มือบางเลื่อนไล่ไถหน้าจอมือถือไปเรื่อย ๆ ระหว่างรอ บดินทร์กลับจากเข้าห้องน้ำ กระทั่งสายตามาหยุดตรงคำที่ว่า
‘ขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ร่วมเดินทางมาเที่ยวงานวัดประจำปี’ หลังจากอ่านข้อความบรรทัดนั้นจบ นัยน์ตาสวยเริ่มเป็นประกาย ในที่สุดก็หาสถานที่พาเขาไปเดทได้แล้ว “พี่ดินขาา ก่อนกลับ นิมีสถานที่หนึ่งที่อยากจะไปมาก ช่วยพาไปหน่อยได้ไหมคะ?” นิรณาอ้อนขอ เมื่อเห็นหน้า “ได้สิครับ นิอยากจะแวะที่ไหนล่ะ?” “งานวัดค่ะ เป็นทางผ่านกลับบ้านของนิพอดีด้วย ช่วยแวะหน่อยน้าาค้าา” บดินทร์พอโดนลูกอ้อนด้วยการกะพริบตาปริบ ๆ ของนิรณา ดันเกิดอาการอ่อนระทวย ทำอะไรแทบไม่ถูก พยักหน้ายินยอม ทำตามคำขออย่างว่าง่าย ไม่ได้ฉุกคิด หรือเอะใจเลยสักนิดเดียว กระทั่ง..รถเก๋งทรงสปอร์ตสีดำ วิ่งด้วยระดับความเร็วคงที่มาตามทางด่วน นานสองนาน เป็นเหตุให้สารถีงงมาก ถ้าเอาตามความจริง เขาก็ขับมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงงานวัด หรือบ้านของคนข้าง ๆ สักกะที จนเริ่มรู้สึกท้อใจ แขนขาเมื่อยล้าไปหมด "ถ้าไม่ใช่นิ พี่คงคิดว่าถูกลวงมาฆ่าทิ้ง" บดินทร์บ่นอุบ เหลือบตามองไหล่ทาง ไร้ซึ่งแสงไฟ ซ้ำยังเป็นถนนเลี่ยงเมือง ยิ่งทำให้รู้สึกหวิวหวั่นในใจ อาจเพราะปกติไม่ชอบขับรถตอนกลางคืน ยิ่งเป็นป่าดงพงไพรแบบนี้ ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่รู้จะมีโจรมีผีโผล่ออกมาเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายกลับต้องยอมตามใจนิรณาอยู่ดี แล้วกดคันเร่งให้เร็วขึ้น จะได้ออกจากถนนเส้นนี้เร็ว ๆ "โอ๊ยยยยย..พี่ดินขาาา พี่ก็สรรหาคำมาพูดเนอะ นิไม่หลอกพี่ มาฆ่าหรอกค่ะ..ลวงมาปล้ำดีกว่า ฮ่า ๆ สนุกดี" ยัยคนกำลังเคี้ยวขนมตุ้ย ๆ ว่าไม่อายปาก พร้อมทั้งหัวเราะชอบอกชอบใจ แล้วหยิบขนม ส่งเข้าปากไปอีกหนึ่งชิ้น "นิ" น้ำเสียงเรียบเย็นของเขา ทำเอานิรณารีบหุบยิ้ม เผลอลืมไปเสียได้ว่าบดินทร์น่ะ..หัวโบราณ เร่งรีบหันกลับมามองหน้าเขา แสร้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าซึม "นิก็แค่พูดเล่นอ่ะ พี่ดินอย่าโกรธกันเลยน้าา นะ นะ น้าา" นิรณาพยายามขอความเห็นใจ แต่คำตอบเหมือนจะไม่ถูกใจ สารถีคนโปรดยังคงมีสีหน้าบึ้งตึง ทว่าความคิดในสมองดันเผลอหลุดลอยออกมาแผ่วเบา แต่นั่นกลับเป็นประโยคที่ดังกึกก้อง ที่สุดในหูของนิรณา "แค่พูดเล่นเองเหรอ พี่ก็อุตส่าห์คิดจริงจัง" "ห๊ะ! อะไรนะคะ?" คนตัวเล็ก เร่งหันขวับกลับมาถาม ตกใจซะจนขนมเกือบจะติดคอตาย "เปล่าสักหน่อย พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ" "ผู้ร้ายปากแข็ง" เสียงหวานหยอกเย้าไป พลางแอบจุดยิ้มตรงมุมปากนิด ๆ รู้สึกดีใจที่บดินทร์ คิดจริงจัง "พี่พูดความจริง ไม่โกหกหรอกนะ" บดินทร์แถไปเรื่อย แต่มีหรือสารวัตรสาวผู้สืบสวนคน มาเป็นร้อยจะมองไม่ออก แค่ปราดเดียว ก็รู้แล้วว่าเขากำลังเลิ่กลั่กสุด ๆ แต่จะให้จับผิดต่อไป มันก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรซะ สิ่งที่หูเธอได้ยินมันต้องเป็นความในใจของเขาแน่นอน ก่อนจะหันหน้ากลับมาสนใจซองขนมในมือต่อ พร้อมกับรอยยิ้มหวานแต้มบนใบหน้า ชอบใจเวลาเห็นเขาเขิน จนใบหูแดงก่ำ "เอ่อ..นิครับ คือว่าตอนนี้พวกเรากำลังจะออกจากตัวจังหวัดกันแล้วนะ ไม่หลงใช่ไหม?" เขาถามอย่างไม่แน่ใจ และเมื่อเห็นว่าไม่ถึงจุดหมายที่ต้องการสักที นิรณาจึงก้มมองมือถือจอน้อยในมือ กดเลื่อนดูแผนที่ไปมา "อีกสักประมาณสิบสองกิโลเมตรก็น่าจะถึงแล้วนะคะ" บดินทร์พยักหน้ารับฟัง ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขายังคงตั้งใจขับรถต่อไป แต่พอเหลือบมองป้ายยินดีต้อนรับ เข้าสู่จังหวัดอยุธยา เลยถึงบางอ้อ เริ่มรู้ตัวแล้วว่า..คืนนี้คงไม่มีแรงขับรถกลับบ้านตัวเองแน่นอน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป กระทั่งแสงไฟสีสันมากมาย เรียงรายตามทาง จนเต็มสองข้างถนน ปรากฏสู่สายตาทั้งสอง "ใช่ที่นี่หรือเปล่าครับ?" คนขับรถหันกลับมาถาม ทำเอาสาวข้างกายที่กำลังจะผล็อยหลับ สะดุ้งตื่น "ใช่ค่ะ ใช่ที่นี่แน่นอน" นิรณายืนยัน เธอน่ะจำได้ ด้วยเดินทางมาเที่ยวงานวัดแห่งนี้ทุกปี เมื่อครั้นยังเป็นเด็กน้อย บดินทร์ลงมาจากรถด้วยความตื่นตา ทั้งชีวิตที่เกิดมาตัวเขาไม่เคยได้ลงมายังสถานที่เช่นนี้สักครั้ง หากไม่ไปกราบไหว้พวกหม่อมในกรม ก็ต้องร่ำเรียนหนังสือ ที่ไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไรเหมือนกัน อาจเพราะแต่ละศาตร์ที่ได้ร่ำเรียนมา ในความเป็นจริง มันเอาไปใช้ไม่ได้สักแขนงเดียว พอคิดแบบนั้นแล้ว ก็รู้สึกปวดสมอง จนต้องสะบัดความคิดทิ้ง "พี่ดินค่ะ! ทางนี้" เสียงเรียกหาของสาวน้อยตรงหน้า ทำบดินทร์หลุดจากภวังค์ มือนุ่มนิ่มเอื้อมมาจับเขา พลางกึ่งลากกึ่งจูงให้เดินตามเข้าไปด้านในงาน สองหนุ่มสาวเดินมาหยุดยืน หน้าซุ้มโซนแดงที่มีตุ๊กตาวางเรียงรายอยู่บนชั้น ส่วนตัวใหญ่ถูกมัดห้อย ลงจากด้านบนอวดโชว์ ท้าทายหาผู้มีฝีมือให้มาพิชิต เพื่อเอากลับไปดูแล บริเวณด้านหน้ามีปืนยาววางอยู่หลายต่อหลายกระบอก "ตาละยี่สิบ ยิงตกสิบตัวเล็กเอาหนึ่งตัวใหญ่ไป" เฮียเจ้าของร้านเดินมาบอกราคาถึงที่ แล้วมีหรือคนอย่างนิรณาจะยอมถอย รีบเร่งควักใบแดงออกมายื่นให้แทบทันที เฮียเอื้อมมือมารับเงินไปพร้อมกับส่งกระสุนพลาสติกสีแดงมาให้ ประมาณเกือบ ๆ สามสิบนัด "ค่อยดูให้ดี ๆ เลยนะคะ..พี่ดิน ยังไงวันนี้ พวกเราก็จะต้องได้ตุ๊กตาตัวนั้น กลับบ้านให้ได้" นิรณาบอกเขา ชี้นิ้วไปยังเจ้าโดเรม่อนตัวน้อย ๆ ที่แขวนห้อยต่องแต่ง เด่นหรา ท้าทายความสามารถของสารวัตรสาวมือฉมัง ผู้ไม่เคยพลาดเป้า "..." บดินทร์รับฟัง แต่ไม่ได้ตอบกลับ ตอนนี้เขากำลังตื่นตากับบริเวณรอบตัว..ที่มีคนมากมายออกมาท่องเที่ยวกันให้ควั่ก ผู้คนที่มาล้วนมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ้างก็พาลูกมาเล่นปาโป่ง บ้างก็พาสาวมาเดินเล่นออดอ้อนกัน ดูเป็นอะไรที่เรียบง่ายที่เมื่อได้เห็น ยิ่งทำให้มีความสุข ส่วนทางด้านนิรณา เธอก็ตั้งท่าตั้งทางเสียดิบดี พร้อมนึกเข้าข้างตัวเองว่าเคยเป็นถึงอดีตนักยิงแม่นมือหนึ่ง ประจำโรงเรียนเตรียมตำรวจ คงจะไม่มีทางพลาดแน่นอน แล้วยัยคนตัวเล็กจึงตั้งสมาธิอยู่สักพัก คิดคำนวณวิถีกระสุน ระยะห่างทั้งหมดก่อนจะหรี่ตาลงหนึ่งข้าง ตั้งใจสุด ๆ พร้อมกดลั่นไก ปังงงง! เสียงดังนิดหน่อยแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ทว่านัดแรกกลับทำให้นิรณาเคืองแค้นสุด ๆ ด้วยวิถีของกระสุนแทบไม่โดนหรือเฉียดกลายเข้าไปใกล้เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยเลยสักนิด พลันนั้นเพลิงแห่งความแค้นเริ่มทำงาน มือน้อย ๆ จึงกดรัวกระหน่ำยิงไปเรื่อย ๆ จนกระสุนที่มีเหลืออยู่เพียงแค่สามนัด บดินทร์เมื่อเห็นแบบนั้น เลยไม่อยากจะให้ยัยตัวเล็ก รู้สึกพลาดเพียงคนเดียว "นิ พี่ขอลองยิงได้ไหม?" คำขอจากคนข้างกาย ทำให้นิรณาคร่ำเคร่งอยู่นาน หันหน้ากลับมาทางเสียงเรียก เริ่มจำได้ว่าตัวเองพาเขามาด้วยเหมือนกัน "ได้สิคะ" นิรณาตอบรับง่าย ๆ พร้อมส่งปืนให้เขาไปถือ ด้านบดินทร์ที่รับมา กลับไม่ได้ตั้งใจจะยิงอะไร แค่สุ่มไปมั่ว ๆ กดลั่นไกไปงั้น ๆ แต่แล้วกระสุนที่ถูกยิงออกไปนัดนั้น กลับเข้าเป้าเต็ม ๆ จนหนึ่งในตุ๊กตาตัวน้อย ๆ หล่นลงสู่พื้นเป็นตัวแรกในยี่สิบเจ็ดนัด "ว้าว! พี่ดิน ยิงแม่นจังค่ะ" "ก็แค่ฟลุ๊คน่ะครับ" เขาบอกและเหมือนจะสมพรปากของตัวเอง เพราะสุดท้ายทั้งคู่กลับต้องเดินออกมาจากซุ้มนั้น โดยมีตุ๊กตาตัวปั้นกลับไปแค่ตัวเดียว นิรณาจึงได้แต่ทอดถอนหายใจเล็กน้อย ยอมล่าถอยจากเจ้าโดเรม่อนสุดน่ารัก ก่อนที่สายตาคู่สวย จะจ้องมองดูบดินทร์ที่กำลังกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ด้วยความน่ากินของขนมตรงหน้า ทำให้ทั้งคู่มาหยุดยืนอยู่หน้ารถเข็นเก่า ๆ ที่มียายแก่นางหนึ่งกำลังทอดขนมดอกบัวอยู่ "ยายคะ..ขายอันละเท่าไหร่?" "อันละ 5 บาทจ๊ะหนู" "ขายถูกจังเลยนะครับ ถูกขนาดนี้คุณยายมีกำไรบ้างเหรอเปล่า?" เมื่อได้ฟังราคา..ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา พลางพิจารณาขนมสีเขียวหน้าตาน่าทานด้วยความสงสัย "มันพอมีบ้างแหละลูก ถ้าขืนยายขายแพงมากเกินไป แล้วพวกเด็ก ๆ เขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อกินกันล่ะ?" "ผมเข้าใจแล้วครับ งั้นเอาเป็นว่า..ผมขอเหมาขนมร้านคุณยายทั้งหมดเลยได้ไหม?" "แล้วลูกจะกินหมดเหรอ..ถ้าเกิดว่าสงสารยาย ลูกอย่าได้เหมาขนมไปทิ้งขว้างเลยนะ มันน่าเสียดายออก" คุณยาย พูดเหมือนต้องการดักคอบดินทร์..จนเขาไปต่อแทบไม่ถูกลืมนึกถึงว่าการที่ตนจะซื้อไปเยอะขนาดนั้น หากทานไม่หมด ก็คือการทำให้ขนมเสียหายไปอย่างเปล่าประโยชน์ ทางด้านนิรณาที่เห็นคนข้าง ๆ เงียบ เลยบอกออกไป "งั้น พวกเราขอเหมาขนมดอกบัวคุณยาย แจกเด็ก ๆ ในงานละกันค่ะ" เมื่อหญิงชรารับรู้ นางคลี่ยิ้มออกมาอย่างชอบอกชอบใจ ยื่นขนมทอดให้ทั้งคู่หนึ่งชุด ก่อนเริ่มลงมือทำขนมต่อ เตรียมแจกจ่ายแก่เด็กน้อยทั้งหลายที่ผ่านไปมาหน้าร้านเสียงไก่ขันเซ็งแซ่ปลุกตอนเช้า บดินทร์ค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้น เขากะพริบตาถี่ ๆ สองสามครั้งเมื่อคืนนิรณาบอกว่าให้ตนมาอยู่ในห้องนี้ก่อนเพราะมืดค่ำแล้ว จึงไม่ได้ไปไหว้ทักทายคุณยายของเธอแต่พอเหลือบตามองข้าง ๆ ฟูกนอนที่ควรจะมีคนตัวเล็กนอนอยู่กลับไร้ซึ่งวี่แววจะก้าวเท้าออกจากห้องไปก็ดันกลัวเจ้าของเรือนจะตกใจคิดว่าเป็นขโมยขโจน เร่งสาวเท้าไปแง้มเปิดประตูสอดสายตามองหาตัว..ก็ไม่พบ นิรณาหายไปไหนก็ไม่รู้ คนตัวสูงเลยตัดสินใจ สูดลมหายใจลึก ๆ จะออกไปตามหา เคร้ง!เสียงขันเหล็กที่ใส่น้ำดอกมะลิ ตกกระทบพื้นเรือน ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดลันของสาวน้อยวัยละอ่อน"อร้ายยยยยย ยายจ๋า โจรจ้าโจร โจรขึ้นบ้านเราแล้ว""เอะอะ..อะไรแต่เช้าล่ะโว้ยย! นั้นคุณดิน ผัวพี่สาวเอ็งไง!" ยายแพร้วเอ่ยบอกหลานคนเล็ก เนื่องด้วยได้รู้เรื่องจากนิรณาตั้งแต่เช้าตรู่ ที่คนเป็นหลานสาวลุกไปเคาะห้องทักทาย"อ้าว! แล้วคนก่อนล่ะยาย?""ผีเจาะปากมาพูดหรือไง! รีบไปเลยนะ ไปเร็ว ๆ ไปหาน้ำหาท่ามาต้อนรับว่าที่พี่เขยเอ็ง" ยายแพร้วพูดรัว ๆหลานเขยคนนี้ หน้าตาท่าทางดูดีมีสกุล ต่างจากคนก่อนที่เจ้าสำอาง ซ้ำยังเกียจคร้
เสียงบางอย่างถูกลากดังมาจากด้านหลัง สายตาคมรีบเหลียวมอง เห็นสาวน้อยคนแรกตอนมาถึงที่นี่ กึ่งลากกึ่งจูงรถเข็นขนาดใหญ่ระดับหนึ่ง มาทางทั้งคู่“เอามาเลย..ร้อยหนึ่ง ค่าแรงที่ฉันลากมาให้”“นารี! แกนี่มันหน้าเงินซะจริง”“ยายขี้เหนียวจะตายไป ไม่ยอมให้เงินฉันใช้เลยนี่น่า”“พูดเพราะ ๆ กับพี่หน่อยสิ คะขา ๆ น่ะ พูดเป็นไหม? ถ้าพูดได้ เดี๋ยวพี่ให้พันหนึ่งเลยเอ้า!”“พี่นิขาา น้องนาขอเงินกินขนมหน่อยสิคะ?”“จ้า ๆ แต่เซ็นไว้ก่อนนะจ๊ะ พี่ไม่มีเงินสดเลยอ่ะ เดี๋ยวตอนเย็น ๆ จะไปกดมาให้” พอเห็นเธอพูดแบบนั้น บดินทร์ถึงกับหันขวับ คนข้าง ๆ ตั้งใจกลับเมื่อไหร่กันแน่ล่ะเนี่ยสุดท้ายมือหนาจึงเอื้อมไป คว้าเอากระเป๋าสตางค์หลังกางเกง แล้วหยิบใบเทาออกมาถึงสามใบ ส่งให้กับน้องสาวนิรณาด้วยความเอ็นดู“พี่ให้ เอาไว้ไปกินขนมนะครับ”“นารีขอกราบงาม ๆ เลยเจ้าค่ะ..คุณพี่เขย!” พอเด็กน้อยพูด บดินทร์ก็รู้เลยว่าหากโตมา นิสัยคงไม่พ้นใครบางคน“เรารีบไปกันเถอะค่ะ” นิรณาเร่งร้องเรียก เธออยากไปเจอพวกเด็ก ๆ ซะจนเต็มแก่ อาจเพราะส่วนหนึ่งเด็กพวกนั้นเหมือนเป็นพลังบวกให้..เวลาที่ได้เจอ จึงรู้สึกมีคว
“พี่อร..สวัสดีค่ะ” นิรณายกมือไหว้หญิงสาวผู้ดูแล ทำให้เธอเหลียวมองมาทางทั้งคู่ พร้อมส่งยิ้มให้ ยกมือขึ้นรับไหว้“ลมอะไรหอบน้องนิมาถึงที่นี่เหรอคะ?”“ไม่ใช่ลมพายุหรอกค่ะ”“นิก็ยังเป็นคนที่อารมณ์ดีเหมือนเดิมเลยนะคะ?”“พี่อรก็ยังเป็นพี่สาวแสนสวย..ที่ยังคงพูดจาไพเราะเพราะพริ้งเหมือนเดิมเลยค่ะ”“พี่ว่าเราสองคน เลิกเยินยอกันเองเถอะค่ะ”“มันคือความจริงนะคะ”“ค่ะ” เจ้าของบ้านจำต้องตอบรับ ด้วยความอ่อนใจ มองไปยังด้านหลังของรุ่นน้องสาว เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนนิ่งอย่างกับเป็นบอดี้การ์ด จึงตัดสินใจทักทาย“ฉันอรวีค่ะ คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”“เราน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน คุณอรเรียกผมว่าดินได้เลยครับ” เมื่อได้ยิน นิรณาหันขวับแล้วยิ้มน้อย ๆบดินทร์คงยังไม่รู้จักคำว่า..สวยไม่สร่างสินะ“จริงเหรอคะ..คุณอายุถึงตัวเลขห้าแล้วเหรอ?” อรวีถามอย่างไม่แน่ใจ ชายตรงหน้าไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้น“ข้ามเรื่องอายุไปเถอะค่ะ นิว่าจะขอตัวไปเล่นกับพวกเด็ก ๆ ก่อนนะคะ พวกเขาคงคิดถึงจะแย่ล่ะ” ยัยคนสวยชิงตัดบท แล้ววิ่งเร็ว ๆ ไปเล่นกับเด็กน้อยที่อยู่ในสวน“เอ่อ..ทำไมที่นี่ถึงได้
พระอุ้มหมา ชีอุ้มแมว หรือจะสู้ สาวน้อยจูงรถเครื่องกับคุณชายลากรถเข็น ลากตะวันยังไม่ตกดิน จนพระจันทร์เด่นกลางหัวทั้งคู่ยังเดินไม่ถึงบ้านตัวเองสักกะที"พะ..พี่ดิน ดะ..ดูนั้นสิ!" นิ้วเรียวสวย ชี้ไปยังแสงไฟสีเขียวสลับเหลืองลอย อยู่กลางทุ่งนาด้วยความตื่นเต้น"กระสือพี่! กระสือตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้าเราแล้วค่ะ!" ยัยคนข้าง ๆ บอกให้เหลียวมองดู ไม่มีท่าทีจะหวาดกลัว ซ้ำยังเอาแต่จดจ้องมองสิ่งนั้นด้านบดินทร์เลยได้แต่เบือนหน้า ไปมองทางอื่น ไม่อยากโดนจับควักไส้กิน หากเผลอไปสบตา"โอ๊ยยยย!" คนตัวเล็กโอดครวญ จนเขาต้องรีบหันมอง"เป็นอะไรครับ?" เสียงอ่อนโยนถามด้วยความเป็นห่วง"เห้ออ นิก็นึกว่าผี ที่แท้เป็นคนส่องกบหาเขียด""ห๊ะ!" บดินทร์หลุดอุทาน ก่อนจะหันหน้ามองไปทางคนที่อยู่กลางทุ่งนา รู้สึกมีความหวัง คืนนี้คงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้ว แต่แล้วยัยตัวเล็กกลับเหลียวมองมา เหมือนอ่านใจออกพร้อมเอานิ้วมาชิดปาก เชิงว่าอย่าทำอะไรให้เกิดเสียงดัง"ชู่ว..ดึกดื่นแบบนี้เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือเปล่า บางทีอาจจะเป็นผีโพงก็ได้ อย่าไปเรียกเด็ดขาดนะคะ"คนตัวสูงได้แต่พยักหน้ารับคำ
"นิทำมันตื่นขึ้นมาเองนะ รับผิดชอบพี่ด้วยละกัน""พี่ดินอยากเหรอคะ?" เสียงหวานสอบถาม นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจดจ้องมองใบหน้าหล่อละมุน ท่าทางท้าทาย"แล้วใครล่ะ..ทำให้พี่เป็นแบบนี้?""อืมม แล้วพี่ดินอยากอะไรเหรอคะ..ถ้าไม่พูดออกมา นิก็ไม่รู้หรอกนะ" คนสวยเล่นลิ้น ยันกายลุกขึ้นเผชิญหน้ากับคนตัวสูง ช้อนสายตามองใบหน้าคมที่กำลังแดงปลั่ง ในใจนึกหัวเราะคิกคัก..บดินทร์ช่างเป็นผู้ชายน่ารักซะจริง"พี่อยากครับ..อยากทำกับนิ""ทำอะไรคะ? ""นิก็รู้""ไม่รู้ค่ะ นิไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าพี่ดินไม่พูด""พี่อยากมีเซ็กซ์กับผู้หญิงคนนี้!" ว่าแล้ว จึงจิ้มนิ้วใส่เธอ"รับทราบแล้วเจ้าค่ะ! นายท่าน” สิ้นคำพูด เข่ามนคุกลงกับพื้นกระเบื้องสาก เอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกง แล้วเลื่อนมันลงช้า ๆ เผยให้เห็นสิ่งสงวนที่ชอบหนักชอบหนาเพียงแค่มือนุ่มนิ่มลูบสัมผัสบริเวณส่วนหัว แล้ววนนิ้วเรียวคลึงเคล้าเบา ๆ กลับเป็นการกระทำที่สุดแสนจะทรมาน ราวกับว่าคนใต้ร่างนั้นต้องการทำให้เขาคลั่งตายเสียให้ได้ทว่ายัยคนขี้แกล้งยังไม่พอใจ กำสิ่งนั้นแล้วรูดรึงช้า ๆ ขึ้นลง ขึ้นลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่นเอาคนโดนกระท
คนจะกลับ รั้งให้ตายยังไง สุดท้ายก็ได้แค่..สามวัน ในที่สุดบดินทร์ก็สามารถลากตัวนิรณากลับมา ถึงกรุงเทพได้สักที หลังจากที่เธอเอาแต่อิดออดอยู่นาน "กลับบ้านดี ๆ นะคะ..พี่ดิน" คนสวยกล่าวลาด้วยเสียงเศร้า ทำท่าหยิบกระเป๋าจะลงรถ ทว่าเพียงเปิดประตูจะก้าวเท้าลงไป มือไม้กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำให้กระเป๋าหลุด แถมโลกยังหมุนคว้าง เป็นเหตุให้เซถลา ทรุดลงกับพื้น "นิ!" บดินทร์เรียกเธอด้วยความตกใจ แล้วถลาลงจากรถ มาดูอาการนิรณาที่ล้มอยู่กับพื้น หน้าตาซีดเซียว "ไม่เป็นไรค่ะ นิไม่เป็นไร..พี่รีบกลับบ้านเถอะ" นิรณาว่า พร้อมพยายามลุกขึ้นยืนคนเดียว แต่อาการปวดหัวตุ้บ ๆ ยังคงไม่หายไป พิษไข้จากน้ำฝน เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะคนขี้หนาวอย่างเธอ มือบางจึงต้องเลื่อนขึ้นมากุมขมับ นวดคลึงเพื่อคลายความปวดร้าว "หนูไม่สบายเหรอครับ?" "สงสัยว่าเพราะเมื่อคืน นิวิ่งตากฝน เลยรู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดมาตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ" “ไปหาหมอไหม?” น้ำเสียงละมุนสอบถาม ใช้วงแขนแกร่งมาประคองให้คนตัวเล็กทรงตัวไหว "กินยาไว้แล้วค่ะ ได้นอนพักสักหน่อยคงหายดี
"พ่อบี มันหายหัวไปไหนห๊ะ!" สรรพนามจิกหัวเรียกดังมาจากริมฝีปากคนที่กำลังนอนไม่สบอารมณ์อยู่บนเตียงกว้าง ดวงตาจับจ้องโทรศัพท์มือถือตรงหน้าจอฉายชัดว่า..เกมฝั่งตัวเองกำลังเสียเปรียบ ทว่าคำเดียวคำนั้นกลับทำให้บีบี ผู้เทิดทูนบดินทร์ ยิ่งกว่าชีวิต มองเขาตาดุ แล้วกล่าวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"ต่อจากนี้ห้ามเรียกพ่อบีว่ามันเด็ดขาด ท่านอยู่สูงกว่าเราสองคนมาก""เหอะ..มันก็คนเหมือนกันนั่นแหละ""เต!""ครับผม รับทราบแล้ว..คร้าบบบบ""แล้วจะถามถึงพ่อบีไปทำไม?""อีกแค่สามวันจะถึงงานแต่งเราแล้ว คุณท่านเป็นพ่อประสาอะไร ถึงได้ปล่อยให้ลูกตัวเองวุ่นวายอยู่คนเดียว" คนหัวร้อนจากการแพ้เกมบ่นอุบ โยนมือถือทิ้งข้างตัว ยกมือยีหัวผมยุ่งเหยิง พร้อมยันกายลุกขึ้นนั่ง"แล้วเตล่ะ..นี่ก็ใกล้จะถึงงานแต่งของเราแล้วนะ วัน ๆ ไม่คิดจะไม่ทำอะไรเลยเหรอไง?" บีบีบ่นอุบ ดวงตามองชายเฮงซวยที่ตัวเองเลือกมาเป็นสามีด้วยความระอาใจหากไม่ติดว่าตั้งท้องลูกเขา เธอไม่มีวัน คว้าเอาเตชินมาร่วมหอลงโรงด้วยเด็ดขาด"แล้วบีจะให้เตทำอะไรล่ะ..ในเมื่อธีมงาน เตเลือกสีฟ้า บีจะเอาสีชมพู แล้วก็เรื่องชุดเจ้าบ่าวอี
งานแต่งงานของเตชินและบีบี มีอาณาเขตอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตของเจ้าสาวที่สามารถต้อนรับผู้คนได้มากกว่าหลายพันชีวิต คฤหาสน์ตระกูลวงศ์สูงส่งจึงเต็มไปด้วยแขกที่มาร่วมงานมากมายเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวตระกูลผู้ดีเก่าแก่อันเลื่องลือชื่อ แต่ฝ่ายชายอย่างเตชิน กลับเป็นคนโนเนม ไร้ชื่อเสียง แต่พอบรรดาคุณนายทั้งหลายเห็นหน้าก็ต่างพากันอยากได้เขาซะจนตัวสั่น ด้วยมีใบหน้าคมอันหล่อเหลา อย่างกับพระเอกซีรีย์เกาหลีเป็นเอกลักษณ์ติดตัวทว่าเพียงแค่หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงรับเข้ากับสรีระร่างกายแสนอวบอิ่ม ก้าวเท้าเดินเข้ามาในงานแต่งทุกสายตาล้วนจดจ้องมองมาทางเธอคนนั้น ไม่ใช่ว่าเพราะความสวยแค่อย่างเดียวแต่เป็นการแต่งตัวที่สุดแสนจะแซ่บสะท้านทรวง โดดเด่นมากซะจนบรรดาแขกเหรื่อผู้ชายไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ต่างพากันมองตามนัยน์ตาหยาดเยิ้มแต่แล้วร่างบางกลับหยุดชะงัก ยืนมองดูรูป..บ่าวสาวอย่างใจเย็น ครุ่นคิดหาวิธีป่วนงานกระทั่งถูกมือเย็น ๆ มาแตะที่ไหล่เปลือยเบา ๆ ทำเอาสะดุ้ง เผลอพลิกกลับไปล็อกตัวเขา ตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึก"โอ๊ยย เจ็บนะครับ" คนโดนจับล็อก บ่นโอดครวญ ทำให้นิรณาต้องรีบปล่อยมือจากเขา
นิรณามองสามีด้วยแววตาอ่อนล้า หัวใจหนักอึ้งด้วยความเวทนา บดินทร์กลายเป็นเจ้าชายนิทรามานานกว่าห้าเดือนแล้ว ร่างกายที่เคยแข็งแรงบัดนี้นอนนิ่งไร้การตอบสนอง ไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นคืนสติ"ขอโทษนะคะ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้านิไม่ก้าวมาในชีวิตของพี่ เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้" เสียงแผ่วเบาแฝงความเศร้าหมอง คำพูดเดิมที่เธอพร่ำบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเวลาที่เขาหลับใหล เธอเอาแต่โทษตัวเอง วันแล้ววันเล่าที่จมดิ่งอยู่กับความรู้สึกผิด ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ในใจได้แต่เพราะเด็กชายที่อยู่ในท้อง คนเป็นแม่จำต้องพยายามไม่ให้ตัวเองเครียดมากนัก หาสิ่งต่าง ๆ ทำวนเวียนไป เพื่อไม่ให้มีเวลาครุ่นคิดจนเกินไป แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็ไม่อาจลบเลือนความคิดถึงที่มีต่อสามีได้แม้แต่น้อยทุกลมหายใจเข้าออกยังคงเป็น...บดินทร์หากการอ้อนวอนต่อฟากฟ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ จะช่วยได้ นิรณาอยากจะร้องขอสักครั้ง..ขอให้คืนคนรักของเธอกลับมาขอเพียงให้ลูกน้อยที่ใกล้จะลืมตาขึ้นมาเผชิญโลกกว้าง ได้มีพ่อที่เป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้โปรดแต่คำอธิษฐานดูจะไม่มีวันได้รับคำตอบ เวลาผ่านล่วงเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของการหล
จนเวลาล่วงเลยผ่านมาอีกสามวัน นิรณายังคงวนเวียนอยู่แถวบริเวณนี้ เพื่อติดตามการค้นหาบีบีและเตชินใช้เส้นสายที่มีให้ติดประกาศจับ แต่ยังไม่พบเจอว่าคนทั้งคู่ไปหลบเลี่ยงอยู่ในรูไหน ทุกอย่างเลยมืดแปดด้าน"พี่! พี่..เจอแล้วพี่" นราภพวิ่งเข้ามาในห้องพัก ก่อนจะหยุดยืนหอบต่อหน้านิรณา แล้วยื่นมือถือมาให้ดู"สายของผมถ่ายรูปคล้ายกับไอ้เตชินได้แถวท่าเรือร้างทางใต้ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อน ผมเลยให้มันไล่ตามไปแต่ก็คลาดกันจนได้" เสียงสั่นด้วยความเหนื่อยอธิบายเร็ว ๆฝั่งนิรณาเพียงแค่กวาดสายตามองรูปก็จำได้แทบทันที ว่าชายในภาพคือเตชิน แม้ว่าสภาพจะเละเทะ เนื้อตัวเสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนไปดินโคลนทว่าสำหรับบุคคลที่เคยอยู่ร่วมกันมาหลายปีย่อมจำได้ แม้แต่ปลายเส้นผม เธอก็จำได้..จำได้ว่าเขาคือ เตชิน!"รีบเตรียมรถ พี่จะรออยู่ด้านหน้า" เสียงจริงจังหันไปสั่งน้องชาย ก่อนจะเดินไปหยิบอาวุธ และเช็กดูกระสุนในที่สุดสองพี่น้อง..ก็เดินทางมาถึงท่าเรืออันเงียบสงบ จนน่าประหลาดใจ เวลานั้นสัญชาติ..บอกให้นิรณาระวังตัว เธอเร่งหันไปส่งสัญญาณให้น้องชายตามมา ก่อนจะลัดเลาะไปตามตู้คอนเทนเนอร์ที่เรียงราย ดั่งเขาวงกตจนมาถึงอีกฝั่ง
ฝั่งนิรณาในที่สุด..ก็สามารถตามตัวเจอ จากข้อความที่นราภพ สู้อุตส่าห์ไปตามสืบ จนพบว่าคนพวกนั้น ไปปรากฎตัว อยู่แถวท่าเรือ อันเป็นสถานที่..ที่พวกอาชญากรทั้งหลายมักจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศยิ่งทำให้กลัวใจ..กลัวว่ามันจะทำการหลบหนีได้สำเร็จ สองเท้าก้าวฉับ ๆ คว้าเอากุญแจรถ เตรียมมุ่งหน้าไปตามหาพวกมัน หวังจะจับให้ได้ด้วยมือตัวเองจวบจนเวลาเข้าสู่ยามโพล้เพล้ใกล้ค่ำ นิรณาที่ขับรถวนรอบเกาะและท่าเรือที่คาดว่าพวกมันจะไปกลับไม่เจอเลยสักนิด จนรู้สึกท้อใจ ตัดสินใจแวะปั๊มทางข้าง ลงไปล้างหน้า ล้างตา ให้รู้สึกสดใส จะได้มีแรงฮึดต่อดวงตากลับเหลือบเห็นใครบางคนในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำ สวมแมส สวมหมวก ปิดบังใบหน้า แต่ออร่าความหล่อยังพุ่งกระจาย ยืนเคียงข้างกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ในชุดเดรสสีชมพู สวมปีกกว้างกำลังยืนลังเล..อยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆทว่าหากเป็นคนนอกมองมา คงคิดว่าเป็นคู่รักดารา แอบมาเที่ยวสวีทหวาน ไม่อยากให้ใครเห็นหน้าแต่นั้นไม่ใช่กลับนิรณา เธอมองแค่ปราดเดียวก็จำได้ทันทีว่า..สองคนนั้นแหละ! คือคู่ผัวเมียที่ตัวเองมาตามจับแต่ขณะที่ค่อย ๆ ย่องเข้าไป มือกำลัง เตรียมปืนจะยกขึ้นเล็งขู
สามอาทิตย์..ก่อนหน้านั้น"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ทางเราสามารถยื้อชีวิตคุณบดินทร์ได้แล้ว แต่เขาถูกสารเสพติดประเภทหลอนประสาท ทำลายสมองมากเกินไป ฝั่งการรับรู้เลยไม่ทำงาน" แพทย์วัยกลางคนอธิบายเสียงเศร้า อับจนปัญญาที่จะช่วยเหลือได้นอกจากรอเวลา ให้ร่างกายคนไข้ ฟื้นตัวเอง ซึ่งแทบจะไม่มีปาฏิหาริย์ เพราะสมอง ส่วนการรับรู้โดนฤทธิ์ของยานรกที่เกินขนาดเล่นงานให้"หมายความว่าพี่ดินจะต้องนอนเป็นผักอยู่แบบนี้เหรอคะ?" สิ้นคำถาม แพทย์เจ้าของไข้พยักหน้ารับ ก่อนจะขอตัวไปตรวจอาการคนอื่นต่อนิรณาเลยได้แต่มองตามหมอจนลับสายตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาใส่ตัว เธอไม่น่าใช้บดินทร์เพื่อเป็น..เครื่องมือแก้แค้น ไม่น่าทำแบบนั้นเลยสักนิดมันความคิด..ที่ผิดพลาด ตั้งแต่เริ่ม ถ้าวันนั้นตัดสินใจ ไม่เข้าหา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เขาก็คงไม่ต้องมานอนหลับไม่รู้สติอยู่แบบนี้พอยิ่งคิดถึงความหลัง นิรณายิ่งโทษตัวเอง ได้แต่ถามว่าทำไม ๆ ทำไมบดินทร์ต้องเป็นคนรับกรรมที่ตัวที่เขาไม่ได้สร้าง ทำไม ไม่เป็นเธอที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้ทำไมทุกอย่างมันเลวร้าย แย่ลงไปหมด ทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เขาทำดีทุกอย่างแต่สุดท้าย คนใจดีคนนั
"อโหสิกรรมให้กันเถอะนะ แล้วชาติฉันท์ใด อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลย" สิ้นเสียงพูด นิรณายกมือไหว้ พร้อมปักธูปลงลงบนกระถาง ใบหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา"ป้าเสียใจด้วยนะคะ..คุณนิ" หญิงวัยกลางเดินมาหาคนเป็นเจ้าภาพงานขาวดำครั้งนี้ แล้วยื่นมือไปรับธูป นำไปเคารพคนจากไป สีหน้าที่เศร้าสร้อย"หนูเสียใจด้วยนะคะ" หญิงสาวอีกคนที่ตามเข้ามาเอ่ยด้วยเสียงซึมเล็กน้อย นิรณาก็ไม่ได้พูดอะไร และยังคงตีสีหน้าเฉยเมย พร้อมยื่นธูปให้คนคนนั้นไป ดั่งหุ่นยนต์นัยน์ตาสีหวานว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึก ตอนนี้ชีวิตเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มีแต่ความว่างเปล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลยเถิด จนทำให้เธออยากจะเป็นบ้าอีกด้านหนึ่ง พวกคุณหญิงต่างพากัน หันหน้ามาซุบซิบ"เห้ออ..สงสารคุณนิเนอะ ท้องตั้งหลายเดือนขนาดนั้น ยังต้องมาคอยจัดการงานตัวคนเดียวอีก""ฉันได้ข่าวมาว่าเขาไม่มีญาติเหลือเลยสักคน""แบบนั้นก็น่าสงสารแย่เลย" หญิงอีกคนพูด รู้สึกเห็นใจ ทั้งนิรณาและคนเสียชีวิต"นั้นสินะ! ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ ทำไมถึงมาด่วนจากไปเร็วก็ไม่รู้""เมื่อเช้าฉัน..ก็ลองถามหาสาเหตุนะ แต่ว่าคุณนิไม่ยอมพูดอะไรเลย" อีกคนกล่าวสมทบ"เธอก็คงช็อกมากแ
นิรณากลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะทำยังไง..คนเห็นแก่ตัวก็ไม่หมดไปสักทีทำเอางานในมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากคนปฏิบัติงานที่มีเพียงเพียงน้อยนิด ไม่สัมพันธ์กันแต่แล้วเมื่อเปิดประตูห้องนอนออก บดินทร์กลับไม่อยู่พอลองโทรหา ก็ไม่ติด ทำให้คนเป็นภรรยาเริ่มกังวลใจตั้งแต่คบกันมาเวลาเขาจะไปไหน มักจะส่งข้อความบอกตลอด แต่วันนี้กลับไม่มีปฏิบัติการตามหาสามีจึงเริ่มต้นขึ้น เธอออกสำรวจไปทั่วบ้าน จนถึงโรงรถพบว่ายังมีรถบดินทร์จอดอยู่ ไม่ได้ไปไหน"สวัสดีค่ะ คุณนิ" แม่บ้านคนหนึ่งเดินปะหน้ากับนิรณาพอดี ยกมือขึ้นไหว้ทักทาย เธอจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับไป"ฉันมาตามหาพี่ดินค่ะ พี่พอจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหนหรือเปล่าคะ?" เสียงหวานถามออกไปอย่างเป็นมิตร"คิดว่าน่าจะบ้านคุณบีบีนะคะ เห็นพวกแม่บ้านฝั่งนั้น วุ่นวายออกไปซื้ออาหารตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว""พวกเขามีนัดทานข้าวกันตอนเย็นเหรอคะ?" นิรณาถามอย่างงุนงง บดินทร์ก็นะ ไม่ยอมบอกอะไรเธอสักอย่าง"ค่ะ ฉันเห็นว่าคุณดิน ไปบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้วนะคะ" แม่บ้านรายงานทุกอย่างตามความจริง"ขอบคุณที่บอกค่ะ""แล้วคุณนิจะไปบ้านคุณบีบีไหมคะ?""เกรงว่าถ้าไปแล้วระเบิ
บีบีและเตชินร่วมมือ ช่วยกันพาร่างไร้สติของบดินทร์ขึ้นมา จนถึงห้องนอน ยังเห็นว่าเขายังหลับสนิท คนเป็นสามีจึงเริ่มตั้งกล้องตรงปลายเตียง ก่อนจะเดินออกไปจากปิดประตูดัง..ปึงงง ไม่สนใจ หรือหึงหวงบันนิดา เลยแม้แต่น้อยฝ่ายภรรยาก็ได้แต่มองตามเตชินหน้าจ๋อย ไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ถึงขนาดยอมให้เธอใช้ร่างกายร่วมหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง สลับกับเลื่อนสายตามองดูบดินทร์ ใจนั้นไม่อยากทำกับเขาแบบนี้เลยทว่าต้องทำอย่างไรล่ะ..หากว่าถอยตอนนี้ผลเสียย่อมมากกว่า เธอลงมือทุกอย่างไปอย่างชัดเจน เขาเห็นทั้งหน้า และรู้ตัวว่าโดนวางยา ความรู้สึกหลังจากนี้ บดินทร์คงมองตัวเธอเปลี่ยนไปแน่นอนยังไงซะ ตอนนี้ก็ไม่อาจถอยได้ ต้องเดินตามแผนต่อไปจวบจนเวลาผ่านไป รู้สึกตัวอีกที บดินทร์กลับพบว่าตัวเองกำลังนอนเปลือยเปล่า อยู่ข้างบีบีที่ไม่ได้สวมใส่อะไร เวลานั้นความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาใส่ ทั้งช็อก ทั้งโกรธ ทั้งโมโหและเศร้าใจ เร่งสะบัดศีรษะไปมาเพื่อเรียกสติให้คืนกลับ พร้อมยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง หวังจะเช็กดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่พบเจอ ไม่ใช่ความฝันและนั้น! ไม่ใช่ความฝ
หลังจากเริ่มรับประทานอาหาร ทำให้ทั่วทั้งห้อง ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ น่าอึดอัดใจ บดินทร์ที่ทานไปได้ สองสามคำ ค่อย ๆ ตัดสินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พ่อจะให้เวลาหนูกับเตชินพิสูจน์ตัวเอง เลิกยุ่งกับยาเสพติด แล้วไปหางานทำให้ได้ภายในเดือนนี้""บีเลิกยุ่งกับยาพวกนั้น..นานแล้วค่ะ" บันนิดาปฏิเสธเสียงแข็ง คราวก่อนที่บดินทร์ส่งไปบำบัด เธอจำได้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน และไม่อยากกลับไปเหยียบอีก..เป็นหนที่สอง ทว่าร่างกายกลับเสพติดของพวกนั้น จนไม่อาจทนต่อความต้องการไหว"หนูทำหรือไม่ทำ บีบีรู้อยู่แก่ใจตัวเอง พ่อจะไม่เข้ายุ่ง แต่ถ้าเดือนหน้า หนูกับเตชินยังมีสภาพแบบนี้อยู่ พ่อคงจะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้""ผมเข้าไม่เข้าใจ พวกเราสองคนทำอะไรผิด ทำไมคุณพ่อ ถึงต้องไล่ผมกับบีออกไปด้วย" คนเป็นลูกเขยกล่าวเสียงสั่นเครือ แสร้งทำน้ำเสียงเศร้าซึมตามมาแต่นั้นกลับเป็น การเล่นละครที่น่าสะอิดสะเอียน ในสายตาบดินทร์ ทำเอากลืนอาหารลงคอด้วยความยากลำบากไม่คิดว่าการมาทานข้าวร่วมกับลูกสาวครั้งนี้ รสชาติกับข้าวราคาแพงจะฝืดคอได้มากขนาดนี้ พร้อมกันจึงยกน้ำเปล่าจิบนิด ๆ หวังให้ละเลียดลงกระเพาะไปให้จบ ๆ จ
บดินทร์เดินเตร่มาตามเส้นทางสวนสวย ๆ ดวงตามองแสงตะวันยามโพล้เพล้ หวังให้ความงดงามของธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการเครียดที่มีตอนนี้เขารู้แล้วว่าบันนิดากลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง หลังจากให้แม่บ้าน นำผมลูกสาวไปส่งตรวจความทรงจำแย่ ๆ เริ่มไหลย้อนกลับมา และนั้นคงเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของบีบีคนเป็นพ่ออย่างเขา ย่อมจำได้ดี บันนิดาในวัยเด็กนั้นน่ารักและร่าเริง แต่พอช่วงอายุได้ประมาณสิบหกปีเด็กคนนั้นก็เข้ามาถาม เรื่องที่ตัวเอง ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเขา ซึ่งบดินทร์ก็ยอมรับไปแต่ใครจะคิดว่า เบื้องหน้าสาวน้อยสดใสจะถูกความน้อยเนื้อต่ำใจกลืนกิน แถมเขายังไม่เคยมีเวลาให้กว่าจะรู้ตัวบีบี ดันถลำลึกเกินฉุดรั้ง เคราะห์ร้ายเธอยังไปหลงรักผู้ชายเลว ๆ และหนีไปอยู่ด้วยกัน เชื่อมาตลอดว่านั้นคือความรักที่แท้จริง สุดท้ายบดินทร์จึงส่งบีบีไปลองตรวจอาการทางจิต ปรากฏว่าเธอป่วยเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ทั้งบดินทร์และบุษบาเลยส่งบีบีไปรักษา พอออกมาได้ ทั้งสองคนก็พยายามช่วยกันกลบปมด้อยภายในใจของลูกสาว ทำให้บันนิดามีอาการดีขึ้นแต่ความสุขดันมีได้ไม่นาน หลังจากที่ทั้งคู่สูญเสียคนกลางไป ความสัมพันธ์ระหว