ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว
“ท่านน้าแต่ท่านยังอยู่ เผ่าปาเอ่อถัวจะกล้าทำเรื่องที่ผิดกับท่านน้าหรือ”
“ข้าเป็นสนมของหลันเซ่อไม่ใช่สนมของหลันตี้ ฉะนั้นหลันตี้กับฮองเฮาไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า หลันตี้ตอนนี้อำนาจล้นมือ ฝ่าบาทเชื่อน้าท่านจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้ทันที ก่อนที่ไท่จือของแคว้นใต้จะเสด็จมาตามหนังสือที่ฮองเฮาส่งไป”
“ท่านน้าหลานยังไม่ต้องการใครในตอนนี้”
“ฝ่าบาท นางเหมาะสมในทุกด้านอีกทั้งนางยังช่วยส่งเสริมตำแหน่งฮ่องเต้ของฝ่าบาทเผ่าปาเอ่อถัวทรัพยากรมากมาย แคว้นน้อยใหญ่ต่างต้องการครอบครองหลายปีมานี้ข้าแต่งมาเป็นสนม สินค้ามากมายถูกส่งไปยังแคว้นหานนำความรุ่งเรือง หากฝ่าบาท ยังคิดเห็นแก่ตัวเอง เกรงว่าแคว้นหานจะถูกโดดเดี่ยวหลันตี้พยายามจะรวบรวมชนเผ่า ฮองเฮาต้นกำเนิดของนางก็มาจากแคว้นใต้”
“จะให้นางไปอยู่ในฐานะใดกันในเมื่อหลานไม่ต้องการหญิงใดในตอนนี้”
“ฝ่าบาทเมิ่งเม่ยงดงามอ่อนหวานฝ่าบาทที่เคยชื่นชอบก็ปฏิเสธนาง น้าอยากให้ฝ่าบาท เปิดใจมองหญิงใดสักคนเพื่อรั้งตำแหน่งฮองเฮา หากไม่ขัดใจนักยกตำแหน่งฮองเฮาให้กับหลันเล่อเสีย เผ่าปาเอ่อถัวจึงไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจแคว้นหานอีกต่อไป”
“หลานเข้าใจแล้ว จื่อจื่อเล่า”
“ฝ่าบาท”
จื่อจื่อประสานมือ
“พาข้าไปยังท้องพระโรงของ วังหลวงเผ่าปาเอ่อถัว”
จื่อจื่อพยุง ต้าหมิงคุนก้าวขาจากไป
ท้องพระโรง
“ต้าหมิงคุนฮ่องเต้ถวายพระพรฝ่าบาท”
“อืม ฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บเพียงนี้ เป็นเพราะคนของปาเอ่อถัวดูแลท่านไม่ดีใช่หรือไม่”
“ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เป็นเพราะองค์หญิงรองที่ให้การช่วยเหลือทำแผลละใส่ยาสมานแผลที่ดีที่สุดของแคว้นปาเอ่อถัว ข้าจึงปลอดภัย”
หลันตี้ กัดฟันจนเป็นสันนูน
“ลูกคนนี้ เที่ยวเล่นจนเสียคน แต่ก็นับว่านางทำดีไม่น้อยอย่างน้อยก็ช่วยไม่ให้เกิดเรื่องร้ายแรง”
“เพราะเหตุนี้ต้าหมิงคุนจึง รู้สึกขอบคุณองค์หญิงรองยิ่งนัก และครั้งนี้จึงอยากจะมาทูลขอให้ฝ่าบาทยกนางเป็นฮองเฮาของแคว้นหานเพื่อผูกสัมพันธ์สองแคว้น”หลันเซ่อขมวดคิ้ว ส่วนหลันตี้กำหมัดแน่น
“เสด็จพ่อน้องยังเด็กนัก อีกทั้งต้าหมิงคุนฮ่องเต้มีชันษาแก่กว่าน้องหลายปี”
หลันเซ่อโบกมือห้ามหลันตี้ให้หยุดพูดเสีย
“คงจะต้องเป็นอย่างนั้น แคว้นหานกับเผ่าปาเอ่อถัวของเราความสัมพันธ์แน่นแฟ้น หากว่าแต่งหลันเล่อในฐานะฮองเฮาข้าก็ไม่ขัด”
“เสด็จพ่อ ยังไม่ทันถามความเห็นของหลันเล่อเสด็จพ่อแน่ใจหรือว่านางจะยินยอม”
“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจแล้วหากหลันเล่อไม่ยอม ใครที่ใกล้ชิดนางจะต้องมีหน้าที่ทำให้นางยอมให้ได้”
ต้าหมิงคุน ประสานมือตรงหน้า
“ขอบพระทัยฝ่าบาท นับจากนี้ความสัมพันธ์ของเผ่าปาเอ่อถัวกับแคว้นหานจะยิ่งแน่นแฟ้นยิ่งๆ ขึ้นไป”
“ไม่ยอมข้าไม่ยอมแต่ง เสด็จพ่อทำไมต้องบังคับข้าด้วยหลันเล่อยังอยากอยู่ที่นี่หลันเล่อยังไม่อยากไปที่อื่น”
ฮองเฮากอด ร่างลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ
"เสด็จพี่ ท่านอย่าบังคับลูกเลย"
"หุบปากเจ้าก็อีกคนชอบให้ท้ายนาง"
"ท่านเชื่อคำพูดของสนมลู่ฟางไม่สนใจคำพูดของข้า ตำแหน่งฮองเฮาให้ข้าแค่เพียงตำแหน่งแต่ไร้ซึ่งความเห็น"
น้ำตารื่นขอบตา
"เสด็จพ่อย่าตำหนิเสด็จแม่ เสด็จแม่แค่เห็นใจข้า"
“เมื่อไหร่จะเข้าใจ ว่าการที่เจ้าเกิดมาสูงส่งเป็นถึงองค์หญิงจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบมากกว่าคนอื่น”
“เสด็จพ่อลูกไม่อยากจากที่นี่ไป”
เสียงอ่อนลง
“ข้าลั่นวาจาไว้แล้วจะกล้าคืนคำได้อย่างไร ในมือเขากล้าขอข้าก็กล้าให้”
“ข้าจะไปพูดกับเขาเอง”
ลุกขึ้นยืน
“เหลวไหลต้าหมิงคุนนั่นเป็นถึงฮ่องเต้แค้นหานที่ยิ่งใหญ่ เจ้าคิดว่าแค่คำพูดเจ้าเขาจะยอมปล่อยเจ้าไปหรือการแต่งงานครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องต้องการเจ้าไปเป็นฮองเฮาแต่ มากกว่านั้นคือเรื่องความมั่นคงของแว้นแคว้น”
“ข้าจะไปพูดกับเขา”
วิ่งออกจากห้องไปยังห้องของถงหมิ่นที่พำนักชั่วคราวของต้าหมิงคุน
“เปิดประตูข้ามีเรื่องจะพูดกับฝ่าบาทของเจ้า”
จื่อจื่อถอนหายใจ หลันเล่อคนนี้ช่างเหมือนหลันเล่อคนก่อนไม่มีผิดเพียงแต่นางไร้เดียงสากว่าแต่ทว่าเรื่องใจกล้า นางมีไม่มากน้อยไปกว่ากัน
“เชิญองค์หญิง”
เปิดประตูให้ง่ายดาย หลันเล่อก้าวขาสั้นๆเข้าไปในห้อง ต้าหมิงคุนนั่งบนแท่นนั่งไม่แม้แต่จะหันมามอง
“มีเรื่องใดว่ามา”น้ำเสียงเย็นชา
“ข้าไม่แต่ง ไม่อยากเป็นฮองเฮาของฝ่าบาทไม่อยากยุ่งเกียวอะไรกับท่านทั้งนั้น” หันหน้ามามองหลันเล่อช้าๆ ยิ้มยียวน
“ไหนถงหมิ่นกับท่านน้าบอกว่าเจ้าชื่นชมคนแค้วนหาน อยากเห็น อยากพบอยากเจอ ครั้งนี้ข้าให้เจ้าแต่งกับข้า แล้วยังยกตำแหน่งฮองเฮาให้เจ้าอีกด้วยไม่ดีใจหรือไร”
“ข้าไม่อยากเป็นฮองเฮา ข้าชอบคนแคว้นหานก็จริงนั่นเพราะแคว้นหานเจริญรุ่งเรืองแล้วอีกอย่าง ข้าชอบอาจารย์ที่อ่อนโยนและดีกับข้า พระสนมเองก็งดงามอ่อนหวาน”
“เจ้าชอบถงหมิ่นหรือ”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“แน่นอน ข้าต้องชอบเขาซี้ ไม่อย่างนั้นจะยอมให้มาเป็นอาจารย์ข้าหรือ อาจารย์ตามใจข้าดีกับข้ามากกว่าพี่ใหญ่เสียอีก”ลดเสียงให้เบาลงในตอนท้าย“ถ้าเจ้ายอมแต่งข้าสัญญาจะให้อาจารย์คอยไปอารักขาเจ้าที่นั่น”“ไม่ไม่ไม่ แล้วพระสนมเล่าใครจะคอยอารักขานาง”“พระสนมมีเสด็จพ่อของเจ้าที่รักนางยิ่ง ข้าจะส่งองครักษ์คนใหม่มาในภายหลัง”หลันเล่อลืมเรื่องที่จะพูดเสียหมด“จริงๆ นะท่านต้องส่งคนมาใหม่ข้าสงสารพระสนม วันๆมีแต่อาจารย์กับข้าที่คุยเรื่องแคว้นหานกับนาง หากอาจารย์ไปเสีย ข้าไปเสียใครจะคุยเรื่องแคว้นหานให้นางหายคิดถึงบ้าน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าสัญญา” หลันเล่อวิ่งไปเขย่ามืออย่างแรง“ขอบคุณท่านจริงๆ”ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา“ตกลงจะยอมแต่งแล้วใช่ไหม”ทอดเสียงอ่อนโยน“ขะ ข้า ก็ยังกลัวอยู่ดี”เสียงอ่อนลง“ไม่แต่งกับข้าก็ยังมีไท่จือร่างยักษ์ของแค้วนใต้ กับหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกดำที่กำลังจะมาสู่ขอเจ้า”โกหกเรื่องไท่จือร่างยักษ์“ท่านรู้ได้อย่างไร”ถามด้วยความไม่แน่ใจ“เลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว ต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท”ตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆ“ท่านอ
“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน” วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิง
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ” ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใดขบวนเสด็จจาก เผ่าปาเอ่อถัวกำลังจะเคลื่อนออกจากเผ่าปาเอ่อถัว ฮองเฮาปาดน้ำตายืนมองใบหน้างดงามของหลันเล่อที่ปราศจากทุกข์ดวงตาสองข้างกลมใสเ
“ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแต่งเจ้าเป็นฮองเฮาหรือนำตัวเจ้ามาเป็น มารดา หรือองค์หญิงของข้ากันแน่”หลันเล่อเก็บข้อตกลงฉบับนั้นไว้เสีย“ข้าก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่อเราสองคนบรรลุข้อตกลงแล้วก็ต้อง เดินหน้าต่อไป”ต้าหมิงคุน ส่ายหน้าเกี้ยวถูกหามออกห่างวังหลวงไปเรื่อยๆ ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเข้าครอบงำ หลันเล่อปาดน้ำตาเบือนหน้าหนีกลัวว่าต้าหมิงคุนจะเห็นมัน“ ฝ่าบาทใกล้เข้าเขตช่องแคบที่เป็นอาณาเขตของจอมโจรจิ้งจอกดำแล้ว”“หยุดเกี้ยว”หลันเล่อออกมาสุดอากาศบริสุทธิ์ ถงหมิ่นล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นขนมเปี๊ยะใส่มือให้“ของหวานมักทำให้รื่นเริง”ยิ้มอ่อนโยน“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด”ต้าหมิงคุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นเสียต้าหมิงคุนสั่งการกับทหาร อย่างเข้มงวดจื่อจื่อยื่นถุงน้ำในมือให้กับต้าหมิงคุน แดดอ่อนๆ แต่ทว่าอากาศอบอ้าวยิ่งนักเพราะเป็นพื้นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา“เคลื่อนเกี้ยวได้แล้วช้ากว่ามีจะไม่ทันที่นัดหมายไว้”“นัดหมายนัดหมายอะไรกัน” หลันเล่อถามขึ้นเมื่อได้ยิน ต้าหมิงคุนพูดแบบนั้น“ไม่ใช้ธุระอะไรของเจ้ามานี่”ส่งตัวหลันเล่อในชุดเกราะทหารขึ้นบนหลังม้า ส่วนเขาขึ้นบนหลังม้าอีกตัว มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม
ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่าเสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ
หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ
เดินนำลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำ นางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเรื่องใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”ต้าหมิงคุนหันหน้ามามองร่างบางของเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตา รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านเลยมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน” หูอื้อตาลาย ในช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืด ต้าหมิงคุนไม่มองพลุสว่างนั้นแต่กลับมองใบหน้างดงามของเมิ่งเม่ย ส่วนลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าหมิงคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน“คุณหนูบ้านถัง ข้าช่างมีวาสนาได้พบเจ้า”จื่อจื่อยืนห่างออกไปยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนเคียงข้างไท่จือ ลี่หลันเล่อก้มหน้านิ่งเมื่อต้าหมิงคุนไม่แม้แต่จะชายตามองลี่หลันเล่อแม้แต่เพียงน้อยนิดดึงอาภรณ์สำรวจตัวเอง ลี่หลันเล่อในอาภรณ์คล้ายบุรุษ เกล้าผมในแบบบุรุษ ไร้การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพียงเพื่อต้องการปกป้องเมิ่งเม่ยในเมื่อเมิ่งเม่ยมักจะถูกทางบ้านเข้มงวดให้อยู่ในก