เธอสุ่ม ๆ คีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “คุณมองฉันทำไมน่ะ?”“ไม่มีอะไร” ฟู่เจิงเบือนสายตาหนีสายตาของเขาเปล่งประกาย อยากจะพูดทว่าก็ชะงักไป “อาเหลียง เธอ...”พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ชะงักไปพลางเม้มริมฝีปาก แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “คดีของพี่ใหญ่ถูกส่งสำนวนไปที่สำนักงานอัยการแล้ว เธอคิดเห็นยังไง?”เวินเหลียงชะงักไป ก่อนจะก้มหน้าพลางตอบ “ก็ไม่ได้คิดยังไง รอพิพากษา”“เธอ...ช่วยให้เวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม...”“ทำไมเหรอ?” เวินเหลียงเลิกคิ้ว“อย่าตีตัวออกห่างจากฉันเพราะเรื่องของพี่ใหญ่”หวังว่าเธอจะให้เวลาเขาได้อีกหน่อย เขาจะคิดหาวิธีพิสูจน์ว่าสิ่งที่ฟู่เยว่พูดเป็นเรื่องจริง ฉู่ซืออี๋ต่างหากที่เป็นตัวการทำให้พ่อของเธอตายเวินเหลียงก้มหน้าให้เวลาเขาได้พลิกคดีให้ฟู่เยว่?เขาเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอว่าที่ฟู่เยว่พูดเป็นความจริงแน่นอน?จางกั๋วอันกับทางตำรวจมีเหตุผลอะไรให้ต้องกล่าวหาฟู่เยว่อย่างไม่ยุติธรรมด้วย?โดยเฉพาะจางกั๋วอัน ตัวเองยังเอาไม่รอด เผชิญหน้ากับโทษจำคุกสูงสุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คือให้ความร่วมมือกับทางตำรวจสารภาพมาตามความจริง เพื่อขอให้ตัดสินโทษในสถานเบา ทว่าหากเขาพูดโกหก
เวินเหลียงเงียบไปครู่หนึ่ง “เปล่า ฉันยังจะไปเยี่ยมคุณย่าที่บ้านใหญ่อยู่เป็นครั้งคราวเหมือนเดิม”“งั้นทำไมจู่ ๆ เธอถึงก่อตั้งมูลนิธิบ้านั่นขึ้นมาล่ะ?”แม้ต้องเผชิญหน้ากับการย้อนถามของฟู่เจิง เวินเหลียงก็ยังสงบดังเดิม “ฉันแค่คิดว่าเงินพวกนั้นอยู่ในมือฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้บริจาคให้คนที่ต้องการดีกว่า”ตอนเด็ก ๆ เธอเองก็นับว่าเป็นเด็กที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังเช่นกัน ก่อนหน้านี้ไม่นานเมื่อได้รู้ตัวตนของหลินเจียหมิ่น ก็ทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเรื่องราวบางอย่างตอนเด็ก ๆ ภาพเหล่านั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนกอปรกับเธอคิดจะจัดการทรัพย์สินที่อยู่ในมือพอดี จึงได้ถือโอกาสก่อตั้งมูลนิธีขึ้นตีให้ตายฟู่เจิงก็ไม่เชื่อเหตุผลนี้ของเธออย่างแน่นอนเขาจ้องเวินเหลียงด้วยความเย็นชา “หลังบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดแล้ว เธอก็จะได้จากไปอย่างโล่งใจใช่ไหม?”เวินเหลียง: “...”เธอคิดแบบนี้จริง ๆตอนนี้เธอมีซีรีส์บางฉากที่ยังถ่ายทำไม่เสร็จ ภายในช่วงเวลานี้ เธอจะได้เลือกรองประธานที่เหมาะสมและทีมงานจัดการคนอื่นมาดำเนินการให้มูลนิธิรอถ่ายซีรีส์เสร็จหมดแล้ว เธอก็จะจากไป ไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นเมื่อก่อนเธอ
“ฉันรู้ ก็แค่มันรู้สึกทอดถอนใจนิดหน่อยเท่านั้น” เวินเหลียงก้มหน้าพร้อมกับหาเรื่องกลับ “เพียงแต่ ทำไมฉันถึงก่อตั้งมูลนิธิน่ะเหรอ คุณคิดว่าฉันจะจากไปเพราะเรื่องของพี่ใหญ่? ในเมื่อคุณเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเขาไม่ใช่คนบงการ ก็ต้องมั่นใจว่าจะหาหลักฐานเจอสิถึงจะถูก หรือเป็นเพราะในใจคุณรู้ดีอยู่แล้วว่าเดิมทีฟู่เยว่พลิกคดีไม่ได้?”“ไม่ใช่ ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะจากไปมากเกินไป”“แต่ว่า สองสามวันก่อนคุณบอกว่าให้ฉันเชื่อใจคุณ ให้เวลาคุณ ฉันก็ตอบตกลงแล้ว แต่คุณกลับไม่เชื่อใจฉันอย่างนั้น...” เวินเหลียงหยิกต้นขาอย่างแรงทีหนึ่ง ก่อนจะเช็ดตรงขอบตา “เดิมทีคุณไม่สนใจความรู้สึกของฉันเลย คุณสนใจแค่ตัวเอง”ฟู่เจิงสับสน “อาเหลียง ขอโทษนะ เธอไม่ต้องร้องไห้นะ ฉันไม่ได้ไม่สนใจความรู้สึกของเธอ ฉันก็แค่...”เขาอ้าแขนเข้าไปกอดเวินเหลียงเอาไว้ “ฉันก็แค่ขาดเธอมาได้...ฉันรับรองกับเธอเลยว่า หลังจากนี้ฉันจะไม่สงสัยในตัวเธออีกแล้ว”“มีแต่ผีน่ะสิที่เชื่อคุณ” เวินเหลียงจ้องเขาเขม็งทีหนึ่ง “ก่อนหน้านี้คุณก็เคยพูดว่าจะไม่ตามตอแยฉันอีก แต่ไม่เคยทำจริงได้เลยสักครั้ง” เวินเหลียงค้นพบตั้งนานแล้ว บางคำฟู่เจิงพูดออกมาราวกับ
สองทุ่มห้าสิบนาที ณ ซันเซ็ตบาร์เวลาที่นัดกันไว้คือสองทุ่ม ถังซือซือกับเวินเหลียงจงใจมาสายกันเล็กน้อยตามที่ถังซือซือบอก หากอีกฝ่ายรอไปสักพักแล้วยังไม่เธอมาก็จะกลับไปเอง?ภายในบาร์เสียงผู้คนจอกแจกจอแจ แสงสีเสียงเหล้าสุราพร้อมสรรพให้สราญรมย์ทั้งสองคนหาล็อกที่นั่งด้านในนั่งลง ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มสองแก้วถังซือซือล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งไลน์หาอีกฝ่าย “ฉันถึงแล้ว คุณอยู่ไหน?”“ผมยังไม่ถึง รบกวนรอสักครู่นะครับ” อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว“โอคเค่ะ” ถังซือซือตอบกลับไปด้วยพลางบ่นกับเวินเหลียงไปด้วยว่า “แม่มันเถอะ ยังสายกว่าฉันได้อีก!”ล็อกที่นั่งตรงมุมที่ห่างออกไปไม่ไกล เงาร่างสูงตระหง่านสายหนึ่งกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่ในล็อกที่นั่งอย่างขี้เกียจและเบื่อหน่าย พร้อมมองไปทางหน้าประตูอยู่เป็นระยะ ราวกับกำลังรอใครบางคนอยู่หน้าตาของเขาคมเข้มเป็นมุมมนชัดเจน สวมแว่นตากรอบทองอันหนึ่ง ทั้งตัวแผ่ความเป็นสุภาพบุรุษออกมา ออร่าที่ดูสะอาดสดชื่นทำให้คนรู้สึกปลื้ม จนอดไม่ได้ที่จะอยากเข้าใกล้ในช่วงที่นั่งอยู่ตามลำพังนี้มีผู้คนเข้ามาชวนคุยไม่น้อยเลยทีเดียว มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทว่าทุกคนต่างถูกเขาปฏิเส
ถังซือซือกลอกตาขาวทีหนึ่ง “นายช่วยมีสายตาหลักแหลมหน่อยได้ไหม?”“อะไรถึงเรียกว่ามีสายตาหลักแหลม?”“ฉันไม่อยากเจอนาย นายก็ควรเดินผ่านไปเลย ทำเป็นมองไม่เห็นไปซะ”คราวก่อนที่เจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ถังซือซือก็ทำแบบนี้เยี่ยนหวยก้มหน้าพลางขำออกมา ท่าทางสง่างามพร้อมกระปรี้กระเปร่า “ขอโทษนะ ฉันทำเรื่องไร้มารยาทแบบนั้นไม่เป็น”ความหมายโดยนัยก็คือถังซือซือไม่มีมารยาทถังซือซือแค่นเสียงฮึทีหนึ่ง “ตอนนี้ทักทายเสร็จแล้ว จะไปได้หรือยัง?”“บังเอิญเจอกันในเมืองที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ถือเป็นวาสนา มาร่วมดื่มด้วยกันสักสองแก้วเป็นไง?”ถังซือซือมองเขาอย่างเหยียดหยามทั้งนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิกเวินเหลียงกลอกตาขาวเงียบ ๆ แล้วแอบพูดในใจว่าเยี่ยนหวยหน้าหนาพอ ๆ กับฟู่เจิงเลยเห็นทั้งสองคนไม่พูดไม่จา เยี่ยนหวยจึงเลิกคิ้ว “ทำไม? รีบไล่ฉันไปขนาดนี้ หรือว่านัดคู่นัดบอดเอาไว้แล้วกลัวฉันเห็นเขาเข้า?”“กลัวนายทำเขาคลื่นไส้น่ะสิ” ถังซือซือตอกกลับ“บังเอิญจังฉันก็นัดคนหนึ่งเอาไว้เหมือนกัน แต่ฉันไม่กลัวว่าเขาจะถูกเธอทำให้คลื่นไส้หรอกนะ เพราะงั้นเรามารอด้วยกันเถอะ ถึงเวลานั้นก็แนะนำให้รู้จักกันเอาไว้”ถัง
จู่ ๆ ก็มีเสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นที่หน้าประตูไม่รู้ใครตะโกนขึ้นว่า “พ่อมาแล้ว”หลังจากนั้นทั้งบาร์ก็เริ่มโกลาหลขึ้น แขกบางรายยืนอึ้งอยู่ที่เดิมไม่รู้ต้องทำยังไง ทว่าก็มีแขกบางรายกระวนกระวายใจ วิ่งหนีไปทางซ้ายทีขวาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจคู่หนึ่งมุ่งหน้าเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยจากทางประตูหลัก เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขึงขัง “ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ เราได้รับการแจ้งมาว่า ในบาร์มีคนใช้ของที่ผิดกฎหมาย ตอนนี้รบกวนทุกท่านให้ความร่วมมือเราทำคดีด้วยครับ เสียเวลาไม่นานหรอกครับ ไม่อย่างนั้นจะถูกจับในข้อหาทะเลาะวิวาทและสร้างความเดือดร้อนแทน”แขกหลายคนสงบลง และให้ความร่วมมือกับการไต่สวนของทางตำรวจถังซือซือค่อนข้างตกตะลึงเป็นอย่างมาก “มีคนเสพยาในที่แบบนี้ด้วยเหรอ? วุ่นวายชะมัด! ตาคนแซ่เยี่ยน นายหาที่พรรค์ไหนมาเนี่ย?”เยี่ยนหวยจนใจเป็นอย่างมาก “ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ...”“หุบปากไปเลย!”เยี่ยนหวยเม้มริมฝีปากล่าง ทว่าไม่ได้พูดอะไรต่อถังซือซือกระซิบถามขึ้นว่า “ในเมื่อได้รับการแจ้งไป คนที่แจ้งก็น่าจะบอกรูปพรรณสัณฐานของคนที่เสพยาใช่ไหม?”ข้อศอกของเวินเหลียงประคองอยู่บนโต๊ะ พล
หลังเยี่ยนหวยตอบคำถามเสร็จ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปิดสมุดลง พร้อมกับเหน็บปากกาไว้บนกระเป๋าเสื้อ “ไปครับ พวกคุณสามคนกลับไปตรวจฉี่กับผม”“หา? ตรวจฉี่?” ถังซือซือเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ “คุณสงสัยว่าพวกเรา...”เวินเหลียงเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย ในใจแอบเป็นกังวลหน่อย ๆ“มีปัญหาอะไรก็ค่อยมาว่ากันหลังผลตรวจออกมาแล้วกันครับ”ถังซือซือยังคิดจะพูดอะไรอีก ทว่าเยี่ยนหวยรั้งเธอเอาไว้ถังซือซือใจเย็นลง รู้ว่าตอนนี้ตนเองพูดอะไรออกไปก็ไม่มีประโยชน์ ทว่าเธออดกลั้นความเดือดดาลไว้ไม่ไหวจริง ๆ“ต้องโทษนายนั่นแหละ! นายจงใจขุดหลุมดักฉันไม่เท่าไร ดูนายเลือกสถานที่เฮงซวยอะไรนี่สิ?” ถังซือซือเดือดดาลจนถลึงตาใส่เยี่ยนหวยทีหนึ่ง“โอเค ๆ ๆ ทั้งหมดต้องโทษฉันเอง ต้องโทษฉันเอง”เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ด้านหน้าหันหลังกลับมา “พวกคุณเป็นคู่นัดบอดที่เพิ่งรู้จักกันไม่ใช่เหรอครับ?”ถังซือซือ: “...”ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ทั้งสามคนถูกพาตัวขึ้นไปบนรถตำรวจเวินเหลียงแยกตัวไปอีกคัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายนั่งขนาบสองข้างเธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ในใจฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง อยากจะระบายมันออกมา ทว่าไม่รู้จะทำยังไง
“ผู้กำกับหลิ่วเล่าเรื่องให้ลุงฟังหมดแล้ว ผู้หญิงสองคนนั้นเป็นเพื่อนของนายเหรอ?” ลุงของเยี่ยนหวยเอ่ยถามขึ้น“ใช่ครับ เท่าที่ผมรู้จัก พวกเธอไม่มีทางข้องเกี่ยวกับของผิดกฎหมายแน่ ผมสงสัยว่าจะมีคนใส่ยาลงไปในเหล้าที่ดื่มตอนอยู่ที่บาร์” เยี่ยนหวยเอ่ยลุงของเยี่ยนหวยเอาสองมือล้วงกระเป๋า พร้อมมองผู้กำกับหลิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่งผู้กำกับหลิ่วเอ่ย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณเยี่ยน เลขาเซี่ย พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ ผมจะให้ลูกน้องรีบตรวจสอบให้แจ่มชัด และปล่อยเพื่อนทั้งสองของคุณเยี่ยนออกมา”“ขอบคุณครับผู้กำกับหลิ่ว” เยี่ยนหวยพยักหน้าตอบรับภายในห้องสอบสวน มีเจ้าหน้าที่พิเศษเข้ามาทำการตรวจสอบและสอบสวน เพื่อยืนยันให้มั่นใจว่าเวินเหลียงทำการเสพเป็นครั้งแรก และไม่ได้ติดสารเสพติดเวินเหลียงอดกลั้นกับอาการปวดหัว และพยายามหวนนึกรายละเอียดภายในบาร์อย่างสุดชีวิตทว่าตอนที่เธอไม่ทันสังเกตเห็นนั้นมีเยอะเกินไป บางรายละเอียดก็จำไม่ค่อยได้“คุณลองนึกดี ๆ อีกทีนะครับ ว่าแก้วเหล้าได้คลาดสายตาคุณไปบ้างหรือเปล่า?” เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไต่สวนซักถามเวินเหลียงขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปมแน่น ปวดหัวจนแทบจะระเบิดอ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง