เสียงไก่ขันเซ็งแซ่ปลุกตอนเช้า บดินทร์ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เขากะพริบตาถี่ ๆ สองสามครั้ง
เมื่อคืนนิรณาบอกว่าให้ตนมาอยู่ในห้องนี้ก่อนเพราะมืดค่ำแล้ว จึงไม่ได้ไปไหว้ทักทายคุณยายของเธอ แต่พอเหลือบตามองข้าง ๆ ฟูกนอนที่ควรจะมีคนตัวเล็กนอนอยู่กลับไร้ซึ่งวี่แวว จะก้าวเท้าออกจากห้องไปก็ดันกลัวเจ้าของเรือนจะตกใจคิดว่าเป็นขโมยขโจน เร่งสาวเท้าไปแง้มเปิดประตู สอดสายตามองหาตัว..ก็ไม่พบ นิรณาหายไปไหนก็ไม่รู้ คนตัวสูงเลยตัดสินใจ สูดลมหายใจลึก ๆ จะออกไปตามหา เคร้ง!เสียงขันเหล็กที่ใส่น้ำดอกมะลิ ตกกระทบพื้นเรือน ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดลันของสาวน้อยวัยละอ่อน "อร้ายยยยยย ยายจ๋า โจรจ้าโจร โจรขึ้นบ้านเราแล้ว" "เอะอะ..อะไรแต่เช้าล่ะโว้ยย! นั้นคุณดิน ผัวพี่สาวเอ็งไง!" ยายแพร้วเอ่ยบอกหลานคนเล็ก เนื่องด้วยได้รู้เรื่องจากนิรณาตั้งแต่เช้าตรู่ ที่คนเป็นหลานสาวลุกไปเคาะห้องทักทาย "อ้าว! แล้วคนก่อนล่ะยาย?" "ผีเจาะปากมาพูดหรือไง! รีบไปเลยนะ ไปเร็ว ๆ ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับว่าที่พี่เขยเอ็ง" ยายแพร้วพูดรัว ๆ หลานเขยคนนี้ หน้าตาท่าทางดูดีมีสกุล ต่างจากคนก่อนที่เจ้าสำอาง ซ้ำยังเกียจคร้าน วัน ๆ ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเล่นเกม ไม่ก็ตั้งวงพากันกินเหล้ากับวัยรุ่นแถวบ้าน ขืนถ้าหลานคนโต พลาดผู้ชายคนนี้ไปอีก แววขึ้นคาน คงมาจ่อรอ "ผมไหว้ครับ..คุณยาย" "จ้า ๆ ไหว้พระเถอะจ้ะ..ลูก" ยายแพร้ว เร่งรีบยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน ช่างเป็นผู้ชายที่มีมารยาท เสียเหลือเกิน "เดี๋ยวอยู่ทานข้าวทานปลากันก่อนค่อยกลับนะ" นางชักชวน นึกเอ็นดูท่าทีเก้อกัง ทำตัวไม่ถูกของผู้ชายตรงหน้า "ไม่ดีกว่าครับ ผมเกรงใจ" บดินทร์ปฏิเสธอ้อม ๆ แค่นี้ เขาก็ผิดนัดลูกสาวมานานมากแล้ว ใจยิ่งนึกห่วงพะวง "ทำแบบนี้ ระวังยัยนิ มันจะน้อยใจเอานะ..เห็นว่าลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสร่างดี ไปเตรียมกับข้าวอยู่ในครัว" "งั้นผมต้องขอรบกวนด้วย" "โอ้ย! ไม่เป็นไร ๆ บ้านยายน่ะ มีของกินเยอะแยะ ลูกไม่ต้องเกรงใจ" คนชราพูดไปพลางโบกไม้โบกมือ "เอ่อ ห้องครัวอยู่ไหนเหรอครับ?" "เดินลงบันได เลี้ยวไปทางซ้ายก็เจอแล้ว" "งั้นผมขอตัวไปหานิก่อนนะครับ" "จ้า" ยายแพร้วรับคำ มองตามหลังว่าที่เขยคนนี้ รู้สึกถูกชะตา ได้แต่หวังว่าหลานสาว คงจะไม่ทำอะไรป่วง ๆ ให้เขาต้องปวดหัว ด้วยรู้นิสัยนิรณาดี..ว่าเด็กนี้แปลกแค่ไหน เป็นตามคำที่ยายว่าโรงครัวไม้ขนาดไม่ใหญ่มากตั้งเด่นอยู่ใกล้ ๆ เรือนหลังโต กวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นว่ามีคนหลายคนกำลังวุ่นวาย จึงรู้ว่านิรณาคงเป็นคนมีเงินอยู่เอาการ แต่แล้วสายตาต้องหยุดชะงัก เมื่อพานพบ สบเข้ากับคนสวยที่กำลังนั่งผัดอะไรบางอย่าง ดูท่าทางขะมักเขม้น จังหวะนั้นคนหน้าเตาไฟหันไปด้านข้าง ยกแขนขึ้น ใช้ข้อพับปิดจมูกแล้วจามออกมาหลายรอบ การผัดพริกจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่พอเหลียวหน้ากลับมาอีกทาง ดันปะกันเต็ม ๆ "อ้าว! ตื่นแล้วเหรอคะ?" "ไม่ครับ ร่างจริงยังนอนอยู่ ตอนนี้พี่แค่..ถอดวิญญาณออกมาดูนิทำอาหาร" บดินทร์อำเล่น แต่มุกแปก ๆ นั้นทำเอานิรณานั่งอึ้ง ลืมแม้กระทั่งผัดพริกผัดหอมในกระทะ แล้วแสร้งขำก๊ากออกมาเสียงดัง "ฮ่า ๆ พี่ก็พูดไป..ผีที่ไหนจะหล่อขนาดนี้ละคะ?" "ปากหวานซะจริง" "หวานทุกวันนั่นแหละค่ะ พี่อยากลองไหมล่ะ?" "ให้มันน้อย ๆ หน่อยครับ อายคนอื่นเขา" บดินทร์ปรามเบา ๆ แต่ใบหน้ายังคงแดงซ่าน สวนทางกลับคำพูด ยิ่งทำให้นิรณาชอบอกชอบใจ แล้วจุดยิ้มตรงมุมปากนิด ๆ "เล่นตัวซะจริง อย่าให้เห็นนะคะ ว่าตกดึกมา..บอกว่าพี่ไม่ไหวแล้ว นิไม่ยอมจริง ๆ ด้วย" ปากน้อย ๆ ขยับว่า บ่นอุบอิบอู้อี้ในลำคอ ตามประสานิสัยคนขี้งอนที่ฝังอยู่ในตัว บดินทร์พูดไม่ออก ไม่เข้าใจความคิดนิรณาเลยจริง ๆ ทำไมถึงได้เป็นผู้หญิงที่แปลกในแปลก..บางครั้งเธอก็ดูจริงจัง แต่บางทีก็ดูทะเล้น จนเริ่มตามอารมณ์แทบไม่ถูก "เรียบร้อยแล้วค่ะ" นิรณาพูดพร้อมนำถ้วยมาตักแกง "เมนูอาหารของเช้าวันนี้ นิขอนำเสนอ ต้มโคล้งปลาทู ปลากะพงนึ่งมะนาว แกงส้มปลาช่อน แล้วก็ปลาดุกฟูค่ะ" "น่ากินทุกเมนูเลยครับ" "ใช่ไหมล้าา นิตั้งใจทำสุด ๆ เลยนะคะ" "แล้วทำไม นิถึงทำเยอะขนาดนี้ล่ะ?" เขาถามอย่างสงสัย มองดูอาหารหลายอย่างที่ทำอย่างกับจะไปโรงทาน "ทานข้าวเสร็จ เดี๋ยวพี่ก็รู้เองค่ะ" ว่าแล้ว ผุดยิ้มเจ้าเลห์ กว่าจะมีโอกาสหยุดงาน ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ยังไงก็ต้องกอบโกย ใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า และตั้งใจจะทำตัวเป็นปาท่องโก๋ติดสอยห้อยตามเขานี่แหละ อย่าหวังจะได้คลาดสายตา เพราะนิรณาไม่มีวันปล่อยให้เขาหนีห่างไปเด็ดขาด จนกว่าจะได้เห็นหน้าของอดีตเพื่อนสนิทที่มันแตกละเอียด จวบจนทานข้าวเสร็จ ยัยคนเอาแต่ใจก็กึ่งลากกึ่งจูงมือหนาให้เดินตามตัวเองมาต้อย ๆ แล้วตะโกนเสียงดัง "ยายจ๋า นิยืมรถเครื่องหน่อยนะ" "นิ พี่ต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพฯค่ำซะก่อน" คนตัวเล็กไม่สนใจและพาเขามาหยุดยืนหน้าจักรยานยนต์คันเก่าสีแดงอมน้ำตาลเพราะถูกแดดเลีย "ถ้านิไม่ไป! เด็กหลายคนอาจต้องอดกินขนม" "แล้วเราจะไปไหนกันอีกล่ะครับ?" "ไปบ้านเด็กกำพร้าค่ะ นิเคยสัญญากับพวกเขาไว้ว่ากลับมาคราวนี้จะเอาขนมไปฝาก พวกเด็กคง ๆ ตั้งตารอ" บดินทร์ชะงักคิดสักพัก เวลานี้กำลังสิบเอ็ดโมงเช้า ถ้ากลับจากสถานเลี้ยงเด็กก่อนบ่ายสองก็น่าจะทัน สุดท้ายเขาก็หลงกลคนเก่ง ยินยอมตกลงที่จะตามนิรณาไปเสียงบางอย่างถูกลากดังมาจากด้านหลัง สายตาคมรีบเหลียวมอง เห็นสาวน้อยคนแรกตอนมาถึงที่นี่ กึ่งลากกึ่งจูงรถเข็นขนาดใหญ่ระดับหนึ่ง มาทางทั้งคู่“เอามาเลย..ร้อยหนึ่ง ค่าแรงที่ฉันลากมาให้”“นารี! แกนี่มันหน้าเงินซะจริง”“ยายขี้เหนียวจะตายไป ไม่ยอมให้เงินฉันใช้เลยนี่น่า”“พูดเพราะ ๆ กับพี่หน่อยสิ คะขา ๆ น่ะ พูดเป็นไหม? ถ้าพูดได้ เดี๋ยวพี่ให้พันหนึ่งเลยเอ้า!”“พี่นิขาา น้องนาขอเงินกินขนมหน่อยสิคะ?”“จ้า ๆ แต่เซ็นไว้ก่อนนะจ๊ะ พี่ไม่มีเงินสดเลยอ่ะ เดี๋ยวตอนเย็น ๆ จะไปกดมาให้” พอเห็นเธอพูดแบบนั้น บดินทร์ถึงกับหันขวับ คนข้าง ๆ ตั้งใจกลับเมื่อไหร่กันแน่ล่ะเนี่ยสุดท้ายมือหนาจึงเอื้อมไป คว้าเอากระเป๋าสตางค์หลังกางเกง แล้วหยิบใบเทาออกมาถึงสามใบ ส่งให้กับน้องสาวนิรณาด้วยความเอ็นดู“พี่ให้ เอาไว้ไปกินขนมนะครับ”“นารีขอกราบงาม ๆ เลยเจ้าค่ะ..คุณพี่เขย!” พอเด็กน้อยพูด บดินทร์ก็รู้เลยว่าหากโตมา นิสัยคงไม่พ้นใครบางคน“เรารีบไปกันเถอะค่ะ” นิรณาเร่งร้องเรียก เธออยากไปเจอพวกเด็ก ๆ ซะจนเต็มแก่ อาจเพราะส่วนหนึ่งเด็กพวกนั้นเหมือนเป็นพลังบวกให้..เวลาที่ได้เจอ จึงรู้สึกมีคว
“พี่อร..สวัสดีค่ะ” นิรณายกมือไหว้หญิงสาวผู้ดูแล ทำให้เธอเหลียวมองมาทางทั้งคู่ พร้อมส่งยิ้มให้ ยกมือขึ้นรับไหว้“ลมอะไรหอบน้องนิมาถึงที่นี่เหรอคะ?”“ไม่ใช่ลมพายุหรอกค่ะ”“นิก็ยังเป็นคนที่อารมณ์ดีเหมือนเดิมเลยนะคะ?”“พี่อรก็ยังเป็นพี่สาวแสนสวย..ที่ยังคงพูดจาไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเดิมเลยค่ะ”“พี่ว่าเราสองคน เลิกเยินยอกันเองเถอะค่ะ”“มันคือความจริงนะคะ”“ค่ะ” เจ้าของบ้านจำต้องตอบรับ ด้วยความอ่อนใจ มองไปยังด้านหลังของรุ่นน้องสาว เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด จึงตัดสินใจทักทาย“ฉันอรวีค่ะ คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”“เราน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน คุณอรเรียกผมว่าดินได้เลยครับ” เมื่อได้ยิน นิรณาหันขวับแล้วยิ้มน้อย ๆบดินทร์คงยังไม่รู้จักคำว่า..สวยไม่สร่างสินะ“จริงเหรอคะ..คุณอายุถึงตัวเลขห้าแล้วเหรอ?” อรวีถามอย่างไม่แน่ใจ ชายตรงหน้าไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้น“ข้ามเรื่องอายุไปเถอะค่ะ นิว่าจะขอตัวไปเล่นกับพวกเด็ก ๆ ก่อนนะคะ พวกเขาคงคิดถึงจะแย่ล่ะ” ยัยคนสวยชิงตัดบท แล้ววิ่งเร็ว ๆ ไปเล่นกับเด็กน้อยที่อยู่ในสวน“เอ่อ..ทำไมที่นี่ถึงได้
พระอุ้มหมา ชีอุ้มแมว หรือจะสู้ สาวน้อยจูงรถเครื่องกับคุณชายลากรถเข็น ลากตะวันยังไม่ตกดิน จนพระจันทร์เด่นกลางหัวทั้งคู่ยังเดินไม่ถึงบ้านตัวเองสักกะที"พะ..พี่ดิน ดะ..ดูนั้นสิ!" นิ้วเรียวสวย ชี้ไปยังแสงไฟสีเขียวสลับเหลืองลอย อยู่กลางทุ่งนาด้วยความตื่นเต้น"กระสือพี่! กระสือตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าเราแล้วค่ะ!" ยัยคนข้าง ๆ บอกให้เหลียวมองดู ไม่มีท่าทีจะหวาดกลัว ซ้ำยังเอาแต่จดจ้องมองสิ่งนั้นด้านบดินทร์เลยได้แต่เบือนหน้า ไปมองทางอื่น ไม่อยากโดนจับควักไส้กิน หากเผลอไปสบตา"โอ๊ยยยย!" คนตัวเล็กโอดครวญ จนเขาต้องรีบหันมอง"เป็นอะไรครับ?" เสียงอ่อนโยนถามด้วยความเป็นห่วง"เห้ออ นิก็นึกว่าผี ที่แท้เป็นคนส่องกบหาเขียด""ห๊ะ!" บดินทร์หลุดอุทาน ก่อนจะหันหน้ามองไปทางคนที่อยู่กลางทุ่งนา รู้สึกมีความหวัง คืนนี้คงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว แต่แล้วยัยตัวเล็กกลับเหลียวมองมา เหมือนอ่านใจออกพร้อมเอานิ้วมาชิดปาก เชิงว่าอย่าทำอะไรให้เกิดเสียงดัง"ชู่ว..ดึกดื่นแบบนี้เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นผีโพงก็ได้ อย่าไปเรียกเด็ดขาดนะคะ"คนตัวสูงได้แต่พยักหน้ารับคำ
"นิทำมันตื่นขึ้นมาเองนะ รับผิดชอบพี่ด้วยละกัน""พี่ดินอยากเหรอคะ?" เสียงหวานสอบถาม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจดจ้องมองใบหน้าหล่อละมุน ท่าทางท้าทาย"แล้วใครล่ะ..ทำให้พี่เป็นแบบนี้?""อืมม แล้วพี่ดินอยากอะไรเหรอคะ..ถ้าไม่พูดออกมา นิก็ไม่รู้หรอกนะ" คนสวยเล่นลิ้น ยันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนตัวสูง ช้อนสายตามองใบหน้าคมที่กำลังแดงปลั่ง ในใจนึกหัวเราะคิกคัก..บดินทร์ช่างเป็นผู้ชายน่ารักซะจริง"พี่อยากครับ..อยากทำกับนิ""ทำอะไรคะ? ""นิก็รู้""ไม่รู้ค่ะ นิไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าพี่ดินไม่พูด""พี่อยากมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนนี้!" ว่าแล้ว จึงจิ้มนิ้วใส่เธอ"รับทราบแล้วเจ้าค่ะ! นายท่าน” สิ้นคำพูด เข่ามนคุกลงกับพื้นกระเบื้องสาก เอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกง แล้วเลื่อนมันลงช้า ๆ เผยให้เห็นสิ่งสงวนที่ชอบหนักชอบหนาเพียงแค่มือนุ่มนิ่มลูบสัมผัสบริเวณส่วนหัว แล้ววนนิ้วเรียวคลึงเคล้าเบา ๆ กลับเป็นการกระทำที่สุดแสนจะทรมาน ราวกับว่าคนใต้ร่างนั้นต้องการทำให้เขาคลั่งตายเสียให้ได้ทว่ายัยคนขี้แกล้งยังไม่พอใจ กำสิ่งนั้นแล้วรูดรึงช้า ๆ ขึ้นลง ขึ้นลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่นเอาคนโดนกระท
คนจะกลับ รั้งให้ตายยังไง สุดท้ายก็ได้แค่..สามวัน ในที่สุดบดินทร์ก็สามารถลากตัวนิรณากลับมา ถึงกรุงเทพได้สักที หลังจากที่เธอเอาแต่อิดออดอยู่นาน "กลับบ้านดี ๆ นะคะ..พี่ดิน" คนสวยกล่าวลาด้วยเสียงเศร้า ทำท่าหยิบกระเป๋าจะลงรถ ทว่าเพียงเปิดประตูจะก้าวเท้าลงไป มือไม้กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำให้กระเป๋าหลุด แถมโลกยังหมุนคว้าง เป็นเหตุให้เซถลา ทรุดลงกับพื้น "นิ!" บดินทร์เรียกเธอด้วยความตกใจ แล้วถลาลงจากรถ มาดูอาการนิรณาที่ล้มอยู่กับพื้น หน้าตาซีดเซียว "ไม่เป็นไรค่ะ นิไม่เป็นไร..พี่รีบกลับบ้านเถอะ" นิรณาว่า พร้อมพยายามลุกขึ้นยืนคนเดียว แต่อาการปวดหัวตุ้บ ๆ ยังคงไม่หายไป พิษไข้จากน้ำฝน เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคนขี้หนาวอย่างเธอ มือบางจึงต้องเลื่อนขึ้นมากุมขมับ นวดคลึงเพื่อคลายความปวดร้าว "หนูไม่สบายเหรอครับ?" "สงสัยว่าเพราะเมื่อคืน นิวิ่งตากฝน เลยรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ" “ไปหาหมอไหม?” น้ำเสียงละมุนสอบถาม ใช้วงแขนแกร่งมาประคองให้คนตัวเล็กทรงตัวไหว "กินยาไว้แล้วค่ะ ได้นอนพักสักหน่อยคงหายดี
"พ่อบี มันหายหัวไปไหนห๊ะ!" สรรพนามจิกหัวเรียกดังมาจากริมฝีปากคนที่กำลังนอนไม่สบอารมณ์อยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาจับจ้องโทรศัพท์มือถือตรงหน้าจอฉายชัดว่า..เกมฝั่งตัวเองกำลังเสียเปรียบ ทว่าคำเดียวคำนั้นกลับทำให้บีบี ผู้เทิดทูนบดินทร์ ยิ่งกว่าชีวิต มองเขาตาดุ แล้วกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"ต่อจากนี้ห้ามเรียกพ่อบีว่ามันเด็ดขาด ท่านอยู่สูงกว่าเราสองคนมาก""เหอะ..มันก็คนเหมือนกันนั่นแหละ""เต!""ครับผม รับทราบแล้ว..คร้าบบบบ""แล้วจะถามถึงพ่อบีไปทำไม?""อีกแค่สามวันจะถึงงานแต่งเราแล้ว คุณท่านเป็นพ่อประสาอะไร ถึงได้ปล่อยให้ลูกตัวเองวุ่นวายอยู่คนเดียว" คนหัวร้อนจากการแพ้เกมบ่นอุบ โยนมือถือทิ้งข้างตัว ยกมือยีหัวผมยุ่งเหยิง พร้อมยันกายลุกขึ้นนั่ง"แล้วเตล่ะ..นี่ก็ใกล้จะถึงงานแต่งของเราแล้วนะ วัน ๆ ไม่คิดจะไม่ทำอะไรเลยเหรอไง?" บีบีบ่นอุบ ดวงตามองชายเฮงซวยที่ตัวเองเลือกมาเป็นสามีด้วยความระอาใจหากไม่ติดว่าตั้งท้องลูกเขา เธอไม่มีวัน คว้าเอาเตชินมาร่วมหอลงโรงด้วยเด็ดขาด"แล้วบีจะให้เตทำอะไรล่ะ..ในเมื่อธีมงาน เตเลือกสีฟ้า บีจะเอาสีชมพู แล้วก็เรื่องชุดเจ้าบ่าวอี
งานแต่งงานของเตชินและบีบี มีอาณาเขตอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตของเจ้าสาวที่สามารถต้อนรับผู้คนได้มากกว่าหลายพันชีวิต คฤหาสน์ตระกูลวงศ์สูงส่งจึงเต็มไปด้วยแขกที่มาร่วมงานมากมายเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวตระกูลผู้ดีเก่าแก่อันเลื่องลือชื่อ แต่ฝ่ายชายอย่างเตชิน กลับเป็นคนโนเนม ไร้ชื่อเสียง แต่พอบรรดาคุณนายทั้งหลายเห็นหน้าก็ต่างพากันอยากได้เขาซะจนตัวสั่น ด้วยมีใบหน้าคมอันหล่อเหลา อย่างกับพระเอกซีรีย์เกาหลีเป็นเอกลักษณ์ติดตัวทว่าเพียงแค่หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงรับเข้ากับสรีระร่างกายแสนอวบอิ่ม ก้าวเท้าเดินเข้ามาในงานแต่งทุกสายตาล้วนจดจ้องมองมาทางเธอคนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะความสวยแค่อย่างเดียวแต่เป็นการแต่งตัวที่สุดแสนจะแซ่บสะท้านทรวง โดดเด่นมากซะจนบรรดาแขกเหรื่อผู้ชายไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ต่างพากันมองตามนัยน์ตาหยาดเยิ้มแต่แล้วร่างบางกลับหยุดชะงัก ยืนมองดูรูป..บ่าวสาวอย่างใจเย็น ครุ่นคิดหาวิธีป่วนงานกระทั่งถูกมือเย็น ๆ มาแตะที่ไหล่เปลือยเบา ๆ ทำเอาสะดุ้ง เผลอพลิกกลับไปล็อกตัวเขา ตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึก"โอ๊ยย เจ็บนะครับ" คนโดนจับล็อก บ่นโอดครวญ ทำให้นิรณาต้องรีบปล่อยมือจากเขา
สองสาวงามเดินเทียบขนาบข้างกันมา คนหนึ่งหน้าคมคายดูสวยสง่าปนน่ารัก อีกคนบ๋องแบ๋วดูใสซื่อ เล่นเอาบรรดาแขกเหรื่อ งงกันตาแตก ใครกันแน่คือ..เจ้าสาวตัวจริง! ทว่าจังหวะที่นิรณาเดินไปทรุดนั่งข้างกายบดินทร์ ทั่วทั้งห้องพลันเกิดเสียงจ้อกแจ้กจอแจ รู้สึกฮือฮา คิดไม่ถึงว่าพ่อหม้ายลูกติดอย่างท่านชายผู้ทรงอิทธิพล จะเปิดตัวสาวสวยสะพรั่ง ในงานแต่งงานของลูกสาวตัวเอง ซ้ำยังตัวเล็ก ๆ หน้าตาสวยคม คล้ายคลึง..คุณบุษบาอดีตภรรยาเขาไม่ใช่น้อย เป็นเหตุให้บรรดาหญิงหม้ายสาวโสด ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวรุ่นวัยขบเผาะ..ที่อุตส่าห์พากันแต่งตัวมาประชันซะเริศหรู ต้องอกหักดัง เป๊าะ! จำยอมรับประทานแห้วตามระเบียบ ด้านบดินทร์ที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกตกใจหนักเหมือนกัน เนื่องด้วยวันนี้เขาไม่ได้คิดจะเปิดตัวนิรณา แต่หากจะหักหน้าไล่ให้ไปนั่งที่แขก ดันกลัวเธอจะอาย สุดท้ายเลยจำใจต้องปล่อยเลยตามเลย ยังไงซะ! ผู้หญิงข้างกายก็คือภรรยาตามพฤตินัย เขาจึงไม่อยากขัดใจเธอมากนัก ฝั่งคนเป็น
นิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ
บีบีและเตชินร่วมมือ ช่วยกันพาร่างไร้สติของบดินทร์ขึ้นมา จนถึงห้องนอน ยังเห็นว่าเขายังหลับสนิท คนเป็นสามีจึงเริ่มตั้งกล้องตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินออกไปจากปิดประตูดัง..ปึงงง ไม่สนใจ หรือหึงหวงบันนิดา เลยแม้แต่น้อยฝ่ายภรรยาก็ได้แต่มองตามเตชินหน้าจ๋อย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ถึงขนาดยอมให้เธอใช้ร่างกายร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง สลับกับเลื่อนสายตามองดูบดินทร์ ใจนั้นไม่อยากทำกับเขาแบบนี้เลยทว่าต้องทำอย่างไรล่ะ..หากว่าถอยตอนนี้ผลเสียย่อมมากกว่า เธอลงมือทุกอย่างไปอย่างชัดเจน เขาเห็นทั้งหน้า และรู้ตัวว่าโดนวางยา ความรู้สึกหลังจากนี้ บดินทร์คงมองตัวเธอเปลี่ยนไปแน่นอนยังไงซะ ตอนนี้ก็ไม่อาจถอยได้ ต้องเดินตามแผนต่อไปจวบจนเวลาผ่านไป รู้สึกตัวอีกที บดินทร์กลับพบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยเปล่า อยู่ข้างบีบีที่ไม่ได้สวมใส่อะไร เวลานั้นความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งช็อก ทั้งโกรธ ทั้งโมโหและเศร้าใจ เร่งสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติให้คืนกลับ พร้อมยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง หวังจะเช็กดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่พบเจอ ไม่ใช่ความฝันและนั้น! ไม่ใช่ความฝ
หลังจากเริ่มรับประทานอาหาร ทำให้ทั่วทั้งห้อง ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ น่าอึดอัดใจ บดินทร์ที่ทานไปได้ สองสามคำ ค่อย ๆ ตัดสินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พ่อจะให้เวลาหนูกับเตชินพิสูจน์ตัวเอง เลิกยุ่งกับยาเสพติด แล้วไปหางานทำให้ได้ภายในเดือนนี้""บีเลิกยุ่งกับยาพวกนั้น..นานแล้วค่ะ" บันนิดาปฏิเสธเสียงแข็ง คราวก่อนที่บดินทร์ส่งไปบำบัด เธอจำได้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน และไม่อยากกลับไปเหยียบอีก..เป็นหนที่สอง ทว่าร่างกายกลับเสพติดของพวกนั้น จนไม่อาจทนต่อความต้องการไหว"หนูทำหรือไม่ทำ บีบีรู้อยู่แก่ใจตัวเอง พ่อจะไม่เข้ายุ่ง แต่ถ้าเดือนหน้า หนูกับเตชินยังมีสภาพแบบนี้อยู่ พ่อคงจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้""ผมเข้าไม่เข้าใจ พวกเราสองคนทำอะไรผิด ทำไมคุณพ่อ ถึงต้องไล่ผมกับบีออกไปด้วย" คนเป็นลูกเขยกล่าวเสียงสั่นเครือ แสร้งทำน้ำเสียงเศร้าซึมตามมาแต่นั้นกลับเป็น การเล่นละครที่น่าสะอิดสะเอียน ในสายตาบดินทร์ ทำเอากลืนอาหารลงคอด้วยความยากลำบากไม่คิดว่าการมาทานข้าวร่วมกับลูกสาวครั้งนี้ รสชาติกับข้าวราคาแพงจะฝืดคอได้มากขนาดนี้ พร้อมกันจึงยกน้ำเปล่าจิบนิด ๆ หวังให้ละเลียดลงกระเพาะไปให้จบ ๆ จ
บดินทร์เดินเตร่มาตามเส้นทางสวนสวย ๆ ดวงตามองแสงตะวันยามโพล้เพล้ หวังให้ความงดงามของธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการเครียดที่มีตอนนี้เขารู้แล้วว่าบันนิดากลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง หลังจากให้แม่บ้าน นำผมลูกสาวไปส่งตรวจความทรงจำแย่ ๆ เริ่มไหลย้อนกลับมา และนั้นคงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของบีบีคนเป็นพ่ออย่างเขา ย่อมจำได้ดี บันนิดาในวัยเด็กนั้นน่ารักและร่าเริง แต่พอช่วงอายุได้ประมาณสิบหกปีเด็กคนนั้นก็เข้ามาถาม เรื่องที่ตัวเอง ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ซึ่งบดินทร์ก็ยอมรับไปแต่ใครจะคิดว่า เบื้องหน้าสาวน้อยสดใสจะถูกความน้อยเนื้อต่ำใจกลืนกิน แถมเขายังไม่เคยมีเวลาให้กว่าจะรู้ตัวบีบี ดันถลำลึกเกินฉุดรั้ง เคราะห์ร้ายเธอยังไปหลงรักผู้ชายเลว ๆ และหนีไปอยู่ด้วยกัน เชื่อมาตลอดว่านั้นคือความรักที่แท้จริง สุดท้ายบดินทร์จึงส่งบีบีไปลองตรวจอาการทางจิต ปรากฏว่าเธอป่วยเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ทั้งบดินทร์และบุษบาเลยส่งบีบีไปรักษา พอออกมาได้ ทั้งสองคนก็พยายามช่วยกันกลบปมด้อยภายในใจของลูกสาว ทำให้บันนิดามีอาการดีขึ้นแต่ความสุขดันมีได้ไม่นาน หลังจากที่ทั้งคู่สูญเสียคนกลางไป ความสัมพันธ์ระหว