หลันเล่อตอบรัวเร็ว“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน” ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราว
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มบางๆ“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกลับเข้ามาเสียก่อน“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือหลันเล่อถอนหายใจ“อาจารย์ระวังตัวด้วย”“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเหียนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว” ถงหมิ่นยิ้มรับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด“รีบไปได้แล้วรีบไ
เดินนำลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำ นางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเรื่องใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”ต้าหมิงคุนหันหน้ามามองร่างบางของเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตา รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านเลยมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน” หูอื้อตาลาย ในช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืด ต้าหมิงคุนไม่มองพลุสว่างนั้นแต่กลับมองใบหน้างดงามของเมิ่งเม่ย ส่วนลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าหมิงคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน“คุณหนูบ้านถัง ข้าช่างมีวาสนาได้พบเจ้า”จื่อจื่อยืนห่างออกไปยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนเคียงข้างไท่จือ ลี่หลันเล่อก้มหน้านิ่งเมื่อต้าหมิงคุนไม่แม้แต่จะชายตามองลี่หลันเล่อแม้แต่เพียงน้อยนิดดึงอาภรณ์สำรวจตัวเอง ลี่หลันเล่อในอาภรณ์คล้ายบุรุษ เกล้าผมในแบบบุรุษ ไร้การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพียงเพื่อต้องการปกป้องเมิ่งเม่ยในเมื่อเมิ่งเม่ยมักจะถูกทางบ้านเข้มงวดให้อยู่ในก
น้ำตาที่ไหลรินหาใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความอาดรู และเสียใจอย่างที่สุด“ไท่จือหักห้ามใจเสียเถิด”หยางซานชิงคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลริน เขาตั้งใจมาช่วยนาง แต่ในเมื่อเขามาแล้วทำไมนางจึงไม่รอเขา“ต้าหมิงคุน ข้าจะไม่มีทางอภัยให้คนอย่างเจ้า”ทุบกำปั้นลงบนพื้นดิน จนมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ก่อนจะอุ้มร่างไร้วิญญาณของลี่หลันเล่อไว้ในอ้อมแขน แต่“ปล่อยร่างของคุณหนูลี่ไว้ตรงนั้นแล้วท่านไปเสียหยางซานชิงไท่จือ”จื่อจื่อมาพร้อมกับดาบในมือ หยางซานชิงยิ้มหยัน“นางตายแล้วพวกเจ้าก็ไม่ละเว้นนาง ยังจะเอาร่างไร้วิญญาณของนางไปทรมานหรือไร”จื่อจื่อขยับเข้าใส่พร้อมกับหทารที่รายล้อม ทั้งๆที่หยางซานชิงมีเพียงสองคนกับองครักษ์เท่านั้น“วางร่างคุณหนูลี่ลง แล้วท่านรีบไปไม่อย่างนั้นจะหาว่าข้าใจร้ายก็ไม่ถูก”“จื่อจื่อปล่อยข้าไปเสีย ได้โปรดข้าจะพานางไปที่แค้วนใต้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก”ยอมลงทุนขอร้อง ทว่าจื่อจื่อกับพุ่งเข้าใส่ในทันที ตู้กู้องครักษ์ของหยางซานชิงใช้กระบี่ในมือกางกั้นคมดาบของจื่อจื่อไว้“เจ้าไม่ได้เห็นนางมีค่าปล่อยนางให้ข้าเสีย”“ไท่จือบัญชาให้ข้านำศพนางกลับไปก็จะต้องนำนางกลับไป”“เพื่อสิ่งใดกั
ยิ้มเศร้าๆในเมื่อเขาอดที่จะคิดถึงลี่หลันเล่อคนนั้นเสียไม่ได้“ปล่อยข้า ไร้ยางอาย เจ้าเป็นสตรีเช่นไรจึงถูกเนื้อต้องตัวบุรุษได้อย่างไร้ยางอายเช่นนี้”แกะมือลี่หลันเล่ออกจากเอวหนาของเขาทั้งๆ ที่รู้สึกใจสั่นเช่นกัน“ไท่จือท่าน บอกข้ามาก่อนท่านรู้สึกอย่างไรกับข้าบอกข้ามาแล้วข้าจะตัดใจเสีย หากไม่ชอบก็บอกมาหรือหากว่า มีใจกับข้า…ก็แค่เพียงดีกับข้าบ้าง”ช่างใจกล้าเสียจริง หญิงที่ดีเช่นไรจึงกล้าเอ่ยปากถามบุรุษเรื่องความรู้สึกที่มีต่อนาง“ข้า ไม่เคยคิดอะไรกับ คนอย่างเจ้า”หลันเล่อนิ่งงัน เหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ซบหน้าลงบนแผ่นหลังกว้างไม่ยอมปล่อยอ้อมกอด“เช่นนั้นขอเพียงได้ซบหน้าร้องไห้…. ก็พอ”ต้าหมิงคุนรู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ที่แผ่นหลังเขากลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“ไปเสีย เจ้าไม่ควรมาเสแสร้งในเมื่อไม่ว่าเจ้าจะเสแสร้งอย่างไรข้าก็รู้ทันสิ่งที่เจ้าทำ”ลี่หลันเล่อปล่อยอ้อมแขนออกง่ายดาย เงยหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นมองต้าหมิงคุน หันหลังวิ่งออกจากตรงนั้นไปในทันที“ไท่จือท่านปลอดภัยหรือไม่”องครักษ์ข้างกายประสานมือ“ปลอดภัย กลับแคว้นใต้เดี๋ยวนี้ ข้ามีเรื่องเร่งด่วนจะต้องทำ”“เรื่องใดกันไท่จือบอกว่าจะต้องชิง
หลันเล่อหันซ้ายทีขวาที“ข้าหิวแล้วกินก่อนได้ไหม”หยิบซาลาเปามายัดเข้าไปในปาก หานจงดึงซาลาเปาไว้ได้ทัน“ยานี่ยังไม่ได้เคี่ยวแล้วจะต้องกินยาก่อนอาหาร องค์หญิงท่านจะต้องอดทน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ชาวปาเอ่อถัวได้ชื่อว่ามีความอดทนยิ่ง”หลันเล่อยืดอกยิ้มกว้าง“แน่นอนอยู่แล้ว ชาวปาเอ่อถัวไม่ได้อ่อนแอเพียงนั้น”ยอมหันหลังให้ซาเปาเสีย ต้าหมิงคุนเบือนหน้าหนีกลัวว่าหลันเล่อจะเห็นรอยยิ้มหานจงถือสนมุนไพรไปยังกองไฟก่อนจะลงมือเคี่ยวยา“ท่านอาฝ่าบาท”ต้าหมิงคุนกำลังจะก้าวขาจากไป“มีสิ่งใดอีก”“ท่านอาหิวจนตาลายทำไมไม่กินเสียก่อน นี่มันเลยเวลาเที่ยงมาเกือบชั่วยามแล้ว”“เจ้าอดข้าอด ข้ากินอวดเจ้า เจ้าจะยอมทนอดได้หรือ”หลันเล่อยิ้มกว้าง“เช่นนั้นข้าคิดว่าเราไม่ควรกินยาในตอนนี้ไว้เย็นค่อยกินทีเดียว ตอนนี้กินซาลาเปาก่อน”ต้าหมิงคุนรู้ทันอาการบ่ายเบี่ยงของหลันเล่อ“บอกมาเจ้าตั้งใจจะไม่กินยาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ที่พูดมาทั้งหมดเพราะไม่อยากดื่มยา”“โสมซานซีนั่นข้ารู้จักมันดี มีรสเฝื่อนข้าไม่ค่อยจะชอบรสชาติของมัน ข้าหลักแหลมเพียงนี้รู้จักวิเคราะห์ ท่านอายังกล้าแดกดันข้าอีกหรือ”ต้าหมิงคุนถอนหายใจ“ไม่ชอบก็ต้องกิน
หานจงยกมือขึ้นกุมท้อง เกือบจะปล่อยยาในถ้วยร่วงหลุดมือ“องค์หญิงรองเจ้านี่แน่จริงๆ ข้านับถือเจ้ายิ่งนัก จัดการพยัคฆ์ร้ายจน กลายเป็นแมวมิน่าล่ะ ใบหน้าโหดเหี้ยมของเขาเลยกลายเป็นจืดชืดไปเสียเพราะเจ้านี่เองที่เป็นต้นเหตุ” ต้าหมิงคุนที่ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าช่างโหดร้าย และเย็นชาที่สุดแต่กลับมาถูกองค์หญิงรองจับตัดเขี้ยวเล็บเสียสิ้น“เจ้าวางใจได้รับรองข้าไม่บอกใคร”หานจง ซ่อนยิ้มก่อนจะส่งถ้วยยาในมือให้ หลันเล่อเบือนหน้าหนี“ขมไหม”“ไม่ขม แค่เฝื่อนๆ ”ยิ้มแหย๋ๆ“ข้ารอมันเย็นก่อนจะดีไหม”“เย็นเกินไปมันจะรสชาติแย่ ดื่มเสียตอนนี้อีกอย่างเจ้าชวนข้าคุยจนมันหายร้อนไปแล้ว”ยิ้มด้วยความเอ็นดู“ข้า ๆๆ ”ต้าหมิงคุน มาตอนไหนดึงถ้วยยากระดกจนหมดถ้วยก่อนจะสอดมือเข้าที่ท้ายทอยของหลันเล่อดึงร่างบางแนบชิดกดริมฝีปากส่งยาอุ่นๆ เข้าไปในปาก หลันเล่อเบิกตาโพลงอ้าปากค้างตกตะลึงจนลืมว่าจะต้องทำอย่างไร หานจงเบือนหน้าหนีเสีย“อือ ๆๆๆ ปะปล่อย”ผลักร่างสูงออกห่าง“ท่านอา ฝ่าบาท ท่านผิดสัญญา”“ไม่ใช่สัญญาแค่ข้อตกลง เจ้าเตรียมไปร่างข้อตกลงเพิ่มในบรรทัดท้ายสุด ภายใต้ข้อกำหนดว่า ข้าจะยินดีทำตามข้อตกลงหากเจ้าไม่ดื้อด้าน
ขุนศึกร่างใหญ่เหลือบตามองหลันเล่อ“น้อมบัญชาฝ่าบาท”เกี้ยวใหญ่เคลื่อนออกจากที่พำนักไปทันทีตามด้วยเหล่าทหารมากมาย“ท่านอา หากถึงวังหลวงแคว้นหานท่านยังจะต้องส่งคนอารักขาข้าแบบนี้หรือไม่”“ เจ้าถามทำไมกัน”“ข้าก็แค่อยากจะมีอิสระได้เที่ยวชมแค้วนหานตามใจ ความจริงมีเพียงอาจารย์ข้าก็คิดว่าน่าจะพอแล้ว”“ยังไม่ทันจะถึงแคว้นหานเจ้าก็ตั้งใจจะหนีออกนอกวังหลวง ข้าไม่แปลกใจเลยที่ค่ำคืนนั้นเจ้าพบข้า จำไว้ที่แคว้นหาน หญิงงามหรือผู้คนในวังหลวงเราไม่นิยมออกเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน”ยกมือขึ้นเท้าคางรอฟังต้าหมิงคุนอธิบายด้วยสายตาใคร่รู้ต้าหมิงคุนกลับเงียบเสีย“ท่านอาฝ่าบาท ท่านมีเรื่องใดจะสั่งสอนข้าอีกโปรดบอกหลันเล่อก่อนที่จะถึงแคว้นหาน หลันเล่อจะได้ซึมซับไว้แล้วค่อยๆ เรียนรู้” ต้าหมิงคุนผลักหน้าขาวผากเบาๆ“อย่าทำเป็นใส่ใจ ข้ารู้ดีว่าเจ้าเพียงแค่แสร้งทำใส่ใจ ความจริงตั้งใจหาทางที่จะหลบเลี่ยงกฎระเบียบของวังหลวงแคว้นหาน”“ว้า ท่านอาฝ่าบาทรู้ได้อย่างไร หลันเล่ออุตส่าห์แสร้งทำเป็นตั้งใจฟัง”“ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายขวบปี เรื่องเหล่านี้ข้าเคยทำมาก่อนเจ้า”“เห็นไหมเล่า ท่านอาก็ยังเคยทำแล้วจะมาห้ามข้าทำไมกัน”“ห้ามเ