เวินเหลียงกำลังรออาหารมาเสิร์ฟ ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา บนหน้าจอโชว์ชื่อของฟู่เจิง“ป้าสะใภ้คะ สายของคุณลุงค่ะ” ฟู่ซือฝานที่สายตาแหลมคมเห็นเข้าแล้วเวินเหลียงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย “ฮัลโหล?”“ตอนนี้พวกเธออยู่บ้านกันหรือเปล่า? ฉันจะไปรับฝานฝาน”เวินเหลียงยกโทรศัพท์ไปให้ห่างหน่อยหนึ่ง ก่อนจะมองฟู่ซือฝานที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฝานฝาน คุณลุงของเธอจะมารับเธอแล้ว คืนนี้เธอจะกลับไปกับอาไหม? หรือว่ากินข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปกับคุณลุงของเธอ?”ฟู่ซือฝานแสร้งทำเป็นครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างว่านอนสอนง่ายว่า “วันนี้ป้าสะใภ้เหนื่อยมามากแล้ว ฝานฝานกลับไปกับคุณลุงหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ค่ะ” “โอเค งั้นฉันจะให้เขามานะ”เวินเหลียงเอาโทรศัพท์มาแนบข้างหูอีกครั้ง “ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ร้านอาหารฮอลแลนด์ถนนวัฒนธรรม อาหารยังไม่มาเสิร์ฟ”เธอมองเวลา “คุณมาประมาณหกโมงครึ่งก็แล้วกัน”ฟู่เจิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ตอนนี้ฉันอยู่ใกล้ ๆ พอดี จะไปเดี๋ยวนี้แหละ”ไม่ให้โอกาสเวินเหลียงได้ปฏิเสธ เขาก็ตัดสายไปเลยเวินเหลียง “...”ไม่นานปลาเผาก็มาเสิร์ฟ ยังมีอาหาร
ฟู่เจิงนั่งลงตรงหน้าทั้งสองคน เขามองเวินเหลียงพลางยิ้มเล็กน้อย “ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็น ถ้าไม่รังเกียจขอฉันกินด้วยคนได้ไหม?”เวินเหลียงพ่นคำว่า “รังเกียจ!” สองคำออกมาอย่างเย็นชา“ป้าสะใภ้ ให้คุณลุงมากินด้วยกันเถอะค่ะ” ฟู่ซือฝานคว้ามือของเวินเหลียงเอาไว้แล้วแกว่งไปมาพลางออดอ้อนเวินเหลียงจ้องฟู่เจิงเขม็งทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรฟู่เจิงเม้มปาก รู้ว่าเวินเหลียงกำลังอดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ เขาจึงสนใจแค่นั่งลงบนที่นั่ง แล้วขอชุดอุปกรณ์กินข้าวกับพนักงานชุดหนึ่ง จากนั้นก็สั่งเครื่องเคียงที่เวินเหลียงและฝานฝานชอบกินมา“ฝานฝาน วันนี้ไปเที่ยวไหนกับป้าสะใภ้มาเหรอ?” ฟู่เจิงฉวยโอกาสถามขึ้นฟู่ซือฝานเล่าออกมาด้วยความตื่นเต้น ออกเสียงพูดชัดถ้อยชัดคำพร้อมไหวพริบดี มีตรรกะเป็นอย่างมาก พูดขึ้นมาก็น่าฟังและมีเหตุผลเสียเต็มประดาทีแรกพี่สาวที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็ไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา แต่ต่อมาถูกน้ำเสียงของฟู่ซือฝานดึงดูดเข้า ก็อดไม่ได้ที่จะชวนคุย เธอถามเวินเหลียงว่า “คุณน้อง ลูกสาวของคุณน้องอายุเท่าไรแล้วคะเนี่ย? พูดจาคล่องปร๋อขนาดนี้เชียว ลูกชายฉันขึ้นชั้นประถมแล้ว ยังพูดไม่เข้าใจเลย”ฟู่ซือฝาน
ฟู่ซือฝานพูดอธิบาย “คุณป้าคะ เขาไม่ใช่พ่อของหนู แต่เขาเป็นคุณลุงของหนูค่ะ”“อ๋อ ๆ ๆ...แบบ...แบบนี้นี่เอง...” พี่สาวเบือนหน้ากลับไปด้วยความอิหลักอิเหลื่อฟู่เจิงตักเนื้อปลาที่เลือกก้างออกแล้วไปใส่ในถ้วยของเวินเหลียง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าเอาแต่คุยสิ กินข้าวด้วย”เวินเหลียงเงยหน้าขึ้นมองเขาทีหนึ่ง แล้ววางตะเกียบลงด้วยสีหน้าคงเดิม “ฉันกินอิ่มแล้ว ไหน ๆ คุณก็มาแล้ว งั้นพวกคุณค่อย ๆ กินไปนะคะ ฉันขอตัวกลับไปก่อน”พูดจบเธอก็บอกลากับฟู่ซือฝาน “ฝานฝาน วันนี้อามีธุระขอตัวก่อนนะ...”ฟู่ซือฝานแสดงสีหน้าผิดหวังออกมา “ฝานฝานไม่อยากให้ป้าสะใภ้ไป อีกอย่างป้าสะใภ้ยังไม่ได้กินเนื้อปลาเลย คงกินยังไม่อิ่มแน่ ๆ”“ป้ากินอิ่มแล้ว...”ไหน ๆ เธอก็ซื้อกล้องถ่ายรูปมาแล้ว ก็ต้องไปถ่ายรูปฝึกให้เข้ามือที่จุดชมวิว เพราะงั้นเลยพาฟู่ซือฝานไปเดินเล่นในเมืองเจียงเฉิง และฉวยโอกาสถ่ายรูปไปด้วย วินวินกันทั้งคู่ฟู่เจิงวางตะเกียบลง พร้อมทั้งกดคิ้วลงต่ำ นัยน์ตาหม่นหมองไปหมด “เธอไม่อยากเห็นหน้าฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”“ฉันอยากเห็นหน้าประธานฟู่หรือเปล่า คุณยังไม่รู้แจ้งแจ่มชัดอีกเหรอ?”ฟู่เจิง “...”ต
ว่ากันด้วยเหตุผล เวินเหลียงรู้ว่าตัวเองไม่ควรไปมาหาสู่กับฟู่ซือฝานมากเกินไป แบบนี้จะเข้าไปพัวพันและมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับฟู่เจิงได้ง่ายว่ากันในเรื่องความรู้สึก เวินเหลียงไม่สามารถปฏิเสธฟู่ซือฝานได้จริง ๆคงเป็นเพราะลูกของเธอไม่มีแล้ว ฉะนั้นจึงใจอ่อนกับเด็กได้ง่าย โดยเฉพาะเด็กที่ว่านอนสอนง่ายและน่ารักอย่างฟู่ซือฝาน“โอเค งั้นพรุ่งนี้...”“พรุ่งนี้เธอมารับฝานฝานเองแล้วกัน ฉันมีธุระ ไปส่งฝานฝานไม่ได้” ทันใดนั้นฟู่เจิงก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกสีหน้าของเวินเหลียงเคร่งขรึม เธอไม่ได้สนใจฟู่เจิง แต่กลับมองไปที่ฟู่ซือฝาน แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มเล็กน้อยว่า “ฝานฝาน พรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง ฉันจะไปรับเธอนะ”“โอเคค่ะ ป้าสะใภ้ กลับดี ๆ นะคะ”เวินเหลียงยิ้มพลางลูบศีรษะของฟู่ซือฝาน “เจอกันพรุ่งนี้นะ”“เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินออกไปเมื่อเห็นเงาเบื้องหลังของเวินเหลียงออกไป ฟู่ซือฝานก็เบือนหน้ากลับมา แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มร่ากับฟู่เจิงว่า “คุณลุง วันนี้ตอนเที่ยงมีคุณคนหล่อจะเลี้ยงข้าวป้าสะใภ้ด้วย แต่ป้าสะใภ้ไม่ได้ตอบตกลง”ฟู่เจิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผู้ชายคนนั้
อวิ๋นเฉียว “เอาเรื่องคดีลักพาตัวเมื่อสิบปีก่อนคดีนั้นก่อนนะครับ ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมากมายถูกลบออกไป ผมใช้เทคนิคด้านไอทีกู้ข่าวและโพสต์กลับมา แต่ก็ยังได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวคดีนั้นไม่เท่าไรเหมือนเดิม รู้แค่ว่าตัวประกันเป็นนักศึกษามหาลัย ฐานะทางบ้านไม่ธรรมดา สุดท้ายก็ถูกช่วยออกมาได้สำเร็จ”อวิ๋นเฉียว “ส่วนใครเป็นคนลบข้อมูลข่าวรายงานออกไปนั้น ผมให้น้ำหนักไปที่ครอบครัวของตัวประกันที่ไม่ยอมให้เผยหน้าตัวประกันภายใต้สายตาของประชาชน ในข่าวรายงานปีนั้น สื่อต่างไม่ได้เอ่ยถึงชื่อตัวประกันเลย”เวินเหลียง “พวกเขาได้ค่าไถไปไหม? สุดท้ายคนร้ายลักพาตัวถูกจับหรือเปล่า?”อวิ๋นเฉียว “เรื่องค่าไถ่ไม่แน่ชัดเหมือนกันครับ คนร้ายลักพาตัวไม่ได้ถูกจับกุม ตอนนี้ในระบบมีแค่ข่าวประกาศจับสองข่าว เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเอามาก ๆ แต่ผมหาตัวตนของคนที่เดินทางไปกับหวังต้าไห่มาได้แล้วครับ เขาแซ่เมิ่ง ชื่อว่าเมิ่งจินถัง เป็นคนบ้านเดียวกับหวังต้าไห่ แต่เมิ่งจินถังไม่ได้อยู่ในประกาศจับ”อวิ๋นเฉียว “เมิ่งจินถัง สิบปีก่อนย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ ช่วงเวลาที่ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ต่างประเทศ คือวันต่อมาหลังจากพ่อ
เวินเหลียงพิมพ์ตอบกลับไปข้อความหนึ่ง “ขอโทษด้วยนะ วันนี้ตอนบ่ายค่อนข้างยุ่งนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้ดูโทรศัพท์ อีกสองสามวันว่าง นายเลือกเวลามาสิ”นิ้วของเธอคาอยู่บนปุ่มกดส่งสองสามวินาที ก่อนจะกดส่งข้อความไปเวินเหลียงกลับไปยังหน้าห้องแชตที่คุยกับอวิ๋นเฉียว “ลงลึกเบาะแสนี้ของคดีลักพาตัวอีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ? ลงมือจากคนร้ายลักพาตัวที่อยู่ในประกาศจับอีกสองคนได้ไหม?”“ผมทำได้แค่จะพยายามสืบหาต่อไปครับ”“รอข่าวดีจากคุณนะคะ”หลังเวินเหลียงตอบกลับไปแบบนั้น เมิ่งเซ่อก็ตอบกลับมาเมิ่งเซ่อ “ไม่เป็นไรครับพี่”เมิ่งเซ่อ “งั้นเป็นพรุ่งนี้แล้วกันครับ พรุ่งนี้ตอนเที่ยงโอเคไหมครับ?”เวินเหลียง “โอเค”เมิ่งเซ่อ “งั้นพี่เลือกร้านอาหารมาเลยครับ”เวินเหลียงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นก็ร้านฟู่ชุนถังที่อยู่บนถนนกั๋วฮวาก็แล้วกัน ฉันจะจองห้องรับรองเอาไว้”เมิ่งเซ่อส่งมีมดีใจมาตัวหนึ่ง “โอเค!”เวินเหลียงปิดหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพิงไปบนพนักพิงโซฟาอย่างอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว พลางหลับตาพักสมอง ไม่นึกเลยว่าเมิ่งเซ่อจะเป็นลูกชายของเมิ่งจินถังตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เมิ่งเซ่อมอบให้เวินเหลียงคือ ไ
ทันใดนั้น บรรยากาศก็เงียบลงเล็กน้อยเวินเหลียงเงยหน้าขึ้น มองเข้าไปในดวงตาอันลึกซึ้งของฟู่เจิงเพียงปราดเดียว เธอก็รีบตอบสนองกลับมาทันที ราวกับกระต่ายที่ถูกคนที่นั่งเฝ้าตอไม้กระต่ายจับได้อย่างนั้น เธอกระวนกระวาย “คุณอยู่บ้าน? คุณมีธุระไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมคุณถึงมาอาบน้ำในห้องรับรองแขกล่ะ? แล้วทำไมคุณถึงมาอาบน้ำเอาตอนนี้?”แปลก!มันจะแปลกเกินไปแล้ว!เธอสงสัยว่าฟู่เจิงกำลังใช้กับดักคนรูปงามกับเธออยู่!ฟู่เจิงแบมือออกอย่างสบาย ๆ “ตอบทีละข้อก็แล้วกัน ทีแรกฉันมีธุระจริง ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ส่วนทำไมฉันถึงมาอาบน้ำในห้องรับรองแขก เพราะฝานฝานดูการ์ตูนอยู่ในห้องนอนหลัก ทำไมฉันถึงมาอาบน้ำตอนนี้ เพราะเมื่อคืนเล่นเกมเป็นเพื่อนฝานฝานจนดึกมาก คำตอบพวกนี้ พอใจหรือยัง?”เวินเหลียงมองฟู่เจิงอย่างเย็นชา แค่นเสียงฮึเบา ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องนอนหลักทันใดนั้นฟู่เจิงก็คว้าข้อมือของเวินเหลียงเอาไว้“ทำอะไรน่ะ?” เวินเหลียงดิ้นฟู่เจิงดึงมือของเวินเหลียง แล้วค่อย ๆ เอาไปวางบนกล้ามเนื้อของตัวเอง “เธออยากลูบไม่ใช่เหรอ?”นิ้วเรียวยาวและนุ่มนิ่มตกไปบนกล้ามเนื้อที่เห็นเป็นลูกอย่างชัดเจน อุณหภ
มิหนำซ้ำการกินข้าวในครั้งนี้ เธอก็แพลนไว้ว่าจะพูดคุยกับเมิ่งเซ่อแค่เรื่องการทำงานเท่านั้น ไม่พูดคุยเรื่องอื่นมากเกินไปบางเรื่องก็ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปฟู่ซือฝานเบือนหน้าหนี แสดงสีหน้าท่าทางน้อยอกน้อยใจออกมา “ที่หนูสนใจไม่ใช่เรื่องป้าสะใภ้จะพาหนูไปไหม แต่เมื่อวานป้าสะใภ้พูดเสียดิบดีว่าไม่จำเป็นต้องตอบกลับ แต่ตอนนี้กลับจะไปกินข้าวกับเขา ก็เท่ากับป้าสะใภ้โกหกหนู...ไม่สิ ป้าสะใภ้กำลังหลอกหนู เดิมทีป้าสะใภ้ก็เห็นหนูเป็นแค่เด็กคนหนึ่งแล้วก็หลอกหนู...ฮือ ๆ ๆ...”“ฝานฝาน เปล่านะ ไม่ใช่จริง ๆ...” เวินเหลียงอธิบายอย่างพูดสะเปะสะปะ “ฉันไม่ได้หลอกเธอนะ แต่แค่...แต่แค่มีเรื่องเหนือความคาดหมายนิดหน่อยน่ะ...”“เรื่องเหนือความคาดหมายอะไรเหรอคะ?” ฟู่ซือฝานทำปากจู๋ พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมามองเธอทีหนึ่งจะบอกความจริงออกไปไม่ได้ถ้างั้นยังจะมีเรื่องเหนือความคาดหมายอะไรได้อีก?เวินเหลียงครุ่นคิด บนหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าสับสนยุ่งเหยิง “ฝานฝาน อาจะบอกความจริงกับเธอก็แล้วกัน...อาชอบเขาหน่อย ๆ น่ะ แต่เธอคงเข้าข้างคุณลุงของเธอแน่ เพราะงั้นเมื่อวานอาก็เลยไม่ได้ตอบกลับข้อความต่อหน้าเธอ...”ฟู่ซือฝานอึ้งกิ