“ฝ่าบาท”
ถงหมิ่นคุกเข่าลงตรงหน้า
“ถงหมิ่น”
ดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยดีหรือไม่ ถงหมิ่นมาช้าไป”
ต้าหมิงคุน ยิ้มบางๆ
“ไม่เท่าไหร่ยาสมานแผลของ เผ่าปาเอ่อถัวได้ผลชะงัดนักตอนนี้อาการของข้าดีขึ้นไม่น้อย”
“ฝ่าบาทแล้วแล้วทำไม”
อยากจะถามเรื่องหนวดเคราแต่ไม่กล้า
“องค์หญิงรอง เจ้าของยาสมานแผลคนนั้นเป็นคนจัดการ หนวดเครารุงรังของฝ่าบาท”
จื่อจื่อพูดไปยิ้มไป ถงหมิ่นกลั้นหัวเราะ
“องค์หญิงรองยังเด็กนักอีกอย่างนางมีความคิดความเห็นน่าเอ็นดู ถงหมิ่นมักจะยอมแพ้ให้แก่องค์หญิงเสมอ”
“ท่านน้าเป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”
เปลี่ยนเรื่องพูดเสีย
“พระสนมสบายดีอย่างยิ่ง ความจริงวันพรุ่งนี้พระสนมจะเสด็จยังกระโจมของฝ่าบาทแต่ มาเกิดเรื่องอย่างนี้เสียก่อน ถงหมิ่นจึงทูลเชิญเสด็จยังวังหลวงของเผ่าปาเอ่อถัว อย่างน้อยคงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปทำร้ายฝ่าบาทถึงในเขตวังหลวง”
“จอมโจร จิ้งจอกดำ”
จื่อจื่อพูด
“น่าแปลก ปกติจอมโจรจิ้งจอกดำออกปล้นสะดมอยู่ตามตะเข็บชายแดนแคว้นใต้กับเผ่าปาเอ่อถัวไม่ปรากฏว่าเข้ามาปล้นสะดมถึงนี่”
“เจ้าหมายความว่ามีคนบงการจอมโจรจิ้งจอกดำอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาทไม่ได้การแล้ว เชิญเสด็จที่วังหลวงเสียตอนนี้เลยดีกว่า”
ถงหมิ่นกับจื่อจื่อรีบพยุงต้าหมิงคุนให้ลุกขึ้น
เช้าสดใส
“อาจารย์ ...อาจารย์”
ร่างเล็กบางระหงในอาภรณ์สีเหลืองสดวิ่งพรวดเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นคือต้าหมิงคุนที่เปลือยท่อนบนท่อนล่างก็เพียงแค่สวมกางเกงนอนบางเบา
“อ้าวท่านอา ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อ่อเข้าใจแล้วอาจารย์รับท่านมา อาจารย์นี่ใจดีเสียจริง คนจรก็ยังรับเข้ามาในวังหลวง”
ตอนที่เห็นก็เป็นอาภรณ์สีทึมๆ เก่าคร่ำคร่าเพราะต้องการปกปิดฐานะ
ต้าหมิงคุนหยิบผ้าห่มมาคุลมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใครให้เจ้าเข้ามาไร้มารยาท”
“เอะ นี่มันวังหลวง และอีกอย่างข้าเป็นองค์หญิง และอีกอย่างข้าเข้าออกห้องอาจารย์ได้ตลอดเวลาอาจารย์ยังไม่กล้าว่าข้าเลย ท่านเป็นใครมาตำหนิข้า”
“เข้าออกห้องถงหมิ่นได้ตลอดเวลา เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์ใดกันแน่ เผ่าปาเอ่อถัวไม่สั่งสอนองค์หญิงปล่อยให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับบุรุษทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน”หน้าเง้าที่ถูกตำหนิ
“อาจารย์เป็นอาจารย์ของข้าแล้วข้าก็ชอบอาจารย์ที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรกันจะเข้าจะออกจะต้องกลัวใคร”
ต้าหมิงคุนส่ายหน้า
“ องค์หญิง มานี่”
สนมลู่ฟางก้าวเข้ามาในห้อง หลันเล่อถอยไปยืนข้างๆสนมลู่ฟาง
“ฝ่าบาทอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฝ่าบาท”
หลันเล่อทวนคำ ยิ้มกว้างสดใสเมื่อรู้ว่าอีกคนเป็นถึงฮ่องเต้
“ดีขึ้นแล้วท่านน้า ท่านเมตตาส่งหมอหลวงมาดูแลตอนนี้จึงค่อยๆเป็นปกติไม่เจ็บแผลเท่าที่ควร หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะได้ยาสมานแผลช่วยไว้ทันท่วงที”
“เห็นไหมเล่าเป็นเพราะหลันเล่อพระสนมหลันเล่อเป็นคนช่วย ..ฝ่าบาท”
สนมลู่ฟางยิ้มบางๆในใจรู้สึกขอบคุณหลันเล่อไม่น้อย
“หลันเล่อ นี่คือต้าหมิงคุนฮ่องเต้ ฮ่องเต้ของแคว้นหาน”
หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆแต่สักพักก็ปรับสีหน้าเป็นสดใสเช่นเดิม
“คนแคว้นหานนี่เอง มิน่าหน้าตาถึงไม่เหมือนเผ่าปาเอ่อถัว”
“องค์หญิง ฮองเฮาเรียกท่านไปพบ ลู่ฟางเห็นนางกำนัลตามหาองค์หญิงทั่วทั้งตำหนัก”
ลู่ฟาง ไม่กล้าเอ่ยปากไล่ แต่ตั้งใจให้นางไปเพราะมีเรื่องสำคัญคุยกับต้าหมิงคุน จึงเลือกที่จะบอกว่าฮองเฮาเรียกหา
“พระสนม ฝ่าบาทแคว้นหาน หลันเล่อไปก่อนไว้ข้าว่างๆจะมาคุยกับฝ่าบาทข้าอยากรู้เรื่องราวของแคว้นหาน”
ย่อกายเงอะงะ สนมลู่ฟางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หลันเล่อหันหน้าหันหลังโบกมือหยอยๆ
ลู่ฟางทรุดกายลงบนเก้าอี้ข้างแท่นนอน
“ท่านน้ามีเรื่องใดเร่งด่วน”
“จะต้องสู่ขอนางในวันนี้ทันทีที่ฝ่าบาทของเผ่าปาเอ่อถัว… เสด็จนั่งบนบัลลังก์”
“ทำไมต้องรีบร้อนเพียงนั้น”
“เป็นเพียงทางเดียวที่จะเดินหมากได้ทันเวลา ข้าไม่ได้โกหกเรื่องฮองเฮาเรียกพบองค์หญิงรอง ด้วยตอนนี้ฮองเฮากับหลันตี้ตั้งใจใช้นางเป็นตัวล่อให้ทั้งแคว้นใต้แคว้นฉินและเผ่าต่างๆที่มีองค์ชายสวามิภักดิ์และเป็นพวก รวบรวมกำลังคนโจมตี้แคว้นหาน”
ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว“ท่านน้าแต่ท่านยังอยู่ เผ่าปาเอ่อถัวจะกล้าทำเรื่องที่ผิดกับท่านน้าหรือ”“ข้าเป็นสนมของหลันเซ่อไม่ใช่สนมของหลันตี้ ฉะนั้นหลันตี้กับฮองเฮาไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า หลันตี้ตอนนี้อำนาจล้นมือ ฝ่าบาทเชื่อน้าท่านจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้ทันที ก่อนที่ไท่จือของแคว้นใต้จะเสด็จมาตามหนังสือที่ฮองเฮาส่งไป”“ท่านน้าหลานยังไม่ต้องการใครในตอนนี้”“ฝ่าบาท นางเหมาะสมในทุกด้านอีกทั้งนางยังช่วยส่งเสริมตำแหน่งฮ่องเต้ของฝ่าบาทเผ่าปาเอ่อถัวทรัพยากรมากมาย แคว้นน้อยใหญ่ต่างต้องการครอบครองหลายปีมานี้ข้าแต่งมาเป็นสนม สินค้ามากมายถูกส่งไปยังแคว้นหานนำความรุ่งเรือง หากฝ่าบาท ยังคิดเห็นแก่ตัวเอง เกรงว่าแคว้นหานจะถูกโดดเดี่ยวหลันตี้พยายามจะรวบรวมชนเผ่า ฮองเฮาต้นกำเนิดของนางก็มาจากแคว้นใต้”“จะให้นางไปอยู่ในฐานะใดกันในเมื่อหลานไม่ต้องการหญิงใดในตอนนี้”“ฝ่าบาทเมิ่งเม่ยงดงามอ่อนหวานฝ่าบาทที่เคยชื่นชอบก็ปฏิเสธนาง น้าอยากให้ฝ่าบาท เปิดใจมองหญิงใดสักคนเพื่อรั้งตำแหน่งฮองเฮา หากไม่ขัดใจนักยกตำแหน่งฮองเฮาให้กับหลันเล่อเสีย เผ่าปาเอ่อถัวจึงไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจแคว้นหานอีกต่อไป”“หลานเข้าใจแล้ว จื่อจื่อเล่า
“เจ้าชอบถงหมิ่นหรือ”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“แน่นอน ข้าต้องชอบเขาซี้ ไม่อย่างนั้นจะยอมให้มาเป็นอาจารย์ข้าหรือ อาจารย์ตามใจข้าดีกับข้ามากกว่าพี่ใหญ่เสียอีก”ลดเสียงให้เบาลงในตอนท้าย“ถ้าเจ้ายอมแต่งข้าสัญญาจะให้อาจารย์คอยไปอารักขาเจ้าที่นั่น”“ไม่ไม่ไม่ แล้วพระสนมเล่าใครจะคอยอารักขานาง”“พระสนมมีเสด็จพ่อของเจ้าที่รักนางยิ่ง ข้าจะส่งองครักษ์คนใหม่มาในภายหลัง”หลันเล่อลืมเรื่องที่จะพูดเสียหมด“จริงๆ นะท่านต้องส่งคนมาใหม่ข้าสงสารพระสนม วันๆมีแต่อาจารย์กับข้าที่คุยเรื่องแคว้นหานกับนาง หากอาจารย์ไปเสีย ข้าไปเสียใครจะคุยเรื่องแคว้นหานให้นางหายคิดถึงบ้าน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าสัญญา” หลันเล่อวิ่งไปเขย่ามืออย่างแรง“ขอบคุณท่านจริงๆ”ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา“ตกลงจะยอมแต่งแล้วใช่ไหม”ทอดเสียงอ่อนโยน“ขะ ข้า ก็ยังกลัวอยู่ดี”เสียงอ่อนลง“ไม่แต่งกับข้าก็ยังมีไท่จือร่างยักษ์ของแค้วนใต้ กับหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกดำที่กำลังจะมาสู่ขอเจ้า”โกหกเรื่องไท่จือร่างยักษ์“ท่านรู้ได้อย่างไร”ถามด้วยความไม่แน่ใจ“เลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว ต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท”ตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆ“ท่านอ
“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน” วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิง
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ” ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใดขบวนเสด็จจาก เผ่าปาเอ่อถัวกำลังจะเคลื่อนออกจากเผ่าปาเอ่อถัว ฮองเฮาปาดน้ำตายืนมองใบหน้างดงามของหลันเล่อที่ปราศจากทุกข์ดวงตาสองข้างกลมใสเ
“ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแต่งเจ้าเป็นฮองเฮาหรือนำตัวเจ้ามาเป็น มารดา หรือองค์หญิงของข้ากันแน่”หลันเล่อเก็บข้อตกลงฉบับนั้นไว้เสีย“ข้าก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่อเราสองคนบรรลุข้อตกลงแล้วก็ต้อง เดินหน้าต่อไป”ต้าหมิงคุน ส่ายหน้าเกี้ยวถูกหามออกห่างวังหลวงไปเรื่อยๆ ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเข้าครอบงำ หลันเล่อปาดน้ำตาเบือนหน้าหนีกลัวว่าต้าหมิงคุนจะเห็นมัน“ ฝ่าบาทใกล้เข้าเขตช่องแคบที่เป็นอาณาเขตของจอมโจรจิ้งจอกดำแล้ว”“หยุดเกี้ยว”หลันเล่อออกมาสุดอากาศบริสุทธิ์ ถงหมิ่นล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นขนมเปี๊ยะใส่มือให้“ของหวานมักทำให้รื่นเริง”ยิ้มอ่อนโยน“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด”ต้าหมิงคุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นเสียต้าหมิงคุนสั่งการกับทหาร อย่างเข้มงวดจื่อจื่อยื่นถุงน้ำในมือให้กับต้าหมิงคุน แดดอ่อนๆ แต่ทว่าอากาศอบอ้าวยิ่งนักเพราะเป็นพื้นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา“เคลื่อนเกี้ยวได้แล้วช้ากว่ามีจะไม่ทันที่นัดหมายไว้”“นัดหมายนัดหมายอะไรกัน” หลันเล่อถามขึ้นเมื่อได้ยิน ต้าหมิงคุนพูดแบบนั้น“ไม่ใช้ธุระอะไรของเจ้ามานี่”ส่งตัวหลันเล่อในชุดเกราะทหารขึ้นบนหลังม้า ส่วนเขาขึ้นบนหลังม้าอีกตัว มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม
ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่าเสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ
หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ
หกเดือนผ่านไป“ฮองเฮาทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้น ทั่วท้องพระโรงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก้าวขาออกมาด้านหน้า“บัดนี้แคว้นหานสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีของฮองเฮา แม้ฝ่าบาทจะสวรรคตไปไม่นานทว่าบ้านเมืองกับ เจริงรุ่งเรืองการค้าขายกับต่างแคว้นล้วนดีตามไปด้วย ชาวบ้านล้วนอยู่เย็นเป็นสุข ยิ้มแย้มถ้วนหน้าจึงมีฎีกาส่งเข้ามาในวังหลวงมากมายชื่นชมสรรเสริญ”ยื่นพานใส่ฎีกามากมายตรงหน้าขันทีมารับไปส่งให้เอ่อหลันเล่อ“ข้าตั้งใจไหว้พระขอพรที่วัดบุปผาแดง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่านอา.. ฝ่าบาทงานในราชสำนักยกให้จื่อจื่อคอยจัดการแทน”น้ำตารื้นขอบตา“ฮ่องเต้ แคว้นใต้เสด็จเยี่ยมเยือนที่แคว้นหาน ประสงค์จะทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลให้กับฝ่าบาทในวาระครบรอบหกเดือนเช่นกัน”“อืม ฝ่าบาทหยางซานชิงก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้”“ข้าน้อยได้ป่าวประกาศให้ราษฎรทั่วแคว้นร่วมไว้อาลัยและงดให้มีการจัดเก็บภาษี สร้างโรงทานเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลอีกทาง”เอ่อหลันเล่อยิ้มบางๆ“ฮองเฮาข้าน้อยส่งถงหมิ่นกับหานจงคอยอารักขา”จื่อจื่อประสานมือ“ขอบใจท่านองครักษ์”สองข้างทางมีพุ่มดอกเหมยกุ้ยฮวาเบ่งบานงดงามบนป้ายหลุมศพของ ...ต้าหมิง
“ข้าไม่เคยรักเจ้าเมิ่งเม่ย”ต้าหมิงคุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ“ไม่ไม่จริงฝ่าบาทรักข้าฝ่าบาทเลยลงทัณฑ์นาง” ต้าหมิงคุน ขยับตัวด้วยความยากลำบาก“หมอหลวง ตามหมอหลวง”หลันเล่อตะโกนลั่น“เจ้าอภัยให้ข้าแล้วใช่ไหม”“ไม่ฝ่าบาทอย่าอภัยให้นางนางเป็นคนที่ ทำร้ายเมิ่งเม่ยได้ยินไหมฝ่าบาทรักเมิ่งเม่ยฝ่าบาทจะต้องเกลียดนาง”“คนที่ข้ารักคือหลันเล่อได้ยินไหมเมิ่งเม่ย คนที่ข้ารักก่อนหน้านั้นคือลี่หลันเล่อและตอนนี้คนที่ข้ารักคือเอ่อหลันเล่อ”กระอักเลือดสดสดออกมา หลันเล่อกอดร่างเปื้อนเลือดสะอื้นไห้ เมิ่งเม่ยยิ้มหยัน“ฝ่าบาทไม่รักเจ้าได้ยินไหมเมิ่งเม่ยได้ยินไหมเจ้ามันนางแพศยา เจ้ารู้ดีว่าฝ่าบาทไม่เคยรักเจ้า”เมิ่งเม่ยตะโกนดังลั่นสติเลื่อนลอย คล้ายดังคนเมา ชี้มีดไปตรงหน้าเอ่อหลันเล่อ“เจ้ากลับมาทำไม กลับมาทำไมทั้งๆ ที่ข้ากับฝ่าบาทกำลังจะลงเอยด้วยดี ฝ่าบาทกำลังจะลืมเจ้า นางมารเจ้ากลับมาทำไม”“เมิ่งเม่ยส่งมีดให้ข้า”จื่อจื่อค่อยๆ ขยับกายเข้าใกล้“ไม่พี่ใหญ่ข้าฆ่าคนที่นางรักนาง จะต้องทวงแค้นข้าเหมือนที่ผ่านมา พี่ใหญ่ข้าเกลียดนางได้ยินไหมแต่เพราะสวรรค์ไม่เคยเข้าข้างข้า มีข้าจะต้องมีนางแล้วยังให้นางเหนือกว่าข้า
“ข้าไม่อาจทนเห็นความขัดแย้งและข้า..ข้าไม่อาจดูดายที่จะให้ท่านอาฝ่าบาทโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”“หลันเล่อเจ้าปล่อยให้พวกเขาทำร้ายข้า คลุมตัวข้าหรือ เรามิใช่พี่น้องกันหรือไร”สายตาแสดงความผิดหวังหลันเล่อก้มหน้า“ฝ่าบาท หลันเล่อมีบางอย่างอยากจะขอ ปล่อยพี่ใหญ่ไปเสีย”ต้าหมิงคุน พยักหน้าไปมา“ข้าไม่คิดจะกล่าวโทษเขาอยู่แล้วเพียงแค่เขากลับใจ อย่างไรความสัมพันธ์สองแคว้นยังเป็นเหมือนเดิมเพราะท่านน้ายังอยู่ที่นั่นและเจ้ายังอยู่ที่นี่”“ข้ายินดีคุมตัวเขากลับปาเอ่อถัวด้วยตัวเอง”หยางซานชิงอาสา เหลือบตามองหลันเล่อด้วยความรู้สึกเสียดายและเสียใจที่ไม่อาจเคียงข้างนางได้หลันเล่อทรุดกายลงข้างๆ หลันตี้“พี่ใหญ่ กลับไปที่ปาเอ่อถัวเสียเถิด”หลันตี้สะบัดมือจ้องหน้าหลันเล่อด้วยสายตาเกลียดชังอย่างที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน“เจ้ากับข้าขาดกันตั้งแต่วันนี้ ข้าทำทุกอย่างเพื่อปาเอ่อถัวให้รุ่งเรืองแต่เจ้ากับเห็นแก่ผู้อื่น”หลันเล่อสะอื้นอย่างแรง“ข้าผิดเอง หลันเล่อไปอาจเกลียดชังได้เท่าที่ลี่หลันเล่อต้องการหลันเล่อไม่อาจ...ตัดใจจากคนที่ทำร้ายทำลายตัวเองในครั้งก่อนได้ เพราะที่หลันเล่อเห็นคือฝ่าบาทที่ใจดีที่สุด”หยางซาน
ถงหมิ่นหอบเอาร่างบางไว้ในอ้อมแขน“อาจารย์ เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”ใบหน้าและแววตาใสซื่อถงหมิ่นยิ้มอ่อนโยน“เรากำลังจะกลับวังหลวง”เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนวังหลวงต้าหมิงคุนนั่งบนบัลลังก์มังกรด้วยท่าทีองอาจ แผลรอยมีดที่อกข้างซ้ายยังสร้างความเจ็บปวดให้ตลอดเวลา“รอคอยการมาของพวกเราช่างเป็นนกรู้เสียจริง”หลันตี้พูดขึ้นดังๆ ก้าวขาเข้ามาในท้องพระโรงโอ่อ่า“ความจริงความขัดแย้งนี้เป็นเพียงของท่านคนเดียวหลันตี้ไท่จือ ข้ายังคงยึดถือความสัมพนธ์อันดีระหว่างสองแคว้นในเมื่อท่านน้าก็ยังอยู่ที่ปาเอ่อถัวหลันตี้ขมวดคิ้ว“หลันเล่อเล่านางอยู่ที่ไหนกัน ท่านอย่าบอกว่าคุมตัวนางไว้เสียแล้ว”ต้าหมิงคุน ยิ้มเศร้าๆ“ท่าน ให้นางมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งหลันเล่อที่แสนจะพิสุทธิ์ ท่านจงใจให้นางต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้”“นางเป็นคนปาเอ่อถัวจะเกิดหรือจะตายก็เป็นคนปาเอ่อถัว”“ท่านคิดดังคนเห็นแก่ตัว ท่านเองหาได้สนใจว่าหลันเล่อจะต้องพบเจอกับสิ่งใดดีเป็นข้าที่รู้ทันไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์นางอย่างที่ท่านต้องการ แต่ถึงกระนั้นสุนัขป่าหากอยากจะกินลูกแกะก็ต้องหาทางกินจนได้ ไม่ว่าข้าจะทำเช่นไรท่านก็จะต้องส่งทัพ
“ไท่จือชอบกลิ่นหอมของดอกเหมยกุ้ยฮวา”ลี่หลันเล่อยิ้มหวานเมื่อได้ยินเมิ่งเม่ยพูดแบบนั้น สวรรค์ลิขิตไว้แล้วแม้แต่ดอกไม้ต้าหมิงคุนยังชมชอบเหมือนกันกับหลันเล่อ“ข้าเองก็ชอบดอกเหมยกุ้ยฮวา”เมิ่งเม่ยยิ้ม“เจ้าก็ นำน้ำอบกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวาอบอาภรณ์ของเจ้าแล้วสวมมันไปพบไท่จือจะดีไหม”ลี่หลันเล่อยิ้มเอียงอาย“ข้าไม่กล้าเกรงว่าไท่จือจะไม่อยากพบข้า”“ในครั้งแรกเจ้าก็ไม่กล้าแล้วเช่นไรจะชนะใจไท่จือ ข้ารึอุตส่าห์บอกกับไท่จือว่าเย็นนี้มีคน .. อยากพบไท่จือน่านะ คุณหนูลี่เจ้าไปพบไท่จือข้าจะได้ไม่ผิดคำพูด”“ก็ได้ แต่ยามค่ำมืดออกไปพบบุรุษไม่น่าอายไปหน่อยหรือ”“คุณหนูลี่เจ้าน่ะชอบไท่จือมิใช่หรือ”ลี่หลันเล่อพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าชอบไท่จือก็ไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหนคุณหนูลี่เปิดเผยจริงใจอยู่แล้วมิใช่หรือ”ค่ำคื่นมืดมิดอาภรณ์สีม่วงอ่อนพร้อมกับกลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา เยื้องย่างเข้ามายังที่นัดหมายร่างตะคุ่มของต้าหมิงคุนเลิกคิ้วสูง“เจ้า ไปห่างๆ ข้า”ต้าหมิงคุนผลักร่างบางของลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น“บังอาจนัก ข้าแพ้กลิ่นดอกเหมยกุ้ยฮวา”ร่างสูงเซถลาถอยหลังล้มลงไปบนพื้นทันที“ช่วยด้วยใครก็ได้ช่วยด้วย”จื่อจื่อวิ่งออก
“พระนางอย่าได้แค้นเคืองอีกเลยท่านไม่มีอะไรที่จะไปต่อกรกับฮองเฮา”สะบัดมือฟาดลงใบหน้าของนางกำนัลข้างกาย“ข้ามีทุกอย่างเหนือกว่านางเหนือกว่านางมาตลอด ยกจอกยาขึ้นกระดกรวดเดียวหมดถ้วยแม้รสชาติของยาในถ้วยจะขมเพียงใดแต่เมิ่งเม่ยกลับรู้สึกว่าแม้จะฝืนใจเพียงใดก็ต้องทำหยางซานชิงกระตุกบังเหียนม้าให้หยุดอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับกายป้ายหลุมศพ เห็นเด่นชัดแต่ไกล“ลี่หลันเล่อ พร่ำเพ้อคะนึงหา”ด้านหน้ามีช่อดอกเหมยกุ้ยฮวาเก่าใหม่วางเรียงรายบนเนินดินจนแทบจะมองไม่เห็นพื้นดินเบื้องล่างรอบเนินดินกลับพบดอกเหมยกุ้ยฮวางอกงามชูดอกสีแดงสดแข่งกันอวดโฉมงดงาม“ฝ่าบาทใกล้จะถึงวังหลวงแคว้นหานแล้วที่นี่เนินเหมยกุ้ยฮวามักจะไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามา”“ทำไมกัน”“ว่ากันว่าบริเวณนี้และอีกกว่าสิบลี้ไม่ให้ผู้คนสัญจรเพราะเป็นที่ฝังศพของ..คุณหนูลี่ ต้าหมิงคุนฮ่องเต้อยากให้นางอยู่อย่างสงบห้ามใครย่างกรายอีกทั้งต้าหมิงคุนเมื่อมีโอกาสมักจะมาที่นี่เป็นประจำจึงต้องกันไว้เพื่อความปลอดภัย”หยางซานชิงเอื้อมมือหยิบดอกเหมยกุ้ยฮาขึ้นมาดอมดม“ต้องใช้ดอกเหมยกุ้ยฮวา มากมายเพียงใดในการนี้”“ว่ากันว่าดินแดนทางเหนือของแคว้นหานมีทุ่งดอกเหมยกุ้ยฮวา
“โบยนางจนกว่าข้าจะพอใจ”“ลี่…หลันเล่อเจ้าทำไมกลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ ไม่เห็นแก่ความสัมพันของเราบ้างหรือ”หันหน้าหันหลังหาคนช่วยนางกำนัลที่เคยรับใช้ใกล้ชิดก็เพียงแค่ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าทัดทาน“เมิ่งเม่ยแล้วเจ้าเล่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเราบ้างหรือไม่ ตระกูลลี่บ้านแตก อีกทั้งความเจ็บช้ำที่ข้าได้รับเล่า กลับกันหากเจ้ามาเป็นข้าเจ้ายังจะแค่โบยข้าหรือไร”ก้าวขาออกไปในทันที“ลี่ ลี่หลันเล่อไม่เอาเจ้าจะปบ่อยให้ข้าถูกโบยแบบนี้ไม่ได้ลี่หลันเล่อกลับมาก่อน”ขันทีลงไม้ที่กลางหลังของถังเมิ่งเม่ยสุดแรง จะด้วยบุญบารมีหรือความแค้นส่วนตัวที่ก่อนหน้านั้นเมิ่งเม่ยเคยกดขี่หรืออาจเป็นเพราะ บัญชาของฮองเฮาไม่อาจรู้ได้ ซึ่งหลายคนในวังหลวงต่างรู้ดีว่าอย่าทำให้เมิ่งเม่ยโกรธ ร่างบางสะท้อนขึ้นลงตามแรงหวดร่างกายแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ“ลี่หลันเล่อได้โปรด ฮองเฮา อย่าทำแบบนี้ข้าทนรับความเจ็บปวดไม่ได้ ได้โปรดข้ากลัวแล้วปล่อยข้าไปลี่หลันเล่อได้โปรด”ส่งเสียงคร่ำครวญแม้ใครผ่านมาได้ยินในตอนนี้ย่อมที่จะอดสงสารเสียไม่ได้“ลี่หลันเล่อข้ากลัวแล้ว …ต่อไปข้าไม่กล้ากับเจ้าแล้ว”ร่างบางกระตุกตามแรงหวดของไม้พลองสุดท้ายก็แน่นิ่ง ลี่
“ฝ่าบาทพอได้แล้ว ที่ผ่านมาฝ่าบาทกักขังตัวเองกับคำว่าสำนึกนึกผิดต่อคุณหนูลี่อีกทั้งยังทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ จื่อจื่อไม่เห็นว่าจะได้ประโยชน์อะไรในเมื่อฮองเฮา ตอนนี้แม้จะไม่รู้ว่านางคือคุณหนูลี่หรือไม่ แต่ทว่าความเคียดแค้นเกลียดชังนั้น ฝ่าบาทจะทำอย่างไรให้มันหายไป”“เจ้ายิ่งพูดแบบนี้ ข้ายิ่งรู้สึกผิดที่ผ่านมาทุกข์ตรมแค่ไหนข้าไม่เคยอยากให้นางรู้ แค่เพียงข้ารู้ว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่นางได้รับ จื่อจื่อขอร้องอย่าได้ไม่พอใจฮองเฮานางก็ควรจะโกรธข้าเกลียดข้าในเมื่อข้าทำกับนางไว้ไม่น้อย อีกสองวัน ส่งคนอารักขาฮองเฮากลับเผ่าปาเอ่อถัวเสียหากนางต้องการจะกลับไปที่นั่น”“ฝ่าบาท..หากส่งฮองเฮากลับไปตอนนี้ทุกอย่างที่ทำมาล้วนล้มเหลว”“จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อข้าตอนนี้ไร้แรงกายแรงใจในทุกเรื่องจะอยู่หรือตายไม่ต่างกัน เรื่องของบ้านเมือง ข้าคงต้องปล่อยไปตามยถากรรมเช่นกัน”“ข้าน้อยไม่คิดว่า ฝ่าบาทจะจมอยู่กับเรื่องราวในอดีตเช่นนี้”“ข้าเคยหวังมาตลอด ว่าพบนางอีกครั้งเพื่อได้ ชดใช้ให้กับนางตอนนี้ก็สาสมยิ่งแล้ว”"นางเจ็บปวดข้าเจ็บช้ำก็ถูกแล้ว นางไม่กล้าให้ข้าตายเพียงแค่อยากเห็นว่าข้าต้องเจ็บปวดเช่นนาง""ฝ่าบาท
“ข้อตกลงระหว่างเรา”หลันตี้ยกจอกสุราตรงหน้า“ข้าไม่ยอมทุกอย่างเพียงแค่หลันเล่อ ยอมที่จะเคียงข้างข้า”“หลันเล่อเป็นชาวปาเอ่อถัวทั้งตัวและหัวใจ ข้าคิดว่านางคงพอจะเข้าใจสิ่งที่ข้าและเสด็จแม่ตั้งใจมอบให้นาง”“ข้าหยางซานชิงรับรองว่าจะดูแลนางอย่างดี อีกทั้งมอบตำแหน่งฮองเฮาให้นาง”หลันตี้ยิ้มมุมปาก“รีบยกทัพเถิด”หยางซานชิงเร่งเร้า“กลัวว่าหลันเล่อจะเปลี่ยนใจหรือว่ากลัวว่าข้าจะเปลี่ยนใจกัน เสด็จพ่อกับสนมลู่ฟางบัดนี้ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจมีเพียงข้าเท่านั้นที่เหล่าทหารให้ความย้ำเกรง”“เช่นนั้นจึงหายห่วง”“ข้ากับท่านยกทัพเข้าตีวังหลวงแคว้นหานเร็ววัน คนของข้าส่งข่าวหลันเล่อนาง ทำร้ายต้าหมิงคุน อาการสาหัสบอกได้ชัดว่านางยังมีความเป็นชนเผ่าปาเอ่อถัว ไม่เสียแรงที่ข้าคาดหวังในตัวนาง การไปของเราครั้งนี้ ต้าหมิงคุนจะต้องคาดไม่ถึง”“หากสามารถยึดวังหลวงแคว้นหานได้ ตำแหน่งฮ่องเต้แคว้นหานข้ายกให้ท่านองค์ชายใหญ่ ขอเพียงท่านช่วยพูดกับหลันเล่อ”“แน่นอน ข้าสัญญาแค่เพียงยึดวังหลวงแคว้นหานได้”ยกจอกสุราชูขึ้นตรงหน้าหยางซานชิงยกจอกสุรากระดกลงคออย่ารวดเร็ว………………………………………………………………………….“เห็นหรือไม่ ต้าหมิงคุน ว่าส