‘ไม่ว่ายังไง วายุก็เป็นลูกของแม่ ลูกไปเถอะ ไปใช้ชีวิตที่ลูกต้องการ’
‘แต่ผมเป็นห่วงแม่’
‘มันคงเป็นเวรกรรมของแม่เอง ลูกไปเถิดนะ แม่อยากเห็นลูกมีความสุข’
วันที่ออกจากบ้านมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท เสื้อผ้าไม่กี่ชุดและสะพายกีต้าร์ออกมา พ่ออายัติเงินในบัญชีและบัตรเครดิต เขาจำต้องหาห้องเช่าราคาถูก ทำงานร้องเพลงตามผับบาร์ ต้องวิ่งรอกหลายที่ต่อคืนเพื่อจะได้มีเงินพอใช้จ่าย ชีวิตมันไม่ได้สวยงามสะดวกสบายแต่ก็แลกมากับความสุขใจ จนกระทั่งได้เจอกับการันต์ที่มากินเหล้าที่ในคืนที่เขาร้องเพลงอยู่ ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การันต์ช่วยดูแลเขาจนได้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้
เขาหัวเราะขื่นๆ นึกถึงวันที่ได้พบคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนของบิดาของเขา แต่คงจำเขาไม่ได้เพราะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี พ่ออับอายถึงขนาดปล่อยข่าวว่าลูกไปอยู่เมืองนอกเชียวหรือ? ยังดีที่เขาโทรหาแม่อยู่บ่อยๆ พอรู้ว่าแม่ยังสบายดีอยู่จึงไม่ค่อยกังวลนัก
เพล้ง!
เสียงของตกแตกทำให้วายุตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองที่ต้นเสียง การันต์ยืนนิ่งงันมองแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้น เขารีบลุกขึ้นไปดู
“เป็นอะไรหรือเปล่า บาดเจ็บไหม”
“ปะ...เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร แค่ตกใจ” การันต์สูดลมหายใจลึก ปกติเขาไม่ใช่คนสะเพร่าทำของตกแตก แต่อยู่ๆก็รู้สึกใจสั่นหวิวชอบกล อาการแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในวันที่แม่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
“ไม่เป็นอะไรทำไมหน้าซีดขนาดนี้ มานั่งพักตรงนี้ก่อน เดี๋ยวเราเก็บเศษแก้วเอง”
วายุจูงมือการันต์ให้นั่งที่เก้าอี้ เขาไม่เคยเห็นการันต์หน้าซีดขนาดนี้มาก่อน ได้แต่บีบมือเตือนสติว่ายังมีเขาอยู่เคียงข้าง การันต์สูดลมหายใจลึกแล้วยกมือขึ้นกดหน้าอกตัวเอง หวังว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นในชีวิตของเขาอีกครั้ง.
..........
อิทธิพลแปลกใจที่เห็นผู้ช่วยพยาบาลถือถุงข้าวกล่องมาส่ง ปกติเกวลินจะมาส่งด้วยตัวเอง และอ้อยอิ่งรอจนเขาพักเที่ยง นั่งคุยเล่นจนเขากินข้าวกลางวันเสร็จเธอจึงกลับ
“ทำไมแม่ค้าไม่ได้มาส่งข้าวกล่องเองล่ะครับ” เขาอดถามไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่เคยสนใจ แต่ตอนนี้สถานะของเกวลินมีน้ำหนักในใจของเขาแล้ว
“น้องกะทิรถล้มค่ะ โทรมาให้อิชั้นเอาข้าวกล่องมาให้คุณหมอกับพยาบาลก่อนค่ะ”
“รถล้ม!” อิทธิพลสะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที “ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ”
“อยู่ตึกอุบัติเหตุค่ะ”
อิทธิพลก้าวเท้าออกไปจากห้องตรวจทันที ท่ามกลางความตกใจของพยาบาล เขาชะงักอย่างนึกขึ้นได้แล้วหมุนตัวเดินกลับมา พยายามสงบสติอารมณ์ให้นิ่งที่สุด
“คนไข้ของผมหมดแล้วนะครับ ผมขอตัวไปทำธุระด่วนก่อน”
“เชิญค่ะคุณหมอ”
พยาบาลสาวได้แต่มองตามแผ่นหลังของคุณหมอหนุ่มที่ก้าวเร็วๆ จะเกือบจะเป็นวิ่ง พยาบาลชื่อแววกวักมือเรียกผู้ช่วยที่เพิ่งเอาข้าวกล่องไปวางด้านในมาสอบถามเรื่องราวทั้งหมด
“น้องกะทิรถล้มใกล้ๆ โรงพยาบาลเรานะเหรอ”
“ค่ะ น้องเป็นห่วงข้าวกล่องกลัวคุณหมอกับคุณพยาบาลจะไม่มีอะไรกินเลยโทรตามอิชั้นไปรับ ยังดีที่ข้าวกล่องไม่เป็นอะไร แค่เอียงไปข้างหนึ่ง”
“เอ้า! แล้วคนล่ะ เป็นอะไรไหม”
“ถ้าเป็นมากข้าวกล่องคงพังพินาศไปแล้วล่ะ” พยาบาลอีกคนพูดขึ้น “ว่าแต่... ทำไมหมออิฐต้องตกใจขนาดนั้นด้วย สองคนนั้นสนิทกันตอนไหน”
“สนิทกันตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ทุกวันนี้ไข่ดาวของหมออิฐเป็นรูปหัวใจ”
“จริงเหรอคะ ไม่ได้สังเกตเลย โอ๊ย!อิจฉา อยากมีคนทอดไข่ดาวรูปหัวใจให้กินบ้าง”
“ก็ทอดเองสิ”
“ทอดสะพาน?”
“ทอดไข่ดาว!”
“พอเถอะ” พยาบาลแววถึงกับกุมขมับ “เล่นมุขกันเองชงกันเองแบบนี้ถึงได้อยู่บนคานทั้งคู่”
แล้วเหล่าพยาบาลหน้าแผนกอายุรกรรมก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง แอบเสียดายกันนิดๆ ที่นายแพทย์อิทธิพลไม่โสดเสียแล้ว
คุณหมอหนุ่มวิ่งจนเสื้อกาวน์ปลิวมาที่ตึกอุบัติเหตุ เป็นหมอมาหลายปี เจอคนไข้มาเกือบทุกรูปแบบ แต่ถ้าเป็นคนพิเศษของหัวใจแล้ว ต่อให้มีสติยังไงก็อดเป็นกังวลไม่ได้ จนกว่าจะได้เห็นอาการด้วยตัวเอง
“มีเคสมอไซค์ล้มเข้ามาไหมครับ คนเจ็บชื่อเกวลิน” อิทธิพลถามเวรเปลที่อยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉิน
“มีครับเพิ่งเข้าไปสักสิบนาทีที่แล้ว”
อิทธิพลพยักหน้ารับแล้วสูดลมหายใจลึกก่อนผลักบานประตูเข้าไป เสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวดทำให้เขาหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เป็นจังหวะที่พยาบาลเลื่อนฉากกั้นสีฟ้าออก เขาจึงเห็นคนเจ็บที่เป็นผู้หญิงนอนร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพรากให้หมอตรวจบาดแผลตามเนื้อตัว
“มีอะไรหรือคะหมอ” พยาบาลคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ปะ..เปล่าครับ” เขาสูดลมหายใจลึก ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาตามหา “เอ่อ ผมมาหาคนเจ็บที่รถมอเตอร์ไซค์ล้ม ชื่อเกวลินครับ”
บ้าจริง! สติ! มีสติหน่อยหมออิฐ!
“คนเจ็บชื่อเกวลินอยู่ทางนี้ค่ะ” พยาบาลสาวชี้นิ้วไปยังอีกเตียง มีคุณหมอกับพยาบาลยืนล้อมอยู่ หมอหนุ่มพยักหน้าเอ่ยขอบคุณแล้วเดินเข้าไปดู หญิงสาวนั่งบนห้อยขาบนเตียง พยาบาลกำลังทำความสะอาดแผลที่หัวเข่า ขากางเกงยีนถูกตัดออก เผยให้รอยถลอกที่หัวเข่าและหน้าแข้ง
“อดทนหน่อยนะครับ ให้พยาบาลล้างแผลให้สะอาดเผื่อมีเศษหินติดอยู่จะกลายเป็นแผลอักเสบได้”
“ขอบคุณค่ะ” เกวลินพูดแล้วฝืนยิ้ม แต่ก็กลั้นเสียงร้องซูดปากเพราะแสบแผลไว้ ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาดุดันจ้องมองก็อ้าปากค้างลืมเจ็บไปทันที เพราะหน้าตาเขาถมึงทึงยิ่งกว่ายักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูวัดเสียอีก
“พี่... เอ่อ... หมออิฐ” เกวลินพยายามฉีกยิ้มหวานแต่แสบแผลมากรอยยิ้มจึงดูพิกลพิการนัก “ได้ข้าวกล่องหรือยังคะ สภาพยังดีอยู่ใช่ไหม กะทิประคับประคองมาอย่างดีเลยนะเนี้ย ฮะฮ่า”
“หมออิฐรู้จักคนเจ็บเหรอ” หมอหนุ่มอีกคนเอ่ยถาม อิทธิพลพยักหน้ารับแล้วเอ่ยถาม
“คนเจ็บเป็นยังไงบ้าง”
“แผลนิดเดียวค่ะ” เกวลินรีบพูดขึ้น
“ถามหมอไม่ได้ถามคนเจ็บ” เขาทำตาดุใส่แล้วหันไปพูดกับหมอ “ให้เอ็กซ์เรย์ร่างกายด้วยนะครับ”
“เอ่อ...แต่คนเจ็บแค่...”
“นะครับ” อิทธิพลลดน้ำเสียงลง “ช่วยส่งตัวคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์ด้วย ตรวจสมองด้วย ค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง”
คุณหมอนิ่งไปเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับ “เพื่อความสบายใจของคนเจ็บ หมอจะส่งตัวให้นะครับ”
“ขอบคุณมากครับ” อิทธิก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกมาให้พยาบาลทำแผลเกวลินจนเสร็จ เวรเปลเข็นรถมารอรับคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์และสแกนสมอง อิทธิพลเดินเข้าไปสอบถามคุณหมอท่านเดิมอีกครั้งก่อนเดินตามเกวลินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวได้แต่รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ถาม ยิ่งกดดันจนเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจร่างกายและหมอสรุปว่าเธอบาดเจ็บแค่ภายนอก และให้ฉีดวัคซีนป้องกันการเป็นบาดทะยัก“นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวผมไปรับยาให้เอง” เขาพูดแล้วรับใบรับยาของเกวลินมา เขาไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่เดินหายไปทิ้งเธอนั่งบีบมือตัวเองไปมาบนรถเข็น เขาหายไปราวสิบนาทีแล้วเดินกลับมาพร้อมถุงยา อาจเพราะเป็นหมอไปรับยาเองเลยได้เร็วกว่า เขาคงรีบร้อนมาดูเธอ เสื้อกาวน์ก็ไม่ได้ถอด ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยสินะ หญิงสาวรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอิทธิพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าไปทำยังไงถึงประสบอุบัติแบบนี้ เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น“โทรบอกพี่ชายให้มารับสิ”“คะ?” เกวลินเงยหน้าขึ้น ทวนสิ่งที่ได้ยินแล้วส่ายหน้าไปมา“แผลนิด
“ได้ยินว่าหมออิฐอกหักอีกแล้ว” “พูดเป็นเล่น เห็นหวานออกสื่อขนาดนั้น” “ก็ไม่รู้สินะ แต่ที่แน่ๆ หมออิฐอัพเดทสถานะโสดแล้วจ้า” “แต่เหมือนได้ยินว่าหมออิฐก็เพิ่งอกหักไม่ใช่เหรอ” “สี่ปีอกหักสามหนเลยนะ ธรรมดาที่ไหน” “หมออิฐก็เป็นคนดีอยู่นะ ทำไมอกหักบ่อยจัง” “อยากรู้ก็ไปดามอกให้หมออิฐดูสิ” บทสนาของบรรดาพยาบาลสาวดึงดูดความสนใจของเกวลิน เธอไม่ได้ชอบสนใจเรื่องของคนอื่น แต่ที่สนใจก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ‘หมออิฐ’ หรือ ‘นายแพทย์อิทธิพล’ ผู้ชายที่เธอแอบรักข้างเดียวมานาน “อ้าว น้องกะทิมาส่งข้าวเองเลยเหรอ” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยทักเมื่อเห็นแม่ค้าหน้าหวานเข้ามาพร้อมถุงใส่กล่องอาหารนับสิบกล่อง “ค่ะ วันนี้พี่ตะโก้ต้องเอารถไปซ่อมค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง แม้มีหน้ากากอนามัยปิดครึ่งใบหน้าก็ตาม “มีน้ำใบเตยด้วยค่ะ อันนี้แถมฟรี” “น่ารักจังเลย ขอให้ขายดีนะจ๊ะ” พยาบาลสาวรับถุงอาหารมาแล้วหยิบมือถือมาโอนค่าอาหารที่สั่งไว้ “เอ่อ... หมออิฐกลับมาจากโรงพยาบาลสนามแล้วเหรอค
แต่หมออิฐคงจำเธอไม่ได้ เขาเคยเป็นลูกค้าประจำของร้าน มานั่งดื่มและฟังเพลงเดือนละครั้งสองครั้ง เขาก็เหมือนคนอื่น มาดื่ม มาฟังเพลง มาผ่อนคลาย เธอไม่เคยเข้าไปทักเขาสักที เพราะหลายครั้งที่เขามาก็มีหญิงสาวมาด้วยเสมอ แต่คืนนั้นเธอถูกลูกค้าเมาลวนลามและบังเอิญเขาเข้ามาช่วย การันต์รู้เข้าจึงเลี้ยงเครื่องดื่มแทนคำขอบคุณ ทำให้นับตั้งแต่นั้น เธออยากรู้จักนายแพทย์อิทธิพลหรือหมออิฐมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าเขามีหญิงสาวคบอยู่ด้วย เธอจึงพอใจกับการเฝ้ามองและติดตามเขาอยู่ห่างๆ จนกระทั่งการันต์ต้องปิดผับมาเปิดร้านอาหารตามเดิม และมีบริการเดลิเวอรี่ มีลูกค้าที่ทำงานที่โรงพยาบาลให้เธอนำข้าวกล่องไปส่ง ทำให้เธอได้พบหมออิฐอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาอยู่ดี แต่ เธอใส่ใจรายการอาหารของหมออิฐเป็นพิเศษ ทำให้จำได้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร คนที่ดูเหมือนง่ายๆอะไรก็ได้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด “ตั้งแต่สั่งข้าวกล่องมา หมออิฐชอบกินข้าวกล่องร้านของหนูกะทิที่สุด แกเรื่องมากจริงๆ ผัดกระเพราต้องเป็นผัดกระเพรา ไม่ใส่ถั่วฝักยาวหรือแคร์รอต เมนูปลาต้องไม่คาว ถ้าวันไหนสั่งไข่ดาว ต้องให้ไข่ดาวเยิ้มๆ ไข่ข
“ผมสามสิบกว่าแล้วนะพ่อ เรียนจบมีงานทำแล้ว แค่ยังหาเมียไม่ได้แค่นั้นเอง แล้วเดี๋ยวนี้ใครเขามาคิดเรื่องพวกนี้กันเล่า”“เอาน่าๆ พ่อลูกคู่นี้ก็คุยกันดีๆ ไม่เป็นหรือไง” แม่ออกโรงห้ามทัพก่อนที่พ่อลูกจะปะทะฝีปากกันมากไปกว่านี้ “พ่อกับแม่ก็แค่เป็นห่วง แต่ถ้าแกอยากอยู่คนเดียวไปทั้งชีวิตก็เตรียมวางแผนซื้อประกันชีวิตหรือดูบ้านพักคนชราไว้ก็ดีนะลูกนะ”คราวนี้เขาถึงกับหน้าหน้ายู่ อายุแค่สามสิบสี่ให้วางแผนใช้ชีวิตที่บ้านพักคนชรา แต่พ่อกลับหัวเราะพรืดออกมาแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับแม่ บ้านนี้มีลูกชายสามคน พี่ชายสองคนแต่งงานแยกกันไปสร้างครอบครัวของตัวเอง ส่วนเขาที่ยังโสดแต่ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ ย่องไปซื้อคอนโดไว้ซุกหัวนอน แต่ก็กลับบ้านทุกเดือน เช่นเดียวกับพี่ชายทั้งสองที่แวะเวียนพาลูกมาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าบ่อยๆ แต่พอกลับไปแล้วบ้านก็เงียบ ตอนนี้พ่อที่เกษียณตัวเองมาปลูกต้นไม้เล็กๆ น้อยๆ ขายเป็นงานอดิเรกจึงว่างมาเทศนาสั่งสอนเกมบังคับให้เขาแต่งงานเสียทีชายหนุ่มเผลอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไม่ได้อยากอยู่เป็นโสดนี่ คนล่าสุดที่เพิ่งเลิกลากันไปก็เพราะทัศคติไม่ตรงกัน คนเป็นหมอก็ไม่ใช่ว่าอยากเปิดคลินิก
“แวะเอาข้าวไปให้แมวจรค่ะ เลยมาช้าไปนิดหนึ่ง” เกวลินยิ้มทะเล้นแล้วหันไปทางวายุ “หิวจังเลยค่ะ มีอะไรกินบ้างคะ” “ตะโก้ทำไข่พะโล้ไว้ แล้วก็มีทอดมันปลากราย น้องกะทิจะกินเลยไหม พี่จะอุ่นกับข้าวให้กินร้อนๆ” “กินเลยดีกว่าค่ะ กินข้าวแล้วกะทิจะได้ไปอาบน้ำ” พูดจบก็เช็ดมือกับผ้าเช็ดมือที่แขวนอยู่ด้านข้างแล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าว พี่ชายส่ายหน้าไปมาแล้วหยิบจานตักข้าวให้น้องสาว เขาทำหน้าที่ทุกอย่างในบ้านเป็นแทนแม่ที่ตายจากไปได้ห้าปีแล้ว ส่วนพ่อแท้ๆ นั้นทออดทิ้งไปตั้งแต่เกวลินอายุได้สิบขวบ เดิมทีอยู่กันสองคนพี่น้อง แต่ตอนนี้ชีวิตเขามี ‘วายุ’ เพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเขา แรกทีเดียวก็กลัวน้องสาวจะรับไม่ได้ แต่หลังจากคบหาดูใจในฐานะ ‘คนรัก’ มาสองปี และเมื่อลองถามเกวลินดู น้องสาวไม่ขัดข้องอะไร เขาจึงให้วายุย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน เกวลินเองไม่ติดขัดที่รู้ว่าพี่ชายมีคนรักเป็นผู้ชาย ยุคนี้แล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดา วายุเข้ามาอยู่ร่วมบ้านได้สองเดือนแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร แถมยังคอยดูแลเธออีกด้วย ก็ถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดีย
“พี่ไม่เข้าใจจริงๆ หมออิฐอะไรนี่มีอะไรดี กะทิถึงได้หลงใหลคลั่งไคล้ขนาดนี้” “ก็ต้องมีดีสิ ไม่งั้นกะทิจะชอบเหรอ” “แต่ถ้าดีจริงทำไมอกหักบ่อยนักล่ะ” “นั้นแน่! ปากบอกไม่สนใจก็ยังรู้ว่าหมออิฐอกหักบ่อย แต่เรื่องแบบนี้มันก็พูดยากนะคะ สู้แอบรักอย่างกะทิไม่ได้ ไม่วันอกหักเพราะไม่เคยบอกรักเลยไง ฮะฮ่า” ‘แบบนี้ก็ได้เหรอ’ การันต์อ้าปากค้างแล้วหันไปสบตากับวายุ เสียงหัวเราะดังขึ้นในครัวขนาดเล็ก วายุดีใจที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ด้วยความที่เขาชอบเพศเดียวกันทำให้คนในครอบครัวของตัวเองยอมรับไม่ได้ และเขาเป็นนักดนตรีกลางคืน แต่เมื่อได้มาเจอกับการันต์และเกวลิน เขารู้สึกสัมผัสถึงคำว่า ‘ครอบครัว’เป็นครั้งแรก และเขาจะรักษาสิ่งนี้ไว้ด้วยชีวิตของเขาเอง ………. “กว่าจะนัดเจอกันได้แต่ละที เริ่มยากเย็นเข้าไปทุกครั้งแล้วสินะ” อิทธิพลบ่นเพื่อนในกลุ่มสี่ห้าคนที่นานๆ จะมารวมกลุ่มกันสักที เป็นเพื่อนซี้รู้จักกันตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงทุกวันนี้ “มึงก็พูดไป ลองมีลูกเหมือนพวกกูบ้างจะได
เอ๊ะ! ดวงตาแบบนี้ “งั้น...หมออิฐจะกลับแล้วเหรอคะ” เกวลินถามด้วยความเป็นห่วง เธอเห็นขวดเบียร์บนโต๊ะห้าหรือหกขวด เขานั่งคนเดียวกินหมดนั้นจริงๆ เหรอ คอแข็งชะมัด “ครับ” เกือบเที่ยงคืนแล้ว คนในผับดื่มกินได้ที่กระโดดเต้นตามเสียงเพลง ทำให้เขาขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ น่าแปลกที่เขาได้กลิ่นหอมอ่อนจากเรือนกายของหญิงสาว เธอรวบผมเป็นหางม้าทรงสูง เผยลำคอขาวที่ทำให้เขารู้สึกกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “หมออิฐกลับยังไงคะ คงไม่ได้จะขับรถเองใช่ไหม” ยังพูดไม่จบประโยคดี ร่างเล็กก็ถูกกระแทกจนเธอถลาเข้าไปปะทะกับแผงอกของเขา แม้จะยกมือยันแผ่นอกได้ทัน แต่มันก็ไม่ต่างจากถูกโอบกอดเลยสักนิด เธอเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของเขาแล้วต้องขมวดคิ้วแล้วลดมือลงเป็นฝ่ายคว้าข้อมือลากเขาออกมาด้านนอกเสียเอง เดี๋ยวนะ! นี่เขาโดนผู้หญิงฉุดเหรอ! อิทธิพลแทบจะหายเมาในทันที ถูกมือเล็กลากออกมานอกผับ ห่างจากประตูทางเข้าออกแล้วเธอจึงปล่อยข้อมือเขา “ขอโทษค่ะ คนเยอะมากเลย ไม่ได้ตั้งใจจะลวนลามหมออิฐเลยนะคะ” “ครับ” เขาพยักหน้ารับแล้
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องแล้วก้าวไปด้านในเพื่อกดสวิตช์ไฟ ความสว่างในห้องทำให้เกวลินมองเห็นโต๊ะว่างที่พอจะวางเบียร์หนึ่งถาดได้ ไหนๆ ก็อุ้มมาส่งถึงหน้าประตูแล้ว เธอจึงก้าวเข้าไปเพื่อวางถาดเบียร์บนโต๊ะ โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงเตือนข้อความเข้า เธอก้มหน้าหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนแล้วอ่านข้อความจากพายุที่ส่งมาถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาออกจากผับกลับมาถึงบ้านแล้วแต่เธอยังมาไม่ถึง กะทิ : อยู่กับเพื่อนค่ะ กลับช้าหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง ฝากดูแลพี่ตะโก้ด้วย วายุ : ตะโก้หลับแล้ว ถ้ามีอะไรโทรหาพี่ได้นะ กะทิ : รับทราบค่ะ เกวลินยิ้มกับหน้าจอมือถือ พี่ชายเธอเป็นพวกหลับลึก ปลุกยาก แต่การมีวายุเข้ามาในบ้านไม่ได้ทำให้เธออึดอัดอย่างที่กังวล วายุเป็นคนขี้เกรงใจ จะทำอะไรก็คอยมองสีหน้าเธอเสมอ และคอยเป็นคนกลางประนีประนอมระหว่างเธอกับพี่ชาย เธอรู้ว่าพี่ชายมีรสนิยมแบบไหน ในบรรดาคนที่พี่เคยคบหามีเพียงวายุที่ได้เข้ามาในบ้านและอยู่ร่วมกันอย่างนี้ และก็พอรู้ว่าวายุมีปัญหาทางบ้านแต่สำหรับเธอแล้ว ตอนนี้วายุเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว อ
“ขอบคุณมากครับ” อิทธิก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกมาให้พยาบาลทำแผลเกวลินจนเสร็จ เวรเปลเข็นรถมารอรับคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์และสแกนสมอง อิทธิพลเดินเข้าไปสอบถามคุณหมอท่านเดิมอีกครั้งก่อนเดินตามเกวลินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวได้แต่รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ถาม ยิ่งกดดันจนเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจร่างกายและหมอสรุปว่าเธอบาดเจ็บแค่ภายนอก และให้ฉีดวัคซีนป้องกันการเป็นบาดทะยัก“นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวผมไปรับยาให้เอง” เขาพูดแล้วรับใบรับยาของเกวลินมา เขาไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่เดินหายไปทิ้งเธอนั่งบีบมือตัวเองไปมาบนรถเข็น เขาหายไปราวสิบนาทีแล้วเดินกลับมาพร้อมถุงยา อาจเพราะเป็นหมอไปรับยาเองเลยได้เร็วกว่า เขาคงรีบร้อนมาดูเธอ เสื้อกาวน์ก็ไม่ได้ถอด ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยสินะ หญิงสาวรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอิทธิพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าไปทำยังไงถึงประสบอุบัติแบบนี้ เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น“โทรบอกพี่ชายให้มารับสิ”“คะ?” เกวลินเงยหน้าขึ้น ทวนสิ่งที่ได้ยินแล้วส่ายหน้าไปมา“แผลนิด
‘ไม่ว่ายังไง วายุก็เป็นลูกของแม่ ลูกไปเถอะ ไปใช้ชีวิตที่ลูกต้องการ’ ‘แต่ผมเป็นห่วงแม่’ ‘มันคงเป็นเวรกรรมของแม่เอง ลูกไปเถิดนะ แม่อยากเห็นลูกมีความสุข’ วันที่ออกจากบ้านมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท เสื้อผ้าไม่กี่ชุดและสะพายกีต้าร์ออกมา พ่ออายัติเงินในบัญชีและบัตรเครดิต เขาจำต้องหาห้องเช่าราคาถูก ทำงานร้องเพลงตามผับบาร์ ต้องวิ่งรอกหลายที่ต่อคืนเพื่อจะได้มีเงินพอใช้จ่าย ชีวิตมันไม่ได้สวยงามสะดวกสบายแต่ก็แลกมากับความสุขใจ จนกระทั่งได้เจอกับการันต์ที่มากินเหล้าที่ในคืนที่เขาร้องเพลงอยู่ ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การันต์ช่วยดูแลเขาจนได้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ เขาหัวเราะขื่นๆ นึกถึงวันที่ได้พบคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนของบิดาของเขา แต่คงจำเขาไม่ได้เพราะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี พ่ออับอายถึงขนาดปล่อยข่าวว่าลูกไปอยู่เมืองนอกเชียวหรือ? ยังดีที่เขาโทรหาแม่อยู่บ่อยๆ พอรู้ว่าแม่ยังสบายดีอยู่จึงไม่ค่อยกังวลนัก เพล้ง! เสียงของตกแตกทำให้วายุตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองที่ต้นเสียง การันต์ยืนนิ่งงันมองแ
“คนบ้า!” เกวลินหันมาแยกเขี้ยวใส่ “กะทิไม่ใช่เด็กๆ นะ อย่ามาตีก้นกันสิ!”“เป็นผู้ใหญ่ก็ตีก้นได้ รอบหน้าจะสาธิตให้ดู”อิทธิพลยักคิ้วให้คนรัก หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงรีบเข้าไปในห้องอาบน้ำ ชายหนุ่มฮัมเพลงในลำคออารมณ์ดีเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาสวม อยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่ก็รู้ว่ามันเร็วเกินไป ความสัมพันธ์ที่เขาเคยคิดไว้ว่าค่อยเป็นค่อยไป มันผิดแผนกลายเป็นก้าวกระโดด สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหาอะไร กลัวว่าหญิงสาวจะคิดว่าคบกันเพราะติดใจเรื่องเซ็กส์ แต่เขาชอบเธอจริงๆเกวลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดเดิมเรียบร้อย ผมยาวยังชื้นอยู่จึงไม่ได้รวบผม อิทธิพลกวักมือเรียกให้เธอไปนั่งใกล้ๆ แล้วเขาก็หยิบหวีมาแปรงผมให้“ชอบรวบผมเป็นหางม้าเหรอ ตั้งแต่เจอกันพี่ก็เห็นเราทำผมทรงเดียว”“มันสะดวกค่ะ เวลาทำงานก็คล่องตัว” นอกจากแม่กับพี่ชายแล้วเพิ่งเคยมีคนอื่นมาหวีผมให้แบบนี้ เล่นเอาเกวลินเคลิ้มไปเหมือนกัน“แล้ว...ชอบใส่สปอร์ตบราเหรอ พี่เห็นสองครั้งแล้ว”คราวนี้เธอหัวเราะพรืดออกมา “ขอโทษที่มันไม่เซ็กซี่เร้าใจ แต่มันสบายตัวนี่ค่ะ”“พี่ไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะ คือ...เอ่อ...กะทิ
ลมหายใจหอบแรงผสานเสียงครางกระเส่าของคนสองคนในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทว่าเรือนร่างเปลือยเปล่ากลับอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือแกร่งจับเอวคอดไว้มั่นขยับสะโพกสวนรับจังหวะของคนที่นั่งอยู่ด้านบน “พี่อิฐ...” หญิงสาวครางเสียงหวาน สองมือเกาะกุมไหล่เขาไว้เพื่อโยกตัวขึ้นขย่มลำเอ็นที่กำลังสร้างความเสียวซ่านอยู่ในขณะนี้ ปากร้อนของเขาครอบครองยอดอก ดูดดึงและไล้เลียจนเปียกชุ่มแทบแยกไม่ออกว่าเหงื่อหรือน้ำลาย “เร็วอีกสิครับ พี่จะเสร็จแล้ว” “...ไม่ไหวแล้วนะคะ...” “เสร็จพร้อมกันนะครับ” น้ำเสียงแหบพร่า ฟังดูทั้งบงการและออดอ้อนในเวลาเดียวกัน ยกเว้นก็แต่การเคลื่อนไหวดุดันที่ทำให้หญิงสาวที่อยู่ด้านบนส่ายหน้าไปมา เลื่อนมือมากอดเขาแน่น ฟุบหน้ากับบ่าแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่แทนการส่งเสียงหวีดร้องเมื่อร่างกายถูกปลุกเร้าจนเกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอด “เยี่ยม...อา....” อิทธิพลคำรามออกมา ปลดปล่อยความหิวกระหายจนหมดสิ้น ร่องรักที่บีบรัดแน่นทำให้เขาต้องซูดปากตามอีกครั้ง ทั้งสองปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง เกวลินจึงเงยหน้าขึ้นแล้วทุบแผ่นอกเขาไปสองสามที
เกวลินรู้สึกหน่วงที่ไหล่จึงเหลือบตามอง ปรากฏว่าคนชวนดูหนังกลับหลับไปแล้ว คิดจะปลุกเขาแต่เสียงกรนเบาๆ ทำให้เปลี่ยนใจปล่อยให้หลับต่อแล้วตัวเองก็ดูหนังพร้อมกับกินป๊อปคอร์นเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ อิทธิพลถูกเสียงหวานกระซิบปลุก“พี่อิฐค่ะ ตื่นได้แล้วค่ะ พี่อิฐ”“ขออีกห้านาที”“หนังจบแล้วนะคะ”“หนัง...หนังอะไร เฮ้ย!”คราวนี้เป็นอิทธิพลที่สะดุ้งแล้วดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องยกมือลูบหน้า นี่เขาเผลอหลับไปจริงๆ สินะ“ใจเย็นๆค่ะ นี่ในโรงหนังไม่ใช่โรงพยาบาล” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “เรารอออกคนสุดท้ายก็ได้ค่ะ”“ขอโทษนะครับ พี่เพลียเลยหลับไป” เขาลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปคว้าข้อมือให้เธอเดินตามเขาออกมา“ไม่เป็นไรค่ะ กะทิดูหนังแทนไปแล้ว อยากให้เล่าให้ฟังก็ได้นะคะ”เธอมองข้อมือตัวเองแล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งที่หัวใจเต้นรัว“พี่เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักเดี๋ยวนะ”“กะทิก็จะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มแล้วแยกไปเข้าห้องน้ำอิทธิพลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า จบกัน... อุตส่าห์วางแผนมาอย่างดีแต่ดันหลับไปได้ แต่ยังเหลือไปกินข้าวต่อนี่น่า รอบนี้ต้องไม่พลาด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซั
“อ้อ!แบบนี้เอง” ลาวัลย์พยักหน้าเข้าใจ “ตกลงเราสั่งขนมของหนูกะทินี่แหละ เอ้า!ตาหิน จ่ายค่าขนมให้น้องสิ” “อ้าว คุณแม่สั่งให้ผมจ่ายแบบนี้จะเรียกว่าแม่ซื้อให้กินได้ยังไงละครับ” ลูกคนโตแสร้งโอดครวญแต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอโอนจ่ายนะครับ ไม่เตรียมเงินสดมา” “ได้ค่ะ” เกวลินยิ้มรับแล้วบอกยอดโอนและตามด้วยเบอร์พร้อมเพย์ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเงินเข้าบัญชี เธอยิ้มแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้ายังไงจะให้เลขาติดต่อคุยรายละเอียดอีกทีนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เกวลินยิ้มกว้าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กะทิขอตัวกลับก่อนนะคะ” “จ๊ะ ขอบใจมากนะ คราวหน้าจะสั่งขนมมากินอีก” “และให้ผมจ่ายใช่ไหมแม่” “เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่” เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังขึ้น เกวลินกับวายุเดินออกมา พ้นประตูบ้าน เธอก็กระโดดเต้นไปมาด้วยความดีใจ “กะทิทำได้!” “อืม ก็พี่บอกแล้วว่ากะทิทำได้” วายุยิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปที่รถ “ข่าวดีแบบนี้โทรบอกพี่ตะโก้ให้เตรียมไปพม่าดีกว่า” “ไปพม่า?” “ย
“ตื่นเต้นเหรอกะทิ” วายุเอ่ยถามขณะที่วันนี้ทำหน้าพลขับ ขับรถมาส่งของกับเกวลิน “ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็เหมือนกับโกหก” เกวลินยิ้มแหย “ลูกค้าสั่งขนมไปชิมตั้งเยอะ ไม่รู้จะสั่งของเราประจำไหม พี่ตะโก้ก็อยากมาด้วยเพราะกลัวกะทิโดนหลอก แต่งานที่ร้านไม่มีคนดูก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่วายุที่อุตส่าห์ขับรถมาเป็นเพื่อนกันนะคะ” “อย่าคิดมากสิครับ ยังไงพี่ก็เป็นคนมารบกวนกะทิ ทั้งกินทั้งนอนที่บ้าน” “รบกวนอะไรกันค่ะ ครอบครัวเดียวกันอย่าพูดอะไรแบบนี้สิ” เธอหัวเราะเสียงใสออกมา แล้วก็ต้องอ้าปากค้างที่เห็นหมู่บ้านหรูหราตรงหน้า “พี่วายุขับรถมาผิดที่หรือเปล่าคะ” “ก็ไม่นะ พี่มาตามแผนที่ บ้านลูกค้าของกะทิอยู่ในหมู่บ้านนี้” หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด เธอไปบ้านน้าอิ่มสุขบ่อยๆ เพราะต้องไปส่งของ บ้านหลังนั้นเล็กกระทัดรัด เธอก็เลยคิดว่าลูกค้าที่น้าอิ่มสุขแนะนำคงมีฐานะใกล้เคียงกัน แต่นี่...หมู่บ้านแบบนี้ บ้านแต่ละหลังน่าจะหลายสิบล้านเลย สงสัยว่างานขายต้นไม้จะเป็นงานอดิเรกจริงๆ “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ขนมที่ตะโก้กับกะทิทำอร่อยอยู่แล้ว ถ้าลูกค้
“งานที่เราทำอยู่ เอ่อ...พี่ว่าน่าสนใจดี เคยเห็นผ่านๆในอินเตอร์เนท”“อ่อ...” เธอพยักหน้ารับ “จริงๆ แล้วกะทิไม่ได้จะทำงานแนวๆนี้ แต่ที่บ้านทำร้านอาหาร คือเมื่อก่อนคุณแม่ทำข้าวแกงขายแล้วขยับมาเปิดเป็นร้านอาหาร แล้วเราก็มีส่งตามบ้านบ้าง กะทิพอมีเวลาเลยอาสาขับรถส่งเอง จะได้ประหยัดต้นทุนไม่ต้องจ้างคนอื่น หรือจ้างก็ให้น้อยที่สุด พอร้านเริ่มเข้าที่เข้าที่มีลูกจ้างก็มีจ้างส่งของบ้าง เข้าร่วมกับแอปขายอาหารบ้าง แต่ถ้าเราไปส่งเองก็ได้คุยกับลูกค้าด้วย จะว่าไปก็ตั้งแต่ปั่นจักรยานเป็นก็หิ้วแกงถุงไปส่งตามบ้านได้แล้วล่ะค่ะ กะทิก็เลยไม่รู้สึกอายอะไรกับงานที่ทำอยู่”“ไม่เห็นน่าอายเลย น่าภูมิใจต่างหาก” เขายิ้มแล้วเป็นฝ่ายคีบเนื้อย่างส่งให้เธอบ้าง “ร้านนี้น้ำจิ้มอ่อนไปหน่อยว่าไหม”“คิดเหมือนกันเลยค่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วทำท่าป้องปากกระซิบ “ใช้น้ำจิ้มสำเร็จแน่ๆ ถ้าพี่ชายกะทิมากินต้องบ่นไปสามวันเจ็ดวันเลยค่ะ”“แต่ของอย่างอื่นเขาก็สดอยู่นะ ว่าจะตบด้วยไอติมสักถ้วย”“กะทิก็ว่าจะกวาดบนเตาให้หมดแล้วชิมไอติมสักถ้วยเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มทะเล้น“แล้ว..กะทิเรียนจบอะไรมา”“บริหารค่ะ” เธอตอบอย่างรวดเร็ว “สมัครงานไว้หลา
เกวลินยกข้าวกล่องไปใส่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกกันน็อกแล้วขับไปโรงพยาบาลเหมือนทุกครั้ง แต่ทุกทีไปถึงที่หมายแล้ว เธอจะโทรหาพยาบาลที่สนิทสนมกันเพื่อนำอาหารขึ้นไปส่ง แต่คราวนี้คนที่ออกมารับอาหารเองกลับเป็นนายแพทย์อิทธิพล“หมออิฐ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมารับอาหารเอง” เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หรืออาหารจะมีปัญหาทำให้หมออิฐต้องมารับเอง“เปล่าครับ” เขาส่ายหน้าไปมา เห็นเธออ้าปากจะถามก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “ผมมีเวลาห้านาที จะถามว่าเย็นนี้คุณว่างไหม”“เย็นนี้...ถ้าหลังหกโมงเย็นก็ว่างค่ะ ตอนห้าโมงมีคิวไปให้ข้าวแมวจรค่ะ ลูกค้าประจำผูกปิ่นโตไว้” เธอหมายถึงมีคนจ้างให้เธอไปให้ข้าวแมวนั้นแหละ“ดีครับ ผมหาเพื่อนไปกินหมูกระทะ ถ้าไปกินคนเดียวทางร้านจะบวกค่าเตาเพิ่ม คุณรับงานเพื่อนเที่ยวใช่ไหม ไปกินเป็นเพื่อนผมหน่อย ถ้าคุณจะถามว่าทำไมไม่ชวนเพื่อนที่ทำงานไป ก็ตอบเลยว่าผมไม่อยากมีปัญหาว่ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน”“อ่อ” เกวลินลากเสียงยาว “ได้ค่ะ หมออิฐจะไปร้านไหนคะ ให้กะทิจองร้านให้เลยไหม” หมอหนุ่มบอกชื่อร้านออกไป หญิงสาวพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์มือถือมากดบันทึกตารางงาน ขณะที่จิ้มๆ ข้อความนั้น เสียงเวรเปลร้องเ