“ตื่นเต้นเหรอกะทิ”
วายุเอ่ยถามขณะที่วันนี้ทำหน้าพลขับ ขับรถมาส่งของกับเกวลิน
“ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็เหมือนกับโกหก” เกวลินยิ้มแหย “ลูกค้าสั่งขนมไปชิมตั้งเยอะ ไม่รู้จะสั่งของเราประจำไหม พี่ตะโก้ก็อยากมาด้วยเพราะกลัวกะทิโดนหลอก แต่งานที่ร้านไม่มีคนดูก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่วายุที่อุตส่าห์ขับรถมาเป็นเพื่อนกันนะคะ”
“อย่าคิดมากสิครับ ยังไงพี่ก็เป็นคนมารบกวนกะทิ ทั้งกินทั้งนอนที่บ้าน”
“รบกวนอะไรกันค่ะ ครอบครัวเดียวกันอย่าพูดอะไรแบบนี้สิ” เธอหัวเราะเสียงใสออกมา แล้วก็ต้องอ้าปากค้างที่เห็นหมู่บ้านหรูหราตรงหน้า “พี่วายุขับรถมาผิดที่หรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่นะ พี่มาตามแผนที่ บ้านลูกค้าของกะทิอยู่ในหมู่บ้านนี้”
หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด เธอไปบ้านน้าอิ่มสุขบ่อยๆ เพราะต้องไปส่งของ บ้านหลังนั้นเล็กกระทัดรัด เธอก็เลยคิดว่าลูกค้าที่น้าอิ่มสุขแนะนำคงมีฐานะใกล้เคียงกัน แต่นี่...หมู่บ้านแบบนี้ บ้านแต่ละหลังน่าจะหลายสิบล้านเลย สงสัยว่างานขายต้นไม้จะเป็นงานอดิเรกจริงๆ
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก ขนมที่ตะโก้กับกะทิทำอร่อยอยู่แล้ว ถ้าลูกค้ากดราคาก็โบกมือลาได้ ไม่ต้องไปต่อรองอะไรหรอก”
“เข้าใจแล้วค่ะ” เกวลินก็คิดแบบนั้นไว้ก่อนแล้ว “ดีจังที่พี่วายุมาด้วย”
วายุได้แต่ยิ้ม เขาแลกบัตรก่อนเข้าหมู่บ้านแล้วขับไปตามแผนที่ที่ได้มา บ้านหลังใหญ่อลังการอยู่ตรงหน้า เกวลินลดกระจกรถลงแล้วพูดกับรปภ.ที่เฝ้าประตูบ้าน เขาพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้วายุขับรถเข้ามาด้านใน
“ใจเย็นๆ กะทิทำได้อยู่แล้ว” วายุให้กำลังใจ หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วทำท่ากำหมัด เขาหัวเราะออกมา การได้พบกับการันต์นับว่าเป็นสิ่งดีงามที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว แต่การได้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ครอบครัว’ คือสิ่งที่เขาไม่อาจจะสรรหาคำใดมาบรรยายได้ มันมากกว่าโชคดี ขนาดครอบครัวแท้ๆ ของเขายังมอบให้ไม่ได้เลย
เกวลินลงจากรถก็พบว่าแม่บ้านออกมาต้อนรับ เธอยิ้มแม้สวมหน้ากากอนามัยก็ตาม หญิงสาวเดินไปเปิดประตูหลังรถ แต่วายุรีบเข้ามาช่วยและส่งยิ้มให้กำลังใจ วายุถือกล่องขนมลงจากรถเดินตามแม่บ้านเข้าไปด้านใน หญิงสาวไม่อยากเสียมารยาทแต่ก็อดกวาดตามองบ้านหลังนี้ไม่ได้ เรียบง่ายแต่หรูหรา ตบแต่งอย่างพอเหมาะพอดี ไม่กี่นาทีต่อมาคุณลาวัลย์ก็เดินออกมาพร้อมคุณเกริก เธอวางกล่องขนมบนโต๊ะที่แม่บ้านจัดเตรียมไว้รอแล้วยกมือไหว้อย่างมีมารยาท
“ขอบใจนะ อุตส่าห์มาส่งด้วยตัวเอง”
“ร้านเรามีบริการส่งถึงบ้านอยู่แล้วค่ะ” เกวลินตอบแล้วเปิดกล่องขนมเพื่อแนะนำขนมแต่ละชนิดที่นำมา แต่ดูเหมือนเกริกจะสนใจวายุมากกว่า เพราะจ้องหน้าอีกฝ่ายจนวายุต้องก้มหน้าหลบสายตา
“อ้อ! ลืมแนะนำไปค่ะ นี่พี่วายุเป็นเพื่อนพี่ชายของกะทิเองค่ะ”
“สวัสดีครับ” วายุยกมือไหว้แล้วทำเป็นยุ่งกับขนมตรงหน้า
“คุ้นๆ หน้าจัง” คุณเกริกโคลงศีรษะไปมา “แก่แล้วจริงๆสินะ”
“แก่อะไรกันค่ะ” เกวลินหัวเราะเสียงใส “ถ้าคุณน้าแก่ กะทิก็วัยกลางคนแล้วค่ะ”
เกริกหัวเราะชอบใจ แต่เขาคุ้นหน้าวายุ หน้าตาเหมือนลูกชายของเพื่อน ไม่ได้เห็นหน้ากันหลายปีแล้ว แต่เพื่อนบอกว่าลูกไปอยู่เมืองนอกนี่นะ แต่มาด้วยกันกับยัยหนูกะทิ คงไม่ใช่แฟนกันหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง...ก็ได้แต่เสียดาย
“วันนั้นชิมขนมของหนูไป อร่อยถูกปากมาก ปกติน้าไม่กินขนมไทยเพราะมันหวาน แต่ของหนูกะทิ หวานกำลังดี” ลาวัลย์ชวนคุยแล้วกวาดตามองดูขนมตรงหน้า “สวยๆ ทั้งนั้นเลย”
“นี่ขนมเสน่ห์จันทร์ มีส่วนผสมของผงลูกจันทน์ป่น ได้กลิ่นลูกจันทร์แท้ค่ะ ขนมน้ำดอกไม้ ได้กลิ่นดอกมะลิอ่อนๆ ขนมสัมปันนี เห็นสีพาสเทลแบบนี้ใช้สีธรรมชาตินะคะ แล้วก็ข้าวเหนียวหน้าสังขยาโบราณใช้ไข่เป็ดค่ะ แล้วก็มีหน้ากุ้ง หน้าปลาแห้ง หน้ากระฉีกที่ใช้มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นกับน้ำตาลมะพร้าวค่ะ ทำเป็นคำเล็กๆ เหมาะกับเป็นของว่างค่ะ”
“ว่าจะรอลูกชายมาช่วยชิม แต่ป่านนี้ยังมาไม่ถึงบ้านเลย” คุณลาวัลย์ส่ายหน้าไปมา นี่ขนาดอยู่กรุงเทพแท้ๆ ถ้าอยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศจะไม่บ่นเลย “ขอชิมเลยได้ไหมจ๊ะ”
“เชิญค่ะ”
เกวลินยืนลุ้นดูสีหน้าลูกค้าทั้งสอง เห็นรอยยิ้มพอใจบนใบหน้าแล้วก็อดดีใจไม่ได้ เธอหันมาทางวายุเผลอคว้ามือเขาแล้วบีบแน่น ชายหนุ่มตบหลังมือเบาๆ ไม่คิดว่าลูกค้าของเกวลินจะเป็นคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองใจดีมีเมตตา ยังไงเกวลินต้องได้ออเดอขนมแน่นอน
เสียงรถจอดหน้าบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเสียงเด็กวัยสามขวบวิ่งถลาเข้ามากอดเอวคุณลาวัลย์ ดวงหน้ากลมแก้มยุ้ยส่งยิ้มกว้างแล้วเรียก
“คุณย่าคับ(ครับ)”
“หลานยายมาพอดี มาดูสิ ขนมสวยๆ ยาสั่งไว้รอหลานเลยนะเนี้ย” คุณลาวัลย์ลูบหัวเด็กน้อย จะให้อุ้มคงอุ้มไม่ไหวแล้ว ประเดี๋ยวเอวเคล็ดลำบากลูกชายคนเล็กต้องมาดูแลอีก
“เจ้าหินกับเจ้าดินอยู่ไกลยังมาถึงบ้านก่อนคนอยู่ใกล้” คนเป็นพ่อส่ายหน้าไปมา แต่เห็นหน้าหลานแล้วก็ชื่นใจ
“น้องทำงานนี่พ่อ” พี่ชายคนโตแก้ตัวให้น้องชายคนเล็ก และมักเป็นแบบนี้เสมอ พ่อกับแม่คาดหวังกับน้องชายคนเล็กที่เป็นหมอ หวังให้ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แต่น้องชายกลับทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐ บ่นมากก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวย้ายไปทำงานโรงพยาบาลต่างจังหวัด เอาเถอะ ถึงยังไงก็อยู่ในกรุงเทพ พอจะเรียกตัวได้สะดวก เขาเองต้องดูงานที่บริษัทไปมาต่างประเทศ ภรรยาเองก็อยากแยกครัวมีบ้านของตัวเอง พ่อแม่ไม่ได้ขัดอะไรและเข้าใจดี ส่วนน้องชายคนรองดูงานประจำที่ต่างจังหวัด เดือนสองเดือนจะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่สักครั้งตามสะดวก
“ขนมหน้าตาน่ากินจังค่ะคุณแม่” สะใภ้คนโตพูดขึ้น
“ชิมสิลูก แม่สั่งมาเยอะ ว่าจะสั่งไว้เป็นของว่างเวลาประชุมที่บริษัท เบื่อแล้วขนมปังขนมฝรั่ง กินขนมไทยดูบ้าง”
หญิงสาวชิมขนมในกล่องแล้วก็พยักหน้ารับ “อร่อยจริงๆค่ะคุณแม่”
“แม่สั่งมาเยอะ กลับบ้านก็เอาไปด้วย” คุณลาวัลย์บอก “เจ้าหิน ลองชิมดู”
“แม่ชิมแล้วผ่านก็โอเค.แล้วครับ” ชายหนุ่มหัวเราะแล้วอดมองทางหญิงสาวตัวเล็กไม่ได้
“นี่หนูกะทิ หลานพี่อิ่มสุข เป็นคนทำขนม” เกริกอธิบายสั้นๆ
“คือจริงๆ กะทิไม่ใช่หลานน้าอิ่มสุขหรอกค่ะ” เกวลินโบกมือไปมา “กะทิแค่บังเอิญรู้จักน้าอิ่มสุขที่โรงพยาบาล แล้วพอดีที่บ้านรับทำข้าวกล่อง น้าอิ่มสุขเลยผูกปิ่นโตไว้ เป็นอาหารสำหรับคนที่เป็นเบาหวานค่ะ ก็เลยสนิทกัน เวลาน้าอิ่มสุขอยากออกไปข้างนอกก็ให้กะทิพาไปค่ะ”
“อ้อ!แบบนี้เอง” ลาวัลย์พยักหน้าเข้าใจ “ตกลงเราสั่งขนมของหนูกะทินี่แหละ เอ้า!ตาหิน จ่ายค่าขนมให้น้องสิ” “อ้าว คุณแม่สั่งให้ผมจ่ายแบบนี้จะเรียกว่าแม่ซื้อให้กินได้ยังไงละครับ” ลูกคนโตแสร้งโอดครวญแต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอโอนจ่ายนะครับ ไม่เตรียมเงินสดมา” “ได้ค่ะ” เกวลินยิ้มรับแล้วบอกยอดโอนและตามด้วยเบอร์พร้อมเพย์ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเงินเข้าบัญชี เธอยิ้มแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้ายังไงจะให้เลขาติดต่อคุยรายละเอียดอีกทีนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เกวลินยิ้มกว้าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กะทิขอตัวกลับก่อนนะคะ” “จ๊ะ ขอบใจมากนะ คราวหน้าจะสั่งขนมมากินอีก” “และให้ผมจ่ายใช่ไหมแม่” “เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่” เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังขึ้น เกวลินกับวายุเดินออกมา พ้นประตูบ้าน เธอก็กระโดดเต้นไปมาด้วยความดีใจ “กะทิทำได้!” “อืม ก็พี่บอกแล้วว่ากะทิทำได้” วายุยิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปที่รถ “ข่าวดีแบบนี้โทรบอกพี่ตะโก้ให้เตรียมไปพม่าดีกว่า” “ไปพม่า?” “ย
เกวลินรู้สึกหน่วงที่ไหล่จึงเหลือบตามอง ปรากฏว่าคนชวนดูหนังกลับหลับไปแล้ว คิดจะปลุกเขาแต่เสียงกรนเบาๆ ทำให้เปลี่ยนใจปล่อยให้หลับต่อแล้วตัวเองก็ดูหนังพร้อมกับกินป๊อปคอร์นเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ อิทธิพลถูกเสียงหวานกระซิบปลุก“พี่อิฐค่ะ ตื่นได้แล้วค่ะ พี่อิฐ”“ขออีกห้านาที”“หนังจบแล้วนะคะ”“หนัง...หนังอะไร เฮ้ย!”คราวนี้เป็นอิทธิพลที่สะดุ้งแล้วดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องยกมือลูบหน้า นี่เขาเผลอหลับไปจริงๆ สินะ“ใจเย็นๆค่ะ นี่ในโรงหนังไม่ใช่โรงพยาบาล” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “เรารอออกคนสุดท้ายก็ได้ค่ะ”“ขอโทษนะครับ พี่เพลียเลยหลับไป” เขาลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปคว้าข้อมือให้เธอเดินตามเขาออกมา“ไม่เป็นไรค่ะ กะทิดูหนังแทนไปแล้ว อยากให้เล่าให้ฟังก็ได้นะคะ”เธอมองข้อมือตัวเองแล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งที่หัวใจเต้นรัว“พี่เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักเดี๋ยวนะ”“กะทิก็จะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มแล้วแยกไปเข้าห้องน้ำอิทธิพลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า จบกัน... อุตส่าห์วางแผนมาอย่างดีแต่ดันหลับไปได้ แต่ยังเหลือไปกินข้าวต่อนี่น่า รอบนี้ต้องไม่พลาด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซั
ลมหายใจหอบแรงผสานเสียงครางกระเส่าของคนสองคนในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทว่าเรือนร่างเปลือยเปล่ากลับอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือแกร่งจับเอวคอดไว้มั่นขยับสะโพกสวนรับจังหวะของคนที่นั่งอยู่ด้านบน “พี่อิฐ...” หญิงสาวครางเสียงหวาน สองมือเกาะกุมไหล่เขาไว้เพื่อโยกตัวขึ้นขย่มลำเอ็นที่กำลังสร้างความเสียวซ่านอยู่ในขณะนี้ ปากร้อนของเขาครอบครองยอดอก ดูดดึงและไล้เลียจนเปียกชุ่มแทบแยกไม่ออกว่าเหงื่อหรือน้ำลาย “เร็วอีกสิครับ พี่จะเสร็จแล้ว” “...ไม่ไหวแล้วนะคะ...” “เสร็จพร้อมกันนะครับ” น้ำเสียงแหบพร่า ฟังดูทั้งบงการและออดอ้อนในเวลาเดียวกัน ยกเว้นก็แต่การเคลื่อนไหวดุดันที่ทำให้หญิงสาวที่อยู่ด้านบนส่ายหน้าไปมา เลื่อนมือมากอดเขาแน่น ฟุบหน้ากับบ่าแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่แทนการส่งเสียงหวีดร้องเมื่อร่างกายถูกปลุกเร้าจนเกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอด “เยี่ยม...อา....” อิทธิพลคำรามออกมา ปลดปล่อยความหิวกระหายจนหมดสิ้น ร่องรักที่บีบรัดแน่นทำให้เขาต้องซูดปากตามอีกครั้ง ทั้งสองปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง เกวลินจึงเงยหน้าขึ้นแล้วทุบแผ่นอกเขาไปสองสามที
“คนบ้า!” เกวลินหันมาแยกเขี้ยวใส่ “กะทิไม่ใช่เด็กๆ นะ อย่ามาตีก้นกันสิ!”“เป็นผู้ใหญ่ก็ตีก้นได้ รอบหน้าจะสาธิตให้ดู”อิทธิพลยักคิ้วให้คนรัก หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงรีบเข้าไปในห้องอาบน้ำ ชายหนุ่มฮัมเพลงในลำคออารมณ์ดีเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาสวม อยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่ก็รู้ว่ามันเร็วเกินไป ความสัมพันธ์ที่เขาเคยคิดไว้ว่าค่อยเป็นค่อยไป มันผิดแผนกลายเป็นก้าวกระโดด สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหาอะไร กลัวว่าหญิงสาวจะคิดว่าคบกันเพราะติดใจเรื่องเซ็กส์ แต่เขาชอบเธอจริงๆเกวลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดเดิมเรียบร้อย ผมยาวยังชื้นอยู่จึงไม่ได้รวบผม อิทธิพลกวักมือเรียกให้เธอไปนั่งใกล้ๆ แล้วเขาก็หยิบหวีมาแปรงผมให้“ชอบรวบผมเป็นหางม้าเหรอ ตั้งแต่เจอกันพี่ก็เห็นเราทำผมทรงเดียว”“มันสะดวกค่ะ เวลาทำงานก็คล่องตัว” นอกจากแม่กับพี่ชายแล้วเพิ่งเคยมีคนอื่นมาหวีผมให้แบบนี้ เล่นเอาเกวลินเคลิ้มไปเหมือนกัน“แล้ว...ชอบใส่สปอร์ตบราเหรอ พี่เห็นสองครั้งแล้ว”คราวนี้เธอหัวเราะพรืดออกมา “ขอโทษที่มันไม่เซ็กซี่เร้าใจ แต่มันสบายตัวนี่ค่ะ”“พี่ไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะ คือ...เอ่อ...กะทิ
‘ไม่ว่ายังไง วายุก็เป็นลูกของแม่ ลูกไปเถอะ ไปใช้ชีวิตที่ลูกต้องการ’ ‘แต่ผมเป็นห่วงแม่’ ‘มันคงเป็นเวรกรรมของแม่เอง ลูกไปเถิดนะ แม่อยากเห็นลูกมีความสุข’ วันที่ออกจากบ้านมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท เสื้อผ้าไม่กี่ชุดและสะพายกีต้าร์ออกมา พ่ออายัติเงินในบัญชีและบัตรเครดิต เขาจำต้องหาห้องเช่าราคาถูก ทำงานร้องเพลงตามผับบาร์ ต้องวิ่งรอกหลายที่ต่อคืนเพื่อจะได้มีเงินพอใช้จ่าย ชีวิตมันไม่ได้สวยงามสะดวกสบายแต่ก็แลกมากับความสุขใจ จนกระทั่งได้เจอกับการันต์ที่มากินเหล้าที่ในคืนที่เขาร้องเพลงอยู่ ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การันต์ช่วยดูแลเขาจนได้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ เขาหัวเราะขื่นๆ นึกถึงวันที่ได้พบคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนของบิดาของเขา แต่คงจำเขาไม่ได้เพราะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี พ่ออับอายถึงขนาดปล่อยข่าวว่าลูกไปอยู่เมืองนอกเชียวหรือ? ยังดีที่เขาโทรหาแม่อยู่บ่อยๆ พอรู้ว่าแม่ยังสบายดีอยู่จึงไม่ค่อยกังวลนัก เพล้ง! เสียงของตกแตกทำให้วายุตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองที่ต้นเสียง การันต์ยืนนิ่งงันมองแ
“ขอบคุณมากครับ” อิทธิก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกมาให้พยาบาลทำแผลเกวลินจนเสร็จ เวรเปลเข็นรถมารอรับคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์และสแกนสมอง อิทธิพลเดินเข้าไปสอบถามคุณหมอท่านเดิมอีกครั้งก่อนเดินตามเกวลินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวได้แต่รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ถาม ยิ่งกดดันจนเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจร่างกายและหมอสรุปว่าเธอบาดเจ็บแค่ภายนอก และให้ฉีดวัคซีนป้องกันการเป็นบาดทะยัก“นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวผมไปรับยาให้เอง” เขาพูดแล้วรับใบรับยาของเกวลินมา เขาไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่เดินหายไปทิ้งเธอนั่งบีบมือตัวเองไปมาบนรถเข็น เขาหายไปราวสิบนาทีแล้วเดินกลับมาพร้อมถุงยา อาจเพราะเป็นหมอไปรับยาเองเลยได้เร็วกว่า เขาคงรีบร้อนมาดูเธอ เสื้อกาวน์ก็ไม่ได้ถอด ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยสินะ หญิงสาวรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอิทธิพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าไปทำยังไงถึงประสบอุบัติแบบนี้ เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น“โทรบอกพี่ชายให้มารับสิ”“คะ?” เกวลินเงยหน้าขึ้น ทวนสิ่งที่ได้ยินแล้วส่ายหน้าไปมา“แผลนิด
“ได้ยินว่าหมออิฐอกหักอีกแล้ว” “พูดเป็นเล่น เห็นหวานออกสื่อขนาดนั้น” “ก็ไม่รู้สินะ แต่ที่แน่ๆ หมออิฐอัพเดทสถานะโสดแล้วจ้า” “แต่เหมือนได้ยินว่าหมออิฐก็เพิ่งอกหักไม่ใช่เหรอ” “สี่ปีอกหักสามหนเลยนะ ธรรมดาที่ไหน” “หมออิฐก็เป็นคนดีอยู่นะ ทำไมอกหักบ่อยจัง” “อยากรู้ก็ไปดามอกให้หมออิฐดูสิ” บทสนาของบรรดาพยาบาลสาวดึงดูดความสนใจของเกวลิน เธอไม่ได้ชอบสนใจเรื่องของคนอื่น แต่ที่สนใจก็เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ ‘หมออิฐ’ หรือ ‘นายแพทย์อิทธิพล’ ผู้ชายที่เธอแอบรักข้างเดียวมานาน “อ้าว น้องกะทิมาส่งข้าวเองเลยเหรอ” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยทักเมื่อเห็นแม่ค้าหน้าหวานเข้ามาพร้อมถุงใส่กล่องอาหารนับสิบกล่อง “ค่ะ วันนี้พี่ตะโก้ต้องเอารถไปซ่อมค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้าง แม้มีหน้ากากอนามัยปิดครึ่งใบหน้าก็ตาม “มีน้ำใบเตยด้วยค่ะ อันนี้แถมฟรี” “น่ารักจังเลย ขอให้ขายดีนะจ๊ะ” พยาบาลสาวรับถุงอาหารมาแล้วหยิบมือถือมาโอนค่าอาหารที่สั่งไว้ “เอ่อ... หมออิฐกลับมาจากโรงพยาบาลสนามแล้วเหรอค
แต่หมออิฐคงจำเธอไม่ได้ เขาเคยเป็นลูกค้าประจำของร้าน มานั่งดื่มและฟังเพลงเดือนละครั้งสองครั้ง เขาก็เหมือนคนอื่น มาดื่ม มาฟังเพลง มาผ่อนคลาย เธอไม่เคยเข้าไปทักเขาสักที เพราะหลายครั้งที่เขามาก็มีหญิงสาวมาด้วยเสมอ แต่คืนนั้นเธอถูกลูกค้าเมาลวนลามและบังเอิญเขาเข้ามาช่วย การันต์รู้เข้าจึงเลี้ยงเครื่องดื่มแทนคำขอบคุณ ทำให้นับตั้งแต่นั้น เธออยากรู้จักนายแพทย์อิทธิพลหรือหมออิฐมากยิ่งขึ้น และรู้ว่าเขามีหญิงสาวคบอยู่ด้วย เธอจึงพอใจกับการเฝ้ามองและติดตามเขาอยู่ห่างๆ จนกระทั่งการันต์ต้องปิดผับมาเปิดร้านอาหารตามเดิม และมีบริการเดลิเวอรี่ มีลูกค้าที่ทำงานที่โรงพยาบาลให้เธอนำข้าวกล่องไปส่ง ทำให้เธอได้พบหมออิฐอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาอยู่ดี แต่ เธอใส่ใจรายการอาหารของหมออิฐเป็นพิเศษ ทำให้จำได้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร คนที่ดูเหมือนง่ายๆอะไรก็ได้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด “ตั้งแต่สั่งข้าวกล่องมา หมออิฐชอบกินข้าวกล่องร้านของหนูกะทิที่สุด แกเรื่องมากจริงๆ ผัดกระเพราต้องเป็นผัดกระเพรา ไม่ใส่ถั่วฝักยาวหรือแคร์รอต เมนูปลาต้องไม่คาว ถ้าวันไหนสั่งไข่ดาว ต้องให้ไข่ดาวเยิ้มๆ ไข่ข
“ขอบคุณมากครับ” อิทธิก้มศีรษะให้เล็กน้อย เขาถอยออกมาให้พยาบาลทำแผลเกวลินจนเสร็จ เวรเปลเข็นรถมารอรับคนเจ็บไปเอ็กซ์เรย์และสแกนสมอง อิทธิพลเดินเข้าไปสอบถามคุณหมอท่านเดิมอีกครั้งก่อนเดินตามเกวลินไปเงียบๆ โดยไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวได้แต่รู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูก เขาไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่ถาม ยิ่งกดดันจนเธอไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จนเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจร่างกายและหมอสรุปว่าเธอบาดเจ็บแค่ภายนอก และให้ฉีดวัคซีนป้องกันการเป็นบาดทะยัก“นั่งรออยู่นี่ เดี๋ยวผมไปรับยาให้เอง” เขาพูดแล้วรับใบรับยาของเกวลินมา เขาไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำแต่เดินหายไปทิ้งเธอนั่งบีบมือตัวเองไปมาบนรถเข็น เขาหายไปราวสิบนาทีแล้วเดินกลับมาพร้อมถุงยา อาจเพราะเป็นหมอไปรับยาเองเลยได้เร็วกว่า เขาคงรีบร้อนมาดูเธอ เสื้อกาวน์ก็ไม่ได้ถอด ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว เขายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยสินะ หญิงสาวรู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีกจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขาอิทธิพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่าไปทำยังไงถึงประสบอุบัติแบบนี้ เขาปรับอารมณ์ตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น“โทรบอกพี่ชายให้มารับสิ”“คะ?” เกวลินเงยหน้าขึ้น ทวนสิ่งที่ได้ยินแล้วส่ายหน้าไปมา“แผลนิด
‘ไม่ว่ายังไง วายุก็เป็นลูกของแม่ ลูกไปเถอะ ไปใช้ชีวิตที่ลูกต้องการ’ ‘แต่ผมเป็นห่วงแม่’ ‘มันคงเป็นเวรกรรมของแม่เอง ลูกไปเถิดนะ แม่อยากเห็นลูกมีความสุข’ วันที่ออกจากบ้านมีเงินติดตัวมาไม่กี่พันบาท เสื้อผ้าไม่กี่ชุดและสะพายกีต้าร์ออกมา พ่ออายัติเงินในบัญชีและบัตรเครดิต เขาจำต้องหาห้องเช่าราคาถูก ทำงานร้องเพลงตามผับบาร์ ต้องวิ่งรอกหลายที่ต่อคืนเพื่อจะได้มีเงินพอใช้จ่าย ชีวิตมันไม่ได้สวยงามสะดวกสบายแต่ก็แลกมากับความสุขใจ จนกระทั่งได้เจอกับการันต์ที่มากินเหล้าที่ในคืนที่เขาร้องเพลงอยู่ ความสัมพันธ์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น การันต์ช่วยดูแลเขาจนได้ได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันแบบนี้ เขาหัวเราะขื่นๆ นึกถึงวันที่ได้พบคุณเกริกกับคุณลาวัลย์ ทั้งสองเป็นเพื่อนของบิดาของเขา แต่คงจำเขาไม่ได้เพราะไม่ได้พบหน้ากันหลายปี พ่ออับอายถึงขนาดปล่อยข่าวว่าลูกไปอยู่เมืองนอกเชียวหรือ? ยังดีที่เขาโทรหาแม่อยู่บ่อยๆ พอรู้ว่าแม่ยังสบายดีอยู่จึงไม่ค่อยกังวลนัก เพล้ง! เสียงของตกแตกทำให้วายุตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองที่ต้นเสียง การันต์ยืนนิ่งงันมองแ
“คนบ้า!” เกวลินหันมาแยกเขี้ยวใส่ “กะทิไม่ใช่เด็กๆ นะ อย่ามาตีก้นกันสิ!”“เป็นผู้ใหญ่ก็ตีก้นได้ รอบหน้าจะสาธิตให้ดู”อิทธิพลยักคิ้วให้คนรัก หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วยจึงรีบเข้าไปในห้องอาบน้ำ ชายหนุ่มฮัมเพลงในลำคออารมณ์ดีเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อผ้าออกมาสวม อยากให้เธออยู่ที่นี่ด้วยกัน แต่ก็รู้ว่ามันเร็วเกินไป ความสัมพันธ์ที่เขาเคยคิดไว้ว่าค่อยเป็นค่อยไป มันผิดแผนกลายเป็นก้าวกระโดด สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่ปัญหาอะไร กลัวว่าหญิงสาวจะคิดว่าคบกันเพราะติดใจเรื่องเซ็กส์ แต่เขาชอบเธอจริงๆเกวลินอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดเดิมเรียบร้อย ผมยาวยังชื้นอยู่จึงไม่ได้รวบผม อิทธิพลกวักมือเรียกให้เธอไปนั่งใกล้ๆ แล้วเขาก็หยิบหวีมาแปรงผมให้“ชอบรวบผมเป็นหางม้าเหรอ ตั้งแต่เจอกันพี่ก็เห็นเราทำผมทรงเดียว”“มันสะดวกค่ะ เวลาทำงานก็คล่องตัว” นอกจากแม่กับพี่ชายแล้วเพิ่งเคยมีคนอื่นมาหวีผมให้แบบนี้ เล่นเอาเกวลินเคลิ้มไปเหมือนกัน“แล้ว...ชอบใส่สปอร์ตบราเหรอ พี่เห็นสองครั้งแล้ว”คราวนี้เธอหัวเราะพรืดออกมา “ขอโทษที่มันไม่เซ็กซี่เร้าใจ แต่มันสบายตัวนี่ค่ะ”“พี่ไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวนะ คือ...เอ่อ...กะทิ
ลมหายใจหอบแรงผสานเสียงครางกระเส่าของคนสองคนในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทว่าเรือนร่างเปลือยเปล่ากลับอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือแกร่งจับเอวคอดไว้มั่นขยับสะโพกสวนรับจังหวะของคนที่นั่งอยู่ด้านบน “พี่อิฐ...” หญิงสาวครางเสียงหวาน สองมือเกาะกุมไหล่เขาไว้เพื่อโยกตัวขึ้นขย่มลำเอ็นที่กำลังสร้างความเสียวซ่านอยู่ในขณะนี้ ปากร้อนของเขาครอบครองยอดอก ดูดดึงและไล้เลียจนเปียกชุ่มแทบแยกไม่ออกว่าเหงื่อหรือน้ำลาย “เร็วอีกสิครับ พี่จะเสร็จแล้ว” “...ไม่ไหวแล้วนะคะ...” “เสร็จพร้อมกันนะครับ” น้ำเสียงแหบพร่า ฟังดูทั้งบงการและออดอ้อนในเวลาเดียวกัน ยกเว้นก็แต่การเคลื่อนไหวดุดันที่ทำให้หญิงสาวที่อยู่ด้านบนส่ายหน้าไปมา เลื่อนมือมากอดเขาแน่น ฟุบหน้ากับบ่าแล้วกัดเข้าไปคำใหญ่แทนการส่งเสียงหวีดร้องเมื่อร่างกายถูกปลุกเร้าจนเกร็งกระตุกเพราะถึงจุดสุดยอด “เยี่ยม...อา....” อิทธิพลคำรามออกมา ปลดปล่อยความหิวกระหายจนหมดสิ้น ร่องรักที่บีบรัดแน่นทำให้เขาต้องซูดปากตามอีกครั้ง ทั้งสองปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง เกวลินจึงเงยหน้าขึ้นแล้วทุบแผ่นอกเขาไปสองสามที
เกวลินรู้สึกหน่วงที่ไหล่จึงเหลือบตามอง ปรากฏว่าคนชวนดูหนังกลับหลับไปแล้ว คิดจะปลุกเขาแต่เสียงกรนเบาๆ ทำให้เปลี่ยนใจปล่อยให้หลับต่อแล้วตัวเองก็ดูหนังพร้อมกับกินป๊อปคอร์นเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ อิทธิพลถูกเสียงหวานกระซิบปลุก“พี่อิฐค่ะ ตื่นได้แล้วค่ะ พี่อิฐ”“ขออีกห้านาที”“หนังจบแล้วนะคะ”“หนัง...หนังอะไร เฮ้ย!”คราวนี้เป็นอิทธิพลที่สะดุ้งแล้วดีดตัวขึ้นนั่งหลังตรง เขากวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องยกมือลูบหน้า นี่เขาเผลอหลับไปจริงๆ สินะ“ใจเย็นๆค่ะ นี่ในโรงหนังไม่ใช่โรงพยาบาล” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “เรารอออกคนสุดท้ายก็ได้ค่ะ”“ขอโทษนะครับ พี่เพลียเลยหลับไป” เขาลุกขึ้นแล้วยื่นมือไปคว้าข้อมือให้เธอเดินตามเขาออกมา“ไม่เป็นไรค่ะ กะทิดูหนังแทนไปแล้ว อยากให้เล่าให้ฟังก็ได้นะคะ”เธอมองข้อมือตัวเองแล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรทั้งที่หัวใจเต้นรัว“พี่เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าสักเดี๋ยวนะ”“กะทิก็จะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มแล้วแยกไปเข้าห้องน้ำอิทธิพลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า จบกัน... อุตส่าห์วางแผนมาอย่างดีแต่ดันหลับไปได้ แต่ยังเหลือไปกินข้าวต่อนี่น่า รอบนี้ต้องไม่พลาด เขาหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซั
“อ้อ!แบบนี้เอง” ลาวัลย์พยักหน้าเข้าใจ “ตกลงเราสั่งขนมของหนูกะทินี่แหละ เอ้า!ตาหิน จ่ายค่าขนมให้น้องสิ” “อ้าว คุณแม่สั่งให้ผมจ่ายแบบนี้จะเรียกว่าแม่ซื้อให้กินได้ยังไงละครับ” ลูกคนโตแสร้งโอดครวญแต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “ขอโอนจ่ายนะครับ ไม่เตรียมเงินสดมา” “ได้ค่ะ” เกวลินยิ้มรับแล้วบอกยอดโอนและตามด้วยเบอร์พร้อมเพย์ ครู่ต่อมาก็ได้ยินเสียงเงินเข้าบัญชี เธอยิ้มแล้วยกมือไหว้ขอบคุณ “ถ้ายังไงจะให้เลขาติดต่อคุยรายละเอียดอีกทีนะครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” เกวลินยิ้มกว้าง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว กะทิขอตัวกลับก่อนนะคะ” “จ๊ะ ขอบใจมากนะ คราวหน้าจะสั่งขนมมากินอีก” “และให้ผมจ่ายใช่ไหมแม่” “เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่” เสียงหัวเราะของคนในครอบครัวดังขึ้น เกวลินกับวายุเดินออกมา พ้นประตูบ้าน เธอก็กระโดดเต้นไปมาด้วยความดีใจ “กะทิทำได้!” “อืม ก็พี่บอกแล้วว่ากะทิทำได้” วายุยิ้มน้อยๆ แล้วเดินไปที่รถ “ข่าวดีแบบนี้โทรบอกพี่ตะโก้ให้เตรียมไปพม่าดีกว่า” “ไปพม่า?” “ย
“ตื่นเต้นเหรอกะทิ” วายุเอ่ยถามขณะที่วันนี้ทำหน้าพลขับ ขับรถมาส่งของกับเกวลิน “ถ้าบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็เหมือนกับโกหก” เกวลินยิ้มแหย “ลูกค้าสั่งขนมไปชิมตั้งเยอะ ไม่รู้จะสั่งของเราประจำไหม พี่ตะโก้ก็อยากมาด้วยเพราะกลัวกะทิโดนหลอก แต่งานที่ร้านไม่มีคนดูก็ไม่ได้ ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่วายุที่อุตส่าห์ขับรถมาเป็นเพื่อนกันนะคะ” “อย่าคิดมากสิครับ ยังไงพี่ก็เป็นคนมารบกวนกะทิ ทั้งกินทั้งนอนที่บ้าน” “รบกวนอะไรกันค่ะ ครอบครัวเดียวกันอย่าพูดอะไรแบบนี้สิ” เธอหัวเราะเสียงใสออกมา แล้วก็ต้องอ้าปากค้างที่เห็นหมู่บ้านหรูหราตรงหน้า “พี่วายุขับรถมาผิดที่หรือเปล่าคะ” “ก็ไม่นะ พี่มาตามแผนที่ บ้านลูกค้าของกะทิอยู่ในหมู่บ้านนี้” หญิงสาวเผลอกัดริมฝีปากครุ่นคิด เธอไปบ้านน้าอิ่มสุขบ่อยๆ เพราะต้องไปส่งของ บ้านหลังนั้นเล็กกระทัดรัด เธอก็เลยคิดว่าลูกค้าที่น้าอิ่มสุขแนะนำคงมีฐานะใกล้เคียงกัน แต่นี่...หมู่บ้านแบบนี้ บ้านแต่ละหลังน่าจะหลายสิบล้านเลย สงสัยว่างานขายต้นไม้จะเป็นงานอดิเรกจริงๆ “ไม่ต้องกลัวไปหรอก ขนมที่ตะโก้กับกะทิทำอร่อยอยู่แล้ว ถ้าลูกค้
“งานที่เราทำอยู่ เอ่อ...พี่ว่าน่าสนใจดี เคยเห็นผ่านๆในอินเตอร์เนท”“อ่อ...” เธอพยักหน้ารับ “จริงๆ แล้วกะทิไม่ได้จะทำงานแนวๆนี้ แต่ที่บ้านทำร้านอาหาร คือเมื่อก่อนคุณแม่ทำข้าวแกงขายแล้วขยับมาเปิดเป็นร้านอาหาร แล้วเราก็มีส่งตามบ้านบ้าง กะทิพอมีเวลาเลยอาสาขับรถส่งเอง จะได้ประหยัดต้นทุนไม่ต้องจ้างคนอื่น หรือจ้างก็ให้น้อยที่สุด พอร้านเริ่มเข้าที่เข้าที่มีลูกจ้างก็มีจ้างส่งของบ้าง เข้าร่วมกับแอปขายอาหารบ้าง แต่ถ้าเราไปส่งเองก็ได้คุยกับลูกค้าด้วย จะว่าไปก็ตั้งแต่ปั่นจักรยานเป็นก็หิ้วแกงถุงไปส่งตามบ้านได้แล้วล่ะค่ะ กะทิก็เลยไม่รู้สึกอายอะไรกับงานที่ทำอยู่”“ไม่เห็นน่าอายเลย น่าภูมิใจต่างหาก” เขายิ้มแล้วเป็นฝ่ายคีบเนื้อย่างส่งให้เธอบ้าง “ร้านนี้น้ำจิ้มอ่อนไปหน่อยว่าไหม”“คิดเหมือนกันเลยค่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ แล้วทำท่าป้องปากกระซิบ “ใช้น้ำจิ้มสำเร็จแน่ๆ ถ้าพี่ชายกะทิมากินต้องบ่นไปสามวันเจ็ดวันเลยค่ะ”“แต่ของอย่างอื่นเขาก็สดอยู่นะ ว่าจะตบด้วยไอติมสักถ้วย”“กะทิก็ว่าจะกวาดบนเตาให้หมดแล้วชิมไอติมสักถ้วยเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มทะเล้น“แล้ว..กะทิเรียนจบอะไรมา”“บริหารค่ะ” เธอตอบอย่างรวดเร็ว “สมัครงานไว้หลา
เกวลินยกข้าวกล่องไปใส่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกกันน็อกแล้วขับไปโรงพยาบาลเหมือนทุกครั้ง แต่ทุกทีไปถึงที่หมายแล้ว เธอจะโทรหาพยาบาลที่สนิทสนมกันเพื่อนำอาหารขึ้นไปส่ง แต่คราวนี้คนที่ออกมารับอาหารเองกลับเป็นนายแพทย์อิทธิพล“หมออิฐ มีอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมารับอาหารเอง” เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หรืออาหารจะมีปัญหาทำให้หมออิฐต้องมารับเอง“เปล่าครับ” เขาส่ายหน้าไปมา เห็นเธออ้าปากจะถามก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “ผมมีเวลาห้านาที จะถามว่าเย็นนี้คุณว่างไหม”“เย็นนี้...ถ้าหลังหกโมงเย็นก็ว่างค่ะ ตอนห้าโมงมีคิวไปให้ข้าวแมวจรค่ะ ลูกค้าประจำผูกปิ่นโตไว้” เธอหมายถึงมีคนจ้างให้เธอไปให้ข้าวแมวนั้นแหละ“ดีครับ ผมหาเพื่อนไปกินหมูกระทะ ถ้าไปกินคนเดียวทางร้านจะบวกค่าเตาเพิ่ม คุณรับงานเพื่อนเที่ยวใช่ไหม ไปกินเป็นเพื่อนผมหน่อย ถ้าคุณจะถามว่าทำไมไม่ชวนเพื่อนที่ทำงานไป ก็ตอบเลยว่าผมไม่อยากมีปัญหาว่ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงาน”“อ่อ” เกวลินลากเสียงยาว “ได้ค่ะ หมออิฐจะไปร้านไหนคะ ให้กะทิจองร้านให้เลยไหม” หมอหนุ่มบอกชื่อร้านออกไป หญิงสาวพยักหน้ารับ หยิบโทรศัพท์มือถือมากดบันทึกตารางงาน ขณะที่จิ้มๆ ข้อความนั้น เสียงเวรเปลร้องเ