แชร์

บทที่ 12

ผู้แต่ง: คุณชายฝูซู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-19 15:40:28
นางพุ่งเข้าไปหมายจะแย่งเสื้อชั้นในมา เขาพลันยกมือขึ้น นางจึงชนกับอ้อมอกของเขาทันที

ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ ได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจเต้นของเขา

เมื่อเห็นดวงหน้าหล่อเหลาราวกับหยกดวงนั้น อวิ๋นหลีก็รู้สึกลนลาน เสียงคล้ายกับไม่มีความมั่นใจแล้ว “เจ้า...คืนให้ข้านะ!”

อวิ๋นหลีตกตะลึงกับความไร้ยางอายของเขาแล้ว

นางยังไม่ทันได้คิดบัญชีก็ตกใจกับคำพูดถัดไปของเขาจนอึ้งอยู่กับที่ “เมื่อครู่นี้เจ้าคิดจะหลบหนีสินะ? ข้าแนะนำว่าทางที่ดีเจ้าล้มเลิกความคิดนี้เสีย! ข้าวางกับดักไว้ในรัศมีสิบลี้แล้ว ต่อให้ออกจากบ้าน ไม่นานก็จะถูกจับตัวกลับมาอยู่ดี!”

นับว่าเขาช่างโหดเหี้ยม!

อวิ๋นหลีไม่คิดจะเสแสร้งแล้วเช่นกัน ก่อนจะเผยความจริงออกมาตรง ๆ

“ข้าไม่เคยรู้จักเจ้ามาก่อน เหตุใดต้องอยู่ร่วมเล่นละครกับเจ้าด้วย? เห็นใบหน้านี้ของข้าแล้ว เจ้าไม่กลัวฝันร้ายตอนกลางคืนหรือ?”

หรงเหยี่ยนมองนางอยู่พักใหญ่แล้วค่อยกล่าวว่า “ข้าไม่รังเกียจเจ้า!”

อวิ๋นหลี “...”

แม้แต่ตัวนางเองเห็นใบหน้านี้แล้วก็ยังอยากอาเจียน เขาจะต้องมีรสนิยมแปลกมากเพียงใด?

สวรรค์ประทานโฉมหน้าหล่อเหลาอย่างยิ่งยวดให้เขา แต่ลืมมอบรสนิยมกับสมองให้เขาหรือ?

แต่นางกลับไม่รู้ความคิดในใจของชายหนุ่ม

สี่ปีที่แล้ว เขาไม่อาจรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่ตนเองก่อขึ้น จึงรู้สึกผิดอยู่ในใจเสมอ

ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่ออวี้เป่า คืนนั้นเขาเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของนาง สมควรมอบคำอธิบายให้นาง

อวิ๋นหลีถูกสายตาของจับจ้องจนหนาวไปทั่วทั้งตัว ยิ่งคิดว่าที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน

นางได้แต่อ้างเหตุผลไปเรื่อยว่า “ความจริงข้าต้องการจากไปเพื่อที่จะแก้แค้น! ตำหนักหมิงเย่สังหารศิษย์ในสำนัก สังหารอาจารย์ของข้า ข้าจะนิ่งดูดายได้อย่างไร ข้าจะต้องให้พวกมันชดใช้ให้จงได้!”

คนทั่วไปได้ยินคำว่าตำหนักหมิงเย่คงจะต้องตกใจจนหน้าซีด

ชายหนุ่มสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างที่คิดไว้จริง ๆ “ยอดฝีมือของตำหนักหมิงเย่มีอยู่มากมาย หากเจ้าไปก็เป็นการรนหาที่ตาย”

อย่างที่คิดไว้เลย...กลัวแล้วสินะ!

“ข้าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง!”

อวิ๋นหลีอดตกใจไม่ได้ “เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร?”

“เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด!”

นัยน์ตาทะมึนฉายแววอำมหิตกระหายเลือด แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น

อวิ๋นหลียิ่งตกตะลึงมากขึ้น

เมื่อคนทั่วไปได้ยินคำว่า ‘ตำหนักหมิงเย่’ ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หน้าถอดสี มองว่ามันเป็นภัยใหญ่หลวงดั่งน้ำหลากหรือสัตว์ร้าย ต้องรีบหลีกหนีมันเพราะกลัวว่าจะไม่ทันกาล

แต่เขากลับกล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา พูดลองดีกับตำหนักหมิงเย่อย่างโจ่งแจ้ง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เมื่อรู้ว่านางเกิดความหวาดระแวง หรงเหยี่ยนก็ไม่มีเจตนาปิดบัง เพียงแต่จ้องมองนางนิ่ง ๆ

“เจ้าแค่ต้องเชื่อว่าข้ามีความสามารถแบบนี้ก็พอ!”

อวิ๋นหลี “...”

หากปล่อยให้เขารู้ว่าตนเป็นพวกเดียวกับตำหนักหมิงเย่ เขาจะกำจัดแม้กระทั่งนางไปด้วยหรือไม่?

ไม่ได้นะ จะต้องทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ให้ได้!

“คือว่า...จู่ ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าตำหนักหมิงเย่ไม่มีความแค้นกับอาจารย์ของข้า พวกเขารับเงินแล้วทำตามคำสั่งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ถือว่าไม่ผิด! คนที่น่าชิงชังที่แท้จริงคือผู้บงการเบื้องหลังที่จ้างพวกเขา มีเพียงสังหารเขาเท่านั้นถึงจะเซ่นไหว้ดวงวิญญาณของคนในสำนักข้าบนสวรรค์ได้!”

“เจ้ารู้หรือว่าคนผู้นั้นเป็นใคร?”

อวิ๋นหลีย่อมรู้ และแค้นนามของคนผู้นั้นเข้ากระดูกดำ

แต่นางมีความจำเป็นอะไรต้องบอกเขา?

เขาซ่อนฐานะของตนเองอย่างลึกลับถึงเพียงนี้ จึงไม่คู่ควรให้ไว้วางใจได้เลย!

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องการแก้แค้นเช่นนี้ลงมือด้วยตัวเองถึงจะสะใจกว่า!

“ท่านอาจารย์บอกข้าก่อนจะสิ้นลมแค่ว่าคนผู้นี้มีอำนาจอิทธิพลที่มั่งคงและหยั่งรากฝังลึกในราชสำนัก ตำแหน่งไม่มีทางสั่นคลอน จึงห้ามข้าไม่ให้พาตัวเองไปตกอยู่ในอันตรายเพื่อการแก้แค้นเป็นอันขาด ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจว่าจะเข้าเมืองก่อน แล้วค่อย ๆ สืบข่าวคราวอีกที”

อวิ๋นหลีคิดว่าตอนนี้เขาควรรู้จักถอยเพราะความยากลำบากแล้วกระมัง!

ยุทธภพกับราชสำนักไม่เคยก้าวก่ายซึ่งกันและกันมาโดยตลอด ต่อให้เขาสามารถต่อกรกับตำหนักหมิงเย่ได้จริง ๆ แต่อำนาจของราชสำนักไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถยุ่งเกี่ยวได้ง่าย ๆ

ทว่านางกลับประเมินระดับวิญญาณตามติดของคนบางคนต่ำไป

“บังเอิญเลย ข้าก็จะเข้าเมืองพอดี เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด!”

ระหว่างทางกลับเมืองหลวง

อวิ๋นหลีรู้สึกอึดอัดมานาน ในที่สุดก็อดไม่ไหวเอ่ยปากถามออกมาว่า “เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าไปเซิ่งจิงเพื่อทำอะไรกันแน่?”

“แก้แค้น!” ชายหนุ่มมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยสองคำนี้ออกมา

อวิ๋นหลีอดไม่ไหวเกิดความคิดอยากซุบซิบนินทาขึ้นมา “ศัตรูของเจ้าก็อยู่ในเซิ่งจิงหรือ? เป็นใครกันเล่า?”

“คนผู้นั้น...มียศถาบรรดาศักดิ์ หยั่งรากฝังลึกในราชสำนัก มีพรรคพวกมากมาย ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้”

เหตุใดคำพูดนี้ถึงฟังดูคุ้นหูเพียงนี้นะ?

ใกล้เคียงกับคำพูดที่นางบอกเขาก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ?

อวิ๋นหลี่คิดว่าเขาจงใจแกล้งหยอกนาง จึงถลึงตาใส่เขาทันที “ไร้สาระ!”

“ไม่เชื่อก็ช่างเถิด!” ชายหนุ่มหลุบตาลงอย่างเฉยเมย เก็บงำไอสังหารอันเย็นชาที่อยู่ในก้นบึ้งของดวงตา

ปีนั้นคนผู้นั้นทำร้ายพวกนางแม่ลูก คนผู้หนึ่งต้องเสียชีวิตตั้งแต่ยังเยาว์วัย ส่วนอวี้เอ๋อร์เกิดมาก็มีโรคหัวใจ

เรื่องนี้ เขาจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?

การมาแคว้นเหลียงในครั้งนี้ เขามีเป้าหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการแก้แค้น!

อวิ๋นหลีย่อมไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขา นางคิดเพียงว่าอยากไปจากที่นี่เร็ว ๆ

ก่อนออกเดินทาง นางทิ้งสัญลักษณ์ไว้ในเรือนแล้ว

หากฉียวนรอนางไม่ไหว เขาจะต้องมาหาที่นี่อย่างแน่นอน

ยังมีคนอื่น ๆ อีก นางได้ส่งจดหมายไปบอกแล้วว่าไปเจอกันที่เซิ่งจิง!

ทุกวันนี้ภายในเซิ่งจิง มีเพียงสองเรื่องที่ถูกผู้คนพูดถึงกันมากที่สุด

เรื่องแรกคือ หลายวันก่อนพระชายาอันอ๋องให้กำเนิดบุตรแห่งนิมิตรมงคล

เรื่องที่สองคือ รัชทายาทแคว้นเยี่ยนจะเสด็จมาในอีกสองวันข้างหน้า ฮ่องเต้ทรงเตรียมนำบรรดาขุนนางออกจากเมืองไปต้อนรับ

อวิ๋นหลีฟังบทสนทนาเหล่านี้ในรถม้าแล้วอดถอนหายใจไม่ได้ “หลายปีก่อนรัชทายาทแคว้นเยี่ยนพระองค์นั้นเป็นตัวประกันอยู่ในแคว้นเหลียง ย่างกรายลำบาก ราวกับเหยียบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบาง ๆ ผ่านไปแค่สี่ปีสั้น ๆ ก็กลับมาเรืองอำนาจ ทุกคนย่อมมีคราวโชคดีของตัวเองจริง ๆ!”

ชายหนุ่มที่หลับตางีบพลันลืมตาขึ้นมา “เจ้ารู้จักเขาหรือ?”

“เอ่อ...แค่ได้ยินมา...”

ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม นางเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการกระทำของคนผู้นั้นจากเซียวเยี่ยนถิงอยู่หลายครั้ง

แคว้นเยี่ยนในตอนนั้นพ่ายแพ้สงคราม ฮ่องเต้โง่เขลาไร้ความสามารถ ถึงขนาดส่งพระโอรสที่ประสูติจากฮองเฮามา

ตัวประกันที่ส่งมาหลังจากพ่ายแพ้ในการศึกจะได้รับการปฏิบัติที่ดีอะไรได้?

หลังจากที่เขากลับแคว้น เขาก็กวาดล้างผู้เห็นต่างได้ในคราวเดียว ก่อนจะปลดรัชทายาท ส่วนตนเองก็กลายเป็นมกุฎราชกุมาร

แม้ว่าไม่มีตำแหน่งสืบทอดอย่างเป็นทางการ แต่อำนาจแคว้นเยี่ยนอยู่ในมือของเขาแล้ว ทุกคนล้วนเชื่อฟังคำสั่งของเขา อีกทั้งยังสามารถทำให้แคว้นเยี่ยนโดดเด่นขึ้นเหนือสี่แคว้นได้ภายในไม่กี่ปีสั้น ๆ หากไม่มีความกล้าหาญและเล่ห์เหลี่ยมสักนิดจะทำได้อย่างไร?

หรงเหยี่ยนฟังเรื่องราวพวกนี้ที่นางกล่าวออกมา ดวงตาก็ฉายแววขบขันเล็กน้อย

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพระองค์เป็นอย่างไร?”

“เป็นคนเด็ดขาด แต่ว่าเลือดเย็นไร้มโนธรรม กระหายเลือด แม้แต่บิดาและพี่ชายของตนเองก็ไม่ละเว้น คนเช่นนี้ข้าย่อมต้องเคารพแต่ไม่ขออยู่ใกล้เสียดีกว่า!”

ในใจของอวิ๋นหลี นางจัดให้เขาอยู่ในประเภทเดียวกับเซียวเยี่ยนถิงแล้ว

“หนำซ้ำยังมีเรื่องในอดีตของเขากับองค์หญิงหนีฉางอีก ตอนนั้นไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าสตรีผู้หนึ่งลุ่มหลงในตัวเขาถึงเพียงนี้ ต่อให้ไม่ชอบจริง ๆ ก็ไม่อาจทำให้นางสิ้นหวังจนจิตใจแตกสลายขนาดนี้ได้! องค์หญิงดี ๆ หนึ่งคนต้องตกอับถึงขั้นออกบวช เพียงพอที่จะเห็นได้ว่าคนผู้นี้แล้งน้ำใจมากเพียงใด!”

นางสนใจแค่ตนเองและพูดอย่างตรงไปตรงมา จู่ ๆ ก็สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิรอบ ๆ ลดลง

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบสายตาเย็นชาไม่เป็นมิตรของเขา

นางรู้สึกงุนงงเล็กน้อยทันที “ข้าไม่ได้พูดถึงเจ้า เจ้าโกรธอะไร?”

“พูดจาเหลวไหล!”

“...”

เขาคงไม่ได้เคยทำเรื่องเช่นนี้มาก่อน ถึงได้อับอายจนโกรธหรอกกระมัง!

หลังจากเข้าเมืองแล้ว พวกเขาไปหาที่พักในโรงเตี๊ยมสักแห่งก่อน

เจ้าหมอนี่ก็ใจป้ำ เหมาทั้งโรงเตี๊ยมไว้เลย

อวิ๋นหลีลอบจดจำแผนผังของที่นี่ไว้ วางแผนในใจว่าควรจะหลบหนีอย่างไร

เวลานี้เอง ชายหนุ่มกลับนำข่าวหนึ่งที่ทำให้ใจเต้นมาให้นาง

“ข้าต้องจากไปชั่วคราวสักสองวัน เจ้ากับพวกเด็ก ๆ อยู่ที่นี่ไปก่อน อย่าเพ่นพ่าน! อีกสองวันให้หลังข้าจะมารับพวกเจ้า!”

อวิ๋นหลีแทบจะหัวเราะออกมา ก่อนจะพยักหน้าทันที “เจ้าไปอย่างสบายใจเถิด พวกข้าจะทำตัวเป็นเด็กดีแน่นอน!”

หรงเหยี่ยนจะมองความคิดเจ้าเล่ห์ของนางไม่ออกได้อย่างไร จึงเอ่ยเปิดเผยตรง ๆ ว่า “ข้าจะให้จุยอวิ๋นกับจู๋เยว่อยู่ที่นี่ และยังมีชิงอวี้กับชิงเหยาคอยติดตามรับใช้ ด้านนอกก็มีองครักษ์ลับเฝ้าอยู่นับไม่ถ้วนเพื่อรับรองความปลอดภัยของพวกเจ้า!”

ความหมายก็คือ ให้นางไม่ต้องเสียแรงเปล่า เลิกคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด!

เป็นไปตามที่คาดไว้ ดวงหน้าเล็กนั้นดูห่อเหี่ยวเล็กน้อยทันที

เขาอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้ อารมณ์ดีมากขึ้นมาฉับพลัน

หลังจากที่กำชับเรื่องสำคัญบางอย่างเสร็จแล้ว เขาก็ออกไปจากที่นี่

อวิ๋นหลีนอนอยู่บนเตียงอย่างเบื่อหน่ายสุดขีด ครุ่นคิดวิธีการหนี

แต่ทันทีที่นางออกจากห้อง สาวใช้สองคนนั้นก็จะปรากฏตัว ถามนางว่ามีอะไรจะสั่ง

พวกนางเป็นสาวใช้ที่ช่วยนางอาบน้ำในวันนั้น คนหนึ่งชื่อชิงอวี้ อีกคนชื่อชิงเหยา

หากนางบอกว่าจะลงไปเดินข้างล่าง พวกนางย่อมต้องติดตามนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว

นอกจากนี้ ยังมีจุยอวิ๋นกับจู๋เยว่

พวกเขาโดนยาสลายเอ็นของนาง จึงระมัดระวังนางมาก มักจะรักษาระยะห่างที่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่เสมอ ทำให้นางไม่มีโอกาสแม้แต่จะลงมือ

หากนางอยู่เพียงลำพัง ยังสามารถเสี่ยงทุ่มสุดตัวได้ ทว่ายังมีเด็กอีกสองคน นางไม่กล้าเดิมพัน!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 13

    เพลิงขนาดใหญ่ลุกไหม้ตลอดทั้งคืน หุบเขานักปราชญ์แห่งการแพทย์ในเวลานี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ซากกระดูกที่ไหม้จนเป็นสีดำหลายสิบศพนอนอยู่บนพื้นเซียวเยี่ยนถิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจอย่างยิ่งนี่ก็คือจุดจบของการล่วงเกินเขา!อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่พอใจเล็กน้อยเขาแค่ให้สังหารคนเท่านั้น ใครบอกว่าต้องวางเพลิงด้วย?ศพมากมายขนาดนี้ ระบุไม่ได้เลยว่าศพไหนคือท่านนักปราชญ์แห่งการแพทย์ ไม่อาจหาตัวออกมาสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ยากจะระบายความแค้นในใจของเขา! อย่างไรก็ตาม การถูกเผาอยู่ในเปลวเพลิงรุนแรงก็นับว่าย่อยยับเป็นผุยผงแล้วกระมัง!เมื่อตำหนังหมิงเย่ทำงาน ยังไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน เขาก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจแล้วเพิ่งกลับถึงจวนอ๋องก็ได้รับพระราชโองการที่ส่งมาจากในวังว่าให้เขาเข้าวังทันทีห้องทรงอักษร“อะไรนะ รัชทายาทแคว้นเยี่ยนจะเสด็จมาถึงเซิ่งจิงในอีกสามวัน? เหตุใดถึงเร็วเพียงนี้?”พวกเขาได้รับข่าวการออกเดินทางของกองทหารเกียรติยศแคว้นเยี่ยน จึงเริ่มซ่อมแซมวังที่จะจัดให้รัชทายาทพำนัก เสด็จพ่อได้มอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้เขาเขาจดจ่ออยู่กับ ‘บุตรแห่งนิมิตรมงคล’ ในครรภ์ของรั่วหรูซวง

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 14

    สองวันต่อมาฟ้ายังไม่สาง อวิ๋นหลีก็ถูกชิงอวี้กับชิงเหยาดึงขึ้นมา แล้วช่วยหวีผมแต่งหน้าแต่งตัวให้นางนางง่วงจนมึนศีรษะ นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้แล้วเมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองสวมชุดชาววังที่หรูหรางดงาม ก่อนจะตะลึงงันไปทันที!“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“แม่นาง นายท่านของเราส่งคนมารับแล้วเจ้าค่ะ!บุรุษผู้นั้นกลับมาแล้ว?กลับมาก็กลับมาสิ มีความจำเป็นอะไรต้องให้นางแต่งตัวเช่นนี้?อวิ๋นหลีคุ้นชินกับการแต่งตัวสบาย ๆ เย็นสดชื่นมาโดยตลอด เครื่องประดับหนัก ๆ บนศีรษะ และชุดที่หรูหราซับซ้อนนี้ทำให้นางไม่สบายกายอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่สอดคล้องที่สุดคือ ตอนนี้นางยังมีใบหน้าอัปลักษณ์นะ! ต่อให้แต่งตัวดีอีกเพียงใด แค่เห็นใบหน้านี้อ้วก~!เพื่อดูแลดวงตาของตนเองและคนรอบข้าง นางจึงดึงผ้าไหมมาปิดใบหน้าของตนไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่ชาญฉลาดและข่มขวัญ คราวนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว!อวี้เป่ากับนานเป่าก็ถูกจับเปลี่ยนชุดใหม่เช่นกัน ราวกับเทพบุตรเทพธิดาน้อยที่เดินออกมาจากในภาพวาดเมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูก็เห็นว่ามีคนมากมายคุกเข่าอยู่ด้านนอก“พวกข้าน้อยขอถวายพระพรพระชายารัชทายาท!”ฉากใหญ่ขนาดนี้ทำให้อวิ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 15

    เมื่อเห็นของสิ่งนั้น นางก็เหมือนโดนจับจุดอ่อน “ใช่ หม่อมฉันหึงแล้ว! หากพระองค์กล้ามองแม่นางน้อยพวกนั้น หม่อมฉันจะควักลูกตาของพวกนาง หากพระองค์กล้าแตะต้องพวกนางแม้ปลายนิ้ว หม่อมฉันก็จะตัดมือตัดเท้าของพวกนาง และเฉือนจมูกกับใบหู โยนเข้าห้องน้ำทิ้งไว้เป็นกองอาจม!” ดวงหน้านั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังยิ้มแย้ม เหตุใดน้ำเสียงถึงกัดฟันกรอด?เมื่อคำพูดนี้ออกมา สตรีเหล่านั้นพลันตกใจจนตัวสั่น คุกเข่าลงกับพื้นทันทีแล้วขอบังคมทูลลาขันทีทั้งสองคนก็หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วร่างเช่นกัน ก่อนจะพาคนถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่คนไปแล้ว อวิ๋นหลีก็เปิดโหมดคิดบัญชีทันที“เจ้ามันคนหลอกลวง กล้าพูดจาเหลวไหลทำลายชื่อเสียงของข้า วันนี้หากเจ้าไม่มอบคำอธิบายมา ข้าจะสู้กับเจ้าแล้ว!” หรงเหยี่ยยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าหลอกอะไรเจ้า?” “ฐานะของเจ้า แล้วก็ความสัมพันธ์กับอวี้เอ๋อร์!”“ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องฐานะ ข้าไม่ได้บอกเจ้าก่อนจริง ๆ อย่างมากนี่ก็ถือว่าเป็นการปกปิดเท่านั้น แต่ไม่ใช่การหลอกลวง! ส่วนอวี้เอ๋อร์...เจ้าคาดเดามั่วไปเองชัด ๆ คิดว่าข้าเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ ข้าแค่ไม่ได้ปฏิเสธเท่านั้น!” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 16

    นับตั้งแต่วันที่สนทนาลับกันในวัดหงเย่ เซียวหนีฉางก็ไม่สามารถกล่อมให้ตนเองจิตใจสงบได้อีกนางคุกเข่าอยู่บนเบาะรอง มองพระพุทธรูปด้านบน นางหลับตาสองข้าง สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองล้วนเป็นดวงหน้าหล่อเหลางามล้ำดวงนั้นหัวใจของนางไม่อาจสงบลงได้อีกแล้ว!ต่อให้ไม่มีคำพูดนั้นของเสด็จพี่สี่ แต่ว่าทุกวันคืนตลอดสี่ปีมานี้ นางก็ไม่เคยปล่อยวางได้อย่างแท้จริงในที่สุด...นางถอดชุดแม่ชีออก เปลี่ยนเป็นชุดขององค์หญิงสตรีสวมกระโปรงยาวลากพื้น คลุมทับด้วยผ้าโปร่งบาง ๆ ผมดำดกหนา นัยน์ตากระจ่างในดุจน้ำในสาทรฤดูสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ อดมองตาค้างไม่ได้ แล้วอุทานว่า “องค์หญิง พระองค์ทรงงดงามเหลือเกิน!” เซียวหนีฉางเพียงหลุบตาลงอย่างว้าเหว่ “สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก ผ่านไปสี่ปีพอแต่งหน้าอีกครั้งก็ไม่เหมือนภาพเมื่อก่อนแล้ว!”ปีนั้นที่ได้พบเขา นางอายุแค่สิบหกเท่านั้น!แต่บัดนี้นางอายุมากกว่ายี่สิบแล้ว!สตรีทั่วไปในวัยนี้ออกเรือนไปนานแล้ว ช่วยเหลือสามีอบรมสั่งสอนบุตร แต่นางกลับเป็น ‘สาวเทื้อ’ ไปเสียแล้ว“องค์หญิงทรงตรัสอันใด ความงามของพระองค์ในตอนนี้เลิศล้ำยิ่งกว่าสี่ปีก่อน เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของแคว้นเหลี

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 17

    ทุกคนตกตะลึงถึงขีดสุดแล้วที่บอกว่าโหดเหี้ยมชั่วร้ายเล่า?ข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้นจริง ๆ ด้วย!หารู้ไม่ว่า คนทั้งสองที่ดูเหมือนคู่รักจากสวรรค์ อวดความรักท่ามกลางสายตาของผู้คนนั้น เวลานี้กำลังแอบประชันกันอย่างลับ ๆภายใต้แขนเสื้อ อวิ๋นหลีจ่อเข็มพิษตรงเอวของเขา สายตาข่มขู่ว่าให้ปล่อยมือ!ชายหนุ่มหาได้แยแสไม่ เขาเพียงแต่โอบนางแน่นยิ่งขึ้นเขาไม่เชื่อว่านางยังจะลงมือต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้?เพื่อโรคของอวี้เอ๋อร์ และเพื่อที่จะสามารถเดินไปถึงขั้นนั้นกับนางในเร็ววัน หลายวันนี้เขาตั้งใจอ่านหนังสือบทละครหลายเล่ม ซึ่งในนั้นบอกว่าวิธีการที่เร็วที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ ก็คือการสัมผัสใกล้ชิดกันนางระวังตัวกับเขาในทุก ๆ ด้านมาโดยตลอด ปกติแล้วการจะเข้าใกล้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โอกาสที่จะได้ทำตัวเปิดตัวโจ่งแจ้งเช่นนี้ เขาจะพลาดไม่ได้! เมื่อมองท่าทาง ‘รักกัน’ ของทั้งสองคน เซียวเยี่ยนถิงก็เกิดโทสะในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาเข้ามาทักทายพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม “เมื่อวานพบกันอย่างฉุกละหุก ไม่มีโอกาสทักทาย วันนี้ถือว่าได้พบพานสหายเก่าที่แท้จริง องค์รัชทายาทดูสง่างามยิ่งกว

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 18

    เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงองค์หญิงผู้แสนยิ่งใหญ่จะเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร? หากเรื่องแพร่ออกไป แคว้นเหลียงของพวกเขามิกลายเป็นที่ขบขันของผู้คนหรือ?ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงก็มีสีหน้าโกรธเคืองเล็กน้อย เขาบอกแต่แรกแล้วว่าไม่อาจฝืนบังคับในทุกเรื่อง พวกเขากลับกล้าตัดสินใจโดยพลการ! ทว่าคำพูดออกจากปากมาแล้ว ห้ามปรามไม่ทัน ทำได้เพียงดูต่อไปว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทิศทางใด จากนั้นถึงค่อยจัดการไปตามสถานการณ์ ต่อจากนั้นก็เป็นการประลองกันระหว่างทั้งสองฝ่าย “องค์หญิงสูงส่งเลิศล้ำ ข้าไม่อยากสร้างความเสื่อมเสียให้นาง ควรหาคนที่คู่ควรกับการฝากฝังทั้งชีวิตอย่างแท้จริงให้แก่นาง!”“น้องหญิงเจ็ดสาบานมานานแล้วว่า หากไม่ใช่องค์รัชทายาท นางก็จะไม่แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น นางรอท่านมาสี่ปีแล้ว...” “ในเมื่อเสียเวลามาสี่ปีแล้ว เหตุใดต้องทำลายชั่วชีวิตของนางอีก! ข้าเคยสาบานแล้วว่าชาตินี้จะมีภรรยาครองคู่กันเพียงหนึ่งเดียว นอกจากพระชายาแล้วจะไม่แต่งงานกับสตรีอื่นเป็นอันขาด ชายชาตรีจะกลับคำสาบานได้อย่างไร?”สีหน้าของเซียวเยี่ยนถิงเคร่งขรึมขึ้นมาเขาไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้เลย!แม้ว่าตอนนี้แคว้นเ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 19

    จวนอันอ๋องหลังจากที่คลอดบุตรจนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาได้สิบกว่าวันแล้ว ลั่วหรูซวงร่างกายยังคงอ่อนแอ ได้แต่นอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวันเมื่อแผลตกสะเก็ดแล้ว มันทั้งคันทั้งเจ็บ นอนไม่หลับทั้งคืน“ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ!”ไม่ควรสิ เวลานี้ประตูวังลงกลอนแล้ว ฟ้าก็มืดแล้วด้วย!ลั่วหรูซวงกำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนนี้เองก็มีข้ารับใช้คนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“ท่านอ๋องกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”“กลับมาแล้วก็กลับมาแล้วสิ ตื่นตูมเป็นกระต่ายเช่นนี้เพื่ออะไร?” เดิมทีนางไม่สบายใจเล็กน้อย เห็นพวกเขามุทะลุบุ่มบ่ามเช่นนี้ก็ไม่พอใจจนตำหนิออกมาทันที“ท่านอ๋องเขา...ถูกองรักษ์ในวังคุมตัวกลับมาเจ้าค่ะ!”“บังอาจ!” ลั่วหรูซวงเดือดดาล โกรธจนไอขึ้นมา บาดแผลบนท้องเหมือนจะปริอีกแล้ว เจ็บจนนางทำหน้าเหยเก ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ท่านอ๋องเป็นองค์ชายที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญมากที่สุด เป็นที่รักอย่างยิ่ง เจ้ากลับกล้าพูดเหลวไหล!”“ข้าน้อยไม่ได้พูดเหลวไหล ได้ยินพวกเขากล่าวว่า...ท่านอ๋องกระทำตัวไม่เหมาะสม ล่วงเกินรัชทายาทแคว้นเยี่ยน ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี กักบริเวณสามวัน ด้านนอกประตูใ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 20

    เมื่อเซียวหนีฉางมาถึงก็สังเกตุเห็นบรรยากาศเย็นชามึนตึงระหว่างทั้งสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รักกันมั่นคงเหมือนอย่างที่จินตนาการไว้เลย!เช่นนั้นนางยังมีโอกาสอยู่แน่นอน!ความไม่พอใจภายในใจของนางสลายไปมากกว่าครึ่งทันที ก่อนจะเดินเข้ามาแสดงการคารวะ “วันนี้ที่ฉางเอ๋อร์มา ประการแรกคือเพื่อแสดงการขออภัย ประการที่สองคือเพื่อแสดงความขอบคุณ!”“พี่หญิงมีน้ำใจเมตตากรุณา ให้ความช่วยเหลือ ฉางเอ๋อร์จึงไม่ได้เสียชีวิต ณ ที่นั้น พี่หญิงเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของฉางเอ๋อร์!”แม้ว่าใบหน้าของอวิ๋นหลียังมีรอยยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มกลับไม่ไปถึงดวงตานี่เป็นการแกล้งทำดีด้วยแต่มีเจตนาร้ายแอบแฝงสินะ!ปากเล็ก ๆ นี้ช่างหวานยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นวิธีการของนางมาก่อน เกรงว่าคงจะใจอ่อนแล้วจริง ๆ“คำว่าพี่หญิงขององค์หญิงนี้ ข้ารับไม่ไหวจริง ๆ! หากมีสักวันที่ท่านแต่งงานกับองค์รัชทายาทจริง ๆ ก็แล้วไป มิฉะนั้นข้ารับไม่ไหวหรอก!”เซียวหนีฉางตาขอบแดงก่ำ กัดริมฝีปากกล่าวว่า “พี่หญิงพูดเช่นนี้ก็คือไม่ยอมให้อภัยข้าแล้วสินะ?” อวิ๋นหลีร้อง ‘จุ๊ ๆ’ ในใจ เริ่มแล้ว ๆ!ท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ ชายใดเล่าจะสามารถ

บทล่าสุด

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 50

    เขาคงไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับนานเป่าจริง ๆ กระมัง?ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมอง ก็ถูกอวิ๋นหลีปฏิเสธทันทีเป็นไปไม่ได้!ตามความทรงจำของเจ้าของร่าง ตอนนั้นเซียวเยี่ยนถิงกับรั่วหรูซวงวางแผนปรักปรำนาง ได้จัดเตรียมขอทานคนหนึ่งให้นางความปรารถนาแรกของเจ้าของร่าง ก็คือตามหาคนที่พรากความบริสุทธิ์ของนางแล้วแก้แค้นต่อมา นางส่งคนไปตามหาเบาะแสของขอทานคนนั้นรู้มาว่าเขาตายตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว!ก่อนตายหนึ่งวัน เขาเคยไปอวดสหายคนหนึ่งของเขาอย่างภาคภูมิใจว่า ตนโชคดีจริง ๆ!มีเงินให้รับ และยังได้นอนกับผู้หญิง สวรรค์ช่างดีกับเขาจริง ๆตอนนั้นสหายของเขาคิดว่าเขาคุยโม้ด้วยซ้ำ ถามเขาว่ามีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ใดกัน ขอทานจึงเล่าให้เขาฟัง และยังบอกให้เขาต้องเก็บเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตัววันต่อมา ขอทานก็ไปที่วัดหงเย่หลังจากนั้น…ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้วเพราะเขาไม่ได้กลับมาอีกเลยสหายของขอทานก็ถูกเซียวเยี่ยนถิงตามล่าเช่นกัน เขาหลบซ่อนตัวโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นความตายตอนที่อวิ๋นหลีตามหาเขาจนพบ ก็เหลือแค่ลมหายใจที่รวยรินแล้ว แต่ก็ยังใช้แรงฮึดสุดท้ายเล่าแผนการที่วัดหงเ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 49

    เมื่อเห็นอวิ๋นหลีกลับมา เหล่าองครักษ์ตื่นเต้นมาก“พระชายา เจอยาถอนพิษหรือไม่?”อวิ๋นหลีไม่กล้าสบตาพวกเขาด้วยซ้ำ “ขอโทษ”จู๋เยว่ร้อนใจทันที“ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่นายท่านกระอักเลือดไปสองรอบแล้ว! ท่านกลับทำตัวลึกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ถ้าหากรักษาไม่ได้ก็บอกแต่แรก เหตุใดต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย?”“ใจเย็น ๆ ห้ามเสียมารยาทกับพระชายารัชทายาท!”“นายท่านใกล้จะไม่ไหวแล้ว เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร?”จุยอวิ๋นก็กังวลมากเช่นกัน แต่เขารู้ นี่ไม่ใช่ความผิดของอวิ๋นหลีนายท่านยอมเอาชีวิตไปปกป้องนาง มากพอที่จะรู้ถึงความสำคัญของนางที่อยู่ในใจเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนสมควรรักษาการให้เกียรตินาง“พระชายารัชทายาท ไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ หรือ?”“ยาถอนพิษหาไม่เจอแล้ว แผนในตอนนี้ มีเพียงให้ข้าลองพยายามดูสักตั้งว่า สามารถขับพิษออกจากร่างกายเขาหรือไม่ แล้วค่อย…”กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดอีกครั้ง“เมื่อครู่ก็เพราะพวกเราเชื่อท่าน จึงได้ยืนโง่ ๆ อยู่ตรงนี้ตั้งนาน ข้าว่าไม่สู้รีบพานายท่านกลับไปหาฝูหลิงจวิน ไม่แน่ว่าถอนพิษได้ตั้งนานแล้ว”“จู๋เยว่…”“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? เพื่อที่จะช่วยนาง ชีวิตนา

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 48

    “พูดเหลวไหล! ข้าให้เจ้าลงมือกับข้าตั้งแต่เมื่อไร?”“เสี่ยวหลีเอ๋อร์ เจ้าน่าจะรู้ คนที่ข้าไม่อยากทำร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือเจ้า!” บนใบหน้าฮวาเย่ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์นั่น กลับเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่กระหายเลือดเรื่องนี้ อวิ๋นหลีย่อมรู้ดีตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่นางแก้พิษศพที่เขาคิดค้นขึ้นได้ ทั้งสองก็เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดความสุขสูงสุดของเขาก็คือ การทำยาพิษให้นางมาแก้พิษ คอยเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกคนเห็นกระบวนท่าก็แก้ตามกระบวนท่าระหว่างพวกเขามีความชอบที่คล้ายกัน จากศัตรูกลายเป็นสหายถ้าหากวางยาพิษจนนางตายจริง ๆ เกรงว่าเขาจะเศร้าใจที่สุด ต้องสูญเสียความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตไปเช่นนั้น คนที่เขาจะฆ่าก็ต้องเป็น…“ข้าเตือนเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความสำคัญ หลังจากทุกอย่างจบลง ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องลงมือกับคนที่ไม่รู้อะไรด้วย?”ฮวาเย่ยิ้มอย่างเย็นเยือก “เสี่ยวหลีเอ๋อร์ตำหนิข้าเพราะเขาหรือ? ด้วยเรื่องนี้ เขาก็สมควรตายที่สุด!”“ข้าแค่กำลังพูดข้อเท็จจริงกับเจ้า ไม่ได้มีเจตนาอื่น”“อธิบายก็คือกลบเกลื่อน กลบเกลื่อนก็คือคว

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 47

    “อะไรนะ?” เหล่าองครักษ์ลับตกใจมากชีวิตของนายท่านเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นเยี่ยน จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตายหมื่นครั้งก็ยากจะไถ่โทษตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่อวิ๋นหลี“พระชายา นายท่านได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขานะ”“ข้าต้องช่วยเขาอยู่แล้ว พวกเจ้ายกเขาขึ้นรถม้าก่อน”เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองรุ่มร้อนเช่นนี้ เมื่อตรวจชีพจร ยุ่งเหยิงมากเหมือนกับว่าทำมาจากพิษที่รุนแรงพันหมื่นชนิด อยากถอนพิษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา นางรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบคอ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายใช้พิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าให้ตายในทันที ช่างอำมหิตจริง ๆนางใช้เข็มเงินแต้มเลือดพิษ แล้วส่งเข้าไปทำการวิเคราะห์ที่ห้องทดลองหวังว่าจะสามารถวิเคราะห์ชนิดของพิษออกมา และหาวิธีคิดค้นยาถอนพิษโดยเร็วเวลานี้เอง งูเล็กสีแดงตัวหนึ่งแผดเสียง ‘ซือ ๆ’ เลื้อยเข้ามาจากทางหน้าต่างอวิ๋นหลีจำได้ในปราดเดียว…ชื่อหลิน!ในเมื่อมันอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเจ้านายของมัน…ตั้งแต่

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 46

    นางไม่เคยเปิดใจกับเขาอย่างแท้จริงบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่ยอมบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง!ข้างหน้าเป็นป่าองครักษ์ลับในชุดดำและปิดใบหน้าซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองดูรถม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“ผู้บัญชาการ จะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”“อีกเดี๋ยวทำตามคำสั่งของข้า”ทุกคนอัดอั้นในใจ เหตุการณ์อะไรพวกเขาไม่เคยพบเคยเห็น วันนี้กลับต้องมาปลอมตัวเป็นโจรดักปล้นกลางทาง ช่างเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งจริง ๆทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ความร่วมมือกับการแสดงละคร ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ ของนายท่านที่มีจินตนาการสุดล้ำของพวกเขา เพื่อพิชิตใจของผู้หญิงคนนั้นในเร็ววันแต่เมื่อนึกถึงฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นหลี ความหดหู่ในใจหายไปทันทีต่อให้ทำเพื่อยาแปลก ๆ ที่นางคิดค้น พวกเขาก็ต้องรั้งนายหญิงท่านนี้ไว้ให้ได้!ทันใดนั้น ลูกธนูที่เย็นเฉียบแหวกอากาศยามราตรี เจาะทะลุตัวรถม้าในพริบตาคนชุดดำนับสิบร่อนลงมาจากท้องฟ้าคนขับรถม้าถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว บนหน้าอกยังมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก และยังเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับเวลานี้ กลุ่มองครักษ์ลับที่อยู่บนต้นไม้มองตาค้าง“ผู้…ผู้บัญชาการ นายท่านได้ส่งคนอื่นมาด้วยหรื

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 45

    ในที่สุดฝาก็ถูกยกขึ้นต่อจากนั้น สีหน้าทุกคนเปลี่ยนฉับพลันในกล่องนั่น…มันว่างเปล่า!พลันหลี่กงกงตบหน้าผาก “โอ๊ย บ่าวเกือบลืมไปแล้ว! ฝ่าบาททรงโปรดปรานขนมแผ่นเมฆสู่ตี้มาก และเสวยสองสามชิ้นทุกวัน ทรงเสวยหมดตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในที่สุดหัวใจที่กระวนกระวายของเซียวเยี่ยนถิงก็สงบลง ดูเหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างเขาอวิ๋นหลีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เซียวเยี่ยนถิงจะดวงดีเช่นนี้ ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้อีกครั้งน่าเจ็บใจจริง ๆ!เวลานี้เอง จู่ ๆ หรงเหยี่ยนก็เอ่ยปาก “ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำพูดหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด?”“ล้วนเป็นคนกันเอง เจ้ากับพระชายารัชทายาทเป็นคนช่วยชีวิตเราไว้ มีอะไรก็พูดมาได้เลย”“โจรชั่วบังอาจเช่นนี้ กล้าวางยาพิษกระทั่งฮ่องเต้ จะเห็นได้ว่ายากจะหยั่งรู้เจตนา ปัจจุบันเป็นช่วงสำคัญของการร่วมมือระหว่างสองแคว้น สถานการณ์สงครามชายแดนคับขัน ถ้าหากเกิดเรื่องกับฝ่าบาทในเวลานี้ จะมีผลอย่างไรตามมา?”สีหน้าฮ่องเต้ต้าเหลียงเปลี่ยนฉับพลัน จู่ ๆ ก็ออกคำสั่ง “ทหาร คุมตัวอันอ๋องเข้าคุกหลวง!”เซียวเยี่ยนถิงงงงวยแล้วขนมหมดแล้วไม่ใช่หรือ?ไม่มีหลักฐาน เหตุใดยังจับเขาอีก?เมื่อเห็น

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 44

    สายตาฮ่องเต้กวาดผ่านร่างกายเขาอย่างเย็นชา โดยไม่ได้พูดอะไรมากตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักไซ้ความผิดของเขา เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอวิ๋นหลี ในใจเขาหวาดกลัวสุดขีด น้ำเสียงเย็นชาฉับพลัน “พวกเจ้าเข้ามาให้หมด”ในห้องพระบรรทม หมอหลวงทุกคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสายตาฮ่องเต้ต้าเหลียงกวาดผ่านพวกเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแรง ๆทั้งสำนักหมอหลวงรวมกัน กลับสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ ช่างเป็นที่น่าหัวเราะเยาะจริง ๆตอนมองไปทางอวิ๋นหลี สายตาเขาอ่อนโยนลงหลายส่วนทันที “เจ้าบอกพวกเขาดู ตกลงข้าเป็นโรคอะไรกันแน่?”เซียวเยี่ยนถิงก็อยากรู้เช่นกัน ตกลงนางใช้วิธีอย่างไรช่วยฮ่องเต้กันแน่ ถึงสามารถทำให้เขา ‘ฟื้นคืนจากความตาย’?กลับไม่คาดคิด คำพูดต่อจากนี้ของอวิ๋นหลีทำให้เขาสะดุ้ง“ฝ่าบาทไม่ได้ป่วย แต่ถูกพิษ!”หมอหลวงจางที่ปรึกษาสำนักหมอหลวงคัดค้านคนแรก “เป็นไปไม่ได้! กระหม่อมรักษาโรคมาสามสิบปี และเคยศึกษาพิษมากมายเช่นกัน พิษทั่วไป ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย แค่ตรวจชีพจรก็สามารถรู้ได้ในทันที แต่ชีพจรของฝ่าบาทไม่มีสัญญาณของการถูกพิษใด ๆ”“พิษชนิดนี้พบเห็นยากมาก มันจะไม่เข้าสู่กร

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 43

    หลังจากนั้นสองวัน มีข่าวร้ายถูกส่งมาจากในวังฮ่องเต้เศร้าเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระนัดดาน้อย อาการป่วยแย่ลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะไม่ไหวแล้วเหล่าหมอหลวงหมดปัญญา เซียวมู่ป๋ายไม่สนใจคำคัดค้านของทุกคน เชิญอวิ๋นหลีเข้าวังตรวจอาการฮ่องเต้ตำหนักเฉินหลังจากเซียวมู่ป๋ายบอกเจตนาที่ตัวเองมา กลับถูกหรงเหยี่ยนปฏิเสธ“สหายหรง เสด็จพ่อป่วยหนัก ทั้งสำนักหมอหลวงหมดปัญญารักษา ฝีมือการแพทย์ของพระชายารัชทายาทสูงส่ง ให้นางลองดู บางทีเสด็จพ่ออาจจะยังมีโอกาสรอด”“เรื่องอะไรก็คุยกันได้ ยกเว้นเรื่องนี้ไม่ได้!”หรงเหยี่ยนจะปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?ช่วยได้ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร เป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าของทุกคนในข้อหา ‘ปลงพระชนม์ชีพ’คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลีกลับตอบตกลงทันที“เข้าวังเมื่อไร?”“ยิ่งเร็วยิ่งดี!”“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก? ออกเดินทางเลย!”หรงเหยี่ยนย่อมไม่ปล่อยให้นางทำอะไรส่งเดช “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารักษาฝ่าบาทไม่หาย จะมีผลลัพธ์อย่างไร?”อวิ๋นหลีกลับกล่าว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อนแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ถอนใจ “ไปเถอะ ข้าไป

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 42

    “หลายวันนี้ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอันอ๋อง เจ้าล้วนให้ความสนใจมาก เมื่อครู่ในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าเห็นกับตาว่าเจ้า…”พูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ มือน้อยข้างหนึ่งก็ปิดปากของเขาเขาพูดมากเกินไปแล้ว!เดิมทีนางไม่อยากให้เขารู้เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากให้เขาเข้ามาพัวพันกับแผนการเหล่านี้ความแค้นของนาง นางสะสางเองได้!ไม่อยากให้ใครก็ตามเข้ามายุ่ง!หรงเหยี่ยนเอามือของนางลง มองนางอย่างลึกซึ้ง “ถ้าหากข้าบอกเจ้าว่า ศัตรูของพวกเราคือคนเดียวกันล่ะ?”อวิ๋นหลีเบิกตากว้างฉับพลันจู่ ๆ ก็นึกถึงวันที่เข้าเมืองหลวง นางถามเขาว่าไปทำอะไรที่เซิ่งจิงเขาพูดแค่สองคำ…ล้างแค้นแต่เมื่อนางถามว่าศัตรูของเขาเป็นใคร เขากลับเลียนแบบสำเนียงของนาง พูดเหมือนกับที่นางพูดเดิมทีคิดว่าเขาจงใจหยอกล้อ จึงไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจถ้าหากเป็นจริงทุกสิ่ง ไม่เท่ากับว่าศัตรูของเขาก็คือ…ใต้ฟ้ามีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้จริงหรือ?อวิ๋นหลีอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้ามีความแค้นอะไรกับเขา?”“ความแค้นที่ฆ่าภรรยา ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน!”ที่แท้แม่ของอวี้เป่าถูกเซียวเยี่ยนถิงฆ่าตายคำนวณตามเวลา สี่ปีก่อนเขายังอยู่แคว้นเหล

DMCA.com Protection Status