“ฝ่าบาท”
ถงหมิ่นคุกเข่าลงตรงหน้า
“ถงหมิ่น”
ดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ปลอดภัยดีหรือไม่ ถงหมิ่นมาช้าไป”
ต้าหมิงคุน ยิ้มบางๆ
“ไม่เท่าไหร่ยาสมานแผลของ เผ่าปาเอ่อถัวได้ผลชะงัดนักตอนนี้อาการของข้าดีขึ้นไม่น้อย”
“ฝ่าบาทแล้วแล้วทำไม”
อยากจะถามเรื่องหนวดเคราแต่ไม่กล้า
“องค์หญิงรอง เจ้าของยาสมานแผลคนนั้นเป็นคนจัดการ หนวดเครารุงรังของฝ่าบาท”
จื่อจื่อพูดไปยิ้มไป ถงหมิ่นกลั้นหัวเราะ
“องค์หญิงรองยังเด็กนักอีกอย่างนางมีความคิดความเห็นน่าเอ็นดู ถงหมิ่นมักจะยอมแพ้ให้แก่องค์หญิงเสมอ”
“ท่านน้าเป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”
เปลี่ยนเรื่องพูดเสีย
“พระสนมสบายดีอย่างยิ่ง ความจริงวันพรุ่งนี้พระสนมจะเสด็จยังกระโจมของฝ่าบาทแต่ มาเกิดเรื่องอย่างนี้เสียก่อน ถงหมิ่นจึงทูลเชิญเสด็จยังวังหลวงของเผ่าปาเอ่อถัว อย่างน้อยคงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปทำร้ายฝ่าบาทถึงในเขตวังหลวง”
“จอมโจร จิ้งจอกดำ”
จื่อจื่อพูด
“น่าแปลก ปกติจอมโจรจิ้งจอกดำออกปล้นสะดมอยู่ตามตะเข็บชายแดนแคว้นใต้กับเผ่าปาเอ่อถัวไม่ปรากฏว่าเข้ามาปล้นสะดมถึงนี่”
“เจ้าหมายความว่ามีคนบงการจอมโจรจิ้งจอกดำอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาทไม่ได้การแล้ว เชิญเสด็จที่วังหลวงเสียตอนนี้เลยดีกว่า”
ถงหมิ่นกับจื่อจื่อรีบพยุงต้าหมิงคุนให้ลุกขึ้น
เช้าสดใส
“อาจารย์ ...อาจารย์”
ร่างเล็กบางระหงในอาภรณ์สีเหลืองสดวิ่งพรวดเข้ามาในห้อง ภาพที่เห็นคือต้าหมิงคุนที่เปลือยท่อนบนท่อนล่างก็เพียงแค่สวมกางเกงนอนบางเบา
“อ้าวท่านอา ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อ่อเข้าใจแล้วอาจารย์รับท่านมา อาจารย์นี่ใจดีเสียจริง คนจรก็ยังรับเข้ามาในวังหลวง”
ตอนที่เห็นก็เป็นอาภรณ์สีทึมๆ เก่าคร่ำคร่าเพราะต้องการปกปิดฐานะ
ต้าหมิงคุนหยิบผ้าห่มมาคุลมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใครให้เจ้าเข้ามาไร้มารยาท”
“เอะ นี่มันวังหลวง และอีกอย่างข้าเป็นองค์หญิง และอีกอย่างข้าเข้าออกห้องอาจารย์ได้ตลอดเวลาอาจารย์ยังไม่กล้าว่าข้าเลย ท่านเป็นใครมาตำหนิข้า”
“เข้าออกห้องถงหมิ่นได้ตลอดเวลา เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์ใดกันแน่ เผ่าปาเอ่อถัวไม่สั่งสอนองค์หญิงปล่อยให้ใกล้ชิดสนิทสนมกับบุรุษทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน”หน้าเง้าที่ถูกตำหนิ
“อาจารย์เป็นอาจารย์ของข้าแล้วข้าก็ชอบอาจารย์ที่สุด ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรกันจะเข้าจะออกจะต้องกลัวใคร”
ต้าหมิงคุนส่ายหน้า
“ องค์หญิง มานี่”
สนมลู่ฟางก้าวเข้ามาในห้อง หลันเล่อถอยไปยืนข้างๆสนมลู่ฟาง
“ฝ่าบาทอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”
“ฝ่าบาท”
หลันเล่อทวนคำ ยิ้มกว้างสดใสเมื่อรู้ว่าอีกคนเป็นถึงฮ่องเต้
“ดีขึ้นแล้วท่านน้า ท่านเมตตาส่งหมอหลวงมาดูแลตอนนี้จึงค่อยๆเป็นปกติไม่เจ็บแผลเท่าที่ควร หมอหลวงบอกว่าเป็นเพราะได้ยาสมานแผลช่วยไว้ทันท่วงที”
“เห็นไหมเล่าเป็นเพราะหลันเล่อพระสนมหลันเล่อเป็นคนช่วย ..ฝ่าบาท”
สนมลู่ฟางยิ้มบางๆในใจรู้สึกขอบคุณหลันเล่อไม่น้อย
“หลันเล่อ นี่คือต้าหมิงคุนฮ่องเต้ ฮ่องเต้ของแคว้นหาน”
หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆแต่สักพักก็ปรับสีหน้าเป็นสดใสเช่นเดิม
“คนแคว้นหานนี่เอง มิน่าหน้าตาถึงไม่เหมือนเผ่าปาเอ่อถัว”
“องค์หญิง ฮองเฮาเรียกท่านไปพบ ลู่ฟางเห็นนางกำนัลตามหาองค์หญิงทั่วทั้งตำหนัก”
ลู่ฟาง ไม่กล้าเอ่ยปากไล่ แต่ตั้งใจให้นางไปเพราะมีเรื่องสำคัญคุยกับต้าหมิงคุน จึงเลือกที่จะบอกว่าฮองเฮาเรียกหา
“พระสนม ฝ่าบาทแคว้นหาน หลันเล่อไปก่อนไว้ข้าว่างๆจะมาคุยกับฝ่าบาทข้าอยากรู้เรื่องราวของแคว้นหาน”
ย่อกายเงอะงะ สนมลู่ฟางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน หลันเล่อหันหน้าหันหลังโบกมือหยอยๆ
ลู่ฟางทรุดกายลงบนเก้าอี้ข้างแท่นนอน
“ท่านน้ามีเรื่องใดเร่งด่วน”
“จะต้องสู่ขอนางในวันนี้ทันทีที่ฝ่าบาทของเผ่าปาเอ่อถัว… เสด็จนั่งบนบัลลังก์”
“ทำไมต้องรีบร้อนเพียงนั้น”
“เป็นเพียงทางเดียวที่จะเดินหมากได้ทันเวลา ข้าไม่ได้โกหกเรื่องฮองเฮาเรียกพบองค์หญิงรอง ด้วยตอนนี้ฮองเฮากับหลันตี้ตั้งใจใช้นางเป็นตัวล่อให้ทั้งแคว้นใต้แคว้นฉินและเผ่าต่างๆที่มีองค์ชายสวามิภักดิ์และเป็นพวก รวบรวมกำลังคนโจมตี้แคว้นหาน”
ต้าหมิงคุนขมวดคิ้ว“ท่านน้าแต่ท่านยังอยู่ เผ่าปาเอ่อถัวจะกล้าทำเรื่องที่ผิดกับท่านน้าหรือ”“ข้าเป็นสนมของหลันเซ่อไม่ใช่สนมของหลันตี้ ฉะนั้นหลันตี้กับฮองเฮาไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้า หลันตี้ตอนนี้อำนาจล้นมือ ฝ่าบาทเชื่อน้าท่านจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้ทันที ก่อนที่ไท่จือของแคว้นใต้จะเสด็จมาตามหนังสือที่ฮองเฮาส่งไป”“ท่านน้าหลานยังไม่ต้องการใครในตอนนี้”“ฝ่าบาท นางเหมาะสมในทุกด้านอีกทั้งนางยังช่วยส่งเสริมตำแหน่งฮ่องเต้ของฝ่าบาทเผ่าปาเอ่อถัวทรัพยากรมากมาย แคว้นน้อยใหญ่ต่างต้องการครอบครองหลายปีมานี้ข้าแต่งมาเป็นสนม สินค้ามากมายถูกส่งไปยังแคว้นหานนำความรุ่งเรือง หากฝ่าบาท ยังคิดเห็นแก่ตัวเอง เกรงว่าแคว้นหานจะถูกโดดเดี่ยวหลันตี้พยายามจะรวบรวมชนเผ่า ฮองเฮาต้นกำเนิดของนางก็มาจากแคว้นใต้”“จะให้นางไปอยู่ในฐานะใดกันในเมื่อหลานไม่ต้องการหญิงใดในตอนนี้”“ฝ่าบาทเมิ่งเม่ยงดงามอ่อนหวานฝ่าบาทที่เคยชื่นชอบก็ปฏิเสธนาง น้าอยากให้ฝ่าบาท เปิดใจมองหญิงใดสักคนเพื่อรั้งตำแหน่งฮองเฮา หากไม่ขัดใจนักยกตำแหน่งฮองเฮาให้กับหลันเล่อเสีย เผ่าปาเอ่อถัวจึงไม่กล้าที่จะหักหาญน้ำใจแคว้นหานอีกต่อไป”“หลานเข้าใจแล้ว จื่อจื่อเล่า
“เจ้าชอบถงหมิ่นหรือ”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ“แน่นอน ข้าต้องชอบเขาซี้ ไม่อย่างนั้นจะยอมให้มาเป็นอาจารย์ข้าหรือ อาจารย์ตามใจข้าดีกับข้ามากกว่าพี่ใหญ่เสียอีก”ลดเสียงให้เบาลงในตอนท้าย“ถ้าเจ้ายอมแต่งข้าสัญญาจะให้อาจารย์คอยไปอารักขาเจ้าที่นั่น”“ไม่ไม่ไม่ แล้วพระสนมเล่าใครจะคอยอารักขานาง”“พระสนมมีเสด็จพ่อของเจ้าที่รักนางยิ่ง ข้าจะส่งองครักษ์คนใหม่มาในภายหลัง”หลันเล่อลืมเรื่องที่จะพูดเสียหมด“จริงๆ นะท่านต้องส่งคนมาใหม่ข้าสงสารพระสนม วันๆมีแต่อาจารย์กับข้าที่คุยเรื่องแคว้นหานกับนาง หากอาจารย์ไปเสีย ข้าไปเสียใครจะคุยเรื่องแคว้นหานให้นางหายคิดถึงบ้าน”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ข้าสัญญา” หลันเล่อวิ่งไปเขย่ามืออย่างแรง“ขอบคุณท่านจริงๆ”ยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา“ตกลงจะยอมแต่งแล้วใช่ไหม”ทอดเสียงอ่อนโยน“ขะ ข้า ก็ยังกลัวอยู่ดี”เสียงอ่อนลง“ไม่แต่งกับข้าก็ยังมีไท่จือร่างยักษ์ของแค้วนใต้ กับหัวหน้าจอมโจรจิ้งจอกดำที่กำลังจะมาสู่ขอเจ้า”โกหกเรื่องไท่จือร่างยักษ์“ท่านรู้ได้อย่างไร”ถามด้วยความไม่แน่ใจ“เลิกเรียกข้าว่าท่านได้แล้ว ต้องเรียกข้าว่าฝ่าบาท”ตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย หลันเล่อยิ้มเจื่อนๆ“ท่านอ
“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน” วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิง
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ” ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใดขบวนเสด็จจาก เผ่าปาเอ่อถัวกำลังจะเคลื่อนออกจากเผ่าปาเอ่อถัว ฮองเฮาปาดน้ำตายืนมองใบหน้างดงามของหลันเล่อที่ปราศจากทุกข์ดวงตาสองข้างกลมใสเ
“ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแต่งเจ้าเป็นฮองเฮาหรือนำตัวเจ้ามาเป็น มารดา หรือองค์หญิงของข้ากันแน่”หลันเล่อเก็บข้อตกลงฉบับนั้นไว้เสีย“ข้าก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่อเราสองคนบรรลุข้อตกลงแล้วก็ต้อง เดินหน้าต่อไป”ต้าหมิงคุน ส่ายหน้าเกี้ยวถูกหามออกห่างวังหลวงไปเรื่อยๆ ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเข้าครอบงำ หลันเล่อปาดน้ำตาเบือนหน้าหนีกลัวว่าต้าหมิงคุนจะเห็นมัน“ ฝ่าบาทใกล้เข้าเขตช่องแคบที่เป็นอาณาเขตของจอมโจรจิ้งจอกดำแล้ว”“หยุดเกี้ยว”หลันเล่อออกมาสุดอากาศบริสุทธิ์ ถงหมิ่นล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นขนมเปี๊ยะใส่มือให้“ของหวานมักทำให้รื่นเริง”ยิ้มอ่อนโยน“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด”ต้าหมิงคุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นเสียต้าหมิงคุนสั่งการกับทหาร อย่างเข้มงวดจื่อจื่อยื่นถุงน้ำในมือให้กับต้าหมิงคุน แดดอ่อนๆ แต่ทว่าอากาศอบอ้าวยิ่งนักเพราะเป็นพื้นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา“เคลื่อนเกี้ยวได้แล้วช้ากว่ามีจะไม่ทันที่นัดหมายไว้”“นัดหมายนัดหมายอะไรกัน” หลันเล่อถามขึ้นเมื่อได้ยิน ต้าหมิงคุนพูดแบบนั้น“ไม่ใช้ธุระอะไรของเจ้ามานี่”ส่งตัวหลันเล่อในชุดเกราะทหารขึ้นบนหลังม้า ส่วนเขาขึ้นบนหลังม้าอีกตัว มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม
ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่าเสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ
หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ