“คุณป้าคะ คุณลุงบอกว่าที่บ้านของคุณป้ามีแมวอยู่ตัวหนึ่ง? หนูเองก็ชอบแมวเหมือนกัน!”“ที่บ้านป้ามีแมวอยู่ตัวหนึ่งจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้แมวมันเป็นเชื้อราแมว เชื้อราแมวแพร่สู่คนได้ ฝานฝาน เธอยังเด็กเกินไป ถ้าสัมผัสแมว อาจติดเชื้อราแมวเอาได้นะ”“เชื้อราแมวคืออะไรเหรอคะ?” ใบหน้าของเจ้าตัวน้อยเผยความผิดหวังออกมา ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย“เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งจ้ะ”เวินเหลียงเปิดโทรศัพท์ แล้วเซิร์ชหาภาพเชื้อราแมวในเบราว์เซอร์ ก่อนจะเอาให้ฟู่ซือฝานดู “นี่ไง นี่ก็คือเชื้อราแมว”เวินเหลียงเป็นผู้ใหญ่ ภูมิคุ้มกันแข็งแรง อาจไม่ติดเชื้อ แต่ฟู่ซือฝานยังเด็กเกินไป เวินเหลียงไม่กล้าพาเธอไปเสี่ยงแม้จะบอกว่าเชื้อราแมวเป็นโรคที่รักษาให้หายเองได้ แต่ฟู่ซือฝานไม่ใช่ลูกของตนหากติดเชื้อราแมวขึ้นมา ฟู่ชิงเยว่คงได้มาคิดบัญชีกับเธอแน่เจ้าตัวน้อยดูภาพเชื้อราแมวแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยความรังเกียจว่า “น่าขยะแขยงจัง จะหายไหมคะ?”“หายจ้ะ แค่ตรงที่เป็นเชื้อราแมวจะคันนิดหน่อย”เมื่อได้ยินดังนั้น ฟู่ซือฝานก็กลอกตาทีหนึ่ง พลางกัดนิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “แต่หนูก็ยังอยากเล่นกับแมวอยู่ดี ทำยังไงดีคะ?”เวินเ
ฟู่ซือฝานตอบตกลง เวินเหลียงหยิบกุญแจรถแล้วออกจากห้องไปเมืองเจียงเฉิงในฐานะเมืองเอกประจำมณฑลเจ เป็นศูนย์กลางการปกครองและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ธุรกิจการท่องเที่ยวพัฒนาไปในทิศทางที่ไม่เลวเลย มีจุดชมวิวโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศอยู่สองสามแห่ง เมื่อถึงวันหยุดจะมีคนมากมายเวินเหลียงขับรถพาฟู่ซือฝานไปยังจุดชมวิวสองแห่งของเมืองเจียงเฉิง ถ่ายรูปมาไม่น้อยเลยทีเดียว พร้อมทั้งถือโอกาสเดินเล่นรอบ ๆ จุดชมวิวด้วยฟู่ซือฝานกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ เธอซื้อของที่ระลึกไปเยอะมาก บอกว่าจะซื้อกลับไปฝากคุณย่าและบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของตัวเองเมื่อถึงตอนกลางวัน เวินเหลียงก็พาฟู่ซือฝานไปกินข้าวที่ร้านอาหารมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งใกล้จุดชมวิวทั้งสองคนเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้ที่นั่งค่อนข้างสูง เวินเหลียงอุ้มฟู่ซือฝานขึ้นไป ขาเล็กสั้นลอยอยู่ในอากาศ จากนั้นก็แกว่งไปแกว่งมาเพื่อให้ดูแลเธอได้สะดวก เวินเหลียงจึงนั่งฝั่งเดียวกับเธอ หารือกันแล้วสั่งอาหารมาสองสามอย่างฟู่ซือฝานใช้ชีวิตอยู่ในไชน่าทาวน์ที่ลอสแอนเจลิส ชินกับการกินอาหารจีน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นต่างประเทศ อาหารจีนไม่หลากหลายเ
“ใช่ว่าอาไม่อยากให้เธอเห็น อาแค่รู้สึกว่าข้อความของเขามันไม่สำคัญจริง ๆ”“ถ้าเป็นข้อความของคนอื่นล่ะคะ?”เวินเหลียง “...”แต่เธอก็ยังเปิดโทรศัพท์อ่านทีหนึ่งยังเป็นข้อความของเมิ่งเซ่อเหมือนเดิมเมิ่งเซ่อ “พี่ครับ ช่วงนี้พี่มีเวลาไหมครับ? ผมอยากเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อ”อาจเป็นเพราะกลัวเวินเหลียงไม่ตอบตกลง เมิ่งเซ่อจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “เพิ่งเริ่มฝึกงาน ยังมีเรื่องอีกเยอะที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก่อนหน้านี้พี่เป็นพนักงานของฟู่ซื่อ กรุ๊ป ผมเลยอยากขอคำแนะนำจากพี่หน่อยน่ะครับ”“คุณอาคะ เขานัดคุณอากินข้าวน่ะ”“อืม”เวินเหลียงปิดหน้าจอไปเลย“คุณอาไม่ตอบกลับเหรอคะ?”“ไม่จำเป็นต้องตอบกลับ”“หนูรู้แล้ว ป้าสะใภ้ไม่ชอบเขา! หนูเองก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน!”“ทำไมเธอถึงไม่ชอบเขาล่ะ?”ฟู่ซือฝานจับนิ้วชี้ของเวินเหลียง พร้อมแกว่งแขนของเวินเหลียง “เพราะเขาแย่งป้าสะใภ้กับคุณลุง! ป้าสะใภ้คะ หนูชอบป้าสะใภ้ หนูอยากให้ป้าสะใภ้เป็นป้าสะใภ้ของหนู”“ฝานฝาน เธอชอบฉัน ฉันเป็นคุณอาของเธอมันก็ได้เหมือนกันนี่ ฉันกับคุณลุงของเธอหย่ากันแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต ฉันไม่สามารถเป็นป้าสะใภ้ของเธอได้อีก”“แต่ว่าคุณลุ
เวินเหลียงกำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา บนหน้าจอโชว์ชื่อของฟู่เจิง“ป้าสะใภ้คะ สายของคุณลุงค่ะ” ฟู่ซือฝานที่สายตาแหลมคมเห็นเข้าแล้วเวินเหลียงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล?”“ตอนนี้พวกเธออยู่บ้านกันหรือเปล่า? ฉันจะไปรับฝานฝาน”เวินเหลียงยกโทรศัพท์ไปให้ห่างหน่อยหนึ่ง ก่อนจะมองฟู่ซือฝานที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฝานฝาน คุณลุงของเธอจะมารับเธอแล้ว คืนนี้เธอจะกลับไปกับอาไหม? หรือว่ากินข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปกับคุณลุงของเธอ?”ฟู่ซือฝานแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างว่านอนสอนง่ายว่า “วันนี้ป้าสะใภ้เหนื่อยมามากแล้ว ฝานฝานกลับไปกับคุณลุงหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ค่ะ” “โอเค งั้นฉันจะให้เขามานะ”เวินเหลียงเอาโทรศัพท์มาแนบข้างหูอีกครั้ง “ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านอาหารฮอลแลนด์ถนนวัฒนธรรม อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ”เธอมองเวลา “คุณมาประมาณหกโมงครึ่งก็แล้วกัน”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ ๆ พอดี จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ไม่ให้โอกาสเวินเหลียงได้ปฏิเสธ เขาก็ตัดสายไปเลยเวินเหลียง “...”ไม่นานปลาเผาก็มาเสิร์ฟ ยังมีอาหาร
ฟู่เจิงนั่งลงตรงหน้าทั้งสองคน เขามองเวินเหลียงพลางยิ้มเล็กน้อย “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็น ถ้าไม่รังเกียจขอฉันกินด้วยคนได้ไหม?”เวินเหลียงพ่นคำว่า “รังเกียจ!” สองคำออกมาอย่างเย็นชา“ป้าสะใภ้ ให้คุณลุงมากินด้วยกันเถอะค่ะ” ฟู่ซือฝานคว้ามือของเวินเหลียงเอาไว้แล้วแกว่งไปมาพลางออดอ้อนเวินเหลียงจ้องฟู่เจิงเขม็งทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฟู่เจิงเม้มปาก รู้ว่าเวินเหลียงกำลังอดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ เขาจึงสนใจแค่นั่งลงบนที่นั่ง แล้วขอชุดอุปกรณ์กินข้าวกับพนักงานชุดหนึ่ง จากนั้นก็สั่งเครื่องเคียงที่เวินเหลียงและฝานฝานชอบกินมา“ฝานฝาน วันนี้ไปเที่ยวไหนกับป้าสะใภ้มาเหรอ?” ฟู่เจิงฉวยโอกาสถามขึ้นฟู่ซือฝานเล่าออกมาด้วยความตื่นเต้น ออกเสียงพูดชัดถ้อยชัดคำพร้อมไหวพริบดี มีตรรกะเป็นอย่างมาก พูดขึ้นมาก็น่าฟังและมีเหตุผลเสียเต็มประดาทีแรกพี่สาวที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็ไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา แต่ต่อมาถูกน้ำเสียงของฟู่ซือฝานดึงดูดเข้า ก็อดไม่ได้ที่จะชวนคุย เธอถามเวินเหลียงว่า “คุณน้อง ลูกสาวของคุณน้องอายุเท่าไรแล้วคะเนี่ย? พูดจาคล่องปร๋อขนาดนี้เชียว ลูกชายฉันขึ้นชั้นประถมแล้ว ยังพูดไม่เข้าใจเลย”ฟู่ซือฝาน
ฟู่ซือฝานพูดอธิบาย “คุณป้าคะ เขาไม่ใช่พ่อของหนู แต่เขาเป็นคุณลุงของหนูค่ะ”“อ๋อ ๆ ๆ...แบบ...แบบนี้นี่เอง...” พี่สาวเบือนหน้ากลับไปด้วยความอิหลักอิเหลื่อฟู่เจิงตักเนื้อปลาที่เลือกก้างออกแล้วไปใส่ในถ้วยของเวินเหลียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าเอาแต่คุยสิ กินข้าวด้วย”เวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมองเขาทีหนึ่ง แล้ววางตะเกียบลงด้วยสีหน้าคงเดิม “ฉันกินอิ่มแล้ว ไหน ๆ คุณก็มาแล้ว งั้นพวกคุณค่อย ๆ กินไปนะคะ ฉันขอตัวกลับไปก่อน”พูดจบเธอก็บอกลากับฟู่ซือฝาน “ฝานฝาน วันนี้อามีธุระขอตัวก่อนนะ...”ฟู่ซือฝานแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา “ฝานฝานไม่อยากให้ป้าสะใภ้ไป อีกอย่างป้าสะใภ้ยังไม่ได้กินเนื้อปลาเลย คงกินยังไม่อิ่มแน่ ๆ”“ป้ากินอิ่มแล้ว...”ไหน ๆ เธอก็ซื้อกล้องถ่ายรูปมาแล้ว ก็ต้องไปถ่ายรูปฝึกให้เข้ามือที่จุดชมวิว เพราะงั้นเลยพาฟู่ซือฝานไปเดินเล่นในเมืองเจียงเฉิง และฉวยโอกาสถ่ายรูปไปด้วย วินวินกันทั้งคู่ฟู่เจิงวางตะเกียบลง พร้อมทั้งกดคิ้วลงต่ำ นัยน์ตาหม่นหมองไปหมด “เธอไม่อยากเห็นหน้าฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”“ฉันอยากเห็นหน้าประธานฟู่หรือเปล่า คุณยังไม่รู้แจ้งแจ่มชัดอีกเหรอ?”ฟู่เจิง “...”ต
ว่ากันด้วยเหตุผล เวินเหลียงรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปมาหาสู่กับฟู่ซือฝานมากเกินไป แบบนี้จะเข้าไปพัวพันและมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับฟู่เจิงได้ง่ายว่ากันในเรื่องความรู้สึก เวินเหลียงไม่สามารถปฏิเสธฟู่ซือฝานได้จริง ๆคงเป็นเพราะลูกของเธอไม่มีแล้ว ฉะนั้นจึงใจอ่อนกับเด็กได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กที่ว่านอนสอนง่ายและน่ารักอย่างฟู่ซือฝาน“โอเค งั้นพรุ่งนี้...”“พรุ่งนี้เธอมารับฝานฝานเองแล้วกัน ฉันมีธุระ ไปส่งฝานฝานไม่ได้” ทันใดนั้นฟู่เจิงก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกสีหน้าของเวินเหลียงเคร่งขรึม เธอไม่ได้สนใจฟู่เจิง แต่กลับมองไปที่ฟู่ซือฝาน แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มเล็กน้อยว่า “ฝานฝาน พรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง ฉันจะไปรับเธอนะ”“โอเคค่ะ ป้าสะใภ้ กลับดี ๆ นะคะ”เวินเหลียงยิ้มพลางลูบศีรษะของฟู่ซือฝาน “เจอกันพรุ่งนี้นะ”“เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินออกไปเมื่อเห็นเงาเบื้องหลังของเวินเหลียงออกไป ฟู่ซือฝานก็เบือนหน้ากลับมา แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มร่ากับฟู่เจิงว่า “คุณลุง วันนี้ตอนเที่ยงมีคุณคนหล่อจะเลี้ยงข้าวป้าสะใภ้ด้วย แต่ป้าสะใภ้ไม่ได้ตอบตกลง”ฟู่เจิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผู้ชายคนนั้
อวิ๋นเฉียว “เอาเรื่องคดีลักพาตัวเมื่อสิบปีก่อนคดีนั้นก่อนนะครับ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมากมายถูกลบออกไป ผมใช้เทคนิคด้านไอทีกู้ข่าวและโพสต์กลับมา แต่ก็ยังได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวคดีนั้นไม่เท่าไรเหมือนเดิม รู้แค่ว่าตัวประกันเป็นนักศึกษามหาลัย ฐานะทางบ้านไม่ธรรมดา สุดท้ายก็ถูกช่วยออกมาได้สำเร็จ”อวิ๋นเฉียว “ส่วนใครเป็นคนลบข้อมูลข่าวรายงานออกไปนั้น ผมให้น้ำหนักไปที่ครอบครัวของตัวประกันที่ไม่ยอมให้เผยหน้าตัวประกันภายใต้สายตาของประชาชน ในข่าวรายงานปีนั้น สื่อต่างไม่ได้เอ่ยถึงชื่อตัวประกันเลย”เวินเหลียง “พวกเขาได้ค่าไถไปไหม? สุดท้ายคนร้ายลักพาตัวถูกจับหรือเปล่า?”อวิ๋นเฉียว “เรื่องค่าไถ่ไม่แน่ชัดเหมือนกันครับ คนร้ายลักพาตัวไม่ได้ถูกจับกุม ตอนนี้ในระบบมีแค่ข่าวประกาศจับสองข่าว เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเอามาก ๆ แต่ผมหาตัวตนของคนที่เดินทางไปกับหวังต้าไห่มาได้แล้วครับ เขาแซ่เมิ่ง ชื่อว่าเมิ่งจินถัง เป็นคนบ้านเดียวกับหวังต้าไห่ แต่เมิ่งจินถังไม่ได้อยู่ในประกาศจับ”อวิ๋นเฉียว “เมิ่งจินถัง สิบปีก่อนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ ช่วงเวลาที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ต่างประเทศ คือวันต่อมาหลังจากพ่อ
อิเลียลุกขึ้นพรวด พลางมองเยี่ยนหวยอย่างเหลือเชื่อ“ถ้าเธอยังเห็นฉันเป็นพี่ชายของเธออยู่ ก็เชื่อฟังฉัน แล้วกลับไปเมืองฟิลาเดลเฟียพรุ่งนี้ซะ!” เยี่ยนหวยนั่งตัวตรงพลางเงยหน้ามองเธออยู่บนโซฟา“ฉันไม่กลับ!” อิเลียเดือดดาลจนแค่นเสียงฮึออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะกลับไปนั่งตรงมุมโซฟา “อยากกลับพี่ก็กลับไปเองซะเลยสิ!”“ฟู่เจิงไม่ใช่คนดี ต่อให้ระหว่างพวกเธอมีลูกด้วยกัน เขาก็ไม่มีทางคบกับเธอ”ก่อนหน้านี้ฟู่เจิงเคยมีเรื่องอื้อฉาวว่ามีชู้ ตอนนี้ก็มีอดีตภรรยาที่มีความสัมพันธ์คลุมเครือมาอีกคน ขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่รักลูกสาว ก็จะไม่มีวันเลือกเขาทั้งนั้น“พี่รู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนดี? พี่รู้ได้ไงว่าเขาจะไม่คบกับฉัน? วันนี้ตอนเที่ยงเรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย!”เมื่อเห็นอิเลียดื้อดึง ในใจของเยียนหวยก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจ เขาแสยะยิ้มออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “พวกเธอไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันตามลำพัง แต่ฟู่ซือฝานอยู่ข้าง ๆ ใช่ไหม?”ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ฟู่เจิงจะมากินข้าวกับอิเลียตามลำพังได้ยังไง? นอกเสียจากเขาคิดจะเลิกกับเวินเหลียงจริง ๆ“...ใช่ ก็เขาเป็นลูกของพวกเรานี่” เมื่อเห็นว่าถูกเดาทางถูก อิเลียก็พูดอึ
แต่หลังจากเดินตามแผนแล้วถึงได้พบว่า นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยถ้าพ่อแม่คุณลุงคุณป้ารู้ว่าเธอมีลูกนอกสมรสข้างนอก ต้องเข้ามาแทรก และไม่แน่ว่าจะพาตัวเธอกับลูกกลับไป“อิเลีย ผมเข้าใจนะครับคุณในฐานะแม่แท้ ๆ คุณอยากรีบกระชับความสัมพันธ์กับฝานฝาน แต่ก็อย่าตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะมักจะไปหาฝานฝานที่โรงเรียนอนุบาล แบบนี้จะส่งผลกระทบกับชีวิตของเธอได้นะครับ”“ฉันรู้แล้วค่ะ ต่อไปจะไม่ไปหาเขาที่โรงเรียนอนุบาลอีก ฉันเห็นว่าคุณกินน้อยมาก อาหารที่เหลือไม่ถูกปากหรือเปล่า?”ฟู่เจิง “...ก่อนมาผมกินมาบ้างแล้ว”หลังกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฟู่ซือฝานรบเร้าขอกลับกับฟู่เจิงเธอล้วงกลยุทธ์ร้องไห้งอแงชักดิ้นชักงออยู่ที่พื้นของเด็กห้าขวบออกมาอย่างล้ำลึก ไม่มีเหตุผล ทว่าอิเลียฝืนเธอไม่ได้อิเลียทำได้เพียงกลับไปที่บ้านของเซี่ยเจิน“อิเลีย เธอกลับมาแล้วเหรอ?”เมื่อเห็นอลิซนั่งอยู่บนโซฟา อิเลียเดินมานั่งลง “เป็นยังไงบ้าง? ครั้งนี้เธอไปเมืองซีกับซีซาร์ ได้แสร้งทำเป็นเจอโดยบังเอิญ แล้วไปกินข้าวกับเขาอะไรหรือเปล่า?”อลิซเบะปาก “เปล่า”“ทำไมล่ะ? โอกาสดีขนาดนั้นทำไมเธอไม่คว้าเอาไว้?”“เขางานยุ่งมาก ฉันกล
อิเลียจัดผมด้วยท่าทางราวกับไม่มีเจตนาอื่น หน้าตาเผยความตื่นเต้นออกมาดูท่าเธอจะเลือกวิธีถูกจริง ๆในตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใกล้ฟู่ซือฝานไม่เท่าไร ท่าทีของฟู่เจิงเขาก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้วผ่านไปยี่สิบนาที ฟู่เจิงก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องรับรองนี่เป็นการเจอกันครั้งที่สองหลังจากวันนั้นเขานั่งลงข้าง ๆ ฟู่ซือฝาน พลางพยักหน้าให้อิเลียเบา ๆ “รบกวนแล้ว ไม่ถือสาที่ผมมาร่วมโต๊ะด้วยใช่ไหม?”“ไม่ถือสา นั่งเถอะค่ะ”สีหน้าของอิเลียเย็นชา ราวกับยังอยู่ต่อหน้าคุณหญิงและฟู่ชิงเยว่ครั้งก่อน เธอไม่ได้โกรธที่ฟู่เจิงปฏิเสธเธออย่างไร้ความปรานี“งานผมยุ่งมาก ยากที่จะใส่ใจคุณกับฝานฝานได้มากขนาดนั้น”“ฝานฝานเป็นลูกของฉัน นี่เป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าคุณจะมา ก็เลยสั่งอาหารไปสุ่ม ๆ เดี๋ยวอาหารมาเสิร์ฟคุณก็ดูแล้วกันว่าอยากจะสั่งเพิ่มไหม”“ผมไม่เลือกกิน” ฟู่เจิงตอบจากนั้นพนักงานก็เริ่มมาเสิร์ฟอาหารฟู่เจิงมองเนื้อแพะที่มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก้มหน้าไปมองฟู่ซือฝานฟู่ซือฝานก้มศีรษะน้อย ๆ อย่างกระวนกระวายอิเลียหยิบตะเกียบขึ้นมา “ไม่ต้องเกรงใจ กินเลยค่ะ”ฟู่เจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่
เจียงเฉิงเที่ยงวันศุกร์ อิเลียไปรับฟู่ซือฝานออกไปกินข้าวเที่ยงที่คฤหาสน์ย่านซิงเหอวานเธอฉีกยิ้มพลางพูดกับฟู่ซือฝานว่า “เมื่อวานแม่ว่าจะไปรับหนูที่โรงเรียนอนุบาล จู่ ๆ ก็นึกถึงคำพูดของหนูเมื่อครั้งก่อนได้ ก็เลยมาวันนี้ วันนี้ตอนบ่ายแม่จะพาหนูไปเล่นดี ๆ เป็นยังไงจ๊ะ?”ฟู่ซือฝานเอียงคอพลางครุ่นคิด “ตอนบ่ายหนูต้องทำการบ้าน แค่กินข้าวเที่ยงก็พอแล้วค่ะ”“ก็ได้ งั้นหนูคิดไว้หรือเปล่าว่าอยากกินอะไร?”“ไปร้านอาหารที่มีเมนูเนื้อแพะแนะนำแล้วกันค่ะ” ฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง “วันนี้คุณลุงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงเป็นเพื่อนหนู ไม่รู้ว่าจะมาไหม”นัยน์ตาอิเลียวาบความปลื้มปีติออกมา “จริงเหรอ?”“เขาเคยบอกไว้แบบนี้ค่ะ คุณน้าคะ ที่คุณน้ารับหนูออกมา ไม่ใช่เป็นเพราะอยากกระชับความสัมพันธ์กับหนูสองต่อสองเหรอคะ? ทำไมถึงหวังให้คุณลุงมาด้วยล่ะคะ?”เจ้าตัวน้อยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง“น้า...น้ามีเรื่องอยากพูดคุยกับพ่อของหนูน่ะ แล้วก็หวังว่าเราจะได้กินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว” อิเลียรีบหาข้ออ้างทันทีเจ้าเด็กคนนี้ หูตาเฉียบแหลมจริง ๆ“อ้อ”“น้าจะหาร้านอาหารเนื้อแพะเดี๋ยวน
“เรียกฉันทำไม?” เยี่ยนหวยมองเธอด้วยสีหน้าไร้เดียงสา“ตอนนี้มันฤดูร้อน”ผ่านฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว“ฉันแค่นึกถึงวันนั้นที่ไปติวให้เธอแล้วเจอแม่เธอเข้าโดยบังเอิญ เธอคิดไปถึงไหน?” เยี่ยนหวยเลิกคิ้วถังซือซือชะงักไปมีครั้งหนึ่งตอนที่เธอติวอยู่ในบ้าน แล้วบังเอิญเจอแม่ของเธอเข้าจริง ๆ แต่นั่นมันเรื่องตอนเทอมที่สองเยี่ยนหวยต้องจงใจพูดถึงวันนั้นตอนเทอมแรกแน่ ๆ ให้เธอเข้าใจผิดถ้าเธอชี้ไปเลยว่าเยี่ยนหวยจำผิด ก็จะเข้าแผนของเยี่ยนหวย เหมือนว่าเธอยังไม่เคยลืมเรื่องในอดีต คิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นของเธอกับเยี่ยนหวยอยู่ตลอด“ตอนนี้ไม่ใช่ฤดูร้อนเหรอ? นายคิดไปถึงไหนอีก?” เธอปัดตกเรื่องนี้ไปอย่างมั่นใจทันทีหลังพูดจบ เธอก็หมุนตัวเดินไปด้านหน้าต่อ “ไม่พูดแล้ว รีบไปร้านถัดไปเถอะ”อยู่ข้างนอกจนถึงสี่ทุ่ม ทั้งสองคนถึงกลับไปยังโรงแรมด้วยกันถังซือซืออยากเรียกรถกลับไปเอง ไม่อยากให้เยี่ยนหวยไปส่งเธอเยี่ยนหวยจึงเอ่ยไปตามตรงว่า “ฉันพักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันกับเธอ”ถังซือซือ “...”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วคราวก่อนตอนที่เวินเหลียงถ่ายรูปเยี่ยนหวยรูปแรกที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เวินเหลียงก็ถามว่าช่วงนี้เยี่ยนหวย
เมืองซีในฐานะเมืองใหญ่ของเจียงหนาน ประเภทของกินเล่นมีมากมาย ของกินเอกลักษณ์ที่ขึ้นชื่อไปทั่วประเทศอาทิ เต้าหู้เหม็น ไส้กรอกยักษ์ เส้นหมีเฝิ่น กุ้งเผ็ดเป็นต้นถังซือซือเคยมาเมืองซีตอนมาทำงานต่างถิ่นก่อนหน้านี้ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด จึงทำได้เพียงเดินช็อปปิงที่อื่น แต่เพิ่งเคยมาถนนคนเดินที่นี่เป็นครั้งแรกเธอซื้อไส้กรอกยักษ์สองชิ้นก่อน และแบ่งให้เยี่ยนหวยหนึ่งชิ้นกินไปได้เพียงครึ่งเดียว ถังซือซือก็หยุดอยู่ตรงหน้าร้านขายขนมฉือปา เธอกลืนน้ำลายแล้วถามขึ้นว่า “รู้ไหมคะว่าตรงไหนมีถังขยะบ้าง?”“ที่เหลือเธอไม่กินแล้วเหรอ?”“อืม”“ไม่อร่อย?”“ไม่ใช่ อร่อยมาก แต่ว่ายังมีของอร่อยอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ฉันอยากเก็บท้องเอาไว้”เยี่ยนหวย “...”“เอามาให้ฉันก็ได้” เยี่ยนหวยรับไส้กรอกครึ่งชิ้นที่เหลืออยู่มาจากในมือของเธอ ก่อนจะเติมเข้าไปในท้องอย่างไม่มีภาระใด ๆถังซือซือซื้อขนมฉือปาแล้วเธอทำตัวอย่างกับโจร แต่ละร้านไม่ยอมปล่อยไปเลย ทว่าก็ชิมเพียงสองสามคำ ทั้งหมดที่เหลือก็โยนให้เยี่ยนหวยอย่างสบายใจเยี่ยนหวยเพลิดเพลินกับพฤติกรรมพรรค์นี้ ในใจเข้าใจได้ในทันที ราวกับกลับไปเมื่อเจ็ดปีก่อนหลังเรียนอย
“มันเรื่องอะไรกันแน่?”ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนหวยอยู่ที่เจียงเฉิง กลับไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าอิเลียกำลังทำอะไรอยู่ เธอออกไปข้างนอกทุกวัน เยี่ยนหวยคิดเพียงแค่ว่าเธอกำลังไปเที่ยวเล่นถังซือซือไม่ใช่คนที่จะกุเรื่องมั่วซั่ว เธอพูดแบบนี้ ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ“พูดไปแล้วก็ยาว ตอนแรกฟู่ชิงเยว่อาของฟู่เจิงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่ที่เมืองนอก ตอนนี้อายุห้าขวบแล้ว ปีที่แล้วอาเหลียงแท้ง แล้วฟู่ชิงเยว่ติดธุระพอดี เลยส่งเด็กคนนั้นกลับประเทศมาให้ฟู่เจิงดูแลช่วงหนึ่ง ฟู่เจิงเลยให้เด็กคนนั้นอยู่ในประเทศไปเลยเพื่อง้ออาเหลียง ปกติจะมาอยู่เป็นเพื่อนอาเหลียง และเด็กคนนั้นเองก็เข้าไปอยู่ในทะเบียนบ้านของฟู่เจิง แต่ว่า...”เยี่ยนหวยเดาเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปออกแล้ว จึงรับช่วงเอ่ยขึ้นต่อว่า “แต่ว่าจู่ ๆ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกของฟู่เจิงกับอิเลีย?”“ใช่ รายละเอียดฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับอาของฟู่เจิงนิดหน่อย เธอรู้ตัวตนของเด็กผู้หญิงคนนั้นมาตั้งแต่แรก และไม่ชอบอาเหลียงมาโดยตลอด ยังไงตอนนี้อาเหลียงก็อยู่กับฉัน เขากับฟู่เจิงทะเลาะกันอีกแล้ว”เยี่ยนหวยเอ่ยควา
“เยี่ยนหวย!!”ประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสองคนเข้าไปกันตามลำดับ แล้วลงไปยังลานจอดรถใต้ดินตรงมุมเลี้ยว ในหัวของผู้หญิงสวมหน้ากากอนามัยวาบภาพที่เห็นเมื่อครู่ขึ้นมา หมัดที่ห้อยอยู่กำขึ้นแน่น เธอก้มหน้าทั้งดวงตาที่ประกายความอำมหิตออกมาหากเวินเหลียงอยู่ตรงนี้ คงจะจำได้แน่ ๆ ว่าผู้หญิงที่สวมหน้ากากอนามัยคนนี้ก็คืออลิซที่เธอมาเจียงเฉิง ก็เพราะเยี่ยนหวย เยี่ยนหวยมาเมืองซีเมื่อสองวันก่อน เธอเองก็ตามมาเช่นกันอิเลียถามเลขาของเยี่ยนหวย เมื่อรู้โรงแรมของเขาก็บอกกับอลิซทีแรกอลิซคิดว่าเยี่ยนหวยมาทำธุระที่เมืองซี จากนั้นก็ค่อย ๆ พบว่ามันไม่ชอบมาพากลเยี่ยนหวยไม่ยุ่งเลยสักนิดแถมยังมีเวลาไปสอบถามร้านอาหารท้องถิ่น ถนนคนเดิน จุดชมวิวของเมืองซีเป็นต้น อีกต่างหาก ไม่เหมือนมาทำงานต่างถิ่น แต่เหมือนมาเที่ยวเสียมากกว่าจนกระทั่งวันนี้ เมื่อได้เห็นภาพนั้น อลิซถึงเข้าใจทุกอย่างที่แท้คนที่ซีซาร์ชอบไม่ใช่เฟย์ แต่เป็นถังซือซือเพื่อนของเฟย์!ที่แท้เขาไม่ได้มาทำงานต่างถิ่นที่เมืองซี แต่มาเพื่อตามจีบถังซือซือ!ที่เขาสอบถามร้านอาหารและจุดชมวิวของเมืองซี ก็เพื่อพาถังซือซือไปวันนี้!ในใจอลิซอิจฉาเป็นอย่างม
เมื่อเยี่ยนหวยได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าเวินเหลียงไม่ได้รักษาคำมั่นสัญญาแต่เขาก็เตรียมตัวไว้นานแล้ว วันนั้นหลังจากกลับไปก็ให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วตัดคลิปมาใส่ไว้ในโทรศัพท์เมื่อได้ยินถังซือซือถามขึ้น เขาก็รีบส่งให้เธอทันที “ก็แค่คนที่ไม่สลักสำคัญอะไรคนหนึ่ง ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว”ถังซือซือดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนจะเบะปาก “อยู่ต่างประเทศคุณเยี่ยนมีสาวมาชอบเพียบเลยนะคะ”“แต่ฉันสนใจอยากจะครอบครองแค่เธอ”“จะยอมให้ฉันครอบครองไหม คุณถัง?”เยี่ยนหวยนั่งเอี้ยวตัว แขนข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เขาโน้มตัวเข้ามา ตัวท่อนบนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลิ่นหอมฉุยจาง ๆ และกลิ่นอายของชายหนุ่มที่มาพร้อมกับการบุกรุกโอบล้อมเธอเอาไว้เขาดันแว่นตากรอบทอง สีหน้าอบอุ่น ฉีกยิ้มทว่าก็ราวกับไม่ยิ้ม มุมปากกระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย ค่อนข้างมีความรู้สึกประเภทหน้าเนื้อใจเสือถังซือซือเหม่อไปครู่หนึ่ง“คุณถัง?”ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ไออุ่นร้อนปะทะเข้ามาที่หน้า ในที่สุดถังซือซือก็ได้สติกลับมา เธอเอนหลังพลางตบหน้าอก “นายทำฉันตกใจหมด...ไป ไปเดินหาของกินเล่นกันเถอะ”เธอลุกขึ้นและเดินออกไปอย่าง