“ท่านพี่หรง ข้าผิดไปแล้วจริง ๆ!”“ขอเพียงท่านยกโทษให้ข้า จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!”“หากสามารถย้อนเวลากลับไป ข้าไม่มีทางใช้วิธีการที่ต่ำช้าเช่นนั้นเพื่อให้ได้ท่านมาโดยเด็ดขาด ให้โอกาสข้าได้ชดเชยสักครั้งจะได้หรือไม่?”อวิ๋นหลีตะลึงงัน ชักจะเด็ดสะระตี่ไปแล้วกระมัง นี่นางมาได้ยินข่าวเด็ดอะไรเข้ากันเนี่ย?ใช้วิธีการที่ต่ำช้าเพื่อให้ได้เขามาอย่างนั้นหรือ?หรือว่าระหว่างพวกเขาจะ…เนื่องจากตะลึงพรึงเพริดจนเกินเหตุ นางจึงก้าวเท้าพลาดพลั้ง ล้มหน้าคะมำลงไปจากด้านบนโดยพลันในชั่วขณะนั้น ทุกอย่างล้วนเงียบสงัดเมื่ออวิ๋นหลีเงยหน้าขึ้น ก็เห็นดวงตาสองคู่ที่กำลังจดจ้องมองมาที่นาง นางจึงได้แต่เผยรอยยิ้มประดักประเดิดออกมา“หากหม่อมฉันบอกว่าแค่บังเอิญผ่านมาเท่านั้น พวกพระองค์จะเชื่อหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมาข้างหน้าเพื่อพยุงนางขึ้น ตบฝุ่นและปัดเศษใบไม้ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าของนางออกเล็กน้อย แล้วมองสำรวจดูด้วยว่านางได้รับบาดเจ็บหรือไม่เมื่อพบว่านางมิได้เป็นอันใด ถึงค่อยทำหน้าตึง “ใครให้เจ้ามา?”อวิ๋นหลีพลันดูแคลนในใจ ถูกคนรู้เรื่องไม่งามแล้ว จึงรู้สึกละอายขายหน้าจนกลายเป็นความโกรธเกรี้ยวกระมัง?
“น้องหญิงเจ็ดยังโกรธข้าเรื่องในวันนั้นอยู่อีกหรือ? หลายวันมานี้ข้าเองก็ตำหนิตัวเองเป็นอย่างมากเช่นกัน พอพ้นช่วงกักบริเวณจึงรีบมาขอโทษเจ้าทันที!”ดังที่เขาว่ากัน เมื่ออีกฝ่ายสำนึกผิดแล้วก็ให้เลิกแล้วต่อกันไป!ครั้นนึกได้ว่าเขายังช่วยเหลือตนไว้อีกด้วย ถูกกักบริเวณยังไม่ว่า ซ้ำร้ายยังโดนหักเบี้ยหวัดอีกเทียบกันแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าตนตรงไหนเลย สีหน้านางจึงค่อยผ่อนคลายลง หากแต่เจือด้วยรอยยิ้มเยาะหยันตัวเองจาง ๆ“ไม่โทษท่านหรอก เป็นข้าที่สำคัญผิดคิดเข้าข้างตัวเอง นึกว่าผ่านมาสี่ปีแล้วจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง คาดคิดไม่ถึงว่ากลับเป็นการหาเรื่องใส่ตัว!”“น้องหญิงอย่ากล่าววาจาท้อแท้เช่นนี้สิ เจ้าไม่ผิด เป็นเขาต่างหากที่ใจจืดใจดำกับเจ้าเกินไป!”“มาพูดเรื่องพวกนี้เอาป่านนี้แล้วยังมีประโยชน์อะไร? สิ่งใดที่ไม่ใช่ของของข้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็มิมีทางได้มันมาหรอก!”เมื่อครู่นี้ตอนอยู่ที่ตำหนักเฉิน นางได้เห็นท่าทางของเขาต่อสตรีนางนั้นที่ดูอ่อนโยนเหลือคณานับกระทั่งในความฝันนางก็หวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ท่านพี่หรงจะปฏิบัติเช่นนี้กับนางบ้าง ทว่าเขากลับถวายรักนี้ให้แก่สตรีอีกนางหนึ่งอย่างไม่เผื่
เมื่อนึกได้ว่าตั้งแต่ย่ำรุ่ง ชิงอวี้กับชิงเหยาก็นำชุดนี้มาราวกับจะถวายของล้ำค่าให้อย่างไรอย่างนั้นโดยบอกว่าบรรยากาศอบอวลด้วยสีสันของวสันตฤดูพอดี และชุดกระโปรงชุดนี้กับโกสุมที่มีอยู่เต็มสวนช่างเสริมกันให้ดูเด่นชัดยิ่งขึ้น จึงเปลี่ยนมาให้นางสวมชุดนี้ทันทีเพลานี้นางคลางแคลงใจหนักหนาว่าสาวน้อยสองคนนี้คงจงใจเป็นแน่หากมิใช่เพราะต้องเร่งเดินทางแล้ว นางจะต้องกลับไปเปลี่ยนชุดแน่นอนกลับคาดคิดไม่ถึงว่าบุรุษจะกระเถิบใกล้เข้ามาแล้วอวิ๋นหลีทำได้เพียงเขยิบเข้าไปด้านในเล็กน้อย นางยิ่งขยับถอยไปมากเท่าไร เขาก็จะขยับใกล้เข้ามาหานางเป็นสองเท่า จนสุดท้ายร่างทั้งร่างของนางพลันแนบชิดติดกับผนังรถม้า“เจ้าอย่ามาทำเกินไปนะ!” ในที่สุดนางก็เหลืออดแล้วทว่าหรงเหยี่ยนกลับยื่นมือมาช่วยเอาปอยผมตรงหน้าผากทัดไปที่หลังหูให้นาง“ในวังไม่เหมือนข้างนอก จิตใจมนุษย์มีตื้นลึกหนาบาง พอเข้าวังไปแล้วจะต้องระแวดระวังในทุก ๆ ด้าน ชิงอวี้และชิงเหยาจะติดตามเจ้าอย่างไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว พวกนางล้วนมีวรยุทธ์ หากมีเรื่องอันใด จะต้องปกป้องความปลอดภัยให้เจ้าได้แน่”อวิ๋นหลีชะงักไปเล็กน้อย เขาเพียงอยากจะพูดเรื่องนี้กับนางหร
ความกระตือรือร้นอันเปี่ยมล้นเช่นนี้ ทำเอานางรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก จึงชักมือตัวเองกลับออกมาอย่างไม่ทิ้งร่องรอยเซียวหนีฉางเผยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ “พี่อวิ๋น นี่พี่หญิงยังโกรธข้าอยู่ใช่หรือไม่? หลังจากกลับมาไม่กี่วันนี้ ข้าก็ได้ทบทวนตัวเองอย่างลึกซึ้งถึงแก่นแท้แล้ว พี่เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ บุญคุณช่วยชีวิตสมควรตอบแทนกลับคืนให้เป็นเท่าตัว ในภายภาคหน้าข้าจะตอบแทนพี่หญิงแน่นอน!”ภายในฝูงชน มีคนเริ่มกล่าวคำวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา“องค์หญิงยอมลดตัวถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ยังไม่ไว้หน้าอีก เกินไปแล้วจริง ๆ!”“แม้ว่าวันนั้นนางจะเป็นผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือไว้ก็จริง ทว่าการที่องค์หญิงเลือกตัดสินใจทำเรื่องวู่วามภายใต้ความสิ้นหวังก็เพราะนางเป็นคนบีบบังคับไม่ใช่หรือไง?”“ใครใช้ให้นางเป็นชายาขององค์รัชทายาทเล่า ยั่วโมโหไม่ไหวหรอก!”ท่ามกลางคำพูดเสียดสีทิ่มแทง จู่ ๆ พลันสอดแทรกด้วยเสียงหนึ่งที่เอื้อนเอ่ยวาจาเคร่งขรึมเปี่ยมด้วยเหตุผล “ชายาขององค์รัชทายาทเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของแคว้นต้าเหลียงเรา และเป็นบุคคลสำคัญสำหรับงานเลี้ยงแห่งวสันตกาลในวันนี้ พวกเราสมควรที่จะต้อนรับด้วยมารยาทอันดีงาม!”เมื
รั่วหรูซวงตะลึงพรึงเพริด “หมายความว่าอย่างไร?”“บอกตามความจริงอย่างไม่ปิดบัง ตัวข้านี้ในเวลาปกตินอกจากศึกษาตำราการแพทย์แล้ว ก็พอจะมีความรู้ด้านไสยเวทมนต์ดำอยู่บ้าง”“เมื่อครู่ได้เปิดเนตรสวรรค์ จึงเห็นว่าบนตัวของพระชายาอันอ๋องถูกปกคลุมและตลบอบอวลไปด้วยมวลสารดำมืด ดังนั้นจึงตัดสินได้ว่าอาการป่วยของเจ้าหาใช่เกิดจากโรคทั่วไปไม่ หากแต่เป็นการถูกวิญญาณอาฆาตคอยติดตามต่างหาก”“เจ้ามีภาวะพลังหยางพร่อง แต่มีพลังหยินที่มากเกินไป ด้วยเหตุนี้ร่างกายเจ้าถึงได้อ่อนแอเยี่ยงนี้!”ทั้งที่เป็นเวลากลางวันแสก ๆ ทุกคนกลับรู้สึกเย็นสันหลังวาบเสิ่นเฟยเคารพบูชาผีสางเทวดาอย่างแรงกล้ามาโดยตลอด พลันปั้นสีหน้าจริงจัง “พระชายา เรื่องเช่นนี้ล้อเล่นไม่ได้นะ!”อวิ๋นหลีเพียงแค่ผลิยิ้มพลางโบกมือไปมา “เชื่อไม่เชื่อก็สุดแล้วแต่ศรัทธา! พวกท่านคิดเสียว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน!”คำพูดได้เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากแล้ว จะให้ทำเป็นไม่ได้ยินได้อย่างไรกัน?เมื่อเห็นแววตานั้นที่ดูผิดแผกแตกต่างไปของกลุ่มคน รั่วหรูซวงพลันสุดจะทานทน พระชายาพูดมาให้ชัดเจนเลยดีกว่า!”“พระชายาอ๋องอยากจะฟังจริงหรือ?”“ใช่!”บนโลกมีผีสางนางไม้เสียที
“พระชายาอ๋อง พระชายาเป็นอะไรไป?”จู่ ๆ รั่วหรูซวงก็หมดสติไป จึงทำให้ฝูงชนพลันแตกตื่นซุบซิบก็ส่วนซุบซิบ แต่อย่าเอากันให้ถึงตายสิ!สนมเสิ่นก็สีหน้าเปลี่ยนเช่นกัน นางเป็นผู้รับผิดชอบดูแลงานเลี้ยงแห่งวสันตกาลในวันนี้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจริง ๆ นางก็ยากยิ่งที่จะหนีความรับผิดชอบพ้น ยิ่งไม่มีทางให้คำอธิบายต่อเสียนกุ้ยเฟยได้เลย!“รีบตามหมอหลวงเร็วเข้า!”อวิ๋นหลีเปลี่ยนมารับบทเป็นกลุ่มคนที่มีน้ำใจ นางรีบเดินไปข้างหน้า “หมอที่เตรียมพร้อมให้การรักษาก็อยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่หรือไง?”สายตาของทุก ๆ คนล้วนปรากฏแววที่แตกต่างไปจากเดิมหลายส่วนการที่พระชายาอันอ๋องกลายเป็นแบบนี้ ยังไม่ใช่เพราะคำพูดสะเทือนใจจนขวัญหนีดีฝ่อเหล่านั้นของนางหรอกหรือ และแน่นอนว่ายังรวมถึงพวกนางที่คอยใส่ไฟอยู่ข้าง ๆ ด้วยจะว่าไปแล้ว พวกนางก็ยังคงรู้สึกผิดอยู่บ้าง ด้วยเกรงว่าจะถูกสืบสาวเอาเรื่องไปพร้อมกันด้วยดังนั้นต่อให้เกิดเรื่องอันใดขึ้นมาจริง ๆ พวกนางก็จะยืนกรานเสียงแข็งว่าสตรีผู้นี้ต่างหากที่มีปัญหาพออวิ๋นหลีได้ตรวจดูชีพจรก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เสมหะและเลือดคั่งค้าง ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรหรอก กลับไปพักผ่อนสองสามวันก็ไ
ทะเลสาบแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ก่อน จวบจนปัจจุบันนี้ก็นับเป็นเวลากว่าห้าร้อยปีแล้วโดยเฉพาะโถงทางเดินยาวเก้าคดที่ทอดสู่ใจกลางทะเลสาบอันคดเคี้ยวเลี้ยวลด เกิดจากความประณีตของช่างฝีมือจึงสรรค์สร้างออกมาได้อย่างไม่เหมือนใคร เมื่อคนเดินอยู่ด้านบนนั้นจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั้งหมดของทะเลสาบ จึงขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมทัศนียภาพอันดับหนึ่งในพระราชวังท้องฟ้าปลอดโปร่ง บรรยากาศกำลังดี ผิวน้ำสะท้อนประกายแสงวิบวับสตรีกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวที่ข้างทะเลสาบ ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาสวยสดงดงาม ท่าทางเย้ายวนรัญจวนใจจนมวลผกาก็ยังละอายเนื่องด้วยโถงทางเดินยาวแออัดเกินไป บรรดานายท่านเดินด้านหน้า ส่วนเหล่าสาวใช้ต่างเดินตามอยู่ข้างหลังเมื่อเดินมาถึงครึ่งทางแล้ว จู่ ๆ เซียวหนีฉางพลันหกคะเมน ตามด้วยเสียงร้องตกใจ“องค์หญิง เป็นอันใดไปเพคะ?”“เหมือนว่าข้าจะข้อเท้าพลิกน่ะ เจ็บจังเลย!”นางเกาะเสาใหญ่ไว้ กัดริบฝีปากพลางแสดงสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว“ดูเหมือนอาการจะหนักเอาเรื่อง เช่นนั้นให้พวกหม่อมฉันพาองค์หญิงกลับไปก่อนดีหรือไม่เพคะ!”“ไม่เป็นไร ข้าไม่อยากทำให้ทุกคนเสียอารมณ์สุนทรีย์เพราะข้า”“นี่ไม่ใช่เรื่
ไม่สิ ใช้คำว่าอัปลักษณ์ก็ยังน้อยไป นี่มันน่าสยดสยองเสียยิ่งกว่าผีอีก!เซียวหนีฉางอึ้งอยู่นานแต่ก็ยังดึงสติกลับคืนมาไม่ได้ เดิมทีนางนึกว่าที่ท่านพี่หรงชอบสตรีผู้นี้ ต้องเป็นเพราะนางมีรูปโฉมที่งดงามกว่าใคร ๆคิดไม่ถึงว่าเมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายจริง ๆ นางกลับรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลกที่น่าขำที่สุดในโลกหรงเหยี่ยนไม่สนใจปฏิกิริยาตอบสนองของพวกนางสักนิด ในสายตาเขามีเพียงอวิ๋นหลี“บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”อวิ๋นหลีลองขยับร่างกายดู ทันใดก็ขมวดคิ้วมุ่น เท้าของนาง…เมื่อครู่กระแทกเข้ากับราวกั้น จึงขาแพลง!หรงเหยี่ยนเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของนาง สีหน้าพลันมืดมน “ฝีมือผู้ใด?”ทีแรกฝูงชนยังดำดิ่งจมอยู่ในรูปลักษณ์ของเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นได้ยินมานานว่าองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเยี่ยนเป็นบุรุษรูปงามไม่ธรรมดา กิริยาสง่าคล้ายองค์เทพเซียน คาดไม่ถึงว่าตัวจริงจะน่าตื่นตาตื่นใจเสียยิ่งกว่าที่พวกนางได้จินตนาการไว้!คิดไม่ถึงว่าท่านเทพก็โกรธเกรี้ยวเป็นด้วย บรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือกจับใจในชั่วพริบตา ในใจพวกนางก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง“ท่านพี่หรง ข้า…” เซียวหนีฉางน้ำเสียงฟังดูกระวนกระวาย คล้ายเด็กน้อยที่เพ
เขาคงไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับนานเป่าจริง ๆ กระมัง?ความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นในสมอง ก็ถูกอวิ๋นหลีปฏิเสธทันทีเป็นไปไม่ได้!ตามความทรงจำของเจ้าของร่าง ตอนนั้นเซียวเยี่ยนถิงกับรั่วหรูซวงวางแผนปรักปรำนาง ได้จัดเตรียมขอทานคนหนึ่งให้นางความปรารถนาแรกของเจ้าของร่าง ก็คือตามหาคนที่พรากความบริสุทธิ์ของนางแล้วแก้แค้นต่อมา นางส่งคนไปตามหาเบาะแสของขอทานคนนั้นรู้มาว่าเขาตายตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว!ก่อนตายหนึ่งวัน เขาเคยไปอวดสหายคนหนึ่งของเขาอย่างภาคภูมิใจว่า ตนโชคดีจริง ๆ!มีเงินให้รับ และยังได้นอนกับผู้หญิง สวรรค์ช่างดีกับเขาจริง ๆตอนนั้นสหายของเขาคิดว่าเขาคุยโม้ด้วยซ้ำ ถามเขาว่ามีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ที่ใดกัน ขอทานจึงเล่าให้เขาฟัง และยังบอกให้เขาต้องเก็บเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นจะนำภัยมาสู่ตัววันต่อมา ขอทานก็ไปที่วัดหงเย่หลังจากนั้น…ก็ไม่มีหลังจากนั้นแล้วเพราะเขาไม่ได้กลับมาอีกเลยสหายของขอทานก็ถูกเซียวเยี่ยนถิงตามล่าเช่นกัน เขาหลบซ่อนตัวโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีพ้นความตายตอนที่อวิ๋นหลีตามหาเขาจนพบ ก็เหลือแค่ลมหายใจที่รวยรินแล้ว แต่ก็ยังใช้แรงฮึดสุดท้ายเล่าแผนการที่วัดหงเ
เมื่อเห็นอวิ๋นหลีกลับมา เหล่าองครักษ์ตื่นเต้นมาก“พระชายา เจอยาถอนพิษหรือไม่?”อวิ๋นหลีไม่กล้าสบตาพวกเขาด้วยซ้ำ “ขอโทษ”จู๋เยว่ร้อนใจทันที“ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่นายท่านกระอักเลือดไปสองรอบแล้ว! ท่านกลับทำตัวลึกลับไม่รู้ไปอยู่ที่ใด ถ้าหากรักษาไม่ได้ก็บอกแต่แรก เหตุใดต้องมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย?”“ใจเย็น ๆ ห้ามเสียมารยาทกับพระชายารัชทายาท!”“นายท่านใกล้จะไม่ไหวแล้ว เจ้าจะให้ข้าใจเย็นอย่างไร?”จุยอวิ๋นก็กังวลมากเช่นกัน แต่เขารู้ นี่ไม่ใช่ความผิดของอวิ๋นหลีนายท่านยอมเอาชีวิตไปปกป้องนาง มากพอที่จะรู้ถึงความสำคัญของนางที่อยู่ในใจเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนสมควรรักษาการให้เกียรตินาง“พระชายารัชทายาท ไม่มีวิธีแล้วจริง ๆ หรือ?”“ยาถอนพิษหาไม่เจอแล้ว แผนในตอนนี้ มีเพียงให้ข้าลองพยายามดูสักตั้งว่า สามารถขับพิษออกจากร่างกายเขาหรือไม่ แล้วค่อย…”กล่าวยังไม่ทันจบ ก็ถูกขัดอีกครั้ง“เมื่อครู่ก็เพราะพวกเราเชื่อท่าน จึงได้ยืนโง่ ๆ อยู่ตรงนี้ตั้งนาน ข้าว่าไม่สู้รีบพานายท่านกลับไปหาฝูหลิงจวิน ไม่แน่ว่าถอนพิษได้ตั้งนานแล้ว”“จู๋เยว่…”“ข้าพูดอะไรผิดหรือ? เพื่อที่จะช่วยนาง ชีวิตนา
“พูดเหลวไหล! ข้าให้เจ้าลงมือกับข้าตั้งแต่เมื่อไร?”“เสี่ยวหลีเอ๋อร์ เจ้าน่าจะรู้ คนที่ข้าไม่อยากทำร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ก็คือเจ้า!” บนใบหน้าฮวาเย่ยังคงมีรอยยิ้ม แต่ดวงตาดอกท้อที่มีเสน่ห์นั่น กลับเผยให้เห็นเจตนาฆ่าที่กระหายเลือดเรื่องนี้ อวิ๋นหลีย่อมรู้ดีตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนที่นางแก้พิษศพที่เขาคิดค้นขึ้นได้ ทั้งสองก็เกิดปฏิสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดความสุขสูงสุดของเขาก็คือ การทำยาพิษให้นางมาแก้พิษ คอยเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกคนเห็นกระบวนท่าก็แก้ตามกระบวนท่าระหว่างพวกเขามีความชอบที่คล้ายกัน จากศัตรูกลายเป็นสหายถ้าหากวางยาพิษจนนางตายจริง ๆ เกรงว่าเขาจะเศร้าใจที่สุด ต้องสูญเสียความหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตไปเช่นนั้น คนที่เขาจะฆ่าก็ต้องเป็น…“ข้าเตือนเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว เขาเป็นแค่คนที่ไม่มีความสำคัญ หลังจากทุกอย่างจบลง ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องลงมือกับคนที่ไม่รู้อะไรด้วย?”ฮวาเย่ยิ้มอย่างเย็นเยือก “เสี่ยวหลีเอ๋อร์ตำหนิข้าเพราะเขาหรือ? ด้วยเรื่องนี้ เขาก็สมควรตายที่สุด!”“ข้าแค่กำลังพูดข้อเท็จจริงกับเจ้า ไม่ได้มีเจตนาอื่น”“อธิบายก็คือกลบเกลื่อน กลบเกลื่อนก็คือคว
“อะไรนะ?” เหล่าองครักษ์ลับตกใจมากชีวิตของนายท่านเกี่ยวพันถึงความมั่นคงของแคว้นเยี่ยน จะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเขาตายหมื่นครั้งก็ยากจะไถ่โทษตอนนี้ พวกเขาทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่อวิ๋นหลี“พระชายา นายท่านได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขานะ”“ข้าต้องช่วยเขาอยู่แล้ว พวกเจ้ายกเขาขึ้นรถม้าก่อน”เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลีรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองรุ่มร้อนเช่นนี้ เมื่อตรวจชีพจร ยุ่งเหยิงมากเหมือนกับว่าทำมาจากพิษที่รุนแรงพันหมื่นชนิด อยากถอนพิษก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของเขา นางรู้สึกเหมือนตัวเองถูกมือใหญ่ที่มองไม่เห็นบีบคอ ทรมานจนแทบหายใจไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายใช้พิษเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าให้ตายในทันที ช่างอำมหิตจริง ๆนางใช้เข็มเงินแต้มเลือดพิษ แล้วส่งเข้าไปทำการวิเคราะห์ที่ห้องทดลองหวังว่าจะสามารถวิเคราะห์ชนิดของพิษออกมา และหาวิธีคิดค้นยาถอนพิษโดยเร็วเวลานี้เอง งูเล็กสีแดงตัวหนึ่งแผดเสียง ‘ซือ ๆ’ เลื้อยเข้ามาจากทางหน้าต่างอวิ๋นหลีจำได้ในปราดเดียว…ชื่อหลิน!ในเมื่อมันอยู่ที่นี่ เช่นนั้นเจ้านายของมัน…ตั้งแต่
นางไม่เคยเปิดใจกับเขาอย่างแท้จริงบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่นางไม่ยอมบอกตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง!ข้างหน้าเป็นป่าองครักษ์ลับในชุดดำและปิดใบหน้าซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ มองดูรถม้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“ผู้บัญชาการ จะทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ?”“อีกเดี๋ยวทำตามคำสั่งของข้า”ทุกคนอัดอั้นในใจ เหตุการณ์อะไรพวกเขาไม่เคยพบเคยเห็น วันนี้กลับต้องมาปลอมตัวเป็นโจรดักปล้นกลางทาง ช่างเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งจริง ๆทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ความร่วมมือกับการแสดงละคร ‘วีรบุรุษช่วยหญิงงาม’ ของนายท่านที่มีจินตนาการสุดล้ำของพวกเขา เพื่อพิชิตใจของผู้หญิงคนนั้นในเร็ววันแต่เมื่อนึกถึงฝีมือการแพทย์ของอวิ๋นหลี ความหดหู่ในใจหายไปทันทีต่อให้ทำเพื่อยาแปลก ๆ ที่นางคิดค้น พวกเขาก็ต้องรั้งนายหญิงท่านนี้ไว้ให้ได้!ทันใดนั้น ลูกธนูที่เย็นเฉียบแหวกอากาศยามราตรี เจาะทะลุตัวรถม้าในพริบตาคนชุดดำนับสิบร่อนลงมาจากท้องฟ้าคนขับรถม้าถูกพวกเขาฆ่าตายแล้ว บนหน้าอกยังมีลูกธนูปักอยู่หนึ่งดอก และยังเบิกตากว้าง เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับเวลานี้ กลุ่มองครักษ์ลับที่อยู่บนต้นไม้มองตาค้าง“ผู้…ผู้บัญชาการ นายท่านได้ส่งคนอื่นมาด้วยหรื
ในที่สุดฝาก็ถูกยกขึ้นต่อจากนั้น สีหน้าทุกคนเปลี่ยนฉับพลันในกล่องนั่น…มันว่างเปล่า!พลันหลี่กงกงตบหน้าผาก “โอ๊ย บ่าวเกือบลืมไปแล้ว! ฝ่าบาททรงโปรดปรานขนมแผ่นเมฆสู่ตี้มาก และเสวยสองสามชิ้นทุกวัน ทรงเสวยหมดตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในที่สุดหัวใจที่กระวนกระวายของเซียวเยี่ยนถิงก็สงบลง ดูเหมือนสวรรค์ยังเข้าข้างเขาอวิ๋นหลีก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่า เซียวเยี่ยนถิงจะดวงดีเช่นนี้ ปล่อยให้เขาหนีรอดไปได้อีกครั้งน่าเจ็บใจจริง ๆ!เวลานี้เอง จู่ ๆ หรงเหยี่ยนก็เอ่ยปาก “ฝ่าบาท กระหม่อมมีคำพูดหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูด?”“ล้วนเป็นคนกันเอง เจ้ากับพระชายารัชทายาทเป็นคนช่วยชีวิตเราไว้ มีอะไรก็พูดมาได้เลย”“โจรชั่วบังอาจเช่นนี้ กล้าวางยาพิษกระทั่งฮ่องเต้ จะเห็นได้ว่ายากจะหยั่งรู้เจตนา ปัจจุบันเป็นช่วงสำคัญของการร่วมมือระหว่างสองแคว้น สถานการณ์สงครามชายแดนคับขัน ถ้าหากเกิดเรื่องกับฝ่าบาทในเวลานี้ จะมีผลอย่างไรตามมา?”สีหน้าฮ่องเต้ต้าเหลียงเปลี่ยนฉับพลัน จู่ ๆ ก็ออกคำสั่ง “ทหาร คุมตัวอันอ๋องเข้าคุกหลวง!”เซียวเยี่ยนถิงงงงวยแล้วขนมหมดแล้วไม่ใช่หรือ?ไม่มีหลักฐาน เหตุใดยังจับเขาอีก?เมื่อเห็น
สายตาฮ่องเต้กวาดผ่านร่างกายเขาอย่างเย็นชา โดยไม่ได้พูดอะไรมากตอนนี้ไม่ใช่เวลามาซักไซ้ความผิดของเขา เพราะเขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องจัดการนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของอวิ๋นหลี ในใจเขาหวาดกลัวสุดขีด น้ำเสียงเย็นชาฉับพลัน “พวกเจ้าเข้ามาให้หมด”ในห้องพระบรรทม หมอหลวงทุกคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสายตาฮ่องเต้ต้าเหลียงกวาดผ่านพวกเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแรง ๆทั้งสำนักหมอหลวงรวมกัน กลับสู้ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ ช่างเป็นที่น่าหัวเราะเยาะจริง ๆตอนมองไปทางอวิ๋นหลี สายตาเขาอ่อนโยนลงหลายส่วนทันที “เจ้าบอกพวกเขาดู ตกลงข้าเป็นโรคอะไรกันแน่?”เซียวเยี่ยนถิงก็อยากรู้เช่นกัน ตกลงนางใช้วิธีอย่างไรช่วยฮ่องเต้กันแน่ ถึงสามารถทำให้เขา ‘ฟื้นคืนจากความตาย’?กลับไม่คาดคิด คำพูดต่อจากนี้ของอวิ๋นหลีทำให้เขาสะดุ้ง“ฝ่าบาทไม่ได้ป่วย แต่ถูกพิษ!”หมอหลวงจางที่ปรึกษาสำนักหมอหลวงคัดค้านคนแรก “เป็นไปไม่ได้! กระหม่อมรักษาโรคมาสามสิบปี และเคยศึกษาพิษมากมายเช่นกัน พิษทั่วไป ทันทีที่เข้าสู่ร่างกาย แค่ตรวจชีพจรก็สามารถรู้ได้ในทันที แต่ชีพจรของฝ่าบาทไม่มีสัญญาณของการถูกพิษใด ๆ”“พิษชนิดนี้พบเห็นยากมาก มันจะไม่เข้าสู่กร
หลังจากนั้นสองวัน มีข่าวร้ายถูกส่งมาจากในวังฮ่องเต้เศร้าเสียใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระนัดดาน้อย อาการป่วยแย่ลงอย่างรวดเร็ว ใกล้จะไม่ไหวแล้วเหล่าหมอหลวงหมดปัญญา เซียวมู่ป๋ายไม่สนใจคำคัดค้านของทุกคน เชิญอวิ๋นหลีเข้าวังตรวจอาการฮ่องเต้ตำหนักเฉินหลังจากเซียวมู่ป๋ายบอกเจตนาที่ตัวเองมา กลับถูกหรงเหยี่ยนปฏิเสธ“สหายหรง เสด็จพ่อป่วยหนัก ทั้งสำนักหมอหลวงหมดปัญญารักษา ฝีมือการแพทย์ของพระชายารัชทายาทสูงส่ง ให้นางลองดู บางทีเสด็จพ่ออาจจะยังมีโอกาสรอด”“เรื่องอะไรก็คุยกันได้ ยกเว้นเรื่องนี้ไม่ได้!”หรงเหยี่ยนจะปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?ช่วยได้ย่อมดีที่สุด แต่ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไร เป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเป้าของทุกคนในข้อหา ‘ปลงพระชนม์ชีพ’คิดไม่ถึงว่าอวิ๋นหลีกลับตอบตกลงทันที“เข้าวังเมื่อไร?”“ยิ่งเร็วยิ่งดี!”“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก? ออกเดินทางเลย!”หรงเหยี่ยนย่อมไม่ปล่อยให้นางทำอะไรส่งเดช “เจ้ารู้หรือไม่ว่ารักษาฝ่าบาทไม่หาย จะมีผลลัพธ์อย่างไร?”อวิ๋นหลีกลับกล่าว “เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”หรงเหยี่ยนมองนางด้วยสีหน้าซับซ้อนแวบหนึ่ง ในที่สุดก็ถอนใจ “ไปเถอะ ข้าไป
“หลายวันนี้ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวนอันอ๋อง เจ้าล้วนให้ความสนใจมาก เมื่อครู่ในงานเลี้ยงพระราชวัง ข้าเห็นกับตาว่าเจ้า…”พูดยังไม่ทันจบ จู่ ๆ มือน้อยข้างหนึ่งก็ปิดปากของเขาเขาพูดมากเกินไปแล้ว!เดิมทีนางไม่อยากให้เขารู้เรื่องเหล่านี้ ยิ่งไม่อยากให้เขาเข้ามาพัวพันกับแผนการเหล่านี้ความแค้นของนาง นางสะสางเองได้!ไม่อยากให้ใครก็ตามเข้ามายุ่ง!หรงเหยี่ยนเอามือของนางลง มองนางอย่างลึกซึ้ง “ถ้าหากข้าบอกเจ้าว่า ศัตรูของพวกเราคือคนเดียวกันล่ะ?”อวิ๋นหลีเบิกตากว้างฉับพลันจู่ ๆ ก็นึกถึงวันที่เข้าเมืองหลวง นางถามเขาว่าไปทำอะไรที่เซิ่งจิงเขาพูดแค่สองคำ…ล้างแค้นแต่เมื่อนางถามว่าศัตรูของเขาเป็นใคร เขากลับเลียนแบบสำเนียงของนาง พูดเหมือนกับที่นางพูดเดิมทีคิดว่าเขาจงใจหยอกล้อ จึงไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจถ้าหากเป็นจริงทุกสิ่ง ไม่เท่ากับว่าศัตรูของเขาก็คือ…ใต้ฟ้ามีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้จริงหรือ?อวิ๋นหลีอดไม่ได้ที่จะถาม “เจ้ามีความแค้นอะไรกับเขา?”“ความแค้นที่ฆ่าภรรยา ไม่สามารถอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน!”ที่แท้แม่ของอวี้เป่าถูกเซียวเยี่ยนถิงฆ่าตายคำนวณตามเวลา สี่ปีก่อนเขายังอยู่แคว้นเหล