เวินเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง “เปล่า ฉันยังจะไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านใหญ่อยู่เป็นครั้งคราวเหมือนเดิม”“งั้นทำไมจู่ ๆ เธอถึงก่อตั้งมูลนิธิบ้านั่นขึ้นมาล่ะ?”แม้ต้องเผชิญหน้ากับการย้อนถามของฟู่เจิง เวินเหลียงก็ยังสงบดังเดิม “ฉันแค่คิดว่าเงินพวกนั้นอยู่ในมือฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้บริจาคให้คนที่ต้องการดีกว่า”ตอนเด็ก ๆ เธอเองก็นับว่าเป็นเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเมื่อได้รู้ตัวตนของหลินเจียหมิ่น ก็ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวบางอย่างตอนเด็ก ๆ ภาพเหล่านั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนกอปรกับเธอคิดจะจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในมือพอดี จึงได้ถือโอกาสก่อตั้งมูลนิธีขึ้นตีให้ตายฟู่เจิงก็ไม่เชื่อเหตุผลนี้ของเธออย่างแน่นอนเขาจ้องเวินเหลียงด้วยความเย็นชา “หลังบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว เธอก็จะได้จากไปอย่างโล่งใจใช่ไหม?”เวินเหลียง: “...”เธอคิดแบบนี้จริง ๆตอนนี้เธอมีซีรีส์บางฉากที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จ ภายในช่วงเวลานี้ เธอจะได้เลือกรองประธานที่เหมาะสมและทีมงานจัดการคนอื่นมาดำเนินการให้มูลนิธิรอถ่ายซีรีส์เสร็จหมดแล้ว เธอก็จะจากไป ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเมื่อก่อนเธอ
“ฉันรู้ ก็แค่มันรู้สึกทอดถอนใจนิดหน่อยเท่านั้น” เวินเหลียงก้มหน้าพร้อมกับหาเรื่องกลับ “เพียงแต่ ทำไมฉันถึงก่อตั้งมูลนิธิน่ะเหรอ คุณคิดว่าฉันจะจากไปเพราะเรื่องของพี่ใหญ่? ในเมื่อคุณเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาไม่ใช่คนบงการ ก็ต้องมั่นใจว่าจะหาหลักฐานเจอสิถึงจะถูก หรือเป็นเพราะในใจคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเดิมทีฟู่เยว่พลิกคดีไม่ได้?”“ไม่ใช่ ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะจากไปมากเกินไป”“แต่ว่า สองสามวันก่อนคุณบอกว่าให้ฉันเชื่อใจคุณ ให้เวลาคุณ ฉันก็ตอบตกลงแล้ว แต่คุณกลับไม่เชื่อใจฉันอย่างนั้น...” เวินเหลียงหยิกต้นขาอย่างแรงทีหนึ่ง ก่อนจะเช็ดตรงขอบตา “เดิมทีคุณไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลย คุณสนใจแค่ตัวเอง”ฟู่เจิงสับสน “อาเหลียง ขอโทษนะ เธอไม่ต้องร้องไห้นะ ฉันไม่ได้ไม่สนใจความรู้สึกของเธอ ฉันก็แค่...”เขาอ้าแขนเข้าไปกอดเวินเหลียงเอาไว้ “ฉันก็แค่ขาดเธอมาได้...ฉันรับรองกับเธอเลยว่า หลังจากนี้ฉันจะไม่สงสัยในตัวเธออีกแล้ว”“มีแต่ผีน่ะสิที่เชื่อคุณ” เวินเหลียงจ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง “ก่อนหน้านี้คุณก็เคยพูดว่าจะไม่ตามตอแยฉันอีก แต่ไม่เคยทำจริงได้เลยสักครั้ง” เวินเหลียงค้นพบตั้งนานแล้ว บางคำฟู่เจิงพูดออกมาราวกับ
สองทุ่มห้าสิบนาที ณ ซันเซ็ตบาร์เวลาที่นัดกันไว้คือสองทุ่ม ถังซือซือกับเวินเหลียงจงใจมาสายกันเล็กน้อยตามที่ถังซือซือบอก หากอีกฝ่ายรอไปสักพักแล้วยังไม่เธอมาก็จะกลับไปเอง?ภายในบาร์เสียงผู้คนจอกแจกจอแจ แสงสีเสียงเหล้าสุราพร้อมสรรพให้สราญรมย์ทั้งสองคนหาล็อกที่นั่งด้านในนั่งลง ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มสองแก้วถังซือซือล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งไลน์หาอีกฝ่าย “ฉันถึงแล้ว คุณอยู่ไหน?”“ผมยังไม่ถึง รบกวนรอสักครู่นะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว“โอคเค่ะ” ถังซือซือตอบกลับไปด้วยพลางบ่นกับเวินเหลียงไปด้วยว่า “แม่มันเถอะ ยังสายกว่าฉันได้อีก!”ล็อกที่นั่งตรงมุมที่ห่างออกไปไม่ไกล เงาร่างสูงตระหง่านสายหนึ่งกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่ในล็อกที่นั่งอย่างขี้เกียจและเบื่อหน่าย พร้อมมองไปทางหน้าประตูอยู่เป็นระยะ ราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่หน้าตาของเขาคมเข้มเป็นมุมมนชัดเจน สวมแว่นตากรอบทองอันหนึ่ง ทั้งตัวแผ่ความเป็นสุภาพบุรุษออกมา ออร่าที่ดูสะอาดสดชื่นทำให้คนรู้สึกปลื้ม จนอดไม่ได้ที่จะอยากเข้าใกล้ในช่วงที่นั่งอยู่ตามลำพังนี้มีผู้คนเข้ามาชวนคุยไม่น้อยเลยทีเดียว มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทว่าทุกคนต่างถูกเขาปฏิเส
ถังซือซือกลอกตาขาวทีหนึ่ง “นายช่วยมีสายตาหลักแหลมหน่อยได้ไหม?”“อะไรถึงเรียกว่ามีสายตาหลักแหลม?”“ฉันไม่อยากเจอนาย นายก็ควรเดินผ่านไปเลย ทำเป็นมองไม่เห็นไปซะ”คราวก่อนที่เจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถังซือซือก็ทำแบบนี้เยี่ยนหวยก้มหน้าพลางขำออกมา ท่าทางสง่างามพร้อมกระปรี้กระเปร่า “ขอโทษนะ ฉันทำเรื่องไร้มารยาทแบบนั้นไม่เป็น”ความหมายโดยนัยก็คือถังซือซือไม่มีมารยาทถังซือซือแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง “ตอนนี้ทักทายเสร็จแล้ว จะไปได้หรือยัง?”“บังเอิญเจอกันในเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ถือเป็นวาสนา มาร่วมดื่มด้วยกันสักสองแก้วเป็นไง?”ถังซือซือมองเขาอย่างเหยียดหยามทั้งนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิกเวินเหลียงกลอกตาขาวเงียบ ๆ แล้วแอบพูดในใจว่าเยี่ยนหวยหน้าหนาพอ ๆ กับฟู่เจิงเลยเห็นทั้งสองคนไม่พูดไม่จา เยี่ยนหวยจึงเลิกคิ้ว “ทำไม? รีบไล่ฉันไปขนาดนี้ หรือว่านัดคู่นัดบอดเอาไว้แล้วกลัวฉันเห็นเขาเข้า?”“กลัวนายทำเขาคลื่นไส้น่ะสิ” ถังซือซือตอกกลับ“บังเอิญจังฉันก็นัดคนหนึ่งเอาไว้เหมือนกัน แต่ฉันไม่กลัวว่าเขาจะถูกเธอทำให้คลื่นไส้หรอกนะ เพราะงั้นเรามารอด้วยกันเถอะ ถึงเวลานั้นก็แนะนำให้รู้จักกันเอาไว้”ถัง
จู่ ๆ ก็มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นที่หน้าประตูไม่รู้ใครตะโกนขึ้นว่า “พ่อมาแล้ว”หลังจากนั้นทั้งบาร์ก็เริ่มโกลาหลขึ้น แขกบางรายยืนอึ้งอยู่ที่เดิมไม่รู้ต้องทำยังไง ทว่าก็มีแขกบางรายกระวนกระวายใจ วิ่งหนีไปทางซ้ายทีขวาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจคู่หนึ่งมุ่งหน้าเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยจากทางประตูหลัก เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ เราได้รับการแจ้งมาว่า ในบาร์มีคนใช้ของที่ผิดกฎหมาย ตอนนี้รบกวนทุกท่านให้ความร่วมมือเราทำคดีด้วยครับ เสียเวลาไม่นานหรอกครับ ไม่อย่างนั้นจะถูกจับในข้อหาทะเลาะวิวาทและสร้างความเดือดร้อนแทน”แขกหลายคนสงบลง และให้ความร่วมมือกับการไต่สวนของทางตำรวจถังซือซือค่อนข้างตกตะลึงเป็นอย่างมาก “มีคนเสพยาในที่แบบนี้ด้วยเหรอ? วุ่นวายชะมัด! ตาคนแซ่เยี่ยน นายหาที่พรรค์ไหนมาเนี่ย?”เยี่ยนหวยจนใจเป็นอย่างมาก “ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ...”“หุบปากไปเลย!”เยี่ยนหวยเม้มริมฝีปากล่าง ทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อถังซือซือกระซิบถามขึ้นว่า “ในเมื่อได้รับการแจ้งไป คนที่แจ้งก็น่าจะบอกรูปพรรณสัณฐานของคนที่เสพยาใช่ไหม?”ข้อศอกของเวินเหลียงประคองอยู่บนโต๊ะ พล
“คุณเวิน ผลการตรวจพบว่าคุณมีผนังมดลูกบางแต่กำเนิด ทารกในครรภ์ผิดปกติ ต้องระวังเรื่องการกินการออกกำลังในปกติมากหน่อยนะคะ”หมอกำชับพลางจ่ายยา ก่อนจะยื่นบัตรไป “นี่ค่ะ ไปรับยาได้เลย”“ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณหมอ” เวินเหลียงรับบัตรมาแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหมอกำชับเธออีกคำ “ต้องระวังนะคะ อย่าเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญล่ะ!”ผนังมดลูกบางทำให้แท้งง่าย ผู้หญิงตั้งครรภ์หลาย ๆ คนพอแท้งลูกแล้วก็ตั้งครรภ์ไม่ได้อีก“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันจะระวังนะคะ” เวินเหลียงยิ้มน้อย ๆ พร้อมพยักหน้าแต่งงานมาสามปี ไม่มีใครรอคอยการมาของเด็กคนนี้มากไปกว่าเธออีกแล้ว เธอต้องปกป้องเขาอย่างดีแน่นอนหลังจากรับยา เวินเหลียงออกมาจากตึกแผนกผู้ป่วยนอกและกลับขึ้นรถคนขับรถสตาร์ตรถ มองเธอจากกระจกหลัง “คุณผู้หญิงครับ เที่ยวบินของคุณผู้ชายคือบ่ายสามโมง ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาที จะไปสนามบินเลยไหมครับ?”“ไปสิ”พอนึกถึงว่าอีกยี่สิบนาทีก็จะได้เจอเขา ใบหน้าเวินเหลียงปรากฏรอยยิ้มหวานนิด ๆ ในใจเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้วฟู่เจิงไปดูงานเกือบเดือนแล้ว เธอคิดถึงเขามาก ๆระหว่างทางเธออดใจไม่ไหว หยิบผลตรวจครรภ์ออกมาจากกระเป๋าดูแล้วดูอีก วางมือบนท้องน้อ
“ฉันเอง”“คุณดื่มมาเหรอ...”“อืม ดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อย”เสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ เวินเหลียงขมวดคิ้วพลิกตัว เพราะนอนหลับไม่สนิทฟูกข้างตัวยุบลงมือใหญ่ข้างหนึ่งตกลงบนตรงเอวของเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามโค้งเว้าอันสวยงามช้า ๆ“อื้อ...คืนนี้ไม่ได้...” เวินเหลียงหลับตาห้ามเขาทั้งสะลึมสะลือเพราะกลัวกระทบกระเทือนกับลูกตามสัญชาตญาณมือใหญ่หยุดชะงักอยู่บนหลังของเธอ “งั้นนอนเถอะ”เวินเหลียงเพลียจริง ๆ ไม่นานนักจึงหลับสนิทเช้าตรู่ ตอนที่เวินเหลียงตื่นขึ้นมา ข้างตัวปราศจากไออุ่นแล้ว มีเพียงผ้าปูเตียงที่ยับเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อคืนคนข้างตัวได้กลับมาเธอนึกเสียใจนิด ๆ ทำไมเมื่อคืนถึงหลับไปได้นะ?ไม่เป็นไร บอกวันนี้ก็เหมือนกันหลังจากเวินเหลียงอาบน้ำเสร็จก็เดินไปที่ห้องแต่งตัว เลือกสูทสีขาวให้ฟู่เจิง และเลือกเนกไทสีแดงเพราะคิดว่าเรื่องที่ตัวเองท้องถือเป็นเรื่องมงคลเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำไปวางบนเตียงนอนฟู่เจิงกลับจากการวิ่งยามเช้าแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในชุดลำลอง เมื่อเงยหน้าเห็นเวินเหลียงที่กำลังลงมาจากบันไดจึงวางเอกสารในมือลง “กินข้าวเถอะ”จบมื้ออาหารเช้า เวินเหล
สามปีมานี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้ประกาศให้คนนอกรู้ แต่ก็ไม่ต่างจากสามีภรรยาทั่วไปทุกเช้าเธอจะเลือกสูทพร้อมเนกไทให้เขาแล้วไปบริษัทด้วยกันกลางคืนต่างคนต่างแยกย้ายไปรับรองลูกค้าออกกำลังกายก่อนนอนเป็นประจำ อาบน้ำด้วยกันในบางครั้ง รวมถึงจูบราตรีสวัสดิ์ของทุกคืนก็ไม่เคยขาดเขาไม่เคยพลาดของขวัญวันครบรอบวันแต่งงาน วันวาเลนไทน์และวันเกิด เธออยากได้อะไรเขาก็มอบให้ตามที่ปรารถนาทั้งหมดความโรแมนติก ความพิธีรีตอง เขาล้วนทำให้ครบหมดทุกอย่างเขาทำทุกเรื่องที่สามีสมบูรณ์แบบคนหนึ่งพึงกระทำแม้แต่ตัวเธอเองยังนึกว่าชีวิตจะมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆแต่ฉู่ซืออี๋กลับมาแล้วดังนั้นทุกอย่างจึงต้องจบลงฉะนั้นเสียงผู้หญิงในสายเมื่อวานก็คงจะเป็นฉู่ซืออี๋พวกเขาติดต่อกันมานานแล้วเหรอ?ทริปดูงานหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเหรอ?เมื่อวานพวกเขากลับมาด้วยกันเหรอ?เมื่อคืนเขาอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋เหรอ?พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ก้นบึ้งหัวใจเวินเหลียงก็เย็นเยียบ คล้ายกับฟู่เจิงเฉือนเลือดเฉือนเนื้อเธอทีละนิดจนขาดแหว่งไม่มีชิ้นดี“เวินเหลียง เธอวางใจเถอะ ถึงเราจะหย่ากัน แต่เธอก็ยังเป็นคนตระกูลฟู่ เป็นน