ชายหนุ่มเปิดประตูห้องแล้วก้าวไปด้านในเพื่อกดสวิตช์ไฟ ความสว่างในห้องทำให้เกวลินมองเห็นโต๊ะว่างที่พอจะวางเบียร์หนึ่งถาดได้ ไหนๆ ก็อุ้มมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว เธอจึงก้าวเข้าไปเพื่อวางถาดเบียร์บนโต๊ะ โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงเตือนข้อความเข้า เธอก้มหน้าหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนแล้วอ่านข้อความจากพายุที่ส่งมาถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาออกจากผับกลับมาถึงบ้านแล้วแต่เธอยังมาไม่ถึง
กะทิ : อยู่กับเพื่อนค่ะ กลับช้าหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง ฝากดูแลพี่ตะโก้ด้วย
วายุ : ตะโก้หลับแล้ว ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้นะ
กะทิ : รับทราบค่ะ
เกวลินยิ้มกับหน้าจอมือถือ พี่ชายเธอเป็นพวกหลับลึก ปลุกยาก แต่การมีวายุเข้ามาในบ้านไม่ได้ทำให้เธออึดอัดอย่างที่กังวล วายุเป็นคนขี้เกรงใจ จะทำอะไรก็คอยมองสีหน้าเธอเสมอ และคอยเป็นคนกลางประนีประนอมระหว่างเธอกับพี่ชาย เธอรู้ว่าพี่ชายมีรสนิยมแบบไหน ในบรรดาคนที่พี่เคยคบหามีเพียงวายุที่ได้เข้ามาในบ้านและอยู่ร่วมกันอย่างนี้ และก็พอรู้ว่าวายุมีปัญหาทางบ้านแต่สำหรับเธอแล้ว ตอนนี้วายุเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว
อิทธิพลยืนรอเพราะต้องจ่ายจ้างที่ขับรถมาส่ง ยังอุตส่าห์แวะซื้อเบียร์และเอามาส่งถึงห้อง เขายืนพิงพนักโซฟามองหญิงสาวก้มลงกดข้อความในมือถือ ไม่รู้ทำไมเขาอยากเห็นใบหน้าของเธอชัดๆ อยากเอาหน้ากากอนามัยนั้นออกไปพ้น มือเรียวเล็กยกขึ้นปัดเส้นผมที่ลงมาเคลียแก้ม อีกมือยังคงกดหน้าจอมือถือ ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เขายื่นมือไปปัดไรผมทัดใบหูให้ หญิงสาวชะงักแล้วเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นราวกับสิ่งล้ำค่า ปลายนิ้วไล้โครงหน้าเบาๆ แล้วปลดเอาหน้ากากอนามัยออกอย่างง่ายดาย เผยให้เห็นริมฝีปากสีส้มอมชมพูที่กำลังเผยอขึ้นเล็กน้อย
รวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของเธอก็ถูกริมฝีปากของเขาทาบทับลงมา ดวงตากลมสวยเบิกกว้างเห็นเพียงความร้อนแรงในดวงตาของเขา ลมหายใจผ่าวร้อนเจือกลิ่นเบียร์อ่อนๆ ที่ชวนให้มึนเมา แรงขบเม้มที่ริมฝีปากเรียกร้องให้อีกฝ่ายตอบรับ กลิ่นกายอ่อนละมุนและรสหวานจากริมฝีปากสวยที่ได้รับทำให้อิทธิพลแทบคุมสติไม่อยู่ ก่อนจะหยุดตัวเองไม่ได้ เขาผละจากริมฝีปากของหญิงสาวแล้วเอ่ยถามเสียงพร่า
“ถ้าคุณไม่ห้าม ผมก็จะไม่หยุดแค่จูบนะ”
เหมือนหญิงสาวเพิ่งได้สติ กลิ่นเบียร์จางๆ และร่างกายร้อนผ่าวทำให้เธอผ่าวร้อนไปทั่วร่าง หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด เขาคงเมา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางทำอะไรแบบนี้กับแน่ๆ ผู้หญิงของเขาแต่ละคน ดีกรีสวยระดับนางแบบก็เคยควงมาแล้ว และที่สำคัญไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ เพราะเขาคือคนที่เธอ ‘แอบรัก’ มาหลายปี และถ้าเขาเมา หลังจากคืนนี้ผ่านไปเขาคงจำเธอไม่ได้ เหมือนกับที่ผ่านมา ที่เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย
เขาเห็นแววลังเลของหญิงสาว พลันคิดว่าคงถูกปฏิเสธ อย่างไรก็คนเพิ่งเจอกัน เขาทำอะไรตามใจตัวเองอย่างนี้ ไม่ถูกผู้หญิงตบหน้าหรือเอาเรื่องก็นับว่าบุญแล้ว ทว่าในวินาทีต่อมาเป็นหญิงสาวที่โน้มตัวเข้าหาและเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจูบเขา ลิ้นร้อนแทรกในโพรงปากกวาดชิมความหวานอย่างเอาแต่ใจ มือใหญ่เอื้อมไปโอบรัดรั้งร่างนุ่มมาแนบชิด ขณะที่ยังบดจูบร้อนแรงก็ดันร่างหญิงสาวไปที่เตียงใหญ่ ห้องของเขาเป็นแบบสตูดิโอ ทุกอย่างจัดอย่างลงตัวในห้องเดียว เขาผละจากริมฝีปากสวยปล่อยให้อีกฝ่ายสูดลมหายใจแรงๆ แล้วจัดการเลิกเสื้อยืดออกทางศีรษะ อาการร้อนรนรีบร้อนทำให้ปลายนิ้วไปเกี่ยวกับผ้ารัดผมทำให้เมื่อเสื้อออกไปพ้นตัวแล้ว เส้นผมที่รวบไว้ก็คลี่สยายลงมาพร้อมกัน
เธอควรรู้สึกเขินอายหรือเปล่านะ เกวลินหอบหายใจแรง เธอใส่ชุดชั้นในแบบสปอร์ตบราด้วยความเคยชิน เพราะคล่องตัว แต่ไม่ได้คิดเผื่อว่าจะอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ แต่สายตาเร่าร้อนทำให้เธอรู้สึกมีเสน่ห์ขึ้นมา ปลายนิ้วทาบไปที่แผ่นอกแกร่งแล้วตัดสินใจเลิกเสื้อยืดของเขาขึ้นถอดมันออกทางศีรษะเช่นเดียวกับที่เขาทำกับเธอ เผยให้เห็นแผ่นอกกำยำและมัดกล้ามสวยงาม ที่ทำให้เธอเผลอเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว ก็รู้ว่าเขาเป็นคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ไม่คิดว่ากล้ามจะแน่นขนาดนี้
สปอร์ตบราไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่เมื่อจัดการถอดชิ้นบนออกแล้ว ทรวงกลมกลึงที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้เขาหายใจแรงขึ้น ‘ตัวเล็กซ่อนรูป’ อืม..เธอชื่อกะทิใช่ไหมนะ ผิวขาวเหมือนกะทิจริงๆ และมันทำให้เขายั้งใจไม่อยู่อ้าปากดูดดึงปลายยอดสีสวยพลางผ่อนร่างเธอลงบนที่นอน
“อื้อ...” หญิงสาวส่งเสียงครางหวาน เพียงแค่ปลายลิ้นตวัดไล้เลียที่ปลายถัน เธอก็แทบคลั่งแล้ว ลมหายใจของเขาร้อนระอุทำให้ชีพจรเต้นรัวไปด้วย
เนินอกอวบอิ่มเกินตัวยิ่งปลุกเร้าความปรารถนาในตัวชายหนุ่ม มือแข็งแกร่งเคล้นคลึงทรวงอกคู่สวย ร่างกายหญิงสาวบิดเร่าได้วยความเสียวซ่าน เสียงครางกระเส่าราวกับน้ำมันที่สาดใส่กองไฟให้เขายิ่งดูดดึงแรงขึ้น สองขาบิดไปมาทั้งอึดอัดและรอคอย เขาย้ายริมฝีปากไปไล้เลียปลายถันอีกข้างพลางเลื่อนมือลูบไล้ไปตามเรือนร่างเนียนนุ่ม เขาเงยตัวขึ้นจ้องมองหญิงสาวที่อ่อนระทวยเบื้องหน้าพลางปลดกระดุมกางเกงยีนของเธอแล้วเอ่ยเสียงพร่า
“ยกสะโพกขึ้นหน่อยครับ”
จู่ๆ ก็รู้สึกอายขึ้นจนยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ปล่อยให้คุณหมอหนุ่มจัดการรูดกางเกงเกงยีนออกไปพ้นเรียวขา ตามด้วยกางเกงชั้นใน และเขาก็จัดการตัวเองให้เปลือยเปล่าเช่นเดียวกับเธอ เพราะเธอมัวแต่หลับตาจึงไม่เห็นรอยยิ้มของเขา
ให้ตายสิ! น่ารักชะมัด! อกใหญ่ เอวคอด สะโพกผาย เธอไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมเพิ่งมาโผล่ในชีวิตเขาตอนนี้ อิทธิพลอดใจไม่ไหว รวบมือของเธอไว้เหนือศีรษะแล้วกดจูบอีกรอบ ร่างกายแนบชิดและไอร้อนจากร่างกำยำทำให้เกวลินรู้ว่าตอนนี้เขาเปลือยเปล่าเหมือนกัน ส่วนที่แข็งขันคลอเคลียกลีบดอกไม้สาวที่เปียกชุ่มเพราะถูกเล้าโลม เขาปล่อยมือจากข้อมือเล็กแล้วลูบไล้ปลุกปลอบร่างอ่อนนุ่มก่อนส่งนิ้วไปแยกกลีบดอกไม้กดแทรกเข้าไปสัมผัสความคับแน่นที่เปียกชื้นนั้น
“อึก...หมอ...หมออิฐ...” เกวลินครางเสียงหวาน เธอไม่ใช่ผู้หญิงไม่ประสีประสากับเรื่องพวกนี้ ยอมรับว่าเคยใช้นิ้วช่วยตัวเองแต่ความรู้สึกที่เขามอบให้ตอนนี้มันรุนแรงกว่ามากนัก วาบหวิวและเสียวซ่านได้แต่ครางระบายความรู้สึกออกมา
“เรียกพี่สิครับ” เขาพูดเสียงพร่าแล้วเพิ่มจำนวนนิ้วเป็นสองนิ้ว ขยับเข้าออกในร่องรักรัวแรงเป็นจังหวะจนสะโพกสาวส่ายไหวรับจังหวะซอยนิ้ว
“เรียกพี่อิฐสิครับ” “อื้อ...พี่อิฐ...พี่อิฐ...กะทิ...จะไม่ไหวแล้ว อือ...” เกวลินหยัดสะโพกขึ้นรับนิ้วร้ายกาจที่พาให้เธอไปถึงจุดสุดยอด ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่าง สองมือยกขึ้นกอดร่างเขาไว้ แนบใบหน้ากับซอกคอของชายหนุ่มแล้วปล่อยเสียงครางหวานสุดเสียง อิทธิพลรับรู้ได้ถึงแรงขมิบรัดที่ปลายนิ้ว เขาถอนนิ้วออกแล้วจูบขมับหญิงสาว “คราวนี้ขอพี่นะครับ” เกวลินเพิ่งได้สติ ยกมือดันแผงอกของเขาไว้ก่อน เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เธอกัดริมฝีปากครู่หนึ่งข่มความเขินอายแล้วพูดเสียงแผ่วเบา “หมอ...เอ่อ...พี่...พี่อิฐ...มะ...มี...มี...มีถุงยาง...ใช่ไหมคะ” “ครับ” เขายิ้มรับ “อยากได้แบบไหนเป็นพิเศษไหม” ดวงตาคู่สวยกะพริบอย่างงุนงง เธอไม่เชี่ยวชาญเรื่องนี้จะรู้ได้ไง ในวินาทีนาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอ ขยับตัวขึ้นไปหยิบอะไรบางอย่างที่ลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงนอน “แบบผิวเรียบ แบบบางเฉียบ แบบผิวไม่เรียบ แบบปุ่ม อ้อ! มีกลิ่นกลิ่นสตรอเบอรี่ กับกลิ่นวนิลา แบบสีก็มีนะ คุณแพ้แบบไหนหรือเปล่า” เธอกะพริบตาปริบๆ จะบอกว่าขอถุงยา
เกวลินสอดนิ้วไปในกลุ่มผมนุ่มมือและแอ่นอกส่งเข้าปากเขาอย่างลืมตัว ลิ้นร้อนปรนเปรอทั้งซ้ายขวา สะโพกสอบยังคงเคลื่อนไหวอย่างดุดันและถี่กระชั้น เขาผละจากทรวกอกแล้วใช้แขนสองข้างหยัดกายขึ้นเหนือร่าง เหงื่อไหลอาบร่างทั้งทีแอร์เย็นฉ่ำแต่ไม่ได้ช่วยลดความเร่าร้อนลงได้เลย เขาซอยรัวแรงแล้วเปลี่ยนจังหวะเป็นบดเบียดเสียดลึกราวกับอยากยืดเวลาเสียวซ่านให้นานขึ้นอีก มันทั้งทรมานและสุขสมในเวลาเดียวกัน เขาโน้มหน้าลงใกล้ใบหู ตวัดลิ้นดูดติ่งหูดุจไข่มุกเม็ดงาม เธอสั่นสะท้านกับการหยอกล้อของเขา “ขอเปลี่ยนท่านะครับ” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยบอกค่อยๆถอนแก่นกายออก ร่องรักรัดแน่นจนเขาต้องซูดปาก เขาจับร่างอ่อนนุ่มพลิกคว่ำ จับสะโพกเธอขึ้นแล้ว ตบแก้มก้มเบาๆ ก่อนกดท่อนเอ็นเข้าไปอีกครั้ง เธอยื่นมือไปยึดหัวเตียงไว้เพื่อทรงตัวรับแรงกระแทกจากด้านหลัง เสียงเขาครางอย่างพอใจขณะเริ่มโยกเอวอีกรอบ เข้าสุดออกสุดทำเอาหญิงสาวสะบัดหน้าไปมาแล้วเอี้ยวตัวหันไปมอง “ให้ตาย! แน่นชะมัด” “ลึก...ลึกจัง..เสียว...เสียวจังค่ะ” “รอบนี้เสร็จพร้อมกันนะ” ร่างเล็กถูกกระแทกจนสั่นไ
“เดี๋ยวนะครับ...” เขาเรียกและเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรสีเทาส่งให้เธอห้าใบ“ค่าอะไรคะ” เธอถามแล้วเชิดปลายคางขึ้น “ยื่นเงินให้หลังมีเซ็กส์นี่รู้สึกแปลกๆ นะคะ”“อย่าเข้าใจผิดนะครับ เอ่อ...ผมจะให้ค่ารถที่คุณมาส่งผม”“ค่าขับรถมาส่งไม่กี่ร้อยหรอกค่ะ แต่ปกติกะทิต้องแจ้งค่าบริการก่อน เพราะเป็นแบบเหมาจ่ายไม่ได้ติดมิเตอร์เหมือนรถแท็กซี่ แต่กะทิลืมลืมแจ้งเอง เพราะงั้นครั้งนี้ไม่ขอรับเงินก็แล้วกันค่ะ”“แต่...”“ไปนะคะ ต้องรีบไปจ่ายตลาดแล้วค่ะ”เธอจำได้ว่าฉีกยิ้มกว้าง แถมโบกมือลาให้อีก แล้วรีบเผ่นออกจากมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ใช่แค่ต้องเอารถกลับมาให้ทันพี่ชายเอาไปใช้งาน แต่เธอไม่กล้าสู้หน้าเขาต่างหาก เสียงถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ ตอนมีเซ็กส์กันก็รู้สึกดี แต่หลังจากนั้นแล้วทำไมมันรู้สึกใจหวิวๆ แปลกๆ ที่ผ่านมา ‘แอบรัก’ มาตลอด เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นและหอมหวานเหมือนขนมที่อบเสร็จใหม่ๆ แต่หลังจากมีอะไรกันแล้ว เธอกลับรู้สึกเหมือนคนตื่นมาพบความจริง ความสุขที่ได้แอบคิดถึงใครสักคนมันหายไปหมด หรือจริงๆ แล้ว สิ่งที่เธอ ‘รู้สึก’ เป็นสิ่งที่เธอนึกคิดไปฝ่ายเดียว ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิด
“ค่ะ” หญิงสาวเปิดกระเป๋าที่ห้อยหลังรถเข็นหยิบกล่องขนมและน้ำผลไม้ส่งให้คุณเกริกและลาวัลย์ “บ้านกะทิทำข้าวกล่องแล้วก็จัดชุดขนมของว่างอะไรพวกนี้ด้วยนะ ถ้าบริษัทเธอ เอ๊ย! ตอนนี้ของลูกชายแล้วสิ ถ้าบริษัทจัดประชุมสัมมนาอะไร สั่งยัยหนูได้ ของเขาอร่อย สะอาด ราคาไม่แพง ฉันสั่งกินประจำเลย” “เชียร์ขนาดนี้ต้องอุดหนุนแน่นอนจ๊ะ” คุณลาวัลย์อดมองหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู สดใสร่าเริง ที่บ้านก็มีแต่ลูกชายบ้างาน ถ้ามีลูกสาวน่ารักๆ แบบนี้ก็คงดีไม่น้อย “หนูชื่ออะไรนะจ๊ะ” “เกวลินค่ะ เรียกกะทิก็ได้” “ชื่อน่ารักจริงๆ” “พี่ชายชื่อตะโก้ค่ะ แม่เลยตั้งชื่อลูกสาวให้เข้ากับพี่ชาย” เกวลินหัวเราะเสียงใส “มีอะไรให้กะทิช่วยไหมคะ ต้นไม้ตรงนั้นขยับไปทางขวาอีกนิดดีไหมคะ คนจะได้เดินเข้าไปดูด้านในได้สะดวก” “จริงสิ ตั้งต้นไม้ตันทางเข้าร้านตัวเอง” เกริกหัวเราะออกมาและให้หญิงสาวเข้าไปขยับต้นไม้ให้ “กระถางต้นไม้สวยๆ เอาไว้ข้างหน้าให้คนเห็นชัดๆ” เกวลินพึมพำแล้วขยับต้นไม้ใหม่ “แค่นี้ก็แจ่มแล้วค่ะ” “ขอบใจหนูกะทิมาก
เกวลินยกข้าวกล่องไปใส่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกกันน็อกแล้วขับไปโรงพยาบาลเหมือนทุกครั้ง แต่ทุกทีไปถึงที่หมายแล้ว เธอจะโทรหาพยาบาลที่สนิทสนมกันเพื่อนำอาหารขึ้นไปส่ง แต่คราวนี้คนที่ออกมารับอาหารเองกลับเป็นนายแพทย์อิทธิพล“หมออิฐ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมารับอาหารเอง” เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หรืออาหารจะมีปัญหาทำให้หมออิฐต้องมารับเอง“เปล่าครับ” เขาส่ายหน้าไปมา เห็นเธออ้าปากจะถามก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “ผมมีเวลาห้านาที จะถามว่าเย็นนี้คุณว่างไหม”“เย็นนี้...ถ้าหลังหกโมงเย็นก็ว่างค่ะ ตอนห้าโมงมีคิวไปให้ข้าวแมวจรค่ะ ลูกค้าประจำผูกปิ่นโตไว้” เธอหมายถึงมีคนจ้างให้เธอไปให้ข้าวแมวนั้นแหละ“ดีครับ ผมหาเพื่อนไปกินหมูกระทะ ถ้าไปกินคนเดียวทางร้านจะบวกค่าเตาเพิ่ม คุณรับงานเพื่อนเที่ยวใช่ไหม ไปกินเป็นเพื่อนผมหน่อย ถ้าคุณจะถามว่าทำไมไม่ชวนเพื่อนที่ทำงานไป ก็ตอบเลยว่าผมไม่อยากมีปัญหาว่ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน”“อ่อ” เกวลินลากเสียงยาว “ได้ค่ะ หมออิฐจะไปร้านไหนคะ ให้กะทิจองร้านให้เลยไหม” หมอหนุ่มบอกชื่อร้านออกไป หญิงสาวพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์มือถือมากดบันทึกตารางงาน ขณะที่จิ้มๆ ข้อความนั้น เสียงเวรเปลร้องเ
“งานที่เราทำอยู่ เอ่อ...พี่ว่าน่าสนใจดี เคยเห็นผ่านๆในอินเตอร์เนท”“อ่อ...” เธอพยักหน้ารับ “จริงๆ แล้วกะทิไม่ได้จะทำงานแนวๆนี้ แต่ที่บ้านทำร้านอาหาร คือเมื่อก่อนคุณแม่ทำข้าวแกงขายแล้วขยับมาเปิดเป็นร้านอาหาร แล้วเราก็มีส่งตามบ้านบ้าง กะทิพอมีเวลาเลยอาสาขับรถส่งเอง จะได้ประหยัดต้นทุนไม่ต้องจ้างคนอื่น หรือจ้างก็ให้น้อยที่สุด พอร้านเริ่มเข้าที่เข้าที่มีลูกจ้างก็มีจ้างส่งของบ้าง เข้าร่วมกับแอปขายอาหารบ้าง แต่ถ้าเราไปส่งเองก็ได้คุยกับลูกค้าด้วย จะว่าไปก็ตั้งแต่ปั่นจักรยานเป็นก็หิ้วแกงถุงไปส่งตามบ้านได้แล้วล่ะค่ะ กะทิก็เลยไม่รู้สึกอายอะไรกับงานที่ทำอยู่”“ไม่เห็นน่าอายเลย น่าภูมิใจต่างหาก” เขายิ้มแล้วเป็นฝ่ายคีบเนื้อย่างส่งให้เธอบ้าง “ร้านนี้น้ำจิ้มอ่อนไปหน่อยว่าไหม”“คิดเหมือนกันเลยค่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วทำท่าป้องปากกระซิบ “ใช้น้ำจิ้มสำเร็จแน่ๆ ถ้าพี่ชายกะทิมากินต้องบ่นไปสามวันเจ็ดวันเลยค่ะ”“แต่ของอย่างอื่นเขาก็สดอยู่นะ ว่าจะตบด้วยไอติมสักถ้วย”“กะทิก็ว่าจะกวาดบนเตาให้หมดแล้วชิมไอติมสักถ้วยเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มทะเล้น“แล้ว..กะทิเรียนจบอะไรมา”“บริหารค่ะ” เธอตอบอย่างรวดเร็ว “สมัครงานไว้หลา
“ตื่นเต้นเหรอกะทิ” วายุเอ่ยถามขณะที่วันนี้ทำหน้าพลขับ ขับรถมาส่งของกับเกวลิน “ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็เหมือนกับโกหก” เกวลินยิ้มแหย “ลูกค้าสั่งขนมไปชิมตั้งเยอะ ไม่รู้จะสั่งของเราประจำไหม พี่ตะโก้ก็อยากมาด้วยเพราะกลัวกะทิโดนหลอก แต่งานที่ร้านไม่มีคนดูก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่วายุที่อุตส่าห์ขับรถมาเป็นเพื่อนกันนะคะ” “อย่าคิดมากสิครับ ยังไงพี่ก็เป็นคนมารบกวนกะทิ ทั้งกินทั้งนอนที่บ้าน” “รบกวนอะไรกันค่ะ ครอบครัวเดียวกันอย่าพูดอะไรแบบนี้สิ” เธอหัวเราะเสียงใสออกมา แล้วก็ต้องอ้าปากค้างที่เห็นหมู่บ้านหรูหราตรงหน้า “พี่วายุขับรถมาผิดที่หรือเปล่าคะ” “ก็ไม่นะ พี่มาตามแผนที่ บ้านลูกค้าของกะทิอยู่ในหมู่บ้านนี้” หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด เธอไปบ้านน้าอิ่มสุขบ่อยๆ เพราะต้องไปส่งของ บ้านหลังนั้นเล็กกระทัดรัด เธอก็เลยคิดว่าลูกค้าที่น้าอิ่มสุขแนะนำคงมีฐานะใกล้เคียงกัน แต่นี่...หมู่บ้านแบบนี้ บ้านแต่ละหลังน่าจะหลายสิบล้านเลย สงสัยว่างานขายต้นไม้จะเป็นงานอดิเรกจริงๆ “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ขนมที่ตะโก้กับกะทิทำอร่อยอยู่แล้ว ถ้าลูกค้
“อ้อ!แบบนี้เอง” ลาวัลย์พยักหน้าเข้าใจ “ตกลงเราสั่งขนมของหนูกะทินี่แหละ เอ้า!ตาหิน จ่ายค่าขนมให้น้องสิ” “อ้าว คุณแม่สั่งให้ผมจ่ายแบบนี้จะเรียกว่าแม่ซื้อให้กินได้ยังไงละครับ” ลูกคนโตแสร้งโอดครวญแต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอโอนจ่ายนะครับ ไม่เตรียมเงินสดมา” “ได้ค่ะ” เกวลินยิ้มรับแล้วบอกยอดโอนและตามด้วยเบอร์พร้อมเพย์ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเงินเข้าบัญชี เธอยิ้มแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้ายังไงจะให้เลขาติดต่อคุยรายละเอียดอีกทีนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เกวลินยิ้มกว้าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กะทิขอตัวกลับก่อนนะคะ” “จ๊ะ ขอบใจมากนะ คราวหน้าจะสั่งขนมมากินอีก” “และให้ผมจ่ายใช่ไหมแม่” “เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่” เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังขึ้น เกวลินกับวายุเดินออกมา พ้นประตูบ้าน เธอก็กระโดดเต้นไปมาด้วยความดีใจ “กะทิทำได้!” “อืม ก็พี่บอกแล้วว่ากะทิทำได้” วายุยิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปที่รถ “ข่าวดีแบบนี้โทรบอกพี่ตะโก้ให้เตรียมไปพม่าดีกว่า” “ไปพม่า?” “ย
ไม่รู้ทำไม จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เธอที่เฝ้ามองเขาอยู่ไกลๆ ค่อยติดตามข่าวของเขาเสมอ แม้มีโอกาสได้ใกล้ชิดก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกข้างในออกไป จนวันนี้...เขาอยู่ตรงหน้าและบอกรักเธอ “คนดี ร้องไห้ทำไมครับ” เขายิ้มแล้วจูบซับหยดน้ำตาให้ “ไม่รู้ค่ะ สงสัยไม่สบายแน่เลย” คราวนี้เกวลินหัวเราะทั้งน้ำตา จริงสินะ เวลาแบบนี้ต้องยิ้มดีใจต่างหากล่ะ “อื้ม...ไม่สบายเหรอ งั้นหมอตรวจให้นะครับ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม มือไม้เริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างที่โหยหาย “พี่อิฐ! คนกำลังซึ้ง” เธอตีมือเขาแต่กลับหัวเราะร่วนจนกระทั่งเขาอุ้มเธอมาที่เตียงเล็กของเธอเอง “ก็กะทิไม่สบาย พี่จะทำให้สบายตัวไงครับ” ปลายลิ้นร้อนตวัดเลียติ่งหูทำให้หญิงสาวหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาแล้วกระซิบเสียงหวาน “กะทิรักพี่อิฐค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยภาษากาย เขาขยับเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลจนคนใต้ร่างได้แต่ครวญครางเรียกร้องให้เขาเติมเต็มความปรารถนาที่เอ่อล้น สองร่างแนบชิดกลายเป็นหนึ่งผสานเสียงลมหายใจและหัวใจสองดวงเต้นไปพร
“อยู่บ้านคนเดียวล็อกบ้านดีๆ ล่ะ” การันต์ย้ำกับน้องสาว “ทำเหมือนจะไปหลายวัน” เกวลินแลบลิ้นใส่ “ไปเถอะค่ะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะคะ” การันต์พยักหน้าแล้วเดินไปที่รถพร้อมวายุ เกวลินรอจนรถออกไปแล้วจึงเดินเข้ามาในบ้าน เกวลินเดินไปหยิบน้ำผลไม้ในตู้เย็นรินใส่แก้ว ยังไม่ทันยกขึ้นดื่มก็ได้ยินเสียงกดออดที่หน้าบ้าน เธอวางแก้วลงแล้วเดินมาที่ประตู “ลืมอะไรหรือคะพี่ตะโก้” เธอถามทันทีที่เปิดประตูออก ทว่าคนตรงหน้ากลับไม่ใช่พี่ชายที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าคงลืมของจึงกลับมา “ทำไมไม่ดูให้ดีก่อนเปิดประตู ถ้าเป็นโจรขึ้นมาจะทำยังไง” คนตัวสูงดุแล้วเดินเข้าไปราวกับเป็นบ้านของตัวเองเสียงล็อกประตูทำให้เกวลินได้สติ เธอไม่คิดว่าเขาจะมายืนตรงหน้าอย่างนี้ “พี่...พี่อิฐ” “ก็พี่ไง หรือรอใครอยู่” อิทธิพลขมวดคิ้วแล้วกวาดตามอง “ตะโก้กับวายุไม่อยู่เหรอ” “ค่ะ...ออกไปข้างนอก...” “ดี...พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” “เดี๋ยวนะคะ ขอกะทิทำใจก่อน” “ทำใจอะไร” อิทธิพลขมวดคิ้ว “พี่อิฐมาบอกเลิกกะท
เกวลินโผล่หน้ามาดู แค่พี่ชายพยักหน้าให้เธอก็ผลุบกลับเข้าไปในครัว รินน้ำดื่มสองแก้วแล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง แต่เธอคิดว่าคงไม่เหมาะจะนั่งฟังด้วยจึงหลบไปด้านหลัง ได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังวายุที่ยืนหน้าซีดอยู่ และเป็นการันต์ที่กระตุกมือให้วายุนั่งลงข้างเขา “ลูก...ดูสบายดีนะ” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมสบายดี” วายุตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่สองมือบีบกันแน่น การได้พบแม่ไม่ได้ทำให้เขากังวลได้เท่ากับเห็นพ่อมาอยู่ตรงหน้าด้วย เขากลัวว่าพ่อจะทำร้ายคนที่บ้านนี้ ซึ่งเขาไม่ยอมให้มีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นเด็ดขาด “พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่” “วันนี้พ่อเห็นแกไปออกบูธก็เลยให้คนตามดู” คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงอ่อนล้า “ทำไมครับ อยากเห็นว่าผมจะใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างที่พ่อประณามไว้หรือเปล่านะเหรอ” น้ำเสียงวายุก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน “เปล่าๆ....พ่อ...พ่ออยากให้แกกลับบ้าน” ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนตรงหน้าทำให้วายุนิ่งงันไป เขาย้ายสายตาไปมองมารดาที่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “กลับบ้านเ
‘ใครเป็นฝ่ายทักกันก่อนเล่า’ เกวลินขมวดคิ้วแล้วฉีกยิ้มทักทาย “ว่าไง”“ว่าไง?” เอมอรแอบเบ้ปากในใจ “ก็ไม่มีอะไร แค่จำได้ว่าเธอออกจากโรงเรียนกลางเทอมนี่ ได้ยินว่าท้องเลยหนีตามผู้ชายไป แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ป่านนี้ลูกคนโตแล้วสินะ มีอะไรให้เพื่อนอย่างฉันช่วยก็บอกมาได้เลยนะ”แม้เอมอรไม่ได้ใช้น้ำเสียงดังอะไรนัก แต่ถ้อยคำของเธอทำให้คนที่ได้ยินถึงกับนิ่งไป นั้นหมายถึงคุณเกริกและคุณลาวัลย์ที่อดปรายตามองทางเกวลินไม่ได้ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกอ้าปากจะโต้เถียงแต่กลับเป็นการันต์ที่ทนไม่ไหวชิงพูดออกไปก่อน“ท้องอะไร หนีตามผู้ชายอะไร” การันต์พูดเสียงดังอย่าไม่อายใครและไม่มีอะไรให้อายด้วย “ยัยกะทิออกจากโรงเรียนตอนม.5ก็จริง แต่เพราะมาดูแลแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ก็ไปสอบกศน.จนได้วุฒิม.ปลายไง รู้จักไหม การศึกษานอกโรงเรียนนะ แล้วถ้ายัยกะทิเรียนไม่จบม.ปลายมันจะเอาวุฒิที่ไหนไปเรียนมหาวิทยาลัยจนได้เกียรตินิยมอันดับสองเล่า! คิดจะปั้นเรื่องใส่ความคนอื่นก็ช่วยให้มันใกล้เคียงกับความจริงหน่อยเซ่!”“ตะโก้!ใจเย็นๆ” วายุรั้งแขนการันต์ไว้เพราะกลัวว่าคนรักจะเข้าไปตบตีอีกฝ่าย ถึงยังไงคู่กรณีก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรไปก็
การันต์สบตากับวายุแล้วปลดหน้ากากอนามัยออก ทั้งที่เขาบอกกับวายุไม่ต้องมาช่วยก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็เป็นห่วงน้องสาวของเขาที่ยังเจ็บขาอยู่จึงมาช่วยงาน ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองคิดไม่ผิดที่พาวายุเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว วายุดึงปลดหน้ากากอนามัยออกแล้วเอียงตัวไปทางการันต์เล็กน้อย มองผิวเผินเหมือนเพื่อนถ่ายรูปคู่กัน มีเพียงแววตาที่มองกันนั้นแตกต่างจากคำว่า ‘เพื่อน’โอ๊ย! พี่ชายเธอตัวใหญ่ยักษ์แต่พี่วายุก็ไม่ได้ตัวเล็กแต่เพราะสูงโปร่งเลยดูบอบบางไปเลย เกวลินกดบันทึกภาพรัวๆ นานๆ จะมีรูปถ่ายคู่กันนอกบ้านที แอบดีใจที่พี่ชายได้เจอคนรู้ใจที่เข้าอกเข้าใจกันดี ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่านี้ หญิงสาวแอบถอนหายใจ บางทีเธอก็คิดว่าตัวเองฝันไปที่ได้คบกับอิทธิพล เขาดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง จนบางทีเธอก็คิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะยืนเคียงข้าง แต่เพราะเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขายามที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เธอคิดได้ว่า...ขอแค่ทำให้เขามีความสุขแค่นี้ก็พอแล้ว“หนูกะทิอยู่นี่เอง”เสียงทักจากด้านหลังทำให้เกวลินหันไปส่งยิ้มพร้อมยกมือไหว้ทันที “สวัสดีค่ะคุณลาวัลย์ คุณเกริก”“เรียกเสียห่างเหินเชียว” คุณเกริกหัวเร
“จะดีเหรอคะ นานๆ เลี้ยงทีก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเลี้ยงบ่อยนักหรอก เดี๋ยวกะทินิสัยเสียเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมา พี่อิฐจะลำบากเอานะ” ตั้งแต่เคยมีแฟนมาก็มีคนนี้ที่บ่นว่าเขาเลี้ยงเธอบ่อยเกินไป อิทธิพลไม่รู้จะทำยังไงดี บางทีทำตัวก็เป็นเด็ก แต่บางครั้งก็เป็นคนมีเหตุผล “ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ พี่ชายกะทิบอกให้พี่ไปกินข้าวเย็นที่ร้านได้ กะทิจะได้ไม่ต้องออกมาส่งข้าวให้พี่กิน นี่พี่ก็ประหยัดมื้อเย็นไปอีกหนึ่งมื้อเชียวนะ” เกวลินคิดตามแล้วก็พยักหน้ารับ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่รู้ผิดว่าตัวเองเอาเปรียบเขามากไป “พี่ถามอะไรหน่อยสิ” “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพลางยกน้ำขึ้นดื่ม “พี่เห็นที่บ้านมีผู้ชายอีกคน ...คนนั้นใครเหรอ” “อ้อ!พี่วายุค่ะ” “แล้ว?” “เอ่อ...” เกวลินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะรังเกียจที่พี่ชายเธอเป็นเกย์ แต่อีกใจก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังทำไม พูดไปตรงๆ ดีกว่า “พี่วายุ...เป็นแฟนของพี่ตะโก้ค่ะ” “แฟน?” “อื้ม... ก็แฟนแบบเราสองคนนี้ไง”
“ก็คนเพิ่งคบกันก็อยากให้มั่นใจก่อนไง ที่พี่ตะโก้กับพี่วายุก็ยังคบหาดูใจกันก่อนที่พี่ตะโก้จะพาพี่วายุมาเจอกะทิเลย” “ก็ตะโก้หวงกะทิไง” “กะทิก็หวงพี่ตะโก้นะ แต่เพราะกะทิรักพี่ตะโก้ไง ถ้าพี่รักใครกะทิก็รักด้วย แล้วกะทิก็รู้ว่าพี่วายุเป็นคนดีก็เลยไม่เคยห้ามไง มันไม่ได้เข้าใจอะไรยากเลย” “ก็...” “จะยืนคุยให้แผลอักเสบหรือไง มานั่งนี่” การันต์หันมาตวาด วายุประคองเกวลินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ เพียงหย่อนก้นลงนั่ง พี่ใหญ่ของบ้านก็ยกชามโจ๊กข้าวกล้องหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะ “แค่เป็นแผลถลอกต้องกินโจ๊กเลยเหรอคะ” น้องสาวเริ่มเล่นบทอ้อนแต่พี่ยังนั่งหน้าตึงใส่ เธอจึงยกช้อนคนชามโจ๊กของตนเอง “หมอให้งดแค่ของหมักดองกับพวกเหล้าเบียร์นี่ค่ะ” “จะกินมั้ย” “กินค่ะ” เกวลินช้อนตาขึ้นมองพี่ชายนั่งกอดอกจ้องหน้าเธอนิ่ง เธอหลุบตามองโจ๊กในชามแล้วก็เผลอยิ้มออก “โจ๊กไก่ฉีกของโปรดใครน๊า แม่บอกว่าอยากกินอะไรก็ใส่ลงไป กะทิชอบกินกากหมูกรอบๆ พี่ตะโก้ก็ทำใส่ให้ ใส่ขิงซอยหน่อย โรยใบขึ้นฉ่ายนิดหนึ่ง ตอนเด็กๆ กะทิแยกใบขึ้นฉ่าย (คื่นไฉ่)ก็ใบผ
“ขอบคุณมากครับ” อิทธิก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกมาให้พยาบาลทำแผลเกวลินจนเสร็จ เวรเปลเข็นรถมารอรับคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์และสแกนสมอง อิทธิพลเดินเข้าไปสอบถามคุณหมอท่านเดิมอีกครั้งก่อนเดินตามเกวลินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวได้แต่รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ถาม ยิ่งกดดันจนเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจร่างกายและหมอสรุปว่าเธอบาดเจ็บแค่ภายนอก และให้ฉีดวัคซีนป้องกันการเป็นบาดทะยัก“นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวผมไปรับยาให้เอง” เขาพูดแล้วรับใบรับยาของเกวลินมา เขาไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่เดินหายไปทิ้งเธอนั่งบีบมือตัวเองไปมาบนรถเข็น เขาหายไปราวสิบนาทีแล้วเดินกลับมาพร้อมถุงยา อาจเพราะเป็นหมอไปรับยาเองเลยได้เร็วกว่า เขาคงรีบร้อนมาดูเธอ เสื้อกาวน์ก็ไม่ได้ถอด ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยสินะ หญิงสาวรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอิทธิพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าไปทำยังไงถึงประสบอุบัติแบบนี้ เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น“โทรบอกพี่ชายให้มารับสิ”“คะ?” เกวลินเงยหน้าขึ้น ทวนสิ่งที่ได้ยินแล้วส่ายหน้าไปมา“แผลนิด
‘ไม่ว่ายังไง วายุก็เป็นลูกของแม่ ลูกไปเถอะ ไปใช้ชีวิตที่ลูกต้องการ’ ‘แต่ผมเป็นห่วงแม่’ ‘มันคงเป็นเวรกรรมของแม่เอง ลูกไปเถิดนะ แม่อยากเห็นลูกมีความสุข’ วันที่ออกจากบ้านมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท เสื้อผ้าไม่กี่ชุดและสะพายกีต้าร์ออกมา พ่ออายัติเงินในบัญชีและบัตรเครดิต เขาจำต้องหาห้องเช่าราคาถูก ทำงานร้องเพลงตามผับบาร์ ต้องวิ่งรอกหลายที่ต่อคืนเพื่อจะได้มีเงินพอใช้จ่าย ชีวิตมันไม่ได้สวยงามสะดวกสบายแต่ก็แลกมากับความสุขใจ จนกระทั่งได้เจอกับการันต์ที่มากินเหล้าที่ในคืนที่เขาร้องเพลงอยู่ ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การันต์ช่วยดูแลเขาจนได้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ เขาหัวเราะขื่นๆ นึกถึงวันที่ได้พบคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนของบิดาของเขา แต่คงจำเขาไม่ได้เพราะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี พ่ออับอายถึงขนาดปล่อยข่าวว่าลูกไปอยู่เมืองนอกเชียวหรือ? ยังดีที่เขาโทรหาแม่อยู่บ่อยๆ พอรู้ว่าแม่ยังสบายดีอยู่จึงไม่ค่อยกังวลนัก เพล้ง! เสียงของตกแตกทำให้วายุตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองที่ต้นเสียง การันต์ยืนนิ่งงันมองแ