เวินเหลียงพิมพ์ตอบกลับไปข้อความหนึ่ง “ขอโทษด้วยนะ วันนี้ตอนบ่ายค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้ดูโทรศัพท์ อีกสองสามวันว่าง นายเลือกเวลามาสิ”นิ้วของเธอคาอยู่บนปุ่มกดส่งสองสามวินาที ก่อนจะกดส่งข้อความไปเวินเหลียงกลับไปยังหน้าห้องแชตที่คุยกับอวิ๋นเฉียว “ลงลึกเบาะแสนี้ของคดีลักพาตัวอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ? ลงมือจากคนร้ายลักพาตัวที่อยู่ในประกาศจับอีกสองคนได้ไหม?”“ผมทำได้แค่จะพยายามสืบหาต่อไปครับ”“รอข่าวดีจากคุณนะคะ”หลังเวินเหลียงตอบกลับไปแบบนั้น เมิ่งเซ่อก็ตอบกลับมาเมิ่งเซ่อ “ไม่เป็นไรครับพี่”เมิ่งเซ่อ “งั้นเป็นพรุ่งนี้แล้วกันครับ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงโอเคไหมครับ?”เวินเหลียง “โอเค”เมิ่งเซ่อ “งั้นพี่เลือกร้านอาหารมาเลยครับ”เวินเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นก็ร้านฟู่ชุนถังที่อยู่บนถนนกั๋วฮวาก็แล้วกัน ฉันจะจองห้องรับรองเอาไว้”เมิ่งเซ่อส่งมีมดีใจมาตัวหนึ่ง “โอเค!”เวินเหลียงปิดหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพิงไปบนพนักพิงโซฟาอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว พลางหลับตาพักสมอง ไม่นึกเลยว่าเมิ่งเซ่อจะเป็นลูกชายของเมิ่งจินถังตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เมิ่งเซ่อมอบให้เวินเหลียงคือ ไ
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบลงเล็กน้อยเวินเหลียงเงยหน้าขึ้น มองเข้าไปในดวงตาอันลึกซึ้งของฟู่เจิงเพียงปราดเดียว เธอก็รีบตอบสนองกลับมาทันที ราวกับกระต่ายที่ถูกคนที่นั่งเฝ้าตอไม้กระต่ายจับได้อย่างนั้น เธอกระวนกระวาย “คุณอยู่บ้าน? คุณมีธุระไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคุณถึงมาอาบน้ำในห้องรับรองแขกล่ะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอาบน้ำเอาตอนนี้?”แปลก!มันจะแปลกเกินไปแล้ว!เธอสงสัยว่าฟู่เจิงกำลังใช้กับดักคนรูปงามกับเธออยู่!ฟู่เจิงแบมือออกอย่างสบาย ๆ “ตอบทีละข้อก็แล้วกัน ทีแรกฉันมีธุระจริง ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ส่วนทำไมฉันถึงมาอาบน้ำในห้องรับรองแขก เพราะฝานฝานดูการ์ตูนอยู่ในห้องนอนหลัก ทำไมฉันถึงมาอาบน้ำตอนนี้ เพราะเมื่อคืนเล่นเกมเป็นเพื่อนฝานฝานจนดึกมาก คำตอบพวกนี้ พอใจหรือยัง?”เวินเหลียงมองฟู่เจิงอย่างเย็นชา แค่นเสียงฮึเบา ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องนอนหลักทันใดนั้นฟู่เจิงก็คว้าข้อมือของเวินเหลียงเอาไว้“ทำอะไรน่ะ?” เวินเหลียงดิ้นฟู่เจิงดึงมือของเวินเหลียง แล้วค่อย ๆ เอาไปวางบนกล้ามเนื้อของตัวเอง “เธออยากลูบไม่ใช่เหรอ?”นิ้วเรียวยาวและนุ่มนิ่มตกไปบนกล้ามเนื้อที่เห็นเป็นลูกอย่างชัดเจน อุณหภ
มิหนำซ้ำการกินข้าวในครั้งนี้ เธอก็แพลนไว้ว่าจะพูดคุยกับเมิ่งเซ่อแค่เรื่องการทำงานเท่านั้น ไม่พูดคุยเรื่องอื่นมากเกินไปบางเรื่องก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปฟู่ซือฝานเบือนหน้าหนี แสดงสีหน้าท่าทางน้อยอกน้อยใจออกมา “ที่หนูสนใจไม่ใช่เรื่องป้าสะใภ้จะพาหนูไปไหม แต่เมื่อวานป้าสะใภ้พูดเสียดิบดีว่าไม่จำเป็นต้องตอบกลับ แต่ตอนนี้กลับจะไปกินข้าวกับเขา ก็เท่ากับป้าสะใภ้โกหกหนู...ไม่สิ ป้าสะใภ้กำลังหลอกหนู เดิมทีป้าสะใภ้ก็เห็นหนูเป็นแค่เด็กคนหนึ่งแล้วก็หลอกหนู...ฮือ ๆ ๆ...”“ฝานฝาน เปล่านะ ไม่ใช่จริง ๆ...” เวินเหลียงอธิบายอย่างพูดสะเปะสะปะ “ฉันไม่ได้หลอกเธอนะ แต่แค่...แต่แค่มีเรื่องเหนือความคาดหมายนิดหน่อยน่ะ...”“เรื่องเหนือความคาดหมายอะไรเหรอคะ?” ฟู่ซือฝานทำปากจู๋ พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมามองเธอทีหนึ่งจะบอกความจริงออกไปไม่ได้ถ้างั้นยังจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรได้อีก?เวินเหลียงครุ่นคิด บนหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าสับสนยุ่งเหยิง “ฝานฝาน อาจะบอกความจริงกับเธอก็แล้วกัน...อาชอบเขาหน่อย ๆ น่ะ แต่เธอคงเข้าข้างคุณลุงของเธอแน่ เพราะงั้นเมื่อวานอาก็เลยไม่ได้ตอบกลับข้อความต่อหน้าเธอ...”ฟู่ซือฝานอึ้งกิ
หลังสั่งอาหารเสร็จ ฟู่ซือฝานก็บอกว่าอยากไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำอยู่ในร้านอาหาร เวินเหลียงไม่ได้คิดอะไรมาก จึงปล่อยให้เธอไปเองเมื่อมาถึงห้องส้วม ฟู่ซือฝานก็เปิดนาฬิกาข้อมืออย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ต่อสายโทรหาฟู่เจิง“ฮัลโหล ฝานฝาน พวกเธอถึงร้านอาหารแล้วเหรอ?” ปลายสายมีเสียงของฟู่เจิงแว่วดังขึ้นมา“อืม” น้ำเสียงของฟู่ซือฝานอู้อี้ฟู่เจิงสัมผัสถึงได้ถึงอะไรบางอย่าง “ฝานฝาน เป็นอะไรไป? อารมณ์ไม่ดีเหรอ?”“คุณลุง ป้าสะใภ้บอกว่า วันนี้พวกเราจะไปกินข้าวกับเมิ่งเซ่อ”สีหน้าของฟู่เจิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธออ่อนโยนกับทุกคน แต่ใจร้ายถึงขั้นนั้นแค่กับเขาคนเดียวฟู่ซือฝานเอ่ยขึ้นทั้งความรู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบ “ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานป้าสะใภ้บอกอย่างดิบดีว่าจะไม่ตอบกลับ ใครจะไปรู้ได้เลยว่าป้าสะใภ้จะโกหกหนู แถมป้าสะใภ้ยังบอกว่าเธอชอบเมิ่งเซ่อนั่นอีก ต่อไปถ้าไม่ผิดคาดเขาคงได้กลายเป็นอาเขยของหนูแน่ คุณลุง ทำยังไงดี? ป้าสะใภ้จะหนีไปแล้ว!”สีหน้าของฟู่เจิงคล้ำดำหมองจนถึงขีดสุด “ฝานฝาน ป้าสะใภ้ของเธอพูดแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”เวินเหลียงไม่ได้ชอบโจวอวี่หรอกเหรอ ทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจไปชอบเมิ่งเซ่อล่ะ?เธอเพิ่งร
“อ๋อ ตอนนี้สามวันได้แล้วมั้งครับ ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำงานอย่างเป็นทางการเลยครับ สองวันก่อนผู้จัดการใช้ให้ผมไปทำความเข้าใจกฎข้อบังคับของบริษัท แล้วก็โปรเจกต์แอพที่อยู่ในมือ โปรเจกต์ฝึกงานของผมเป็นเกมมือถือ สร้างสรรค์ไม่เลวเลย คิดว่าอาจจะฮิตแน่ ๆ” เมิ่งเซ่อเลิกคิ้วไปทางเวินเหลียง “ก่อนหน้านี้พี่เคยทำแผนกการตลาดมาไม่ใช่เหรอครับ เคยคิดอยากจะรับไอพีนี้ไหมครับ?”เวินเหลียงยิ้ม “อยากพักผ่อนก่อนน่ะ ตอนนี้ยังไม่มีแพลนนี้ ตอนนี้นายรู้สึกยังไงบ้าง?”“รู้สึกไม่เลวเลยครับ ถึงผมจะเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน แต่ผู้จัดการกับรุ่นพี่ทุกคนเฟรนลี่กันมาก ๆ ก่อนหน้านี้ผมยังกังวลว่าจะถูกคนใช้ให้ไปเอาดิลิเวอรี ชงกาแฟต่าง ๆ นานา แต่เรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย พอได้รู้ประวัติการศึกษาและประวัติส่วนตัวของเหล่าเพื่อนร่วมงานคร่าว ๆ ทุกคนต่างยอดเยี่ยมกันทั้งนั้น เป็นบริษัทที่ค่อนข้างมีความเป็นคนบริษัทหนึ่ง”เมิ่งเซ่อโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้ระวังในเมื่อเขาค่อนข้างพอใจในทุกด้านของบริษัท แล้วทำไมถึงบอกว่าเพิ่งเริ่มฝึกงาน มีเรื่องงานจะถามเธอล่ะ?เวินเหลียงเองก็ไม่ได้จี้จุดอะไร “ดูเหมือนนายจะพอใจกับฟู่ซื่อมากทีเดียวนะ”
หลังเมิ่งเซ่อออกไป อาหารดี ๆ ที่วางอยู่เต็มโต๊ะทั้งหมดก็ตกเป็นของเวินเหลียงและฟู่ซือฝานในใจเวินเหลียงแอบผุดความดีใจน้อย ๆ ออกมานิดหน่อย ดีใจที่เมิ่งเซ่อกลับไปแล้ว ไม่ต้องคอยเผชิญหน้าเขาอยู่ตลอดฟู่ซือฝานเองก็ดีใจสุด ๆ เธอกินเนื้ออย่างเบิกบานใจกินจนข้างปากเธอมันแผลบไปหมด บนมือน้อย ๆ ก็เต็มไปด้วยคราบน้ำซุปจากการปอกเปลือกกุ้ง เธอเงยหน้าพูดกับเวินเหลียงว่า “ป้าสะใภ้คะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลากินข้าวเที่ยงเหรอคะ? เขาดูยุ่งจังเลย”“เขาต้องทำงานหาเงินนะ”“แต่ไม่มีเวลามาอยู่เป็นเพื่อนป้าสะใภ้ ป้าสะใภ้จะไม่เหงาแย่เหรอคะ? คุณลุงของหนูมีทั้งเงินมีทั้งเวลา...”เวินเหลียงยัดกุ้งตัวโตเข้าไปในปากเธอตัวหนึ่ง “ขนาดกินอยู่ยังอุดปากเธอเอาไว้ไม่ได้เลย”“อื้อ ๆ” ฟู่ซือฝานล้วงกุ้งตัวโตที่อยู่ในปากออกมา แล้วพูดกระซิบขึ้นว่า “ก็มันจริงนี่”“เธอกินอาหารมื้อใหญ่ที่เขาเลี้ยงอยู่นะ...”“ใจหนูอยู่ข้างคุณลุง” ฟู่ซือฝานพูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจังว่า “ก็แค่ข้าวมื้อเดียว จะซื้อตัวหนูได้ยังไง? หมูตุ๋นน้ำแดงนี่ก็อร่อยดี”เวินเหลียง “...”ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที เวินเหลียงเปิดโทรศัพท์ แล้วส่งข้อความไปให้เมิ่งเซ่อ “ถึงบร
แม่เจ้าหนักจริง ๆโดยเฉพาะตอนนี้เป็นฤดูหนาว ยิ่งใส่เสื้อผ้าหนาเข้าไปอีกเวินเหลียงอุ้มฟู่ซือฝานเดินหน้าไปได้ไม่กี่ก้าว ที่แขนก็เริ่มล้าขึ้นมา เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมอกเริ่มไหลลงมาช้า ๆเวินเหลียงอุ้มตัวเธอให้ขึ้นมา ก่อนจะสาวเท้าอย่างรวดเร็ว พลางตะโกนเรียก “ป้าหวังคะ ออกมาหน่อยค่ะ...”ขณะเกือบจะถึงประตูห้องรับแขกแล้ว ป้าหวังก็รีบออกมาอย่างรวดเร็ว เธอรับฟู่ซือฝานที่อยู่ในอ้อมอกเวินเหลียงซึ่งใกล้จะหล่นลงมาแล้วเอาไว้เวินเหลียงช่วยเอามือรองขึ้นไปด้านบนฟู่ซือฝานตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เธอขยี้ตา เมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มตัวเองอยู่คือป้าหวัง เธอก็มองไปรอบ ๆ ครั้นเห็นเวินเหลียงเธอก็ยื่นมือไปทางเวินเหลียง พร้อมเรียกด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความง่วงยังไม่ตื่นดี “ป้าสะใภ้”เวินเหลียงกุมมือของเธอเอาไว้ แล้วเดินตามขึ้นไปชั้นบนอยู่ข้าง ๆ ป้าหวัง “ป้าอยู่นี่”ฟู่ซือฝานหลับตาลงแล้วนอนต่อป้าหวังวางฟู่ซือฝานลงไปบนเตียง ช่วยเธอถอดรองเท้า เสื้อนวมปุยฝ้ายด้านนอก และกางเกงผ้านวมออก จากนั้นก็ห่มผ้าห่มให้เธอฟู่ซือฝานลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะคว้าเงาร่างของเวินเหลียงที่อยู่ข้างเตียงเอาไว้ “ป้าสะใภ้คะ ป
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มือของฟู่เจิงก็อดไม่ได้ที่จะออกแรง เส้นเลือดหลังมือกระตุกขึ้นมา นัยน์ตาทั้งสองยิ่งเคร่งขรึมลงขึ้นเรื่อย ๆ จ้องเวินเหลียงราวกับเหยี่ยว ในขณะเดียวกันก็เดือดดาลจนหัวใจแทบจะหลุดออกมาแล้ว พร้อมทั้งมีความรู้สึกขมขื่นอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา ความรู้สึกกลัดกลุ้มเจ็บปวดราวกับเชื้อราที่ขึ้นในหน้าฝน มันค่อย ๆ ผุดขึ้นมาเมื่อเวินเหลียงเห็นว่าสายตาของฟู่เจิงเริ่มดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็เสียวสันหลังวาบ ก่อนจะออกแรงสลัดพันธนาการของเขาออก “ฟู่เจิง คุณจะทำอะไรน่ะ? คุณทำฉันเจ็บแล้วนะ!”ฟู่เจิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง กดความเดือดพล่านไม่สมดุลนั่นลงไปในคอ เขาปล่อยมือเวินเหลียงออก “เธอไม่ได้ชอบโจวอวี่ เธอไม่ได้ชอบโจวอวี่มาตั้งแต่แรกใช่ไหม?”เวินเหลียงบีบข้อมือของตัวเอง พลางกลอกตาขาวใส่ฟู่เจิงทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป “ฉันจะชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”ฟู่เจิงยืนอยู่ที่เดิม มองเงาเบื้องหลังของเวินเหลียงด้วยนัยน์ตาถมึงทึงเขาเดาถูกจริง ๆ ด้วยเดิมทีแล้วคนที่เธอชอบไม่ใช่โจวอวี่!แต่เธอเองก็ไม่มีทางไปชอบเมิ่งเซ่อแน่สำหรับคนที่เติบโตมาในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และต้องมาสูญเ