“เจ้าชอบถงหมิ่นหรือ”
น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ
“แน่นอน ข้าต้องชอบเขาซี้ ไม่อย่างนั้นจะยอมให้มาเป็นอาจารย์ข้าหรือ อาจารย์ตามใจข้าดีกับข้ามากกว่าพี่ใหญ่เสียอีก”
ลดเสียงให้เบาลงในตอนท้าย
“ถ้าเจ้ายอมแต่งข้าสัญญาจะให้อาจารย์คอยไปอารักขาเจ้าที่นั่น”
“ไม่ไม่ไม่ แล้วพระสนมเล่าใครจะคอยอารักขานาง”
“พระสนมมีเสด็จพ่อของเจ้าที่รักนางยิ่ง ข้าจะส่งองครักษ์คนใหม่มาในภายหลัง”หลันเล่อลืมเรื่องที่จะพูดเสียหมด
“จริงๆ นะท่านต้องส่งคนมาใหม่ข้าสงสารพระสนม วันๆมีแต่อาจารย์กับข้าที่คุยเรื่องแคว้นหานกับนาง หากอาจารย์ไปเสีย ข้าไปเสียใครจะคุยเรื่องแคว้นหานให้นางหายคิดถึงบ้าน”
ต้าหมิงคุนถอนหายใจ
“ข้าสัญญา”
หลันเล่อวิ่งไปเขย่ามืออย่างแรง
“ขอบคุณท่านจริงๆ”
ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา
“ตกลงจะยอมแต่งแล้วใช่ไหม”
ทอดเสียงอ่อนโยน
“ขะ ข้า ก็ยังกลัวอยู่ดี”
เสียงอ่อนลง
“ไม่แต่งกับข้าก็ยังมีไท่จือร่างยักษ์ของแค้วนใต้ กับหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกดำที่กำลังจะมาสู่ขอเจ้า”
โกหกเรื่องไท่จือร่างยักษ์
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
ถามด้วยความไม่แน่ใจ
“เลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว ต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท”
ตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆ
“ท่านอาดีกว่าท่านแก่กว่าข้าตั้งหลายปี ท่านอาเหมาะสมยิ่งแล้ว”
ต้าหมิงคุนหลุบตามองพื้นเสียไม่สบตากลมใสที่เหมือนจะยิ้มได้ของหลันเล่อ
“เรื่องนี้ใครๆก็รู้ ข้าก้าวขาเข้ามาเผ่าปาเอ่อถัวเพียงข้างเดียวก็ถูกลอบสังหารอีกทั้งยังโดนปล้น เจ้าคิดว่าจะมีกี่คนที่อยากให้ข้ามา แล้วทำไมเขาถึงไม่อยากให้ข้ามา”หลันเล่อพยักหน้าขึ้นลง
“ท่านอามาเพื่อจะมาสู่ขอข้า ตั้งใจที่จะมาสู่ขอข้าหรือเช่นนั้นข้าก็ ไม่ควรปฏิเสธจริงไหมเพื่อความร่มเย็นของสองแคว้น”
บทจะเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็เข้าใจง่าย ต้าหมิงคุนถอนหายใจรอบที่ร้อย
“ข้าไม่ได้ตั้งใจมาสู่ขอเจ้าแต่ในเมื่อมีคนอื่นอยากได้เจ้าไปเพื่อการเมือง ข้าก็ควรช่วงชิงความได้เปรียบนั้นเสีย”
น้ำเสียงยังเรียบเฉย
“ข้า ยอมเพราะอย่างน้อยก็มีอาจารย์ไปด้วย แต่อยากทำข้อตกลงในเมื่อท่านอา ทำเพื่อแค้วนหาน ข้าก็ทำเพื่อเผ่าปาเอ่อถัวฉะนั้นเราสองคนมาทำข้อตกลงกัน”
“ว่ามา”
“ข้ายังคิดไม่ออกต้องร่างเป็นหนังสือสัญญา ข้าต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าควรจะทำข้อตกลงอะไรที่เป็นประโยชน์และไม่เอาเปรียบ ท่านอาเกินไป”
“อืม หมดเรื่องแล้วใช่ไหม หมดเรื่องแล้วก็ไปเสียข้าจะได้ พักเสียที”
“อ่อ..นึกออกแล้วมีข้อหนึ่งที่จะต้องมีในสัญญาอย่างแน่นอน”
“ว่ามา”
“ท่านอาจะต้องไม่แตะต้องตัวข้า”
ต้าหมิงคุน กระโจนเขารวบร่างบางแนบชิดลำตัวของเขาทันที
“อย่างนั้นหรือมีสัญญาบ้าบอแบบนี้ด้วยหรือ เจ้าเห็นท่านน้าลู่ฟางไหมนางมีข้อสัญญาอะไรแบบนี้กับเสด็จพ่อของเจ้าไหม นางยอมมาเป็นสนมเป็นเมียรอง นางกล้าที่จะทำข้อตกลงแบบนี้ด้วยหรือ เจ้าแต่งเป็นฮองเฮาจะต้องมีสัญญาแบบนี้ด้วยหรือ”
หลันเล่อ ตัวสั่นด้วยความตกใจไม่เคยมีใครจู่โจมแบบนี้มาก่อน
“ก็..ก็... เราสองคนไม่ได้รักกัน แต่ท่านน้าท่านรักเสด็จพ่อและเสด็จพ่อเป็นคนต้องการตัวนาง แต่เราสองคนไม่มีใครต้องการกันเสียหน่อย ท่านอาก็ทำเพื่อบ้านเมืองข้าก็ทำเพื่อบ้านเมือง แล้วข้าก็สาบานว่าจะไม่มีทางรักท่าน”
ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง คำพูดแบบนี้หลุดออกจากปากได้อย่างไร หลันเล่อไม่เคยมีความคิดนี้ในหัว แล้วสิ่งใดกันที่บงการให้หลุดคำพูดเหล่านี้ออกไป ต้าหมิงคุนปล่อยมือ หลุบตามองพื้นเหมือนเดิม
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าชอบถงหมิ่น”
หลันเล่อถอนหายใจ
“ตกลงตามนี้ ข้อตกลงอย่างอื่นรอให้ข้าไตร่ตรองก่อน แต่ข้อนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้วเราสองคนจะได้หย่ากันเสีย ตอนนี้ข้ากับท่านอายอมเสียสละเพื่อบ้านเมืองทั้งสองคน เราสองคนถือว่าเป็นคนที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองคนที่เห็นแก่ชาติบ้านเมืองมิใช่คนเลวอะไร”
ร่ายยาว
“ข้าเข้าใจแล้วอีกสองวันเตรียมตัวเดินทางกลับแคว้นหาน ข้าไม่อยากรั้งที่นี่นานหนักไร้ซึ่งความปลอดภัย”
“ข้าตกลงแต่งกับท่านอาแล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครคิดปองร้ายท่านอาอีกต่อไปแล้ว เพราะข้าจะปกป้องท่านอาเอง”
ต้าหมิงคุนยิ้มหยัน
“จริงๆๆๆนะ”
ต้าหมิงคุนส่ายหน้า
“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน” วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิง
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ” ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใดขบวนเสด็จจาก เผ่าปาเอ่อถัวกำลังจะเคลื่อนออกจากเผ่าปาเอ่อถัว ฮองเฮาปาดน้ำตายืนมองใบหน้างดงามของหลันเล่อที่ปราศจากทุกข์ดวงตาสองข้างกลมใสเ
“ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแต่งเจ้าเป็นฮองเฮาหรือนำตัวเจ้ามาเป็น มารดา หรือองค์หญิงของข้ากันแน่”หลันเล่อเก็บข้อตกลงฉบับนั้นไว้เสีย“ข้าก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่อเราสองคนบรรลุข้อตกลงแล้วก็ต้อง เดินหน้าต่อไป”ต้าหมิงคุน ส่ายหน้าเกี้ยวถูกหามออกห่างวังหลวงไปเรื่อยๆ ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเข้าครอบงำ หลันเล่อปาดน้ำตาเบือนหน้าหนีกลัวว่าต้าหมิงคุนจะเห็นมัน“ ฝ่าบาทใกล้เข้าเขตช่องแคบที่เป็นอาณาเขตของจอมโจรจิ้งจอกดำแล้ว”“หยุดเกี้ยว”หลันเล่อออกมาสุดอากาศบริสุทธิ์ ถงหมิ่นล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นขนมเปี๊ยะใส่มือให้“ของหวานมักทำให้รื่นเริง”ยิ้มอ่อนโยน“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด”ต้าหมิงคุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นเสียต้าหมิงคุนสั่งการกับทหาร อย่างเข้มงวดจื่อจื่อยื่นถุงน้ำในมือให้กับต้าหมิงคุน แดดอ่อนๆ แต่ทว่าอากาศอบอ้าวยิ่งนักเพราะเป็นพื้นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา“เคลื่อนเกี้ยวได้แล้วช้ากว่ามีจะไม่ทันที่นัดหมายไว้”“นัดหมายนัดหมายอะไรกัน” หลันเล่อถามขึ้นเมื่อได้ยิน ต้าหมิงคุนพูดแบบนั้น“ไม่ใช้ธุระอะไรของเจ้ามานี่”ส่งตัวหลันเล่อในชุดเกราะทหารขึ้นบนหลังม้า ส่วนเขาขึ้นบนหลังม้าอีกตัว มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม
ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่าเสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ
หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ
เดินนำลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำ นางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเรื่องใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”ต้าหมิงคุนหันหน้ามามองร่างบางของเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตา รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านเลยมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน” หูอื้อตาลาย ในช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืด ต้าหมิงคุนไม่มองพลุสว่างนั้นแต่กลับมองใบหน้างดงามของเมิ่งเม่ย ส่วนลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าหมิงคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน“คุณหนูบ้านถัง ข้าช่างมีวาสนาได้พบเจ้า”จื่อจื่อยืนห่างออกไปยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนเคียงข้างไท่จือ ลี่หลันเล่อก้มหน้านิ่งเมื่อต้าหมิงคุนไม่แม้แต่จะชายตามองลี่หลันเล่อแม้แต่เพียงน้อยนิดดึงอาภรณ์สำรวจตัวเอง ลี่หลันเล่อในอาภรณ์คล้ายบุรุษ เกล้าผมในแบบบุรุษ ไร้การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพียงเพื่อต้องการปกป้องเมิ่งเม่ยในเมื่อเมิ่งเม่ยมักจะถูกทางบ้านเข้มงวดให้อยู่ในก
น้ำตาที่ไหลรินหาใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความอาดรู และเสียใจอย่างที่สุด“ไท่จือหักห้ามใจเสียเถิด”หยางซานชิงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลริน เขาตั้งใจมาช่วยนาง แต่ในเมื่อเขามาแล้วทำไมนางจึงไม่รอเขา“ต้าหมิงคุน ข้าจะไม่มีทางอภัยให้คนอย่างเจ้า”ทุบกำปั้นลงบนพื้นดิน จนมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนจะอุ้มร่างไร้วิญญาณของลี่หลันเล่อไว้ในอ้อมแขน แต่“ปล่อยร่างของคุณหนูลี่ไว้ตรงนั้นแล้วท่านไปเสียหยางซานชิงไท่จือ”จื่อจื่อมาพร้อมกับดาบในมือ หยางซานชิงยิ้มหยัน“นางตายแล้วพวกเจ้าก็ไม่ละเว้นนาง ยังจะเอาร่างไร้วิญญาณของนางไปทรมานหรือไร”จื่อจื่อขยับเข้าใส่พร้อมกับหทารที่รายล้อม ทั้งๆที่หยางซานชิงมีเพียงสองคนกับองครักษ์เท่านั้น“วางร่างคุณหนูลี่ลง แล้วท่านรีบไปไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าใจร้ายก็ไม่ถูก”“จื่อจื่อปล่อยข้าไปเสีย ได้โปรดข้าจะพานางไปที่แค้วนใต้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก”ยอมลงทุนขอร้อง ทว่าจื่อจื่อกับพุ่งเข้าใส่ในทันที ตู้กู้องครักษ์ของหยางซานชิงใช้กระบี่ในมือกางกั้นคมดาบของจื่อจื่อไว้“เจ้าไม่ได้เห็นนางมีค่าปล่อยนางให้ข้าเสีย”“ไท่จือบัญชาให้ข้านำศพนางกลับไปก็จะต้องนำนางกลับไป”“เพื่อสิ่งใดกั