วันที่หกมกราคม ถังซือซือกลับมาจากบ้านตระกูลถังเธอผลักกระเป๋าเดินทางไปด้านข้าง ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาอย่างเป็นอัมพาต พร้อมลูบหัวอย่างหงุดหงิด ท่าทางดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก“เป็นอะไรไป?” เวินเหลียงเทน้ำร้อนแก้วหนึ่ง ก่อนจะลวดมือส่งให้เธอ“เฮ้อ...”ถังซือซือถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเงียบไป พลางแผ่กลิ่นอายของความกดดันออกมาทั่วทั้งตัวก่อนหน้านี้เธอมีชีวิตชีวามาตลอด ฉีกยิ้มหน่อย ๆ ให้กับทุกการเผชิญหน้า เวินเหลียงเพิ่งเคยเห็นเธอเป็นแบบนี้ครั้งแรก“ถัง ตกลงเป็นอะไรกันแน่? สุขภาพของคุณลุงคุณป้าไม่ดีเหรอ?”ถังซือซือก้มหน้า สีหน้าเหี่ยวเฉา “อาเหลียง เธอว่าผู้ชายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดแต่เรื่องสืบพันธุ์กันทั้งนั้นหรือเปล่า?”เวินเหลียงชะงักไป ในใจผุดการคาดเดาไม่ดีขึ้นอย่างหนึ่งถังซือซือยิ้มทั้งเย้ยหยันออกมา “ฉันเพิ่งรู้ พ่อฉันมีชู้ แถมยังมีลูกชายอยู่ข้างนอกอีกคน โตจนเข้ามหาลัยแล้วด้วย! ฉันถึงว่าทำไมเขาถึงบังคับฉันไปนัดบอดตลอด!”แม้จะทายถูก ทว่าเวินเหลียงก็ยังอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา ไม่นึกเลยว่าคุณลุงถังที่แสนอบอุ่นในจินตนาการก็จะ...เวินเหลียงกอดถังซือซือเงียบ ๆ พร้
ฟู่เจิงกลับไปที่ฟู่ซื่อจริง ๆ บัญชีทางการของกรุ๊ปประกาศข่าว นับตั้งแต่วันนี้ไปฟู่เจิงจะมาเป็นประธานกรรมการใหญ่ของกรุ๊ปอาจเป็นเพราะช่วงนี้สถานการณ์ของฟู่ซื่อไม่ดีนักถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเวินเหลียง เธอจึงปิดโทรศัพท์ไปเลย“ฝานฝานกลับไปแล้วใช่ไหม?”“ยัง นอนหลับอยู่ข้างในน่ะ” เวินเหลียงชี้ไปที่ห้อง “เธออยากไปดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกับฉัน”“จูฝานไปหรือเปล่า?”“ไป ฉันถามเขาแล้ว”“งั้นฉันไปด้วย!”...ณ คลับแห่งหนึ่งตัวเลขบนหน้าจอของลิฟต์เด้งจนถึง ‘1’ ประตูลิฟต์ทั้งสองข้างเปิดออกเสียงดัง ‘ตึ๊ง’ฟู่เจิงเยื้องย่างเข้าไป ก่อนจะกดปุ่มปิดประตู และในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังปิดนี้เอง แขนข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามา เซนเซอร์ประตูลิฟต์ตอบสนอง รีบเปิดออกไปทั้งสองข้างทันทีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ปากประตูลิฟต์ สวมสูทสีกรมท่า สะอาดเรียบร้อยประณีต มีเสื้อคลุมสีดำพาดอยู่บนแขนตัวหนึ่งเมื่อเห็นประตูลิฟต์เปิดออก เขาก็เงยหน้ามองมาด้านในทีหนึ่ง พลันไปสบตาเข้ากับฟู่เจิงโดยไม่ได้ตั้งใจสองวินาที ก่อนจะก้มหน้าเดินเข้ามาในลิฟต์ พร้อมเอนตัวเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ก้าวหนึ่งฟู่เจิงเองก็ชักสายตากลับ และท
เลขาหยางจะพูดแต่หยุดเอาไว้ถ้าเธอจำไม่ผิด ฮั่วตงเฉิงคนนี้ก็คือหัวหน้าสมาคมหัวเฉียวตอนที่คุณผู้หญิงไปเรียนหนังสือที่ต่างประเทศในปีนั้นยังไงล่ะ เคยช่วยคุณผู้หญิงมาไม่น้อย เป็นหนึ่งในผู้ชายที่สนิทกับคุณผู้หญิง และอาจเป็นพ่อของลูกที่คุณผู้หญิงเคยคลอดออกมาก็ได้!ไม่แน่ว่าที่เขาเหม็นขี้หน้าประธานฟู่ถึงขนาดนี้ เป็นเพราะรู้ว่าประธานฟู่คืออดีตสามีของคุณผู้หญิง!หนึ่งในสาเหตุที่ฟู่เจิงหวนกลับฟู่ซื่อในครั้งนี้ ก็เพราะตระกูลฮั่วกว้านซื้อตัวเหล่าบุคคลที่เป็นหัวใจหลักในโปรเจกต์พลังงานใหม่ของฟู่ซื่อ กรุ๊ปไปในราคาสูง โปรเจกต์จึงต้องหยุดพักไปต่อไม่ได้ทุกวันที่ล่าช้าไป จะมีความเสียหายมูลค่าหลายบาทก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเป็นคนประคองโปรเจกต์นี้คนเดียว ลงทุนไปไม่น้อย ผู้บริหารระดับสูงไม่ยอมให้ความพยายามที่ผ่านมาต้องสูญเปล่า ฟู่เจิงเองก็ไม่ยอมเช่นกันถึงยังไงก็ไม่ควรประมาทคนแซ่ฮั่วนี่เลขาหยางกำลังคิดจะพูดเตือนฟู่เจิงเรื่องความสัมพันธ์ของฮั่วตงเฉิงและเวินเหลียง ทว่าในจังหวะนี้เองประตูลิฟต์ก็เปิดออก ฟู่เจิงสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไปเลขาหยางทำได้เพียงสับเท้าเดินตามไปอย่างรวดเร็วการทานอาหารในครั้งนี้ ที่ส
เธอถือกระเป๋าเดินเข้าไปในร้านอาหาร แล้วมุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นสองเลย ก่อนจะเดินหน้าไปยังห้องรับรองที่จองไว้เดินผ่านตรงหัวมุม เวินเหลียงขึ้นบันไดไปพลางเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากบันไดชั้นสอง ซึ่งคือเงาร่างที่เธอเห็นเมื่อครู่ ฉู่ซืออี๋!ฉู่ซืออี๋แต่งตัวสวยสะดุดตา กำลังยืนพิงอยู่บนราวบันได ใบหน้าแฝงรอยยิ้มอันงดงามเอาไว้ เธอมองเวินเหลียงตาไม่กะพริบ ราวกับจงใจมารอเธออย่างนั้น “ที่แท้ฉันก็ไม่ได้ตาฝาดไป นั่นเป็นรถเธอจริง ๆ!”ฝีเท้าของเวินเหลียงชะงัก ก่อนจะขึ้นบันไดต่อ “ทำไม? ที่คุณฉู่มายืนรอฉันตรงนี้ เพราะอยากพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับฉันเหรอ?”“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว” ฉู่ซืออี๋ยิ้มไปพูดไป นัยน์ตาประกายความโหดร้ายออกมาสายหนึ่ง “ฉันก็แค่อยากเอาของขวัญสุดพิเศษชิ้นหนึ่งให้เธอเท่านั้น...”เมื่อสิ้นเสียง จู่ ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปแล้วออกแรงผลัก“อ๊า...”เวินเหลียงไม่ทันได้ระวังตัว เท้าลอยขึ้นกลิ้งตกลงไปจากบนบันไดเลยในวินาทีนั้นโลกหมุนติ้วไปหมดเมื่อเธอได้สติกลับมา ก็ตกลงมาบนพื้นอย่างแรงแล้ว ความเจ็บปวดทำให้ตรงหน้าเธอมืดไปหมดเมื่อเธอเงยหน้ามองขึ้นไป ฉู่ซืออี๋หายไปแล้วแ
มิน่าล่ะ มิน่าล่ะหาอยู่ในอินเทอร์เน็ตตั้งนานสองนานก็หาข่าวที่เกี่ยวข้องกับปีนั้นไม่เจอเลยมิน่าล่ะเมื่อกี้ฉู่ซืออี๋ถึงได้ผลักเธออย่างกำเริบเสิบสาน เพราะรู้ว่าเธอมีเรื่องอยากจะขอร้องเขา จึงไม่กล้าแจ้งตำรวจอยู่แล้วในวินาทีนี้ ความคิดที่เดิมทีแจ่มชัดของเวินเหลียงพลันเปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิงไปหมด ราวกับเส้นด้ายที่ม้วนพันอยู่ด้วยกัน จะคลี่ยังไงก็คลี่ไม่ออกก่อนหน้าจะเข้ามา เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะโน้มน้าวให้เหยื่อพูดให้การทว่าข่าวที่ว่าฉู่ซืออี๋คือเหยื่อคนนั้น ทำเอาเธอรับมือไม่ทัน กวนการเตรียมการที่เธอเตรียมเอาไว้แล้วยุ่งเหยิงไปหมดทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำยังไงดีฉู่ซืออี๋จะออกหน้าไประบุตัวไหม?เวินเหลียงไม่แน่ใจเลยเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนจะเดินกะโผลกกะเผลกมานั่งลงข้างโซฟา “บุญคุณความแค้นของเราก่อนหน้านี้ยังไม่ต้องไปพูดถึง เธอรู้จุดประสงค์ที่ฉันนัดเจอเธอ ฉันหวังว่าเธอจะออกหน้ามาระบุตัวเมิ่งจินถัง เขาคือโจรเรียกค่าไถ่ที่ทำให้เกิดเรื่องกับเธอ หรือว่าเธอไม่อยากให้พวกเขาได้รับโทษตามกฎหมายที่สมควรได้รับ?”ฉู่ซืออี๋หัวเราะออกมาเบา ๆ เสียงหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปชี้หน้า
เวินเหลียงกระตุกยิ้มมุมปาก “...”เธอจ้องฉู่ซืออี๋เขม็งอย่างเคียดแค้น ในใจเดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา นิ้วกำเข้าหากันแน่นจนเป็นหมัด ถึงได้ควบคุมความพลุ่งพล่านที่ตัวเองอยากเข้าไปตบฉู่ซืออี๋สักสองฉาดได้ในใจเวินเหลียงรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมากไปแล้ว โดยพื้นฐานแล้วทางฝ่ายฉู่ซืออี๋คงตั้งความหวังไว้ไม่ได้แล้วเธอทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับจี้ตัน หวังว่าเขาจะไม่ใช่จอมลวงโลก หวังว่าเขาจะพาตัวจางกั๋วอันกลับมาประเทศได้ในขณะนี้เอง จู่ ๆ โทรศัพท์ของเวินเหลียงก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าแว่วดังขึ้นมาเธอกดเปิดอ่าน เป็นข้อความตอบกลับของจี้ตันอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆเขาตอบ “โอ้ชิต! เราจับตัวจางกั๋วอันได้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าตอนที่ใกล้จะถึงชายแดน เขาจะหนีไปได้!”กลัวเธอไม่เชื่อ จี้ตันยังส่งเอ็มเอ็มเอสมาสองสามภาพ เป็นรูปภาพที่จางกั๋วอันถูกมัดเวินเหลียงตรวจสอบดู รูปร่างหน้าตาคล้ายกับในรูปที่ถูกประกาศจับของจางกั๋วอันจริง ๆ ดูท่าจี้ตันจะไม่ใช่จอมลวงโลก แต่จางกั๋วอันหนีไปแล้ว...การหนีไปครั้งนี้ เขามีการระแวดระวังตัวแล้ว จะจับตัวได้อีกคงยาก!ในใจเวินเหลียงพลันจมดิ่งลงไปใต้หุบเหว อารมณ์หดหู่อย่
ฟู่เจิงอุ้มเวินเหลียงเข้าไปวางในที่นั่งด้านหลังของรถ พร้อมมองประเมินเธออย่างจริงจังตรงขมับมีเลือดออก แปะปลาสเตอร์ยาเอาไว้ลวก ๆ สองอัน ใบหน้าซีกซ้ายบวมแดง ด้านบนมีรอยประทับห้านิ้วมือชัดเจน และยังมีเท้าซ้าย...เขายกเท้าซ้ายของเวินเหลียงขึ้นมา กำลังจะถอดรองเท้าบูตออก เวินเหลียงคิดจะชักเท้ากลับไป ทว่าถูกเขากดน่องเอาไว้ เมื่อถอดรองเท้าบูตออกมา แม้ยังใส่ถุงเท้าเอาไว้อยู่ แต่ยังคงเห็นส่วนที่บวมนูนปูดขึ้นมาตรงข้อเท้าสรุปก็คือมองไปทั้งตัวเธอน่าอนาถสุด ๆนัยน์ตาฟู่เจิงลึกซึ้งไปหมด เขาเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ตกลงนี่มันเกิดอะไรเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แผลพวกนี้มาได้ยังไง? ใครตบตีเธอ?”เวินเหลียงเงียบไปอยู่สองสามวินาที “คุณไม่ต้องยุ่งหรอก”“เวินเหลียง!”เผชิญหน้ากับสายตาบีบให้ตอบคำถามของฟู่เจิง เวินเหลียงก็เบือนหน้าหนีไปเลยพลางหลับตาลงฟู่เจิง “...”เขาทั้งจนใจและทั้งโกรธเธอไม่พูดเขาก็จะไม่รู้งั้นเหรอ?ตกลงเป็นใครกันแน่ ที่ทำให้เธอต้องมาลำบากแบบนี้แถมยังปกปิดแทนคนนั้นอีก?ในการเข้าสังคมฟู่เจิงไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลย เลขาที่ช่วยดื่มแทนเขาก็ถูกส่งตัวกลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาขับรถ
ฟู่เจิงยืนอยู่หน้าประตูห้องครัว เมื่อเห็นการกระทำของเธอ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “เข้าสังคมคืนนี้สนใจแต่พูดคุยกัน ไม่ค่อยได้กินข้าวเท่าไร เธออุ่นเกี๊ยวให้ฉันด้วยสักหน่อยสิ”เวินเหลียงหันหน้ากลับมาแล้วถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งฟู่เจิงฉีกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องรับแขกทันใดนั้นโทรศัพท์ที่เวินเหลียงวางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้นมาฟู่เจิงเดินมาดูทีหนึ่ง เป็นข้อความไลน์ภายใต้การล็อกหน้าจอเอาไว้ เห็นเพียงแค่ช่องโชว์ชื่อคนที่ส่งข้อความมาชื่อว่าตงเจ๋อ ทว่าดูรายละเอียดข้อความไม่ได้ฟู่ซือฝานเคยเล่าให้ฟู่เจิงฟังว่า ตงเจ๋อคือช่างถ่ายภาพที่เวินเหลียงไปลงเรียนคอร์สถ่ายภาพ เธอยังมีแผนไปเที่ยวดูชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนกับตงเจ๋อด้วยแต่จูฝานและฟู่ซือฝานก็จะตามไปด้วย ฟู่เจิงจึงไมได้คิดมากอะไร คิดแค่เพียงเวินเหลียงอยากเรียนถ่ายภาพจริง ๆ“เข้ามายกถ้วยไปหน่อย!”มีเสียงของเวินเหลียงแว่วดังขึ้นมาจากในห้องครัวฟู่เจิงเดินเข้าไป มือแต่ละข้างถือถ้วยออกมาวางไว้บนโต๊ะเวินเหลียงเดินตามอยู่ด้านหลัง ในมือถือตะเกียบพร้อมกับถ้วยใบหนึ่ง ในถ้วยเป็นน้ำส้มสายชูละกระเทียมสับทั้งสองคนนั่งกินเกี๊ยวน้ำอยู่บนโซฟา ฟู่ซื
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง