“ปกป้องตัวเจ้าเองเถิดหลันเล่อ ลี่หลันเล่อ”
อยู่ๆ ก็เผลอเรียกชื่อลี่หลันเล่อออกมาแต่กลับเป็นเพียงเสียงแหบแห้งในลำคอ เขารู้สึกอย่างไรกัน
“ไปดีกว่าข้าจะต้องไปร่างข้อตกลงให้ดีก่อนที่จะยอมไปกับท่านอา เอะก่อนอื่นต้องไปบอกข่าวดีกับอาจารย์ก่อนว่าเราจะได้ไปที่แคว้นหานด้วยกัน”
วิ่งแน่บออกจากห้องไป จื่อจื่อก้าวเข้ามาทันทีจะได้เห็นต้าหมิงคุนถอนหายใจพอดี
“ฝ่าบาทนางน่าเอ็นดูไม่น้อย”
“ข้าไม่ได้รู้สึกอะไร”
น้ำเสียงพยายามปรับไม่ให้เกิดอาการสะดุด
“หากไม่รู้สึกอะไร ที่ผ่านมาฝ่าบาทก็คงรู้สึกผิดในเรื่องของคุณหนูลี่”
“ข้าชดเชยให้นางแล้ว ตามบิดากับมารดานางกลับมาคืนทรัพย์สินและตำแหน่งขุนนางให้ในตอนที่ข้านั่งบัลลังก์ในตำแหน่งฮ่องเต้”
พูดเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดี
“แต่พวกเขาก็ไม่รับมัน อีกทั้งยังร้องไห้ฟูมฟายเมื่อรู้ว่าบุตรีเพียงคนเดียวของพวกเขาทุกข์ทรมานจนตาย”
ต้าหมิงคุนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ จื่อจื่อก้มหน้ารู้สึกผิดที่รื้อฟื้นเรื่องเก่าก่อน
“นางไม่ใช่ลี่หลันเล่อ”
“หรืออาจจะใช่เพียงแค่ เป็นนางที่เป็นคนใหม่ลืมเลือนทุกอย่างไปเสียสิ้นก่อนที่นางจะตาย นางต้องทนทรมานคงไม่อยากจดจำเรื่องเหล่านั้น ข้าน้อยเองอยากจะให้องค์หญิงรองผู้นี้เป็นคุณหนูลี่ ข้าน้อยจะได้คุกเข่าขออภัยกับนางด้วย จื่อจื่อเองก็รู้สึกผิดที่สุดเช่นกัน”
น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอจื่อจื่อยังจำแววตาเจ็บปวดของลี่หลันเล่อได้ดีในวันที่หิมะโปรยปราย กับใบหน้าซีดเผือดที่เดินโซซัดโซเซจากไปทั้งๆที่อากาศหนาวเหน็บหากเขาไม่ใจร้ายอย่างในตอนนั้นนางคงไม่ต้องพบจุดจบ
“ในตอนนั้นเป็นเพราะเมิ่งเม่ยที่ตั้งใจทำให้ข้าเป็นห่วง อีกทั้งยังพบศพของใครที่ทำให้คิดว่าเป็นเมิ่งเม่ย ข้าจึงแค้นเคืองลี่หลันเล่อ หากเมิ่งเม่ยจะกลับมาเร็วกว่านั้น นางก็คงไม่ต้องตาย แต่เรื่องราวมันก็ผ่านไปแล้วเป็นนางหรือไม่ก็ …สะเทือนจิตใจข้าไม่น้อย แต่หากเป็นนาง นางก็ไม่ได้แค้นเคืองข้าอย่างที่ควรจะเป็น”
“สิ่งที่ฝ่าบาททำลงไปเพราะโทสะ ตอนนี้สิ่งที่ฝ่าบาทพยายามทำมาในทุกวันนับว่าเกินพอแล้ว ในทุกปีเมื่อครบรอบวันตายของคุณหนูลี่ฝ่าบาทจะต้องออกไปยืนหน้าหลุมศพของนาง ทั้งวันทั้งคืนไม่กินไม่ดื่มนับว่าเกินกว่าที่ฮ่องเต้ผู้เป็นใหญ่ในใต้หล้าจะกระทำ”
จื่อจื่อปลอบใจ
“เพราะอย่างนั้น เพราะข้าทำกับนางแบบนั้น ข้าจึงไม่อาจครองรักกับเมิ่งเม่ยแม้จะพยายามเพียงใดก็ไม่อาจทำใจให้ครองคู่กับเมิ่งเม่ยได้ เพราะความรักที่นางมอบให้ข้า ซึ่งข้าคิดว่าแค่เพียงความหลงใหลข้าประเมินค่าความรักของนางต่ำเกินไป”
“เมิ่งเม่ยนางเข้าใจดีไม่ได้โกรธเคืองอะไร”
“นางรอข้ามาสิปแปดปีแต่จู่ๆ ข้ากลับจะต้องแต่งฮองเฮา น้องสาวเจ้าจะคิดเช่นไร”
“คงเป็นเรื่องของสวรรค์ องค์หญิงรองเองน่าเอ็นดูเมิ่งเม่ยก็คงไม่รังเกียจนางอีกทั้งนางยังมีใบหน้าเหมือนกับคุณหนูลี่ทั้งสองคนเป็นสหายที่รู้ใจกันมาก่อนสนิทกันเกินกว่าจะเกลียดชัง”
“ข้าเองมีความจำเป็นต้องแต่งนางเป็นฮองเฮาภายใต้ข้อสัญญาไม่ล่วงเกินหรือแตะต้องตัวนาง”
จื่อจื่ออมยิ้ม
“ฝ่าบาทยอมรับข้อตกลงขององค์หญิงจอมซนด้วยหรือ”
พูดไปยิ้มไป
“ไม่อย่างนั้นนางไม่ยอมแต่ง”
จื่อจื่ออดขำเสียไม่ได้นานแค่ไหนแล้วที่ต้าหมิงคุน จะใส่ใจใครเท่ากับองค์หญิงรองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าต้าหมิงคุนยอมนางทั้งๆ ที่จะไม่ยอมก็ได้ไม่อยากแต่งก็แค่บังคับ เหมือนที่เคยทำกับคนอื่นๆ
ที่พำนักของถงหมิ่น
“ซือฟุ ซือฟุ ข้ามีข่าวดี”
กระโดดเข้ามาขวางหน้าถงหมิ่นที่กำลังสวมอาภรณ์ไม่เรียบร้อยเพราะเพิ่งจะแช่น้ำอุ่น ถงหมิ่นส่ายหน้า
“ข่าวดี”
ประชิดตัวซือฟุทันที
“ข้าช่วยท่าน”
“องค์หญิง ข้าเป็นบุรุษท่านเป็น..หญิงงามอีกทั้งยังเป็นถึงองค์หญิง มะ...มะไม่ต้องมาช่วยข้าสวมอาภรณ์”
ยื้อชายเสื้อไว้จากมือของหลันเล่อที่ออกแรงดึงจนร่างสูงล้มลงบนร่างของหลันเล่อเต็มแรง
“อะอะ องค์หญิง”
กอดรวบไว้ ทั้งสองมือกลัวว่าหลันเล่อจะได้รับบาดเจ็บ
“อะอะอาจารย์...”
หลั่นเล่อรีบลุกขึ้น ถงหมิ่นเดินเข้ามาปัดเนื้อปัดตัวให้
“เจ็บไหม”
ไม่เสียหน่อยหลบตาคม
“ไหนบอกว่ามีข่าวดี”
“อือ ข้าเกือบลืมไปเสียแล้ว ฝ่าบาท ไม่สิท่านอาฮ่องเต้แคว้นหานอนุญาตให้อาจารย์กลับไปที่แคว้นหานเพื่ออารักขาข้า”กอดอกยิ้มๆ“อืม นึกว่าเรื่องอะไร”ส่ายหน้าไปมากับท่าทีตื่นเต้นของหลันเล่อ“อ้าวอาจารย์ไม่ตื่นเต้นหรือไร”“จะตื่นเต้นทำไม ก็ข้าไม่ใช่คนของเผ่าปาเอ่อถัว จะมาจะไปก็ง่ายดายอีกอย่างข้าเกิดที่แคว้นหาน ทุกซอกทุกมุมรู้ไปหมดไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่ จะตื่นเต้นก็ตรงที่ไปครั้งนี้มีเจ้าไปด้วย แต่ก็อีกนั่นล่ะเจ้ามันตัวป่วนจะต้องทำข้าหนักใจแน่”“อาจารย์ข้าแต่งไปเป็นฮองเฮาเชียวนะ” ถงหมิ่นหุบยิ้มแววตาเศร้าสร้อย จริงสิเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นหานและเผ่าปาเอ่อถัว ในเมื่อฮ่องเต้หลันเซ่อมอบอำนาจทั้งหมดให้หลันตี้ผู้ยโสเกรงว่าความสัมพันธ์คงไม่งดงาม เพราะพระสนมลู่ฟางก็เป็นเพียงแค่แม่เลี้ยงอีกทั้งหลันตี้ฝักใฝ่ไปทางฮองเฮาเข้าทางแคว้นใต้และยังมีลับลมคมในกับจอมโจรจิ้งจอกดำ“ยินดีด้วย”เอ่ยได้เพียงเท่านั้น เพราะในใจเจ็บแปลบจนไม่อาจมีคำกล่าวใดขบวนเสด็จจาก เผ่าปาเอ่อถัวกำลังจะเคลื่อนออกจากเผ่าปาเอ่อถัว ฮองเฮาปาดน้ำตายืนมองใบหน้างดงามของหลันเล่อที่ปราศจากทุกข์ดวงตาสองข้างกลมใสเ
“ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแต่งเจ้าเป็นฮองเฮาหรือนำตัวเจ้ามาเป็น มารดา หรือองค์หญิงของข้ากันแน่”หลันเล่อเก็บข้อตกลงฉบับนั้นไว้เสีย“ข้าก็ไม่ได้อยากมา แต่ในเมื่อเราสองคนบรรลุข้อตกลงแล้วก็ต้อง เดินหน้าต่อไป”ต้าหมิงคุน ส่ายหน้าเกี้ยวถูกหามออกห่างวังหลวงไปเรื่อยๆ ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเข้าครอบงำ หลันเล่อปาดน้ำตาเบือนหน้าหนีกลัวว่าต้าหมิงคุนจะเห็นมัน“ ฝ่าบาทใกล้เข้าเขตช่องแคบที่เป็นอาณาเขตของจอมโจรจิ้งจอกดำแล้ว”“หยุดเกี้ยว”หลันเล่อออกมาสุดอากาศบริสุทธิ์ ถงหมิ่นล้วงเข้าไปในอกเสื้อยื่นขนมเปี๊ยะใส่มือให้“ของหวานมักทำให้รื่นเริง”ยิ้มอ่อนโยน“อาจารย์รู้ใจข้าที่สุด”ต้าหมิงคุนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นเสียต้าหมิงคุนสั่งการกับทหาร อย่างเข้มงวดจื่อจื่อยื่นถุงน้ำในมือให้กับต้าหมิงคุน แดดอ่อนๆ แต่ทว่าอากาศอบอ้าวยิ่งนักเพราะเป็นพื้นทะเลทรายสุดลูกหูลูกตา“เคลื่อนเกี้ยวได้แล้วช้ากว่ามีจะไม่ทันที่นัดหมายไว้”“นัดหมายนัดหมายอะไรกัน” หลันเล่อถามขึ้นเมื่อได้ยิน ต้าหมิงคุนพูดแบบนั้น“ไม่ใช้ธุระอะไรของเจ้ามานี่”ส่งตัวหลันเล่อในชุดเกราะทหารขึ้นบนหลังม้า ส่วนเขาขึ้นบนหลังม้าอีกตัว มือข้างหนึ่งจับบังเหียนม
ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่าเสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยวเบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ
หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ
เดินนำลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำ นางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเรื่องใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”ต้าหมิงคุนหันหน้ามามองร่างบางของเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตา รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านเลยมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน” หูอื้อตาลาย ในช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืด ต้าหมิงคุนไม่มองพลุสว่างนั้นแต่กลับมองใบหน้างดงามของเมิ่งเม่ย ส่วนลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าหมิงคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน“คุณหนูบ้านถัง ข้าช่างมีวาสนาได้พบเจ้า”จื่อจื่อยืนห่างออกไปยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนเคียงข้างไท่จือ ลี่หลันเล่อก้มหน้านิ่งเมื่อต้าหมิงคุนไม่แม้แต่จะชายตามองลี่หลันเล่อแม้แต่เพียงน้อยนิดดึงอาภรณ์สำรวจตัวเอง ลี่หลันเล่อในอาภรณ์คล้ายบุรุษ เกล้าผมในแบบบุรุษ ไร้การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพียงเพื่อต้องการปกป้องเมิ่งเม่ยในเมื่อเมิ่งเม่ยมักจะถูกทางบ้านเข้มงวดให้อยู่ในก
น้ำตาที่ไหลรินหาใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความอาดรู และเสียใจอย่างที่สุด“ไท่จือหักห้ามใจเสียเถิด”หยางซานชิงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลริน เขาตั้งใจมาช่วยนาง แต่ในเมื่อเขามาแล้วทำไมนางจึงไม่รอเขา“ต้าหมิงคุน ข้าจะไม่มีทางอภัยให้คนอย่างเจ้า”ทุบกำปั้นลงบนพื้นดิน จนมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนจะอุ้มร่างไร้วิญญาณของลี่หลันเล่อไว้ในอ้อมแขน แต่“ปล่อยร่างของคุณหนูลี่ไว้ตรงนั้นแล้วท่านไปเสียหยางซานชิงไท่จือ”จื่อจื่อมาพร้อมกับดาบในมือ หยางซานชิงยิ้มหยัน“นางตายแล้วพวกเจ้าก็ไม่ละเว้นนาง ยังจะเอาร่างไร้วิญญาณของนางไปทรมานหรือไร”จื่อจื่อขยับเข้าใส่พร้อมกับหทารที่รายล้อม ทั้งๆที่หยางซานชิงมีเพียงสองคนกับองครักษ์เท่านั้น“วางร่างคุณหนูลี่ลง แล้วท่านรีบไปไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าใจร้ายก็ไม่ถูก”“จื่อจื่อปล่อยข้าไปเสีย ได้โปรดข้าจะพานางไปที่แค้วนใต้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก”ยอมลงทุนขอร้อง ทว่าจื่อจื่อกับพุ่งเข้าใส่ในทันที ตู้กู้องครักษ์ของหยางซานชิงใช้กระบี่ในมือกางกั้นคมดาบของจื่อจื่อไว้“เจ้าไม่ได้เห็นนางมีค่าปล่อยนางให้ข้าเสีย”“ไท่จือบัญชาให้ข้านำศพนางกลับไปก็จะต้องนำนางกลับไป”“เพื่อสิ่งใดกั
ยิ้มเศร้าๆในเมื่อเขาอดที่จะคิดถึงลี่หลันเล่อคนนั้นเสียไม่ได้“ปล่อยข้า ไร้ยางอาย เจ้าเป็นสตรีเช่นไรจึงถูกเนื้อต้องตัวบุรุษได้อย่างไร้ยางอายเช่นนี้”แกะมือลี่หลันเล่ออกจากเอวหนาของเขาทั้งๆ ที่รู้สึกใจสั่นเช่นกัน“ไท่จือท่าน บอกข้ามาก่อนท่านรู้สึกอย่างไรกับข้าบอกข้ามาแล้วข้าจะตัดใจเสีย หากไม่ชอบก็บอกมาหรือหากว่า มีใจกับข้า…ก็แค่เพียงดีกับข้าบ้าง”ช่างใจกล้าเสียจริง หญิงที่ดีเช่นไรจึงกล้าเอ่ยปากถามบุรุษเรื่องความรู้สึกที่มีต่อนาง“ข้า ไม่เคยคิดอะไรกับ คนอย่างเจ้า”หลันเล่อนิ่งงัน เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างไม่ยอมปล่อยอ้อมกอด“เช่นนั้นขอเพียงได้ซบหน้าร้องไห้…. ก็พอ”ต้าหมิงคุนรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ที่แผ่นหลังเขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“ไปเสีย เจ้าไม่ควรมาเสแสร้งในเมื่อไม่ว่าเจ้าจะเสแสร้งอย่างไรข้าก็รู้ทันสิ่งที่เจ้าทำ”ลี่หลันเล่อปล่อยอ้อมแขนออกง่ายดาย เงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองต้าหมิงคุน หันหลังวิ่งออกจากตรงนั้นไปในทันที“ไท่จือท่านปลอดภัยหรือไม่”องครักษ์ข้างกายประสานมือ“ปลอดภัย กลับแคว้นใต้เดี๋ยวนี้ ข้ามีเรื่องเร่งด่วนจะต้องทำ”“เรื่องใดกันไท่จือบอกว่าจะต้องชิง