“ผู้กำกับหลิ่วเล่าเรื่องให้ลุงฟังหมดแล้ว ผู้หญิงสองคนนั้นเป็นเพื่อนของนายเหรอ?” ลุงของเยี่ยนหวยเอ่ยถามขึ้น“ใช่ครับ เท่าที่ผมรู้จัก พวกเธอไม่มีทางข้องเกี่ยวกับของผิดกฎหมายแน่ ผมสงสัยว่าจะมีคนใส่ยาลงไปในเหล้าที่ดื่มตอนอยู่ที่บาร์” เยี่ยนหวยเอ่ยลุงของเยี่ยนหวยเอาสองมือล้วงกระเป๋า พร้อมมองผู้กำกับหลิ่วที่อยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่งผู้กำกับหลิ่วเอ่ย “ในเมื่อเป็นแบบนี้ คุณเยี่ยน เลขาเซี่ย พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลไปนะครับ ผมจะให้ลูกน้องรีบตรวจสอบให้แจ่มชัด และปล่อยเพื่อนทั้งสองของคุณเยี่ยนออกมา”“ขอบคุณครับผู้กำกับหลิ่ว” เยี่ยนหวยพยักหน้าตอบรับภายในห้องสอบสวน มีเจ้าหน้าที่พิเศษเข้ามาทำการตรวจสอบและสอบสวน เพื่อยืนยันให้มั่นใจว่าเวินเหลียงทำการเสพเป็นครั้งแรก และไม่ได้ติดสารเสพติดเวินเหลียงอดกลั้นกับอาการปวดหัว และพยายามหวนนึกรายละเอียดภายในบาร์อย่างสุดชีวิตทว่าตอนที่เธอไม่ทันสังเกตเห็นนั้นมีเยอะเกินไป บางรายละเอียดก็จำไม่ค่อยได้“คุณลองนึกดี ๆ อีกทีนะครับ ว่าแก้วเหล้าได้คลาดสายตาคุณไปบ้างหรือเปล่า?” เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบไต่สวนซักถามเวินเหลียงขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปมแน่น ปวดหัวจนแทบจะระเบิดอ
เยี่ยนหวยประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง“แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะ?”“...ฉันกำลังคิดอยู่น่ะค่ะว่าจะทักทายคุณดีไหม”เลขาเซี่ยยิ้มพลางส่ายหน้า “นี่มีอะไรให้ลังเลกัน?”“คุณจำฉันได้ด้วยเหรอคะ?” เวินเหลียงเงยหน้าพร้อมเอ่ยถามขึ้นอย่างระมัดระวัง“ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก แต่ตอนนี้จำได้แล้ว เธอชื่อเวินเหลียง สามีคือฟู่เจิง ฉันจำไม่ผิดใช่ไหม?”“คุณความจำดีมากเลยค่ะ” เวินเหลียงประจบประแจงอย่างแยบยล ไม่ได้จงใจไปแก้ไขเรื่องที่เธอกับฟู่เจิงหย่ากันแล้วก็ไม่นับว่าเป็นการประจบประแจงอะไร ที่เธอพูดเป็นความจจริงทั้งสิ้นถึงยังไงก็พบหน้ากันแค่ครั้งนั้น ไม่นึกเลยว่าผู้นำจะจำเธอได้ ทำให้เวินเหลียงตกตะลึงจริง ๆเลขาเซี่ยยิ้ม ทว่าไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก จากนั้นก็ย่างเท้าออกไปข้างนอกเลยเยี่ยนหวยชะงักไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่ถังซือซือ “ไปรอฉันที่ห้องพักก่อน”ไม่รอให้ถังซือซือตอบสนองกลับอะไร เขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าตามไปทันทีเลขาเซี่ยชำเลืองมองเยี่ยนหวยที่รั่งท้ายอยู่ก้าวหนึ่ง พร้อมฉีกยิ้มพลางเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “นายสนใจเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้นั่นใช่ไหม?”เยี่ยนหวยไม่ได้ปฏิเสธพร้อมยิ้มชืด ๆ ตอบกลับ “ตอนนี้รบก
ไม่ว่ายังไงเวินเหลียงก็คิดไม่ถึงเลยว่า อู๋ฮ่าวหรันจะให้คนใส่ของผิดกฎหมายลงไปในแก้วเหล้าของเธอ!ตอนอยู่ที่เมืองจิงเขาก็พูดจาหาเรื่องเธอ แต่เวินเหลียงรู้ว่าตัวเธอไม่มีทางทำให้ทุกคนยอมรับได้ทว่าเธอไปล่วงเกินอู๋ฮ่าวหรันตรงไหนเข้างั้นเหรอ?ก็ไม่มีนี่เขาถึงขั้นใช้วิธีนี้มาเล่นงานเธอเพียงเพราะไม่ชอบเธอ เสียสติเกินไปแล้ว!เพียงแต่ครั้งนี้ยังมีทางหนีทีไล่ ถ้าอู๋ฮ่าวหรันฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่ทันได้ระวังตัวมาเล่นงานเธออีก เธอจะติดสารเสพติดหรือเปล่า?เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เวินเหลียงก็เย็นยะเยียบไปทั้งตัว“คนนี้ล่ะครับ? พวกเขาอยู่ด้วยกัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างอู๋ฮ่าวหรัน แล้วถามขึ้นอีกครั้งเวินเหลียงขมวดคิ้วมุ่น “หลินอี้หน่วน!”หรือว่าที่อู๋ฮ่าวหรันตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ เป็นเพราะหลินอี้หน่วน?เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปที่ถังซือซือ ถังซือซือโบกมือ “ฉันไม่รู้จักค่ะ”เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปที่เวินเหลียงอีกครั้ง “คุณเคยกระทบกระทั่งกับพวกเขาหรือเปล่าครับ?”เวินเหลียงชี้ไปที่อู๋ฮ่าวหรัน “กับเขาไม่มีค่ะ แต่กับเธอมีนิดหน่อย”“เล่ามาให้ละเอียดหน่อยครับ”เยี่ยน
“คุณเวิน ผลการตรวจพบว่าคุณมีผนังมดลูกบางแต่กำเนิด ทารกในครรภ์ผิดปกติ ต้องระวังเรื่องการกินการออกกำลังในปกติมากหน่อยนะคะ”หมอกำชับพลางจ่ายยา ก่อนจะยื่นบัตรไป “นี่ค่ะ ไปรับยาได้เลย”“ค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณหมอ” เวินเหลียงรับบัตรมาแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนหมอกำชับเธออีกคำ “ต้องระวังนะคะ อย่าเห็นเป็นเรื่องไม่สำคัญล่ะ!”ผนังมดลูกบางทำให้แท้งง่าย ผู้หญิงตั้งครรภ์หลาย ๆ คนพอแท้งลูกแล้วก็ตั้งครรภ์ไม่ได้อีก“ขอบคุณค่ะคุณหมอ ฉันจะระวังนะคะ” เวินเหลียงยิ้มน้อย ๆ พร้อมพยักหน้าแต่งงานมาสามปี ไม่มีใครรอคอยการมาของเด็กคนนี้มากไปกว่าเธออีกแล้ว เธอต้องปกป้องเขาอย่างดีแน่นอนหลังจากรับยา เวินเหลียงออกมาจากตึกแผนกผู้ป่วยนอกและกลับขึ้นรถคนขับรถสตาร์ตรถ มองเธอจากกระจกหลัง “คุณผู้หญิงครับ เที่ยวบินของคุณผู้ชายคือบ่ายสามโมง ยังมีเวลาอีกยี่สิบนาที จะไปสนามบินเลยไหมครับ?”“ไปสิ”พอนึกถึงว่าอีกยี่สิบนาทีก็จะได้เจอเขา ใบหน้าเวินเหลียงปรากฏรอยยิ้มหวานนิด ๆ ในใจเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้วฟู่เจิงไปดูงานเกือบเดือนแล้ว เธอคิดถึงเขามาก ๆระหว่างทางเธออดใจไม่ไหว หยิบผลตรวจครรภ์ออกมาจากกระเป๋าดูแล้วดูอีก วางมือบนท้องน้อ
“ฉันเอง”“คุณดื่มมาเหรอ...”“อืม ดื่มกับเพื่อนมานิดหน่อย”เสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำ เวินเหลียงขมวดคิ้วพลิกตัว เพราะนอนหลับไม่สนิทฟูกข้างตัวยุบลงมือใหญ่ข้างหนึ่งตกลงบนตรงเอวของเธอ ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามโค้งเว้าอันสวยงามช้า ๆ“อื้อ...คืนนี้ไม่ได้...” เวินเหลียงหลับตาห้ามเขาทั้งสะลึมสะลือเพราะกลัวกระทบกระเทือนกับลูกตามสัญชาตญาณมือใหญ่หยุดชะงักอยู่บนหลังของเธอ “งั้นนอนเถอะ”เวินเหลียงเพลียจริง ๆ ไม่นานนักจึงหลับสนิทเช้าตรู่ ตอนที่เวินเหลียงตื่นขึ้นมา ข้างตัวปราศจากไออุ่นแล้ว มีเพียงผ้าปูเตียงที่ยับเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าเมื่อคืนคนข้างตัวได้กลับมาเธอนึกเสียใจนิด ๆ ทำไมเมื่อคืนถึงหลับไปได้นะ?ไม่เป็นไร บอกวันนี้ก็เหมือนกันหลังจากเวินเหลียงอาบน้ำเสร็จก็เดินไปที่ห้องแต่งตัว เลือกสูทสีขาวให้ฟู่เจิง และเลือกเนกไทสีแดงเพราะคิดว่าเรื่องที่ตัวเองท้องถือเป็นเรื่องมงคลเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นก็นำไปวางบนเตียงนอนฟู่เจิงกลับจากการวิ่งยามเช้าแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในชุดลำลอง เมื่อเงยหน้าเห็นเวินเหลียงที่กำลังลงมาจากบันไดจึงวางเอกสารในมือลง “กินข้าวเถอะ”จบมื้ออาหารเช้า เวินเหล
สามปีมานี้ แม้พวกเขาจะไม่ได้ประกาศให้คนนอกรู้ แต่ก็ไม่ต่างจากสามีภรรยาทั่วไปทุกเช้าเธอจะเลือกสูทพร้อมเนกไทให้เขาแล้วไปบริษัทด้วยกันกลางคืนต่างคนต่างแยกย้ายไปรับรองลูกค้าออกกำลังกายก่อนนอนเป็นประจำ อาบน้ำด้วยกันในบางครั้ง รวมถึงจูบราตรีสวัสดิ์ของทุกคืนก็ไม่เคยขาดเขาไม่เคยพลาดของขวัญวันครบรอบวันแต่งงาน วันวาเลนไทน์และวันเกิด เธออยากได้อะไรเขาก็มอบให้ตามที่ปรารถนาทั้งหมดความโรแมนติก ความพิธีรีตอง เขาล้วนทำให้ครบหมดทุกอย่างเขาทำทุกเรื่องที่สามีสมบูรณ์แบบคนหนึ่งพึงกระทำแม้แต่ตัวเธอเองยังนึกว่าชีวิตจะมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อย ๆแต่ฉู่ซืออี๋กลับมาแล้วดังนั้นทุกอย่างจึงต้องจบลงฉะนั้นเสียงผู้หญิงในสายเมื่อวานก็คงจะเป็นฉู่ซืออี๋พวกเขาติดต่อกันมานานแล้วเหรอ?ทริปดูงานหนึ่งเดือนนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันตลอดเหรอ?เมื่อวานพวกเขากลับมาด้วยกันเหรอ?เมื่อคืนเขาอยู่เป็นเพื่อนฉู่ซืออี๋เหรอ?พอนึกถึงเรื่องพวกนี้ ก้นบึ้งหัวใจเวินเหลียงก็เย็นเยียบ คล้ายกับฟู่เจิงเฉือนเลือดเฉือนเนื้อเธอทีละนิดจนขาดแหว่งไม่มีชิ้นดี“เวินเหลียง เธอวางใจเถอะ ถึงเราจะหย่ากัน แต่เธอก็ยังเป็นคนตระกูลฟู่ เป็นน
เวินเหลียงกอดโทรศัพท์มือถือ ปวดใจจนหายใจไม่ออกที่แท้พอฟู่เจิงลงจากเครื่องบินก็พาฉู่ซืออี๋ไปเจอกับเพื่อนของเขานี่เองพวกเขารู้และอวยพรกันทุกคนมีแต่เธอที่ถูกครอบอยู่ในกะลาและสามปีมานี้ การแต่งงานของพวกเขา มีแต่คนตระกูลฟู่ที่รู้เขาไม่เคยพาเธอไปเจอเพื่อนของเขาเลย แม้ว่าจะเจอบ้าง แต่ทุกคนต่างก็คิดว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมตระกูลฟู่โดยปริยาย“คุณผู้หญิงครับ?”คนขับรถมาถึงโรงจอดรถเพื่อมาเป็นสารถี เห็นรถของเวินเหลียงยังอยู่จึงเรียกด้วยความสงสัยเวินเหลียงปาดน้ำตาอย่างว่องไว ทำเป็นไม่ได้ยินและสตาร์ตรถออกไปทันทีเวินเหลียงจะไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวในการทำงานตอนนี้เธอจึงได้แต่ใช้การทำงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองเมื่อเวินเหลียงหาอีเมลของฟู่เจิงพบ จึงอัพโหลดแผนงานลงในอีเมลแล้วกดส่งแพล็บเดียวฟู่เจิงก็ตอบกลับสั้นกระชับเหมือนทุกที ‘ผ่าน หลังจากนี้เธอคอยจับตาดูให้มากหน่อยแล้วกัน’เวินเหลียงหยุดชะงักครู่หนึ่ง พิมพ์คำว่า ‘ได้’ ส่งไปแล้วมอบหมายงานอย่างรวดเร็วหลังจากเลิกงานตอนเย็น เวินเหลียงก็ได้รับข้อความจากฟู่เจิง ‘คืนนี้มีธุระ เธอกลับไปก่อน’เวินเหลียงเม้มริมฝีปาก ในใจเกิดความรู้สึกเจ็
เวินเหลียงรู้สึกแสบบริเวณปลายจมูก ภาพตรงหน้าถูกปกคลุมด้วยม่านน้ำตา หัวใจทุกข์ระทมขื่นขมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเธอไม่เคยเห็นท่าทางอ่อนโยนอย่างนี้ของฟู่เจิงเลย แต่งงานกันสามปีเขามักเมินเฉยใส่เธอเสมอเธอมักปลอบใจตัวเองว่าเขาเป็นคนอย่างนี้เองโกหกจนแม้แต่ตัวเองเธอก็ยังเชื่อเวลานี้เธอเห็นแล้วว่าเขาก็อ่อนโยนเป็นเหมือนกัน เพียงแค่มอบให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่งเท่านั้นพวกเขาเดินผ่านหน้ารถของเธอไป เขาไม่ได้สังเกตว่านั่นคือรถของเธอ และแน่นอนว่าไม่เคยสังเกตตัวเธอเช่นกัน“คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอคะ กลางคืนจะกิน...”แม่บ้านเห็นหยดน้ำตาบนใบหน้าของเวินเหลียงแวบ ๆ ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นเธอเข้าห้องนอนไปเลย จึงไม่กล้าถามอีกเวินเหลียงทรุดหลังพิงกับประตู ลำคอรู้สึกถึงรสชาติขมเฝื่อนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดหลังจากอดกลั้นมาทั้งวันในที่สุดเธอก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไป ม่านน้ำตาเอ่อขึ้นมาในเบ้าตาอย่างรวดเร็ว มันมากเสียจนล้นออกมาจากขอบตาและไหลลงตามพวงแก้มเธอปวดหัวใจมาก ปวดมากจริง ๆหลังจากที่พ่อแม่แยกทางกัน เธอก็ทนรับกับความทุกข์ของครอบครัวพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวมากพอแล้ว เธอจึงไม่อยากให้ลูกของเธอต้องเป็นเหมือนกั