเลยนะทำเอาพี่จำแทบไม่ได้ และที่สำคัญตะวันสวยขึ้นมากๆด้วย” สองสาวกอดกันแน่นด้วยความคิดถึงและพูดคุยไถ่ถามสาระทุกข์สุกดิบกันต่ออีกสักพัก ก่อนจะพากันลงมาทานข้าวเช้ากันที่ห้องรับประทานอาหาร “มากันแล้วสาวๆ มาๆลูก พ่อกับแม่รอทานข้าวอยู่ เอ้ะ! แล้วนี่ตาเขื่อนยังไม่ลงมาอีกหรอคุณ ให้คนอื่นต้องรอตลอดเลยเจ้าลูกคนนี้” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อยังไม่เห็นลูกชายคนโตของบ้านลงมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเช้า “นั่นสิคะ ทำไมป่านนี้ยังไม่ลงมาอีก…ตะวันขึ้นไปตามพี่เขาหน่อยลูก ป่านนี้มัวทำอะไรอยู่ปล่อยให้คนอื่นเขารอเอาจนป่านนี้” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “เอ่อ…ขะ ค่ะแม่ดา เดี๋ยวหนูขึ้นไปตามคุณเขื่อนให้ค่ะ” เด็กสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปตามอีกคนย่างเลี่ยงหลบไม่ได้ ถึงแม้ในใจจะกล้าๆกลัวๆเพราะเธอเองพอจะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอมาตั้งแต่เด็กๆ และจนป่านนี้เธอเองก็พอจะรู้ว่าเขาก็ยังเกลียดเธออยู่ ทานตะวันเดินขึ้นมาชั้นบนและมุ่งตรงไปยังห้องของพี่ชายต่างสายเลือดอย่างหวั่นๆ เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูอยูาสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปเคาะประตูห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ทานตะวันยืนรอผู้เป็นเจ้าของห้องมาเปิดประตูให้ แต่ก็ยังไร้เสียงตอบรับจากบุคคลที่อยู่ในห้อง ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเรียกอีกเป็นครั้งที่สอง ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! ทุกอย่างยังคงเงียบ ทานตะวันเลยตัดสินใจเอี้ยวตัวหันหลังกลับ แต่ในระหว่างนั้นธาราธรได้เปิดประตูออกมาพอดี ก่อนมือหนาจะเอื้อมมากระชากแขนของเธอลากเข้าไปในห้องของเขา “โอ๊ย! ตะ ตะวันเจ็บนะคะคุณเขื่อน” น้ำเสียงพร่าสั่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากอิ่มด้วยความประหม่า ธาราธรเพิ่งจะอาบน้ำแต่เขาได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเลยต้องรีบออกมาก่อนในขณะที่ตนเองยังทำธุระส่วนตัวไม่เสร็จ ตอนนี้เขามีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่พันเอวสอบอยู่หมิ่นเหม่ ทำให้ตะวันรู้สึกอายไม่น้อยที่เขาลากเธอเข้ามาในห้องทั้งๆที่ตัวเขาเองยังอยู่ในสภาพที่ไม่เรียบร้อยแบบนี้ เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้า “เธอมาเคาะห้องฉันทำไม!” ธาราธรอ่ยเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียดอย่างเอาเรื่อง “อ่ะ เอ่อออ..แม่ดาให้ ตะ ตะวันมาเรียกคุณเขื่อนลงไปทานข้าวเช้าค่ะ” เธอเอ่ยตอบโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา เธอจึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้นตอบคำถาม “เงยหน้าขึ้นมามองฉัน ฉันไม่ชอบที่เวลาพูดกับใครแล้วอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองปลายเท้า!!” น้ำเสียงเข้มพูดเสียงดังขึ้นมาอย่างไม่พอใจ แต่เธอก็ยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นอยู่แบบนั้นด้วยความประหม่า “ฉันบอกให้เธอเงยหน้าขึ้นมา!!!” “ค่ะ ค่ะ คุณเขื่อน!” ตะวันจำใจเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับคนตัวโตกว่าด้วยความประหม่าและอับอาย เธอทำตัวไม่ถูกที่อีกฝ่ายแต่งตัวยังไม่เรียบร้อยและเปลือยท่อนบน ทำไมเขาถึงไม่อายเลยนะกลับเป็นเธอซะอีกต้องอายแทนเขา ทานตะวันได้แต่นึกคิดในใจ “คนใช้คนอื่นก็มี ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องเสนอตัวขึ้นมาตามฉัน เธอคิดจะอ่อยฉันหรอ?” น้ำเสียงขุ้นเคืองเอ่ยขึ้นพลางก้าวขาไปข้างหน้าช้าๆเพื่อเดินเข้าหาอีกคน ตะวันได้แต่ก้าวถอยหลังและพูดปฏิเสธในสิ่งที่เขาพูดอย่างร้อนรน “มะ ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน ก็แม่ดาใช้ให้ตะวันมาเรียก ตะวันก็ต้องมา ไม่ได้จะมา เอ่อ…อ่อยอะไรคุณเขื่อนเลยนะคะ” เด็กสาวรีบพูดปฏิเสธไปอย่างร้อนรนและพลันก้าวถอยหลังไปชนเข้ากับประตูห้อง ก่อนธาราธรจะเดินเข้าไปประชิดและใช้แขนอีกข้างค้ำประตูเอาไว้ ทานตะวันได้แต่หลับตาปี๋ด้วยความกลัวจับใจ “อยู่ให้ห่างคนอย่างฉันเอาไว้ อย่ามาอ่อยฉัน จำไว้!!” ธาราธรก้มหน้าลงมากระซิบข้างๆใบหูของเธอ ก่อนตะวันจะใช้มือผลักหน้าอกแกร่งกำยำของเขาให้ถอยออกห่าง ก่อนจะรีบเปิดประตูวิ่งลงไปด้านล่างทันทีด้วยความตกใจกลัว…ตอนที่ 5 ทานตะวันรีบวิ่งออกมาจากห้องของธาราธรอย่างร้อนรน ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นตุบๆแทบจะไม่เป็นจังหวะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ทำไมเราถึงต้องใจเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ” เธอได้แต่พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะรีบเดินลงไปยังห้องรับประทานอาหารข้างล่าง “เป็นไงลูกพี่เขื่อนทำอะไรอยู่” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นเมื่อตะวันเดินตรงมายังโต๊ะรับประทานอาหาร “เอ่อ...คุณเขื่อนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จค่ะแม่ดาก็เลยลงมาช้าหน่อย” “มิน่าล่ะ คงจะตื่นสาย งั้นเราก็ทานกันก่อนเลยแล้วกัน ถ้าเสร็จเขาก็คงลงมาเอง” “นั่นไง เดินมาโน่นแล้ว” ท่านธีระพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายคนโตของบ้านเดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร ก่อนธาราธรตะนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตะวันเด็กสาวที่เขาเกลียดแสนเกลียด “มาๆลูกทานข้าวกัน เดี๋ยวกับข้าวจะเย็นหมดซะก่อน” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อทุกคนต่างก็ลงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ก่อนจะพากันรับประทานอาหารเช้า ธาราธรเหลือบมองเด็กสาวตรงหน้าเป็นระยะ ส่วนอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานหารตรงหน้า “แล้ววันนี้จะไปไหนกันหรือเปล่าลูก” ท่านธีระถามขึ้น “ผมว่าจะแวะเข้าไปดูโรงบ่มไวน์สั
ตอนที่6 ธาราธรเหยียบคันเร่งออกมาจากไร่ของเพื่อนตะวันด้วยความรีบร้อนประกอบกับอารมณ์หงุดหงิดที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งเขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหงุดหงิด ยิ่งเห็นหน้ายัยเด็กตัวภาระนี่ก็ยิ่งทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตะวันเองตั้งแต่ขึ้นมาบนรถก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร เธอเอาแต่ก้มหน้ามองนิ้วมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าตักแบบนั้น เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยพูดอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจ “เธอหนีเที่ยวมาพลอดรักกับผู้ชาย แต่โกหกแม่ของฉันว่ามาทำรายงานกับเพื่อนสินะ หึ!” คำพูดเหน็บแนมเอ่ยขึ้นอย่างดูแคลน “ไม่ใช่นะคะคุณเขื่อน ตะวันมาทำรายงานจริงๆค่ะ” “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเด็กตัวปัญหาอย่างเธอหรอ ห๊ะ! ถ้ารักสนุกก็อย่าเรียนให้มันเปลืองเงินของแม่ฉัน!” “ไม่ใช่อย่างที่คุณเขื่อนคิดเลยนะคะ ตะวันไม่เคยทำอะไรแบบที่คุณเขื่อนพูด ก่อนมาตะวันขออนุญาตแม่ดาแล้ว และแม่ดาก็อนุญาตแล้วด้วย” “แล้วยังไง? ก็เธอโกหกแม่ฉันหนิ หนีเที่ยวมาพรอดรักกับผู้ชาย หน้าไม่อาย แล้วนั่นของอะไรที่เขาเอามาล่อเธอล่ะ!” น้ำเสียงขุ่นเคืองพูดขึ้นอีกครั้งพลันหัน
ตอนที่ 7 หลังจากเข้ามาอยู่ในรถแล้วตะวันก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไร สายตาเศร้าๆของเธอเอาแต่ทอดมองออกไปข้างนอกกระจกรถ “เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ธาราธรถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ ตัวเขาเองรู้สึกผิดไม่น้อยที่ไล่ให้เธอลงไปจากรถในขณะที่เป็นเวลาพลบค่ำและเส้นทางเปลี่ยวๆเช่นนี้ “เปล่าค่ะ” ตะวันตอบเพียงสั้นๆก่อนจะก้มหน้ามองมือที่ประสานกันบนตัก เธอยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้ เธอนึกไปถึงแต่ภาพที่เกิดขึ้นวกไปวนมาอยู่ในหัว จนกระทั่งรถยนต์คันหรูของธาราธรได้ขับเข้ามาจอดในบริเวณบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบจะสองทุ่มแล้ว ตะวันเปิดประตูลงจากรถและรีบเดินปรี่เข้าไปในบ้าน ก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นบนทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไร “อ้าว มาแล้วหรอจ้ะตะวัน ทานข้าวมาหรือยัง?” ขิมถามขึ้นเมื่อเห็นตะวันเดินขึ้นมาบนชั้นบนด้วยท่าทางอันเร่งรีบ “ตะวันทานมาจากบ้านยัยเจนแล้วค่ะพี่ขิม” “แล้วนี่ทำไมตาบวมแดงแบบนี้ล่ะ ตะวันเป็นอะไรหรือเปล่า” “เอ่อ...ตะวันไม่ได้เป็นอะไรค่ะพี่ขิม เดินลงจากรถมาเมื่อกี้แมลงอะไรไม่รู้บินมาเข้าตา เดี๋ยวตะวันขอตัวไปล้างน้ำ
ตอนที่8 รถยนต์คันหรูได้วิ่งเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน ภูพาเพื่อนบ้านคนสนิทของครอบครัวศิรชลได้เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของฝากมากมายที่ถือมาเต็มไม้เต็มมือ “อ้าว ตาภู วันนี้หอบอะไรมาอีกล่ะลูกพะรุงพะรังเชียว” คุณนายดารินทร์ถามขึ้นก่อนชายหนุ่มรูปหล่อจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อมหลังจากเด็กรับใช้ในบ้านเดินมาช่วยเอาของที่ชายหนุ่มถือมาไปเก็บ “สวัสดีครับคุณแม่” “ไหว้พระเถอะลูก...แล้วนี่ได้อะไรมาเต็มไม้เต็มมือเชียว” “อ่อ พอดีวันนี้ผมเข้าไปตลาดน่ะครับ เห็นผลไม้ถูกๆวางขายกันเยอะเลย ผมก็เลยช่วยอุดหนุนแม่ค้าเขาหน่อยเลยซื้อมาฝากคุณแม่ด้วยครับ” “ขอบใจนะพ่อคุณที่นึกถึงแม่” “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ เอ่อ…แล้วนี่น้องตะวันยังไม่เลิกเรียนอีกเหรอครับ” ภูผาถามขึ้นพลันสายตาคมก็สอดส่องมองหาคนตัวเล็กไปมา “กลับมาแล้วจ้ะสงสัยคงกำลังง่วนอยู่กับการคัดเลือกองุ่นน่ะลูก มาถึงปุ๊บก็เข้าไปในไร่ช่วยคนงานคนอื่นๆคัดองุ่นเลย” คุณนายดารินทร์พูดขึ้น “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปหาน้องตะวันในไร่ก่อนนะครับคุณแม่” “จ้ะลูก วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะค่อยกลับ เดี๋ยวแม่จะลงมือทำกับ
ตอนที่ 9 เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็นทุกคนก็ต่างมากันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องรับประทานอาหาร หลังจากนั้นธาราธรก็แนะนำโซเฟียกับภูผาพร้อมกับทานตะวัน “ไอ้ภู นี่คือโซเฟียเพื่อนกูที่เรียนที่ฝรั่งเศสด้วยกัน…ส่วนนี่คือภูผาเพื่อนผมเองครับ” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณภูผาสุดหล่อ” “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณโซเฟีย” “ส่วนนี่…ทานตะวัน เด็กกำพร้าที่แม่ผมอุปการะ” เมื่อธาราธรพูดจบก็ทำเอาทุกคนรู้สึกตกใจให้กับคำพูดของเขา โดยเฉพาะตะวันเธอมีสีหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนจะยกมือไหว้ผู้ที่มีอายุเยอะกว่าอย่างโซเฟียด้วยความนอบน้อม “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ้ะ” หญิงสาวรับไหว้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก อีกทั้งยังมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเหยียดๆ เมื่อคุณนายดารินทร์เห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกไม่พอใจผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนของลูกชายคนนี้ขึ้นมาทันที “ฉันเลี้ยงทานตะวันมาตั้งแต่เด็ก และฉันก็รักตะวันเหมือนลูกสาวของฉันคนหนึ่งถึงแม้เธอจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของฉันก็ตาม และถ้าใครที่ไม่ให้เกียรติทานตะวันก็ถือว่าหยามหน้าฉันด้วยเหมือนกัน เข้าใจไหมตาเขื่อน!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นอย่างเหลืออด และอดจะพูดจาตำหนิลูกชายตั
ตอนที่ 10 ธาราธรเข้ามาช่วยคนงานในไร่คัดเลือกองุ่น ถึงเขาจะเป็นเจ้าของไร่แต่เขามักจะทำอะไรทุกอย่างเฉกเช่นคนงานในไร่ เขามักจะลงมือทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ แต่วันนี้ชายหนุ่มกลับไม่มีสมาธิทำงาน ที่สำคัญไม่ว่าคนงานจะทำอะไรก็มักจะขัดหูขัดตาเขาตลอด “เขื่อนข๋า…เขื่อน คุณมัวแต่ทำอะไรอยู่คะ ในไร่ร้อนก็ร้อน โซเฟียอยากออกไปข้างนอกเขื่อนพาโซเฟียไปได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดขึ้นในขณะที่ถือร่มในมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างหนึ่งก็ถือพัดวีไปมาเมื่อพัดดับความร้อน “ผมไม่ว่าง คุณไม่เห็นรึไงว่าผมทำงานอยู่ ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็ให้ลุงวิรัตน์ขับรถให้ก็แล้วกัน” “แต่โซเฟียอยากให้เขื่อนพาไปนี่คะ” หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมกับทำง้ำหน้างอ “ผมต้องทำงาน ถ้าคุณมาสร้างปัญหาให้ผมในขณะที่ผมทำงานอยู่แบบนี้คุณก็ควรกลับฝรั่งเศสไปซะโซเฟีย!” ธาราธรพูดขึ้นอย่างเหลืออดเช่นกัน วันนี้เขายิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว “ทำไมเขื่อนพูดแบบนี้คะ โซเฟียอุตส่าห์บินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อตามเขื่อนมาถึงที่นี่ เขื่อนยังมาไล่โซเฟียได้อีกหรอคะ...เขื่อนใจร้ายที่สุด” พูดจบหญิงสาวก็บีบน้ำตาร้องไห้ออกมาเพื่อเรี
ตอนที่ 11 หลังจากเธอต้องเผชิญกับเหตุการณ์อันวาบหวามก่อนหน้านั้นทานตะวันก็เอาแต่เงียบมาตลอดทาง เธอไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนและยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบมาตลอดเส้นทางจนกระทั่งขับรถมาถึงบ้าน ทานตะวันเปิดประตูลงจากรถอย่างรีบร้อนโดยไม่รออีกคน เธอรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนส่วนตัวทันทีก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดหัวใจ “ตะวันทำอะไรให้คุณเขื่อนถึงได้เกลียดตะวันขนาดนี้ ฮือออ..!” น้ำเสียงแหบเครือถูกพ่นออกมาเบาๆน้ำตาหยดใสๆต่างไหลรินออกมาไม่ขาดสายจนหมอนเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา เธอร้องไห้ออกมาอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่แบบนั้นภายในห้องเพราะเธอนึกไม่ถึงว่าธาราธรจะกล้าทำอะไรกับเธอแบบนี้ คงเป็นเพราะเธอไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเขาใช่ไหมเขาถึงได้ทำกับเธอเหมือนเธอไม่มีหัวใจและไม่มีความรู้สึก ทานตะวันได้แต่นึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เหมือนกับคนที่หัวใจแตกสลาย ~ 2 อาทิตย์ต่อมา~ หลังจากวันนั้นทานตะวันก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาธาราธรและเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เธอแทบจะไม่พูดจากับใครจนทุกคนอดสงสัยไม่ได้ว่าทานตะวันกำลังมีปัญหาอะไรอยู่
ตอนที่12 เมื่อคนตัวโตแทรกตัวเข้ามาภายในห้องแล้วเขาจึงรีบหันไปกดล็อกประตูห้องทันที ก่อนจะใช้สายตาคมไล่ระดับมองเธอขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าต้องทำแบบนี้ทำไม เขารู้เพียงแค่ว่าเขาเกลียดเด็กสาวตรงหน้านี้และเขาอยากจะแกล้งเธอ เขาอยากจะทำให้เธอเจ็บปวด มันสะใจเขาดี! “คะ คุณเขื่อน อะ ออกไปนะคะ!” มือเรียวเล็กของเธอดันแผงอกแกร่งของคนตัวโตให้ถอยออกห่างจากตัว เมื่อคนตัวสูงกว่าเดินเข้าหาเธออย่างช้าๆ “ทำไมเธอถึงชอบไปใกล้ชิดสนิทสนมกับไอ้ภูมากนัก ชอบมากหรอห๊ะ!เวลาที่ผู้ชายแตะต้องตัว!!” “คุณเขื่อนปล่อยตะวันนะคะ ตะวันเจ็บ!!” ทานตะวันพยายามแกะมือเขาออกเมื่อธาราธรดึงข้อมือของเธอกระชากเข้าหาตัว ก่อนจะจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตของเธอที่กำลังสั่นระริกและน้ำตาคลอเบ้า บ่งบอกได้ว่าตอนนี้เธอกำลังกลัวเขาเป็นอย่างมาก “อย่ามาทำเป็นดีดดิ้นไปหน่อยเลย ทั้งๆที่เธอมันร่านผู้ชายไปทั่ว อยากได้เพื่อนฉันเป็นผัวจนตัวสั่น!!” เพี๊ยะ!!! “คนเลว!!” ฝ่ามือเรียวบางฟาดเข้าไปที่ใบหน้าคมคายของธาราธรเต็มแรง และผลักแผงอกของเขาให้ออกห่า
ตอนที่ 47 (จบบริบูรณ์) ~ 4 ปีผ่านไป ~ “โสนน้อยเรือนงามของลุงภูผาอยู่ไหนน๊า… ไหนใครเอ่ยบอกว่าอยากได้ชุดเจ้าหญิงเอลซ่า วันนี้ลุงภูผาได้มาตั้งสามชุดแน่ะสวยๆทั้งนั้นเลย” “ลุงภูผามาแล้ว…!!” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ ศุภรดา ศิรชล หรือน้องโสน (สะ-โหน) วัยสามขวบครึ่งรีบวิ่งแจ้นออกมาหาลุงภูผา ก่อนเขาจะก้มลงไปอุ้มสาวน้อยชูขึ้นมาแนบอกด้วยความรักและเอ็นดู “ไหนชุดเจ้าหญิงเอลซ่าของโสนล่ะคะลุงภูผา” “หื้ม…ต้องหอมแก้มลุงก่อนนะคะถึงจะได้เห็นชุดสวย” ฟอด ฟอด!! “แก้มลุงภูผาหอมชื่นใจจังเลยค่ะ” “แหม๋…พอได้ยินเรื่องของฝากนี่รู้งานเลยนะลูก” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยกำลังออดอ้อนคุณลุงภูผา โสนติดลุงภูผาของเขามากเพราะมักจะคอยได้ของเล่น ของกิน และชุดสวยๆจากลุงภูผาอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะอยากได้อะไรเธอก็มักจะออดอ้อน และภูผาเองก็มักจะตามใจหลานสาวตัวน้อยๆคนนี้เสมอจนโสนเองได้ใจจนเคยตัว และภูผาจึงกลายเป็นแขกคนสำคัญประจำบ้านศิรชลไปแล้ว “วันนี้พี่ภูอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันที่นี่นะคะ” “ครับ” ทานตะวันและภูผานั่งคุยกันภายในห้องรับแขก ส่วนคุณนายดารินทร์ ท่านธีระและขิมเดินท
ตอนที่ 46 …1 เดือนต่อมา… ~วันแต่งงาน~ ขบวนขันหมากตั้งขบวนร้องเพลงแห่เสียงดังขับขานมาตั้งแต่ด้านหน้าของไร่ธาราธร ทุกคนสนุกสนานครื้นเครงต่างร้องเพลงขับขานดังก้องไปทั่วท้องถนน วันนี้เป็นฤกษ์งามยามดีของคู่บ่าวสาวป้ายแดง ธาราธรเดินขบวนขันหมากตามประเพณีไทยเพื่อเข้าสู่พื้นที่ภายในไร่องุ่นอันกว้างขวางที่จัดเตรียมงานไว้อย่างอลังการ แขกเหรื่อในงานต่างเริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแขกผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและกลุ่มเพื่อนๆของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงที่ทั้งสองเชิญมา เจนจิราและเจตนิพัทธ์ก็มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย แม้ตัวเจตนิพัทธ์เองจะอกหักและไม่ค่อยจะกินเส้นกับเจ้าบ่าวป้ายแดงสักเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคงมาแสดงความยินดีกับคนที่ตัวเองแอบรักอย่างจริงใจ นอกจากนี้ยังมีภูผาที่มาร่วมแสดงความยินดีในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะตัดขาดความสัมพันธ์การเป็นเพื่อนระหว่างเขากับธาราธรไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะยอมรับความจริงได้บ้างแล้ว ในเมื่อทานตะวันและเพื่อนของเขารักกัน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะแต่งงานและใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเขาก็ควรจะยินดีกับทั้งสองคน วัน
ตอนที่ 45 ธาราธรเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าคนตัวเล็กนอนอยู่บนเตียงนอน เขาเดินอ้อมมาหยุดอยู่ตรงหน้าทานตะวันที่กำลังนอนหลับตาพริ้ม “นอนอย่างกับคนไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยนะยัยตัวแสบ” ธาราธรบ่นเบาๆคนเดียวก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมนเกลี้ยงเกลาของเธอเบาๆอย่างรักใคร่หวงแหนก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนาลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอเบาๆ เขาอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบเธอ บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอทำของใส่หรือเปล่าเขาถึงได้หลงหัวปักหัวปำขนาดนี้ ธาราธรยังคงจูบริมฝีปากเธอเบาๆอย่างอ้อยอิ่งอยู่แบบนั้นจนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกตัว “อื้อ” “ตื่นแล้วหรอ” “พี่เขื่อน...เข้ามาทำไมคะ” “พี่เอาไอ้นี่มาให้ตะวันตรวจน่ะ” ธาราธรยื่นที่ตรวจครรภ์ให้กับทานตะวันก่อนจะส่งรอยยิ้มหวานให้กับเธอ “นี่มัน...ที่ตรวจครรภ์นี่คะ!” “ใช่ครับพี่อยากให้ตะวันลองตรวจดู!!” “ตรวจทำไมเหรอคะ?” “คุณแม่บอกว่าอาการที่ตะวันเป็นอยู่ตอนนี้ เหมือนตอนที่คุณแม่...ท้อง” “ทะ ท้องเหรอคะ” “อื้ม” “แล้วถ้าตะวัน ทะ ท้องขึ้นมาจริงๆ ตะวันจะเลี้ยงลูกได้ไหมคะ ตะวันจะ
ตอนที่ 44 ~ 2เดือนผ่านไป~ หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ห้องอาหารของโรงแรมดัง อาทิตย์ต่อมาโซเฟียก็เข้ามาหาธาราธรที่ไร่องุ่นแต่ครอบครัวของธาราธรไม่มีใครต้อนรับเธอ โดยเฉพาะคุณนายดารินทร์ที่ขัดขวางทุกอย่าง เพราะไม่อยากให้โซเฟียเข้ามามีบทบาทในชีวิตของลูกชายอีก จึงจำเป็นจะต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะผู้หญิงอย่างโซเฟียอาจจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตคู่ของธาราธรและทานตะวันที่ซึ่งกำลังจะแต่งงานกันในเดือนหน้านี้ คุณนายดารินทร์เลยสั่งให้คนงานในไร่ห้ามโซเฟียเข้ามาภายในไร่ธาราธรเด็ดขาด ถ้าใครปล่อยให้เข้ามาได้โทษคือไล่ออกสถานเดียว ทางด้านโซเฟียเองเมื่อรู้ว่าธาราธรกำลังจะแต่งงานกับทานตะวัน และตัวเธอเองแทบจะมองไม่เห็นทางไหนเลยสักทางที่จะสามารถแย่งเอาชายหนุ่มกลับมาได้ เพราะตอนนี้หัวใจของธาราธรมีให้กับผู้หญิงที่ชื่อทานตะวันเพียงแค่คนเดียว โซเฟียเลยเลือกที่จะยอมถอยออกมาดีกว่าที่จะดันทุรัง ช่วงนี้ภายในไร่ธาราธรกำลังยุ่งๆเรื่องเตรียมงานแต่ง ทั้งตัวธาราธรและทานตะวันเองก็วุ่นวายกับการเลือกชุดเลือกการ์ดแต่งงานและถ่ายพรีเวดดิ้ง เพราะงานแต่งงานของเจ้าของไร่องุ่นที่กว้างขวางที่สุด
ตอนที่ 43 โซเฟียยอมลุกออกมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแต่ก็ยังไม่วายคอยเฝ้ามองดูคนสองคนที่กระหนุงกระหนิงกันเป็นพิเศษจนเธอรู้สึกหมั่นไส้ จากที่ไม่ค่อยชอบทานตะวันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเกลียดเด็กคนนี้มากกว่าเข้าไปอีก ธาราธรเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก และที่เขาเปลี่ยนไปก็คงจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนี้ ไหนจะท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจเด็กสาวนั่นอีก คงจะหลงเด็กคนนี้ไม่เบาเลยสินะ โซเฟียได้แต่คิดในใจอย่างหมั่นไส้ “คงจะแอบแซ่บกันแล้วล่ะสิ!” โซเฟียพูดขึ้นเบาๆคนเดียวอย่างเหยียดๆ ธาราธรคอยตักอาหารจานโน้นทีจานนี้ทีให้กับคนตัวเล็กอย่างเอาใจ ตอนนี้หน้าตาที่ดูเรียบเฉยจนดูเย็นชาของเธอมองจากดาวอังคารเขาดูออกว่าเธอกำลังโกรธเขา จากที่จะพาเธอออกมาหาอะไรทานกันข้างนอกเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป แต่กลับต้องมาเจอกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอเลยพลอยทำให้เสียบรรยากาศไปหมด “ตะวันอิ่มแล้วค่ะ” มือเรียวสวยรวบช้อนก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มโดยไม่ยอมมองหรือสบตากับคนตรงหน้า และเธอก็ไม่สนใจเขา “ทำไมอิ่มเร็วจังเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” “ตะวันทานไม่ลงค่ะ” “ตะวันโกรธอะไรพี่หรือเปล่า?
ตอนที่ 42 ธาราธรถอนตัวตนอันใหญ่โตของเขาออกจากร่องสวาทของเธอ ก่อนจะมองดูน้ำรักขาวขุ่นผลงานของตัวเองที่ไหลย้อนออกมาจากร่องรักของเธออย่างไม่วางตา เขาพอใจกับผลงานชิ้นเอกของตัวเองก่อนจะยกยิ้มมุมปาก สายตาคมกริบเหลือบมองไปเห็นใบหน้าหวานของเธอที่แดงซ่านด้วยความอายอย่างน่ารัก ก่อนคนตัวเล็กระรีบเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอาย “ไม่ต้องอายพี่หรอกเพราะร่างกายทุกส่วนของตะวัน…พี่เห็นมาหมดแล้ว” ‘บ้าจริง ทำไมหัวใจของเธอต้องเต้นแรง ร่างกายของเธอร้อนรุ่มทุกครั้งที่เขาสัมผัส อีกทั้งเธอยังไม่เคยที่จะปฏิเสธเขาได้เลย’ ทานตะวันได้แต่คิดในใจอย่างนึกอาย.. “ที่ผ่านมาตะวันเจ็บมากใช่ไหม?” “……” ทานตะวันไม่ตอบเธอทำได้แค่มองสบตาคนตัวโตที่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก ตอนนั้นเธออายุ8ขวบ เขาเองอายุ18ปี อายุของเขากับเธอห่างกัน10ปี เขาคิดแค่ว่าเขาเกลียดเธอ เกลียดเด็กที่พ่อแม่รับมาอุปการะ เกลียดเพราะคิดว่าเธอจะมาเป็นภาระให้กับครอบครัว เกลียดเพราะกลัวเธอจะมาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากเขาและน้องสาวของเขา ทั้งที่เธอเองเป็นเด็กดี และน่ารัก
ตอนที่ 41 หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จสรรพแล้ว ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตะวันเองก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเสียงเคาะประตูห้องจะดังขึ้น ก๊อก ก๊อก ก๊อก!! “ตะวันจ้ะ ตะวัน” ขิมเรียกตะวันอยู่หน้าห้อง สักพักเพียงไม่นานทานตะวันก็เดินออกมาเปิดประตู “พี่ขิมมีอะไรหรือเปล่าคะ” “ตะวันมาดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิจ้ะ คืนนี้ก็นอนเป็นเพื่อนพี่ด้วยเลย…พอดีพี่อยากดูหนังผีน่ะ แต่ไม่กล้าดูคนเดียว แหะแหะ” ขิมเอ่ยชวนขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยๆให้ตะวัน “ได้เลยค่ะ งั้นพี่ขิมรอตะวันแป้บนึงนะคะ เดี๋ยวตะวันเข้าไปเอาเสื้อคลุมก่อนค่ะ” “จ้า” หลังจากทานตะวันออกไปดูหนังผีเป็นเพื่อนขิมที่ห้องไม่นานนักธาราธรก็แอบเข้ามาในห้องของเธอ เขาตั้งใจไว้ว่ายังไงคืนนี้เขาจะจับเธอกินให้ได้ ไม่อย่างงั้นเขาคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆ แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด เพียงแค่ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในห้องแต่กลับไม่พบคนตัวเล็ก ก่อนเขาจะหันไปเปิดไฟและเดินสำรวจดูทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงาของเธอ อารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจเริ่มประเดประดังเข้ามาท
ตอนที่ 40 ภูผาเดินออกมาจากไร่องุ่นและขับรถกระชากออกไปอย่างรวดเร็วตามอารมณ์โมโหของตัวเองที่ถึงขีดสุด เขาโกรธที่ธาราธรเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวหักหลัง ตลอดเวลาคอยกันท่าเขากับตะวันมาตลอด ปากบอกว่าเกลียด ปากบอกว่าไม่ชอบ แต่สุดท้ายกลับกลืนน้ำลายตัวเอง ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ธาราธรตัวเขาเองคงจะไม่เจ็บถึงขนาดนี้ “คุณเขื่อน ตะวันเดินเองได้ค่ะ” ทานตะวันพูดขึ้นเมื่อมือหนาของอีกคนบีบข้อมือของเธอกึ่งเดินกึ่งลากเข้ามาภายในบ้าน “ตาเขื่อนนั่นทำอะไรลูก แขนน้องแดงหมดแล้วนะ!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นเมื่อเห็นธาราธรดึงกระชากแขนทานตะวันเข้ามาในบ้าน “คุณแม่ก็ถามลูกสาวตัวดีของคุณแม่ดูสิ ว่าทำไมไปยืนกอดกันกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ผัวตัวเองแบบนั้น” “นี่มันเรื่องอะไรกันลูกตะวัน” “ไม่ใช่แบบนั้นนะคะแม่ดา ตะวันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ภูนะคะ ตะวันคิดกับพี่ภูแค่พี่ชายเท่านั้น พี่ภูเขาแค่ขอกอดตะวันในฐานะน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย ตะวันก็เลย...” “ให้มันกอด เหอะ!” ธาราธรพูดแทรกขึ้นมาโดยที่พยายามข่มอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองเอาไว้ เขาโกรธ เขาหึง เขาหวงทำไมเ
ตอนที่ 39 เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว คุณนายดารินทร์และท่านธีระก็เรียกให้ธาราธรและทานตะวันไปพบที่ห้องรับแขก เพื่อจะได้ปรึกษาหารือกันเรื่องงานแต่งงานที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด “ตกลงตะวันยอมแต่งงานกับพี่เขื่อนเขาแล้วใช่ไหมลูก” ท่านธีระถามขึ้นเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว “เอ่อ…ค่ะคุณพ่อ” “พ่อขอบคุณนะลูกที่หนูให้โอกาสลูกชายของพ่อได้ดูแลหนู” น้ำเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความห่วงใยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เรื่องวันเวลาล่ะ ยังจะถือเอาฤกษ์สะดวกอยู่ไหมเขื่อน” ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกชายเพียงคนเดียวที่เอาแต่ยกยิ้มชอบใจขึ้นมาบ้าง “ผมตกลงกับน้องว่าภายในสามเดือนนี้ครับคุณพ่อ” “อืม ก็ยังดีกว่าภายในสองอาทิตย์เพราะนั่นมันก็เร็วเกินไป” “หลังจากนี้เขื่อนต้องดูแลน้องให้ดีๆนะลูก และที่สำคัญเขื่อนกับตะวันจะต้องแยกห้องนอนกันจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน ในระหว่างนี้เขื่อนต้องห้ามยุ่งเกี่ยวกับน้องเด็ดขาด!” คุณนายดารินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น “อะไรนะครับคุณแม่!! ผมไม่ทำแบบนั้นแน่ๆครับ!” “แค่สามเด