แชร์

บทที่ 13

ผู้แต่ง: คุณชายฝูซู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-19 15:40:28
เพลิงขนาดใหญ่ลุกไหม้ตลอดทั้งคืน หุบเขานักปราชญ์แห่งการแพทย์ในเวลานี้เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ซากกระดูกที่ไหม้จนเป็นสีดำหลายสิบศพนอนอยู่บนพื้น

เซียวเยี่ยนถิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจอย่างยิ่ง

นี่ก็คือจุดจบของการล่วงเกินเขา!

อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่พอใจเล็กน้อย

เขาแค่ให้สังหารคนเท่านั้น ใครบอกว่าต้องวางเพลิงด้วย?

ศพมากมายขนาดนี้ ระบุไม่ได้เลยว่าศพไหนคือท่านนักปราชญ์แห่งการแพทย์ ไม่อาจหาตัวออกมาสับเป็นพันเป็นหมื่นชิ้น ยากจะระบายความแค้นในใจของเขา!

อย่างไรก็ตาม การถูกเผาอยู่ในเปลวเพลิงรุนแรงก็นับว่าย่อยยับเป็นผุยผงแล้วกระมัง!

เมื่อตำหนังหมิงเย่ทำงาน ยังไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อน เขาก็สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจแล้ว

เพิ่งกลับถึงจวนอ๋องก็ได้รับพระราชโองการที่ส่งมาจากในวังว่าให้เขาเข้าวังทันที

ห้องทรงอักษร

“อะไรนะ รัชทายาทแคว้นเยี่ยนจะเสด็จมาถึงเซิ่งจิงในอีกสามวัน? เหตุใดถึงเร็วเพียงนี้?”

พวกเขาได้รับข่าวการออกเดินทางของกองทหารเกียรติยศแคว้นเยี่ยน จึงเริ่มซ่อมแซมวังที่จะจัดให้รัชทายาทพำนัก เสด็จพ่อได้มอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้เขา

เขาจดจ่ออยู่กับ ‘บุตรแห่งนิมิตรมงคล’ ในครรภ์ของรั่วหรูซวง ไฉนเลยจะมีใจสนใจเรื่องอื่น ความคืบหน้าจึงล่าช้ามาโดยตลอด

บัดนี้วังยังซ่อมไม่เสร็จ คนก็ใกล้จะถึงแล้ว ย่อมไม่สามารถรายงานผลงานได้

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงเซียวลิ่งอวี่ทำหน้าโกรธเกรี้ยว “แม้การให้กำเนิดทายาทของราชวงศ์จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่เจ้าก็ไม่อาจประมาทเลินเล่อถึงเพียงนี้ หากละเลยแขกผู้ทรงเกียรติจนทำให้แคว้นเยี่ยนไม่พอใจ ทำลายความร่วมมือของสองแคว้น เจ้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

เซียวเยี่ยนถิงคุกเข่าขออภัยโทษทันที

“ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! แต่ว่าหลายปีก่อนรัชทายาทแคว้นเยี่ยนผู้นั้นเป็นตัวประกันที่แคว้นเหลียง พวกเราไม่เคยทำให้เขาลำบาก คิดว่าเขาน่าจะรู้จักบุญคุณ คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงเพียงแต่ถอนหายใจ “ยามนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ปัจจุบันแคว้นเยี่ยนร่ำรวยมีกำลังทหารที่แข็งแกร่ง เขามีศักดิ์เป็นรัชทายาท ควบคุมอำนาจทั้งแคว้นเยี่ยน พวกเราจำเป็นต้องแสดงความจริงใจ”

เซียวเยี่ยนถิงรู้ว่าตอนนี้แคว้นเหลียงอยู่ในสถานการณ์ที่ง่อนแง่น

ด้านหน้ามีแคว้นเซียวรุกรานชายแดนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้านหลังมีแคว้นเป้ยจ้องตาเป็นมัน พวกเขาคิดจะร่วมมือกันกลืนกินต้าเหลียง

การร่วมมือกับแคว้นเยี่ยนเป็นโอกาสรอดเพียงหนึ่งเดียว ไม่อาจปล่อยให้ทุกอย่างต้องพังทลายเพราะเขาได้

ทันใดนั้นความคิดก็แล่นวาบ นึกแผนการอันยอดเยี่ยมออกมาได้จริง ๆ

“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อยังจำน้องหญิงหนีฉางได้หรือไม่?”

“สี่ปีก่อน นางตกหลุมรักแรกพบกับรัชทายาทแคว้นเยี่ยน สาบานว่าหากไม่ใช่เขาก็จะไม่แต่งงานกับผู้ใด หลังจากที่เขาจากไปก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ขอออกจากวังไปปฏิบัติธรรมที่วัดหงเย่”

“หากนางรู้ข่าวการมาถึงของรัชทายาทจะต้องดีใจมากแน่นอน!”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงชะงักไปครู่หนึ่ง หากไม่ได้เขาเอ่ยเตือนก็แทบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริง ๆ

สี่ปีแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะผ่านไปนานเพียงนี้!

“ความหมายของเจ้าคือ...”

“ได้ยินว่าองค์รัชทายาทแคว้นเยี่ยนนั้นมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียว ยังไม่ได้แต่งตั้งพระชายารัชทายาท ไม่สู้พวกเราผลักเรือตามน้ำทำให้บุพเพสันนิวาสนี้เกิดขึ้น แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองแคว้น ยิ่งแสดงให้เห็นได้ว่าพวกเราสองแคว้นให้ความสำคัญและความจริงใจต่อการร่วมมือกันในอนาคต”

นี่เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ!

หากเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงได้ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้ารัชทายาทแคว้นเยี่ยนไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร?

เซียวเยี่ยนถิงกลับสาบานอย่างน่าเชื่อถือว่า “น้องหญิงเจ็ดเฝ้ารอเขามาสี่ปีเต็ม ต่อให้ใจแข็งดั่งหินก็น่าจะอบอุ่นขึ้นมาแล้ว อีกทั้งลูกมีความมั่นใจว่าจะทำให้เขายอมตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ได้”

ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง “เรื่องนี้ก็มอบหมายให้เจ้าไปจัดการ แต่จะต้องระวังเรื่องความพอดี อย่าก่อเรื่องวุ่นวายอะไรเป็นอันขาด”

เมื่อออกจากห้องทรงอักษรแล้ว เขารีบเร่งไปยังวัดหงเย่ที่ภูเขาเซียงซาน

วัดหงเย่เป็นวัดพุทธของต้าเหลียง มีผู้คนสักการะถวายธูปมากมาย และค่อนข้างมีความผูกพันกับเขา

ตอนนั้นเขากับรั่วหรูซวงจัดฉากกันที่นี่ ให้รั่วอวิ๋นหลีถูกขอทานทำลายความบริสุทธิ์ จากนั้นค่อยออกหน้ายอมรับว่าตนเองเป็น ‘ชายคนรัก’ ผู้นั้น แต่งงานกับนางอย่างเป็นขั้นตอน!

เขาได้รับทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลเสิ่นที่ร่ำรวยที่สุดในราชวงศ์ก่อนตามที่ใจปรารถนา จากนั้นก็ดำเนินการอย่างระมัดระวังทุกย่างก้าว เปลี่ยนจากองค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานมาเป็นเสาหลักของราชสำนัก อยู่ห่างจากตำแหน่งมกุฏราชกุมารเพียงก้าวเดียว

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

วันนั้นเมื่อสี่ปีก่อน องค์หญิงหนีฉางบังเอิญไปจุดธูปไหว้ที่วัดหงเย่เช่นกัน ก่อนจะรีบร้อนจากไปกลางคัน

เขาเคยสงสัยว่านางจะรู้อะไรบางอย่างใช่หรือไม่ แต่ลองหยั่งเชิงหลายครั้งก็ไม่พบความผิดปกติอะไร

ต่อมาคนผู้นั้นกลับแคว้น นางเสียใจจนขอไปปฏิบัติธรรมที่วัดหงเย่ เป็นเวลาสี่ปีแล้ว

กุฏิจิ้งฉือ

สตรีในชุดขาวคุกเข่าอยู่บนเบาะนั่ง

แม้ว่าไม่ได้แต่งหน้า แต่ก็ยากจะปกปิดดวงหน้าอันงดงาม ยิ่งเสริมให้นางดูงามล้ำบริสุทธิ์ดุจน้ำ สวยดึงดูดใจ

เหมือนกับไข่มุกที่ส่องแสงท่ามกลางกลุ่มแม่ชี

เมื่อได้ยินรายงาน ในที่สุดนางก็เดินออกมา

“น้องหญิงเจ็ด เจ้าผอมลงไม่น้อย หลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากมาไม่น้อยเลยกระมัง!” เซียวเยี่ยนถิงเอ่ยด้วยท่าทางห่วงใย

“แม่ชียากไร้อย่างข้าเป็นผู้ออกบวชแล้ว ท่านเรียกฮุ่ยซินที่เป็นฉายาทางธรรมของข้าดีกว่า!”

สีหน้าของนางเรียบนิ่ง ไม่มีความยินดีและความตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย

ดูเหมือนจิตใจสงบราวกับนิ่ง ไม่แปดเปื้อนด้วยโลกีย์!

เซียวเยี่ยนถิงแสดงเจตนารมณ์อย่างตรงไปตรงมา “สามวันให้หลัง รัชทายาทแคว้นเยี่ยนจะมาถึงแคว้นเหลียง เสด็จพ่อตั้งใจเลือกองค์หญิงสักพระองค์แต่งงานกับเขา”

“เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับข้า?”

“เกรงว่าน้องหญิงยังไม่รู้ตัวตนของรัชทายาทแคว้นเยี่ยนกระมัง? เขาก็คือคนที่เจ้ารักปักใจในปีนั้น แต่ไม่แยแสเจ้าเลย เช่นนี้ก็ไม่สนใจอีกหรือ?”

เซียวหนีฉางมองเขาแวบหนึ่ง แล้วหันตัวเดินไปทางอุโบสถ

อีกฝ่ายยังคงไม่เชื่อมาโดยตลอดว่านางจะตัดเยื่อใยถึงเพียงนี้ จึงก้าวปราดเข้าไปขวางนางไว้

ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เขาก็กดเสียงให้เบาลงพลางกล่าวว่า “ทุกคนต่างคิดว่าเจ้ามาอยู่ที่วัดเพราะรู้ซึ้งทางโลกจึงเลือกออกบวชแสวงหาความสงบสมถะตลอดชั่วชีวิตที่เหลือ มีเพียงข้าที่รู้ว่าเมื่อองค์หญิงของราชวงศ์ถึงวัยเหมาะสมแล้ว ถ้าไม่แต่งงาน ก็ต้องผูกมัดใจขุนนาง มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้นถึงทำให้เจ้าหลีกเลี่ยงไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานได้”

“สี่ปีมานี้ เจ้าไม่เคยลืมเขา รอคอยโอกาสอยู่เสมอ! หากเจ้าละทางโลกจริง เหตุใดจึงไม่ปลงผม แต่เลือกปฏิบัติธรรมโดยที่ไว้ผม?”

“บัดนี้เขาจะมาแล้ว หากเจ้ายังไม่ยอมกลับไปก็ได้แต่พลาดโอกาสดี ๆ นึกเสียใจไปชั่วชีวิต อย่าโทษว่าพี่ไม่ได้เตือนเจ้านะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดสีหน้าสงบนิ่งของเซียวหนีฉางก็ปรากฏความเคลื่อนไหวเล็กน้อย

นิ้วมือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่นจนข้อต่อกระดูกขึ้นสีขาว ราวกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้อย่างเต็มที่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 14

    สองวันต่อมาฟ้ายังไม่สาง อวิ๋นหลีก็ถูกชิงอวี้กับชิงเหยาดึงขึ้นมา แล้วช่วยหวีผมแต่งหน้าแต่งตัวให้นางนางง่วงจนมึนศีรษะ นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้แล้วเมื่อนางตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองสวมชุดชาววังที่หรูหรางดงาม ก่อนจะตะลึงงันไปทันที!“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”“แม่นาง นายท่านของเราส่งคนมารับแล้วเจ้าค่ะ!บุรุษผู้นั้นกลับมาแล้ว?กลับมาก็กลับมาสิ มีความจำเป็นอะไรต้องให้นางแต่งตัวเช่นนี้?อวิ๋นหลีคุ้นชินกับการแต่งตัวสบาย ๆ เย็นสดชื่นมาโดยตลอด เครื่องประดับหนัก ๆ บนศีรษะ และชุดที่หรูหราซับซ้อนนี้ทำให้นางไม่สบายกายอย่างยิ่งสิ่งที่ไม่สอดคล้องที่สุดคือ ตอนนี้นางยังมีใบหน้าอัปลักษณ์นะ! ต่อให้แต่งตัวดีอีกเพียงใด แค่เห็นใบหน้านี้อ้วก~!เพื่อดูแลดวงตาของตนเองและคนรอบข้าง นางจึงดึงผ้าไหมมาปิดใบหน้าของตนไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่ชาญฉลาดและข่มขวัญ คราวนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว!อวี้เป่ากับนานเป่าก็ถูกจับเปลี่ยนชุดใหม่เช่นกัน ราวกับเทพบุตรเทพธิดาน้อยที่เดินออกมาจากในภาพวาดเมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูก็เห็นว่ามีคนมากมายคุกเข่าอยู่ด้านนอก“พวกข้าน้อยขอถวายพระพรพระชายารัชทายาท!”ฉากใหญ่ขนาดนี้ทำให้อวิ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 15

    เมื่อเห็นของสิ่งนั้น นางก็เหมือนโดนจับจุดอ่อน “ใช่ หม่อมฉันหึงแล้ว! หากพระองค์กล้ามองแม่นางน้อยพวกนั้น หม่อมฉันจะควักลูกตาของพวกนาง หากพระองค์กล้าแตะต้องพวกนางแม้ปลายนิ้ว หม่อมฉันก็จะตัดมือตัดเท้าของพวกนาง และเฉือนจมูกกับใบหู โยนเข้าห้องน้ำทิ้งไว้เป็นกองอาจม!” ดวงหน้านั้นเห็นได้ชัดว่ากำลังยิ้มแย้ม เหตุใดน้ำเสียงถึงกัดฟันกรอด?เมื่อคำพูดนี้ออกมา สตรีเหล่านั้นพลันตกใจจนตัวสั่น คุกเข่าลงกับพื้นทันทีแล้วขอบังคมทูลลาขันทีทั้งสองคนก็หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ทั่วร่างเช่นกัน ก่อนจะพาคนถอยออกไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่คนไปแล้ว อวิ๋นหลีก็เปิดโหมดคิดบัญชีทันที“เจ้ามันคนหลอกลวง กล้าพูดจาเหลวไหลทำลายชื่อเสียงของข้า วันนี้หากเจ้าไม่มอบคำอธิบายมา ข้าจะสู้กับเจ้าแล้ว!” หรงเหยี่ยยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าหลอกอะไรเจ้า?” “ฐานะของเจ้า แล้วก็ความสัมพันธ์กับอวี้เอ๋อร์!”“ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องฐานะ ข้าไม่ได้บอกเจ้าก่อนจริง ๆ อย่างมากนี่ก็ถือว่าเป็นการปกปิดเท่านั้น แต่ไม่ใช่การหลอกลวง! ส่วนอวี้เอ๋อร์...เจ้าคาดเดามั่วไปเองชัด ๆ คิดว่าข้าเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ ข้าแค่ไม่ได้ปฏิเสธเท่านั้น!” เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 16

    นับตั้งแต่วันที่สนทนาลับกันในวัดหงเย่ เซียวหนีฉางก็ไม่สามารถกล่อมให้ตนเองจิตใจสงบได้อีกนางคุกเข่าอยู่บนเบาะรอง มองพระพุทธรูปด้านบน นางหลับตาสองข้าง สิ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองล้วนเป็นดวงหน้าหล่อเหลางามล้ำดวงนั้นหัวใจของนางไม่อาจสงบลงได้อีกแล้ว!ต่อให้ไม่มีคำพูดนั้นของเสด็จพี่สี่ แต่ว่าทุกวันคืนตลอดสี่ปีมานี้ นางก็ไม่เคยปล่อยวางได้อย่างแท้จริงในที่สุด...นางถอดชุดแม่ชีออก เปลี่ยนเป็นชุดขององค์หญิงสตรีสวมกระโปรงยาวลากพื้น คลุมทับด้วยผ้าโปร่งบาง ๆ ผมดำดกหนา นัยน์ตากระจ่างในดุจน้ำในสาทรฤดูสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ อดมองตาค้างไม่ได้ แล้วอุทานว่า “องค์หญิง พระองค์ทรงงดงามเหลือเกิน!” เซียวหนีฉางเพียงหลุบตาลงอย่างว้าเหว่ “สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก ผ่านไปสี่ปีพอแต่งหน้าอีกครั้งก็ไม่เหมือนภาพเมื่อก่อนแล้ว!”ปีนั้นที่ได้พบเขา นางอายุแค่สิบหกเท่านั้น!แต่บัดนี้นางอายุมากกว่ายี่สิบแล้ว!สตรีทั่วไปในวัยนี้ออกเรือนไปนานแล้ว ช่วยเหลือสามีอบรมสั่งสอนบุตร แต่นางกลับเป็น ‘สาวเทื้อ’ ไปเสียแล้ว“องค์หญิงทรงตรัสอันใด ความงามของพระองค์ในตอนนี้เลิศล้ำยิ่งกว่าสี่ปีก่อน เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของแคว้นเหลี

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 17

    ทุกคนตกตะลึงถึงขีดสุดแล้วที่บอกว่าโหดเหี้ยมชั่วร้ายเล่า?ข่าวลือล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้นจริง ๆ ด้วย!หารู้ไม่ว่า คนทั้งสองที่ดูเหมือนคู่รักจากสวรรค์ อวดความรักท่ามกลางสายตาของผู้คนนั้น เวลานี้กำลังแอบประชันกันอย่างลับ ๆภายใต้แขนเสื้อ อวิ๋นหลีจ่อเข็มพิษตรงเอวของเขา สายตาข่มขู่ว่าให้ปล่อยมือ!ชายหนุ่มหาได้แยแสไม่ เขาเพียงแต่โอบนางแน่นยิ่งขึ้นเขาไม่เชื่อว่านางยังจะลงมือต่อหน้าผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ได้?เพื่อโรคของอวี้เอ๋อร์ และเพื่อที่จะสามารถเดินไปถึงขั้นนั้นกับนางในเร็ววัน หลายวันนี้เขาตั้งใจอ่านหนังสือบทละครหลายเล่ม ซึ่งในนั้นบอกว่าวิธีการที่เร็วที่สุดในการสร้างความสัมพันธ์ ก็คือการสัมผัสใกล้ชิดกันนางระวังตัวกับเขาในทุก ๆ ด้านมาโดยตลอด ปกติแล้วการจะเข้าใกล้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โอกาสที่จะได้ทำตัวเปิดตัวโจ่งแจ้งเช่นนี้ เขาจะพลาดไม่ได้! เมื่อมองท่าทาง ‘รักกัน’ ของทั้งสองคน เซียวเยี่ยนถิงก็เกิดโทสะในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาเข้ามาทักทายพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม “เมื่อวานพบกันอย่างฉุกละหุก ไม่มีโอกาสทักทาย วันนี้ถือว่าได้พบพานสหายเก่าที่แท้จริง องค์รัชทายาทดูสง่างามยิ่งกว

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 18

    เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึงองค์หญิงผู้แสนยิ่งใหญ่จะเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร? หากเรื่องแพร่ออกไป แคว้นเหลียงของพวกเขามิกลายเป็นที่ขบขันของผู้คนหรือ?ฮ่องเต้แห่งแคว้นเหลียงก็มีสีหน้าโกรธเคืองเล็กน้อย เขาบอกแต่แรกแล้วว่าไม่อาจฝืนบังคับในทุกเรื่อง พวกเขากลับกล้าตัดสินใจโดยพลการ! ทว่าคำพูดออกจากปากมาแล้ว ห้ามปรามไม่ทัน ทำได้เพียงดูต่อไปว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปในทิศทางใด จากนั้นถึงค่อยจัดการไปตามสถานการณ์ ต่อจากนั้นก็เป็นการประลองกันระหว่างทั้งสองฝ่าย “องค์หญิงสูงส่งเลิศล้ำ ข้าไม่อยากสร้างความเสื่อมเสียให้นาง ควรหาคนที่คู่ควรกับการฝากฝังทั้งชีวิตอย่างแท้จริงให้แก่นาง!”“น้องหญิงเจ็ดสาบานมานานแล้วว่า หากไม่ใช่องค์รัชทายาท นางก็จะไม่แต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้น นางรอท่านมาสี่ปีแล้ว...” “ในเมื่อเสียเวลามาสี่ปีแล้ว เหตุใดต้องทำลายชั่วชีวิตของนางอีก! ข้าเคยสาบานแล้วว่าชาตินี้จะมีภรรยาครองคู่กันเพียงหนึ่งเดียว นอกจากพระชายาแล้วจะไม่แต่งงานกับสตรีอื่นเป็นอันขาด ชายชาตรีจะกลับคำสาบานได้อย่างไร?”สีหน้าของเซียวเยี่ยนถิงเคร่งขรึมขึ้นมาเขาไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้เลย!แม้ว่าตอนนี้แคว้นเ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 19

    จวนอันอ๋องหลังจากที่คลอดบุตรจนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาได้สิบกว่าวันแล้ว ลั่วหรูซวงร่างกายยังคงอ่อนแอ ได้แต่นอนอยู่บนเตียงตลอดทั้งวันเมื่อแผลตกสะเก็ดแล้ว มันทั้งคันทั้งเจ็บ นอนไม่หลับทั้งคืน“ท่านอ๋องยังไม่กลับมาอีกหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ!”ไม่ควรสิ เวลานี้ประตูวังลงกลอนแล้ว ฟ้าก็มืดแล้วด้วย!ลั่วหรูซวงกำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ตอนนี้เองก็มีข้ารับใช้คนหนึ่งพุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตื่นตกใจ“ท่านอ๋องกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”“กลับมาแล้วก็กลับมาแล้วสิ ตื่นตูมเป็นกระต่ายเช่นนี้เพื่ออะไร?” เดิมทีนางไม่สบายใจเล็กน้อย เห็นพวกเขามุทะลุบุ่มบ่ามเช่นนี้ก็ไม่พอใจจนตำหนิออกมาทันที“ท่านอ๋องเขา...ถูกองรักษ์ในวังคุมตัวกลับมาเจ้าค่ะ!”“บังอาจ!” ลั่วหรูซวงเดือดดาล โกรธจนไอขึ้นมา บาดแผลบนท้องเหมือนจะปริอีกแล้ว เจ็บจนนางทำหน้าเหยเก ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “ท่านอ๋องเป็นองค์ชายที่ฝ่าบาทให้ความสำคัญมากที่สุด เป็นที่รักอย่างยิ่ง เจ้ากลับกล้าพูดเหลวไหล!”“ข้าน้อยไม่ได้พูดเหลวไหล ได้ยินพวกเขากล่าวว่า...ท่านอ๋องกระทำตัวไม่เหมาะสม ล่วงเกินรัชทายาทแคว้นเยี่ยน ลงโทษตัดเบี้ยหวัดหนึ่งปี กักบริเวณสามวัน ด้านนอกประตูใ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 20

    เมื่อเซียวหนีฉางมาถึงก็สังเกตุเห็นบรรยากาศเย็นชามึนตึงระหว่างทั้งสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่ได้รักกันมั่นคงเหมือนอย่างที่จินตนาการไว้เลย!เช่นนั้นนางยังมีโอกาสอยู่แน่นอน!ความไม่พอใจภายในใจของนางสลายไปมากกว่าครึ่งทันที ก่อนจะเดินเข้ามาแสดงการคารวะ “วันนี้ที่ฉางเอ๋อร์มา ประการแรกคือเพื่อแสดงการขออภัย ประการที่สองคือเพื่อแสดงความขอบคุณ!”“พี่หญิงมีน้ำใจเมตตากรุณา ให้ความช่วยเหลือ ฉางเอ๋อร์จึงไม่ได้เสียชีวิต ณ ที่นั้น พี่หญิงเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของฉางเอ๋อร์!”แม้ว่าใบหน้าของอวิ๋นหลียังมีรอยยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มกลับไม่ไปถึงดวงตานี่เป็นการแกล้งทำดีด้วยแต่มีเจตนาร้ายแอบแฝงสินะ!ปากเล็ก ๆ นี้ช่างหวานยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นวิธีการของนางมาก่อน เกรงว่าคงจะใจอ่อนแล้วจริง ๆ“คำว่าพี่หญิงขององค์หญิงนี้ ข้ารับไม่ไหวจริง ๆ! หากมีสักวันที่ท่านแต่งงานกับองค์รัชทายาทจริง ๆ ก็แล้วไป มิฉะนั้นข้ารับไม่ไหวหรอก!”เซียวหนีฉางตาขอบแดงก่ำ กัดริมฝีปากกล่าวว่า “พี่หญิงพูดเช่นนี้ก็คือไม่ยอมให้อภัยข้าแล้วสินะ?” อวิ๋นหลีร้อง ‘จุ๊ ๆ’ ในใจ เริ่มแล้ว ๆ!ท่าทางน่าสงสารเช่นนี้ ชายใดเล่าจะสามารถ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 21

    “ท่านพี่หรง ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ!”“ขอเพียงท่านยกโทษให้ข้า จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”“หากสามารถย้อนเวลากลับไป ข้าไม่มีทางใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนั้นเพื่อให้ได้ท่านมาโดยเด็ดขาด ให้โอกาสข้าได้ชดเชยสักครั้งจะได้หรือไม่?”อวิ๋นหลีตะลึงงัน ชักจะเด็ดสะระตี่ไปแล้วกระมัง นี่นางมาได้ยินข่าวเด็ดอะไรเข้ากันเนี่ย?ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเพื่อให้ได้เขามาอย่างนั้นหรือ?หรือว่าระหว่างพวกเขาจะ…เนื่องจากตะลึงพรึงเพริดจนเกินเหตุ นางจึงก้าวเท้าพลาดพลั้ง ล้มหน้าคะมำลงไปจากด้านบนโดยพลันในชั่วขณะนั้น ทุกอย่างล้วนเงียบสงัดเมื่ออวิ๋นหลีเงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาสองคู่ที่กำลังจดจ้องมองมาที่นาง นางจึงได้แต่เผยรอยยิ้มประดักประเดิดออกมา“หากหม่อมฉันบอกว่าแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น พวกพระองค์จะเชื่อหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมาข้างหน้าเพื่อพยุงนางขึ้น ตบฝุ่นและปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของนางออกเล็กน้อย แล้วมองสำรวจดูด้วยว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่เมื่อพบว่านางมิได้เป็นอันใด ถึงค่อยทำหน้าตึง “ใครให้เจ้ามา?”อวิ๋นหลีพลันดูแคลนในใจ ถูกคนรู้เรื่องไม่งามแล้ว จึงรู้สึกละอายขายหน้าจนกลายเป็นความโกรธเกรี้ยวกระมัง?

บทล่าสุด

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 50

    เขาคงไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับนานเป่าจริง ๆ กระมัง?ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมอง ก็ถูกอวิ๋นหลีปฏิเสธทันทีเป็นไปไม่ได้!ตามความทรงจำของเจ้าของร่าง ตอนนั้นเซียวเยี่ยนถิงกับรั่วหรูซวงวางแผนปรักปรำนาง ได้จัดเตรียมขอทานคนหนึ่งให้นางความปรารถนาแรกของเจ้าของร่าง ก็คือตามหาคนที่พรากความบริสุทธิ์ของนางแล้วแก้แค้นต่อมา นางส่งคนไปตามหาเบาะแสของขอทานคนนั้นรู้มาว่าเขาตายตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว!ก่อนตายหนึ่งวัน เขาเคยไปอวดสหายคนหนึ่งของเขาอย่างภาคภูมิใจว่า ตนโชคดีจริง ๆ!มีเงินให้รับ และยังได้นอนกับผู้หญิง สวรรค์ช่างดีกับเขาจริง ๆตอนนั้นสหายของเขาคิดว่าเขาคุยโม้ด้วยซ้ำ ถามเขาว่ามีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ใดกัน ขอทานจึงเล่าให้เขาฟัง และยังบอกให้เขาต้องเก็บเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตัววันต่อมา ขอทานก็ไปที่วัดหงเย่หลังจากนั้น…ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้วเพราะเขาไม่ได้กลับมาอีกเลยสหายของขอทานก็ถูกเซียวเยี่ยนถิงตามล่าเช่นกัน เขาหลบซ่อนตัวโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นความตายตอนที่อวิ๋นหลีตามหาเขาจนพบ ก็เหลือแค่ลมหายใจที่รวยรินแล้ว แต่ก็ยังใช้แรงฮึดสุดท้ายเล่าแผนการที่วัดหงเ

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 49

    เมื่อเห็นอวิ๋นหลีกลับมา เหล่าองครักษ์ตื่นเต้นมาก“พระชายา เจอยาถอนพิษหรือไม่?”อวิ๋นหลีไม่กล้าสบตาพวกเขาด้วยซ้ำ “ขอโทษ”จู๋เยว่ร้อนใจทันที“ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่นายท่านกระอักเลือดไปสองรอบแล้ว! ท่านกลับทำตัวลึกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ถ้าหากรักษาไม่ได้ก็บอกแต่แรก เหตุใดต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย?”“ใจเย็น ๆ ห้ามเสียมารยาทกับพระชายารัชทายาท!”“นายท่านใกล้จะไม่ไหวแล้ว เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร?”จุยอวิ๋นก็กังวลมากเช่นกัน แต่เขารู้ นี่ไม่ใช่ความผิดของอวิ๋นหลีนายท่านยอมเอาชีวิตไปปกป้องนาง มากพอที่จะรู้ถึงความสำคัญของนางที่อยู่ในใจเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนสมควรรักษาการให้เกียรตินาง“พระชายารัชทายาท ไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ หรือ?”“ยาถอนพิษหาไม่เจอแล้ว แผนในตอนนี้ มีเพียงให้ข้าลองพยายามดูสักตั้งว่า สามารถขับพิษออกจากร่างกายเขาหรือไม่ แล้วค่อย…”กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดอีกครั้ง“เมื่อครู่ก็เพราะพวกเราเชื่อท่าน จึงได้ยืนโง่ ๆ อยู่ตรงนี้ตั้งนาน ข้าว่าไม่สู้รีบพานายท่านกลับไปหาฝูหลิงจวิน ไม่แน่ว่าถอนพิษได้ตั้งนานแล้ว”“จู๋เยว่…”“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? เพื่อที่จะช่วยนาง ชีวิตนา

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 48

    “พูดเหลวไหล! ข้าให้เจ้าลงมือกับข้าตั้งแต่เมื่อไร?”“เสี่ยวหลีเอ๋อร์ เจ้าน่าจะรู้ คนที่ข้าไม่อยากทำร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือเจ้า!” บนใบหน้าฮวาเย่ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์นั่น กลับเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่กระหายเลือดเรื่องนี้ อวิ๋นหลีย่อมรู้ดีตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่นางแก้พิษศพที่เขาคิดค้นขึ้นได้ ทั้งสองก็เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดความสุขสูงสุดของเขาก็คือ การทำยาพิษให้นางมาแก้พิษ คอยเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกคนเห็นกระบวนท่าก็แก้ตามกระบวนท่าระหว่างพวกเขามีความชอบที่คล้ายกัน จากศัตรูกลายเป็นสหายถ้าหากวางยาพิษจนนางตายจริง ๆ เกรงว่าเขาจะเศร้าใจที่สุด ต้องสูญเสียความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตไปเช่นนั้น คนที่เขาจะฆ่าก็ต้องเป็น…“ข้าเตือนเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความสำคัญ หลังจากทุกอย่างจบลง ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องลงมือกับคนที่ไม่รู้อะไรด้วย?”ฮวาเย่ยิ้มอย่างเย็นเยือก “เสี่ยวหลีเอ๋อร์ตำหนิข้าเพราะเขาหรือ? ด้วยเรื่องนี้ เขาก็สมควรตายที่สุด!”“ข้าแค่กำลังพูดข้อเท็จจริงกับเจ้า ไม่ได้มีเจตนาอื่น”“อธิบายก็คือกลบเกลื่อน กลบเกลื่อนก็คือคว

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 47

    “อะไรนะ?” เหล่าองครักษ์ลับตกใจมากชีวิตของนายท่านเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นเยี่ยน จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตายหมื่นครั้งก็ยากจะไถ่โทษตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่อวิ๋นหลี“พระชายา นายท่านได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขานะ”“ข้าต้องช่วยเขาอยู่แล้ว พวกเจ้ายกเขาขึ้นรถม้าก่อน”เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองรุ่มร้อนเช่นนี้ เมื่อตรวจชีพจร ยุ่งเหยิงมากเหมือนกับว่าทำมาจากพิษที่รุนแรงพันหมื่นชนิด อยากถอนพิษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา นางรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบคอ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายใช้พิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าให้ตายในทันที ช่างอำมหิตจริง ๆนางใช้เข็มเงินแต้มเลือดพิษ แล้วส่งเข้าไปทำการวิเคราะห์ที่ห้องทดลองหวังว่าจะสามารถวิเคราะห์ชนิดของพิษออกมา และหาวิธีคิดค้นยาถอนพิษโดยเร็วเวลานี้เอง งูเล็กสีแดงตัวหนึ่งแผดเสียง ‘ซือ ๆ’ เลื้อยเข้ามาจากทางหน้าต่างอวิ๋นหลีจำได้ในปราดเดียว…ชื่อหลิน!ในเมื่อมันอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเจ้านายของมัน…ตั้งแต่

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 46

    นางไม่เคยเปิดใจกับเขาอย่างแท้จริงบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่ยอมบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง!ข้างหน้าเป็นป่าองครักษ์ลับในชุดดำและปิดใบหน้าซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองดูรถม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“ผู้บัญชาการ จะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”“อีกเดี๋ยวทำตามคำสั่งของข้า”ทุกคนอัดอั้นในใจ เหตุการณ์อะไรพวกเขาไม่เคยพบเคยเห็น วันนี้กลับต้องมาปลอมตัวเป็นโจรดักปล้นกลางทาง ช่างเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งจริง ๆทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ความร่วมมือกับการแสดงละคร ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ ของนายท่านที่มีจินตนาการสุดล้ำของพวกเขา เพื่อพิชิตใจของผู้หญิงคนนั้นในเร็ววันแต่เมื่อนึกถึงฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นหลี ความหดหู่ในใจหายไปทันทีต่อให้ทำเพื่อยาแปลก ๆ ที่นางคิดค้น พวกเขาก็ต้องรั้งนายหญิงท่านนี้ไว้ให้ได้!ทันใดนั้น ลูกธนูที่เย็นเฉียบแหวกอากาศยามราตรี เจาะทะลุตัวรถม้าในพริบตาคนชุดดำนับสิบร่อนลงมาจากท้องฟ้าคนขับรถม้าถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว บนหน้าอกยังมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก และยังเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับเวลานี้ กลุ่มองครักษ์ลับที่อยู่บนต้นไม้มองตาค้าง“ผู้…ผู้บัญชาการ นายท่านได้ส่งคนอื่นมาด้วยหรื

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 45

    ในที่สุดฝาก็ถูกยกขึ้นต่อจากนั้น สีหน้าทุกคนเปลี่ยนฉับพลันในกล่องนั่น…มันว่างเปล่า!พลันหลี่กงกงตบหน้าผาก “โอ๊ย บ่าวเกือบลืมไปแล้ว! ฝ่าบาททรงโปรดปรานขนมแผ่นเมฆสู่ตี้มาก และเสวยสองสามชิ้นทุกวัน ทรงเสวยหมดตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในที่สุดหัวใจที่กระวนกระวายของเซียวเยี่ยนถิงก็สงบลง ดูเหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างเขาอวิ๋นหลีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เซียวเยี่ยนถิงจะดวงดีเช่นนี้ ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้อีกครั้งน่าเจ็บใจจริง ๆ!เวลานี้เอง จู่ ๆ หรงเหยี่ยนก็เอ่ยปาก “ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำพูดหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด?”“ล้วนเป็นคนกันเอง เจ้ากับพระชายารัชทายาทเป็นคนช่วยชีวิตเราไว้ มีอะไรก็พูดมาได้เลย”“โจรชั่วบังอาจเช่นนี้ กล้าวางยาพิษกระทั่งฮ่องเต้ จะเห็นได้ว่ายากจะหยั่งรู้เจตนา ปัจจุบันเป็นช่วงสำคัญของการร่วมมือระหว่างสองแคว้น สถานการณ์สงครามชายแดนคับขัน ถ้าหากเกิดเรื่องกับฝ่าบาทในเวลานี้ จะมีผลอย่างไรตามมา?”สีหน้าฮ่องเต้ต้าเหลียงเปลี่ยนฉับพลัน จู่ ๆ ก็ออกคำสั่ง “ทหาร คุมตัวอันอ๋องเข้าคุกหลวง!”เซียวเยี่ยนถิงงงงวยแล้วขนมหมดแล้วไม่ใช่หรือ?ไม่มีหลักฐาน เหตุใดยังจับเขาอีก?เมื่อเห็น

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 44

    สายตาฮ่องเต้กวาดผ่านร่างกายเขาอย่างเย็นชา โดยไม่ได้พูดอะไรมากตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักไซ้ความผิดของเขา เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอวิ๋นหลี ในใจเขาหวาดกลัวสุดขีด น้ำเสียงเย็นชาฉับพลัน “พวกเจ้าเข้ามาให้หมด”ในห้องพระบรรทม หมอหลวงทุกคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสายตาฮ่องเต้ต้าเหลียงกวาดผ่านพวกเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแรง ๆทั้งสำนักหมอหลวงรวมกัน กลับสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ ช่างเป็นที่น่าหัวเราะเยาะจริง ๆตอนมองไปทางอวิ๋นหลี สายตาเขาอ่อนโยนลงหลายส่วนทันที “เจ้าบอกพวกเขาดู ตกลงข้าเป็นโรคอะไรกันแน่?”เซียวเยี่ยนถิงก็อยากรู้เช่นกัน ตกลงนางใช้วิธีอย่างไรช่วยฮ่องเต้กันแน่ ถึงสามารถทำให้เขา ‘ฟื้นคืนจากความตาย’?กลับไม่คาดคิด คำพูดต่อจากนี้ของอวิ๋นหลีทำให้เขาสะดุ้ง“ฝ่าบาทไม่ได้ป่วย แต่ถูกพิษ!”หมอหลวงจางที่ปรึกษาสำนักหมอหลวงคัดค้านคนแรก “เป็นไปไม่ได้! กระหม่อมรักษาโรคมาสามสิบปี และเคยศึกษาพิษมากมายเช่นกัน พิษทั่วไป ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย แค่ตรวจชีพจรก็สามารถรู้ได้ในทันที แต่ชีพจรของฝ่าบาทไม่มีสัญญาณของการถูกพิษใด ๆ”“พิษชนิดนี้พบเห็นยากมาก มันจะไม่เข้าสู่กร

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 43

    หลังจากนั้นสองวัน มีข่าวร้ายถูกส่งมาจากในวังฮ่องเต้เศร้าเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระนัดดาน้อย อาการป่วยแย่ลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะไม่ไหวแล้วเหล่าหมอหลวงหมดปัญญา เซียวมู่ป๋ายไม่สนใจคำคัดค้านของทุกคน เชิญอวิ๋นหลีเข้าวังตรวจอาการฮ่องเต้ตำหนักเฉินหลังจากเซียวมู่ป๋ายบอกเจตนาที่ตัวเองมา กลับถูกหรงเหยี่ยนปฏิเสธ“สหายหรง เสด็จพ่อป่วยหนัก ทั้งสำนักหมอหลวงหมดปัญญารักษา ฝีมือการแพทย์ของพระชายารัชทายาทสูงส่ง ให้นางลองดู บางทีเสด็จพ่ออาจจะยังมีโอกาสรอด”“เรื่องอะไรก็คุยกันได้ ยกเว้นเรื่องนี้ไม่ได้!”หรงเหยี่ยนจะปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?ช่วยได้ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร เป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าของทุกคนในข้อหา ‘ปลงพระชนม์ชีพ’คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลีกลับตอบตกลงทันที“เข้าวังเมื่อไร?”“ยิ่งเร็วยิ่งดี!”“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก? ออกเดินทางเลย!”หรงเหยี่ยนย่อมไม่ปล่อยให้นางทำอะไรส่งเดช “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารักษาฝ่าบาทไม่หาย จะมีผลลัพธ์อย่างไร?”อวิ๋นหลีกลับกล่าว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อนแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ถอนใจ “ไปเถอะ ข้าไป

  • หงส์หวนทวงแค้น   บทที่ 42

    “หลายวันนี้ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอันอ๋อง เจ้าล้วนให้ความสนใจมาก เมื่อครู่ในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าเห็นกับตาว่าเจ้า…”พูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ มือน้อยข้างหนึ่งก็ปิดปากของเขาเขาพูดมากเกินไปแล้ว!เดิมทีนางไม่อยากให้เขารู้เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากให้เขาเข้ามาพัวพันกับแผนการเหล่านี้ความแค้นของนาง นางสะสางเองได้!ไม่อยากให้ใครก็ตามเข้ามายุ่ง!หรงเหยี่ยนเอามือของนางลง มองนางอย่างลึกซึ้ง “ถ้าหากข้าบอกเจ้าว่า ศัตรูของพวกเราคือคนเดียวกันล่ะ?”อวิ๋นหลีเบิกตากว้างฉับพลันจู่ ๆ ก็นึกถึงวันที่เข้าเมืองหลวง นางถามเขาว่าไปทำอะไรที่เซิ่งจิงเขาพูดแค่สองคำ…ล้างแค้นแต่เมื่อนางถามว่าศัตรูของเขาเป็นใคร เขากลับเลียนแบบสำเนียงของนาง พูดเหมือนกับที่นางพูดเดิมทีคิดว่าเขาจงใจหยอกล้อ จึงไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจถ้าหากเป็นจริงทุกสิ่ง ไม่เท่ากับว่าศัตรูของเขาก็คือ…ใต้ฟ้ามีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้จริงหรือ?อวิ๋นหลีอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้ามีความแค้นอะไรกับเขา?”“ความแค้นที่ฆ่าภรรยา ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน!”ที่แท้แม่ของอวี้เป่าถูกเซียวเยี่ยนถิงฆ่าตายคำนวณตามเวลา สี่ปีก่อนเขายังอยู่แคว้นเหล

DMCA.com Protection Status