Home / รักโบราณ / สยบรักมังกรหลงถิ่น / บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

Share

บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

last update Last Updated: 2025-02-02 17:36:06

เกือบ 2 เดือนแล้วที่ไป๋หลานใช้ชีวิตอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้ร่างกายของนางกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป เฟิ่งตามติดชีวิตของนางตลอดเวลาจนได้ยินเสียงเล่าลือว่าเฟิ่งหวงนั้นมีใจให้นาง

“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาตั้งนาน” ซินอี้ไม่พอใจที่นางเข้ามาทำให้เฟิ่งหวงหวั่นไหวซินอี้ชอบเขามาเนิ่นนาน

“เจ้ามีธุระอันใดจะคุยกับข้า”

“ออกไปจากชีวิตของท่านพี่เฟิ่งหวง”

“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่มาสั่งคนอื่น” ไป๋หลานรู้นางแอบรักเฟิ่งหวงแต่ไม่ควรที่จะมาสั่งว่าผู้ใดมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ข้างกายเขา

“ข้า ข้าเป็นคนสนิท”

“ภรรยาก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่เจ้าควรให้เฟิ่งหวงเลือกเองไม่ใช่ไปบังคับใคร” ไป๋หลานเตรียมตัวจะเดินหนีแต่ถูกนางคว้าไว้และใช้มือตบเข้าไปที่แก้มของไป๋หลาน

“อย่ามาลองดีกับข้า”

เพียะ!

“กรี้ด” เสียงกรีดร้องของซินอี้ทำให้เฟิ่งหวงและเจ๋อหรานออกมาดูเห็นซินอี้กำลังกุมแก้มที่โดนตบเมื่อนางเห็นคนทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นคนโดนรังแก

“ท่านน้านางตบข้าเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”

“เจ้าตบนางจริงหรือ”

เจ๋อหรานหันมาถามไป๋หลานเพื่อจะสอบถามความจริงนางจะไม่เข้าข้างใครแต่เหมือนว่าเฟิ่งหวงจะไม่เชื่อว่านางเป็นคนตบซินอี้ก่อนเพราะแก้มนั้นเริ่มแดงขึ้นมา

“ท่านแม่ท่านถามหาความจริงก่อนเถอะเหม่ยเหม่ยนางก็โดนตบเช่นเดียวกัน”

“ตามข้าไปที่กระโจม” ซินอี้นั่งร้องไห้เพื่อให้ทุกคนสงสารโดยเข้าไปอ้อนเจ๋อหรานเพื่อที่จะให้ลงโทษไป๋หลานอย่างสาสมที่ทำร้ายนาง

“ข้าแค่เข้าไปถามอาการป่วยของนางแต่โดนนางต่อว่าและตบเจ้าค่ะ” ซินอี้โกหกขึ้นมาแต่ตอนที่ทั้งสองทะเลาะกันมีคนได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“ตอนเจ้าทำคนอื่นทำไมเจ้าทำได้ พอโดนทำบ้างกลับมาร้องห่มร้องไห้ขอความสงสาร จิตใจเจ้าหยาบกระด้างนักทำไมท่านแม่ของเจ้าถึงใจเย็นนัก” ไป๋หลานโกรธจนพาลต่อว่าซินอี้ทำให้อี้หรานที่นั่งฟังถึงกับจุกในคอ

“เจ้ากล้าว่าท่านแม่ไม่สั่งสอนข้าหรือ สามหาว!”

“เจ้านั่งลงเถอะซินอี้เรื่องนี้ข้ามีคนรู้เห็น อาเจิง!” เฟิ่งหวงเรียกอาเจิงออกมาเพราะเขาเห็นว่าอาเจิงอยู่บริเวณนั้นก่อนที่เขาจะไปถึง

“เจ้าเล่าความจริงมาเถิด”

“วินอี้ไปต่อว่าแม่นางเหม่ยเหม่ย ไม่ให้ไปยุ่งกับท่านพี่เฟิ่งหวงขอรับ พอแม่นางพูดไม่เข้าหูจึงลงมือก่อน” อาเจิงพูดตามที่ตัวเองได้ยินมา

“โกหกข้าไม่เคยพูดเช่นกัน ท่านแม่เจ้าคะ” ซินอี้หันไปหามารดาเพื่อให้ช่วยเพราะตอนนี้เหมือนทุกคนกำลังปกป้องไป๋หลานและให้นางเป็นคนผิด

“ข้าต้องขออภัยแทนลูกด้วยโปรดให้แม่นางอย่าถือสาเลย ข้าเลี้ยงลูกไม่ดีเอง” อี้หรานเอ่ยขออภัยเพราะนางเองที่ตามใจลูกสาวจนเกินไป

“ท่านน้าอย่าโทษตัวเองเลยท่านเลี้ยงลูกได้ดีทีเดียว”

แต่แค่ซินอี้ไม่เชื่อฟังผู้เป็นมารดาและเอาแต่ใจตัวเองเพราะไม่มีใครดุเวลาทำผิด

“เจ้าไปขอโทษเหม่ยเหม่ยซะ”

“ท่านแม่! ข้า ข้าขอโทษเจ้าด้วย” ซินอี้เก็บความเกลียดชังไว้ในใจและเดินออกไปจากกระโจมด้วยความไม่พอใจแถมยังโดนท่านแม่ต่อว่าอีก

“ขอคุณทั้งน้าทั้งสองที่ไม่ฟังความข้างเดียว”

“ข้าแก่แล้วข้าผ่านโลกมาก่อนเจ้าทั้งสอง” เจ๋อหรานส่งยิ้มให้นางและมองดูลูกชายตนเองที่เหมือนจะตกหลุมรักนางมากขึ้นทุกวัน

“เจ้าไปพักผ่อนเสียเถอะ หวงเอ๋อร์เจ้ารอแม่ก่อน”

“ขอรับท่านแม่” เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้วเจ๋อหรานจึงให้ลูกชายเข้ามานั่งใกล้ๆ ยิ่งโตยิ่งเหมือนกับผู้เป็นบิดายิ่งหนักเจ๋อหรานลูบศีรษะลูกชาย

“ลูกรักใครต้องรีบบอกอย่าลังเลเลย”

เพราะนางเคยเจอคนที่เลือกใครไม่ได้สักคนเช่นเดียวกับบิดาของลูกชายที่ไม่เลือกนางแต่เขากับเลือกทำเพื่อบ้านเมืองโดยไม่สนว่าใครจะเจ็บปวด

“ท่านแม่”

“ลูกรักนางก็จงบอกนาง” เจ๋อหรานดูออกว่าลูกชายตกหลุมรักไป๋หลานตั้งแต่แรกเจอนางอยากเห็นลูกมีความสุขไม่อยากให้ลูกทุกทรมานใจเช่นเดียวกับผู้เป็นแม่

“เหม่ยเหม่ยนางเป็นเด็กดียิ่งนักไม่ยอมคนแม่ชอบนาง”

“ลูกขอบใจท่านแม่ที่เข้าใจลูกขอรับ ลูก ลูกรักนางลูกอยู่ใกล้นางแล้วตรงนี้ของลูกเหมือนจะไม่ปกติ” เฟิ่งหวงไปที่หัวใจของตัวเองและกุมไว้

“ลูกตามไปดูนางเสียเถิด”

เฟิ่งหวงไม่รอช้าที่จะออกไปตามไป๋หลานพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าบ่งบอกว่าเขากำลังมีความสุขอย่างมาก

“เจ้ามาอยู่นี้เองตามข้ามา”

“ข้าปล่อยมือข้า” เฟิ่งหวงจับมือของนางและพาเดินเข้าป่าไปพร้อมกับธนูที่อยู่บนหลัง และมาหยุดที่ลานกว้างในป่าใหญ่และให้นางจับคันธนู

“เจ้าลองยิงดูข้าจะสอน” เฟิ่งหวงมายืนช้อนหลังนางยกมือขึ้นมาและจับคันธนูทำให้มือของทั้งสองสัมผัสกัน เฟิ่งหวงและนางอยู่ใกล้กันไป๋หลานได้ยินเสียงลมหายใจของเขา

“มีสติหน่อย” เฟิ่งหวงกระซิบที่ใบหูของนางเพื่อเรียกสติของนางและง้างธนูออกกว้างและเล็งไปที่เป้าหมายก่อนจะปล่อยลูกดอกให้ออกไปที่กลางเป้า

“เย้ๆ เจ้าเก่งมาก” ไป๋หลานดีใจออกมาตั้งแต่นางเป็นเด็กจนโตท่านพ่อก็ไม่เคยให้นางได้จับอาวุธเพราะมัวแต่ส่งไปร่ำเรียนในสมกับเป็นองค์หญิงเพียงองค์เดียวของตระกูลเพราะท่านพ่อมีลูกชายถึง 3 คน

“เจ้ายิงให้เข้าเป้า ข้าจะนั่งดู”

“แล้วถ้าข้ายิงไม่โดน”

“เจ้าก็ไม่ต้องกลับกระโจม” เฟิ่งหวงที่นั่งไปขอนไม้ไปนั่งดูนางที่ตั้งใจฝึกฝนเรียนรู้จนเขาเอ็นดูไม่น้อยแต่จนผ่านไปหนึ่งก้านธูปนางก็ยิ่งไม่เข้าเป้า

“ข้าปวดมือแล้ว”

“เจ้าไม่ตั้งใจเองข้าจะทำให้ดูแค่ครั้งเดียว” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้และหยิบลูกธนูขึ้นมาตอนที่เขายังเด็กเขาฝึกฝนมากกว่าเด็กทั่วไปเพราะในวันข้างหน้าเขาต้องขึ้นมาดูแลชนเผาในฐานะทายาทคนโตและต้องปกป้องมารดา

ลูกธนูปักเข้าที่กลางเป้าอย่างง่ายดายจนไป๋หลานรู้สึกชอบใจจึงให้เฟิ่งหวงยิ่งให้ดูอีกและนางจึงเดินไปนั่งรอที่ขอนไม้และนั่งดูชายหนุ่มอย่างสบายใจ

“เจ้าแกล้งข้าหรือ ถ้ายิ่งไม่เข้าเป้าคืนนี้ข้าจะให้เจ้านอนที่นี่กับเสือไปเลย” เฟิ่งหวงเมื่อรู้ว่าโดนแกล้งจึงโมโหกลบเกลื่อนอาการเขาโดนนางหลอก

“ใจร้ายจังข้าปวดมือแล้วเจ้าพาข้าไปทำอย่างอื่นเถิดนะเจ้าดูมือข้าสิ” นางยกมือขึ้นมาเพื่อให้เฟิ่งหวงดูตอนนี้มือนางแดงเพราะกำคันธนูแน่นเกินไป

“ก็ได้” แค่เห็นนางเจ็บก็ละเลิกที่จะแกล้งนางทันทีและพาเดินเข้าป่าไปไกลมากโขจนมาหยุดที่หน้าผาและให้ไป๋หลานมองลงไปยังเบื้องล่าง

“เจ้าดูชนเผ่าข้าสิมันสวยงามยิ่งนัก”

ไป๋หลานมองไปที่เบื้องล่างจึงเห็นทัศนียภาพทั้งหมดของชนเผ่าละเมฆหมอยที่อยู่ปกคลุมเต็มไปหมด ชนเผ่าเฟิงอวิ๋นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติมากมายและห่วงไกลจากผู้คน

“ข้าไม่เคยเห็นที่ไหนสวยงามเช่นนี้มาก่อน” ไป๋หลานยืนมองไปที่เบื้องหน้า เฟิ่งหวงคงใช้ชีวิตได้อิสรเสรีเพราะไม่มีกฎเกณฑ์อะไรไม่เหมือนกับนางที่ต้องคอยอยู่ในโอวาทของบิดารวมถึงงานแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น

“ไหนว่าเจ้าจำอะไรไม่ได้”

“เอ่อ ความรู้สึกข้ามันบ่งบอก” นางรีบหาเหตุผลมาแก้ตัวตอนนี้จะให้ใครรู้ตัวตนนางไม่ได้

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าเกลียดอะไรมากที่สุด ข้าเกลียดคนโกหกหลอกลวงเหมือนคนที่ทำให้ข้าเกิดมาที่โกหกท่านแม่ของข้า” เฟิ่งหวงจ้องไปที่ใบหน้าของนางการที่ถูกมันเจ็บปวดที่สุดจนต้องทำให้มารดาเจ็บช้ำจนถึงทุกวันนี้

“ขะ ข้าจะไปโกหกเจ้าของอันใดกัน” นางหลบตาเขาเพียงเพราะว่าไม่อยากรู้สึกผิด

“เจ้าไม่โกหกข้าก็ดีไป”

“เจ้าจะทำอะไรข้า เฟิ่งหวง”

เฟิ่งหวงเชยคางนางขึ้นมาสบตากันทำให้เห็นเงาของกันและกันในแววตาของทั้งสอง พระอาทิตย์กำลังตกดินพร้อมกับจูบแรกที่นางยกให้เฟิ่งหวง

“อื้อออ”

เฟิ่งหวงถอนจูบออกมาและสบตากับนางจูบแรกของเขาได้ยกให้นางไปครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

“ข้าชอบเจ้าเหม่ยเหม่ย”

“ขะ ข้า ไม่ใช่เหมันตฤดูทำไมฝนถึงตก”

“รีบหลบเร็ว” เฟิ่งหวงคว้าข้อมือของนางและพาวิ่งหลบฝนเข้าไปในถ้ำที่เขาเข้ามาหลบฝนเป็นประจำ ยิ่งดึกฝนยิ่งกระหน่ำเทลงมาตอนนี้เนื้อตัวของทั้งเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ

“ข้าจะก่อไฟ”

เพราะอากาศเริ่มหนาวทำให้เฟิ่งหวงก่อไฟเพื่อคลายหนาวและกันสัตว์มีพิษในตอนกลางคืน

“เจ้าจะทำอะไร”

“ข้าจะถอดเสื้อเจ้าไม่เห็นหรือว่าเปียกไปหมด”

“เจ้าถอยไปห่างๆ”

ไป๋หลานไปนั่งบนขอนไม้ที่เหมือนกับเตียงไม่มีผิดความหนาวทำให้นางตัวสั่นขึ้นมา จนเฟิ่งหวงต้องเดินเข้ามาใกล้ทำให้นางเห็นแผงอกของเขาอย่างเต็มตา

“เจ้าหันหลังไป”

“ข้าชอบเจ้าเหม่ยเหม่ย เจ้าสบตาข้าสิ”

Related chapters

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 3 ฝนเป็นใจ

    เฟิ่งหวงนั่งลงที่ข้างกายของนางและเข้ามาโอบกอดนางไว้เพื่อคลายหนาวใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบมือ เสียงฝนยังคงกระหน่ำเทลงมา “อื้อออ” เฟิ่งจูบนางอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีให้นาง มือหนาเริ่มเลื้อยไปมาเหมือนงู “ข้า ข้า...” “เจ้ายอมเป็นของข้าได้หรือไม่เหม่ยเหม่ย” เฟิ่งหวงสบตาของนางอย่างลึกซึ้งหากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำอะไรนางเด็ดขาด “ขะ ข้ายอม...อื้ออ” พูดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มจึงประคองในนางนอนลงบนขอนไม้ขนาดใหญ่เฟิ่งหวงยืนมือไปคว้าเอาเสื้อของตัวเองมาปูไว้เพื่อหญิงสาวได้นอนอย่างสบาย “ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี” เฟิ่งหวงยื่นมือมาปลดเชือกที่ชุดของนางออกในล้วงมือเข้าไปจนถึงยอดปทุมถันอันแสนงดงามที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก “อื้อ..อ่าส์...เฟิ่งหวง” นางครางออกมาเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะสัมผัสกับยอดปทุมถันสีสวย ไป๋หลานสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา “เจ้าสวยเหลือเกิน” เฟิ่งหวงพูดอย่างมาหลังที่ที่ได้สัมผัสยอดปทุมถันคู่นั้น

    Last Updated : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 4 รักษาระยะห่าง

    สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้ “เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป “ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย” “เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า “ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน “ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น” “อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ “ปล่อยข้า” “หวงเอ๋อร์”เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า “ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน” “นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ” เฟิ่งห

    Last Updated : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 5 ออกอาการหวง

    วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง “ท่านน้า!” “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง “สร้อยเส้นนั้น...” “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ “เจ้

    Last Updated : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทนำ หวางป๋อ

    ฤดูเหมันต์ทำให้ทั้งเมืองมีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณรวมแคว้นหวางป๋อ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายสมกับชื่อของแคว้นมีบรรพบุรุษตระกูลหวางปกครองมาหลายร้อยปี ซึ่งคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ หวางเทียนเวิ่น ที่ขึ้นปกครองเมืองได้ไม่นานเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือทั่วหล้าก็แทบจะยกลูกสาวให้ทั้งเมืองโดยไม่ลังเลเพื่อหวังจะได้เชื่อมความสัมพันธ์“น้องหญิง” หวางเทียนเวิ่นเอ่ยเรียกสตรีที่รักสุดหัวใจด้วยความเจ็บปวด“ท่านมีเวลามาหาแล้วหรือเพคะ” สนมหลี่เจ๋อหรานมองใบหน้าของฮ่องเต้อย่างเจ็บปวดฝ่าบาทกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แต่นางเป็นคนชนเผ่าเล็กๆ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ“ใยเจ้าถึงกล่าวแบบนั้น” ฝ่าบาทเห็นแววตาของคนรักแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่เขารักษาสัญญาให้นางไม่ได้ว่าเขาจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับหญิงนางใดแต่เพื่อบ้านเมืองกลับทำให้เขาผิดสัญญา“ท่านพี่บอกให้น้องตั้งท้องลูกชายเพื่อจะได้เลื่อนขั้นแต่น้องไม่ต้องการตำแหน่งไหนเลยเพคะ” หลี่เจ๋อหรานร้องไห้ออกมาเดิมทีนางอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ่น นางได้ช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้พระองค์ทรงเมตตาจึงรับนางเป็นนางสนมและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีใคร“น้องหญิง...”

    Last Updated : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 1 ดอกเหมย

    ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาด้วยอาการที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงนางยังไม่ตายอย่างนั้นหรือเพราะรอบกายมีกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงสัตว์ที่ร้องออกมา“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” เจ๋อหรานเดินถือยาสมุนไพรเข้ามาพร้อมกับมองไปที่นางผู้นั้น“ทะ ท่านช่วยข้าไว้หรือข้าเป็นอะไรไป” ไป๋หลานกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร“เจ้าหลับไป 3 วัน เจ้าตอบข้ามาก่อนเจ้าชื่ออะไร”“ข้าชื่อ ปะ...” ชื่อที่กำลังจะหลุดออกจากปากของนางต้องหุบลงเพราะหากบอกชื่อไปเกรงว่านางจะได้รับอันตรายอีกต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงไว้จนกว่าท่านพ่อจะตามหานางเจอ“โอ๊ยยยย ข้าจำไม่ได้ข้าปวดหัวเหลือเกิน” ไป๋หลานแกล้งทำว่าปวดหัวหนักและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครจากการที่หัวกระแทกกับโขดหิน“ท่านแม่...” เฟิ่งหวงเปิดประตูเข้าถึงกับมองนางไม่กะพริบแม้ว่าบนศีรษะจะมีผ้าพันแผลแต่ใบหน้าที่แสนงดงามกลับฉายชัดออกมาจนหัวใจที่หยาบกระด้างของเฟิ่งหวงเต้นแรงขึ้นมา“หวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์!” เจ๋อหรานที่เรียกลูกชายเสียงดังเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าของนางตาไม่กะพริบ“ขะ ขอรับท่านแม่”“นางจำอะไรไม่ได้ช่วงนี้เจ้าก็ดูแลนางไป นางจำอะไรได้เมื่อไรก็ส่งนางกลับบ้านเมืองไป” เจ๋อหรานให้ไป๋หลานด

    Last Updated : 2025-02-02

Latest chapter

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 5 ออกอาการหวง

    วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง “ท่านน้า!” “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง “สร้อยเส้นนั้น...” “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ “เจ้

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 4 รักษาระยะห่าง

    สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้ “เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป “ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย” “เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า “ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน “ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น” “อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ “ปล่อยข้า” “หวงเอ๋อร์”เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า “ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน” “นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ” เฟิ่งห

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 3 ฝนเป็นใจ

    เฟิ่งหวงนั่งลงที่ข้างกายของนางและเข้ามาโอบกอดนางไว้เพื่อคลายหนาวใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบมือ เสียงฝนยังคงกระหน่ำเทลงมา “อื้อออ” เฟิ่งจูบนางอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีให้นาง มือหนาเริ่มเลื้อยไปมาเหมือนงู “ข้า ข้า...” “เจ้ายอมเป็นของข้าได้หรือไม่เหม่ยเหม่ย” เฟิ่งหวงสบตาของนางอย่างลึกซึ้งหากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำอะไรนางเด็ดขาด “ขะ ข้ายอม...อื้ออ” พูดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มจึงประคองในนางนอนลงบนขอนไม้ขนาดใหญ่เฟิ่งหวงยืนมือไปคว้าเอาเสื้อของตัวเองมาปูไว้เพื่อหญิงสาวได้นอนอย่างสบาย “ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี” เฟิ่งหวงยื่นมือมาปลดเชือกที่ชุดของนางออกในล้วงมือเข้าไปจนถึงยอดปทุมถันอันแสนงดงามที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก “อื้อ..อ่าส์...เฟิ่งหวง” นางครางออกมาเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะสัมผัสกับยอดปทุมถันสีสวย ไป๋หลานสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา “เจ้าสวยเหลือเกิน” เฟิ่งหวงพูดอย่างมาหลังที่ที่ได้สัมผัสยอดปทุมถันคู่นั้น

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

    เกือบ 2 เดือนแล้วที่ไป๋หลานใช้ชีวิตอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้ร่างกายของนางกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป เฟิ่งตามติดชีวิตของนางตลอดเวลาจนได้ยินเสียงเล่าลือว่าเฟิ่งหวงนั้นมีใจให้นาง“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาตั้งนาน” ซินอี้ไม่พอใจที่นางเข้ามาทำให้เฟิ่งหวงหวั่นไหวซินอี้ชอบเขามาเนิ่นนาน“เจ้ามีธุระอันใดจะคุยกับข้า”“ออกไปจากชีวิตของท่านพี่เฟิ่งหวง”“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่มาสั่งคนอื่น” ไป๋หลานรู้นางแอบรักเฟิ่งหวงแต่ไม่ควรที่จะมาสั่งว่าผู้ใดมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ข้างกายเขา“ข้า ข้าเป็นคนสนิท”“ภรรยาก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่เจ้าควรให้เฟิ่งหวงเลือกเองไม่ใช่ไปบังคับใคร” ไป๋หลานเตรียมตัวจะเดินหนีแต่ถูกนางคว้าไว้และใช้มือตบเข้าไปที่แก้มของไป๋หลาน“อย่ามาลองดีกับข้า”เพียะ!“กรี้ด” เสียงกรีดร้องของซินอี้ทำให้เฟิ่งหวงและเจ๋อหรานออกมาดูเห็นซินอี้กำลังกุมแก้มที่โดนตบเมื่อนางเห็นคนทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นคนโดนรังแก“ท่านน้านางตบข้าเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”“เจ้าตบนางจริงหรือ”เจ๋อหรานหันมาถามไป๋หลานเพื่อจะสอบถามความจริงนางจะไม่เข้าข้างใครแต่เหมือนว่าเฟิ่งหวงจะไม่เชื่อว่านางเป็นคนตบซินอี้ก่อนเพราะแก้มนั้

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 1 ดอกเหมย

    ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาด้วยอาการที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงนางยังไม่ตายอย่างนั้นหรือเพราะรอบกายมีกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงสัตว์ที่ร้องออกมา“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” เจ๋อหรานเดินถือยาสมุนไพรเข้ามาพร้อมกับมองไปที่นางผู้นั้น“ทะ ท่านช่วยข้าไว้หรือข้าเป็นอะไรไป” ไป๋หลานกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร“เจ้าหลับไป 3 วัน เจ้าตอบข้ามาก่อนเจ้าชื่ออะไร”“ข้าชื่อ ปะ...” ชื่อที่กำลังจะหลุดออกจากปากของนางต้องหุบลงเพราะหากบอกชื่อไปเกรงว่านางจะได้รับอันตรายอีกต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงไว้จนกว่าท่านพ่อจะตามหานางเจอ“โอ๊ยยยย ข้าจำไม่ได้ข้าปวดหัวเหลือเกิน” ไป๋หลานแกล้งทำว่าปวดหัวหนักและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครจากการที่หัวกระแทกกับโขดหิน“ท่านแม่...” เฟิ่งหวงเปิดประตูเข้าถึงกับมองนางไม่กะพริบแม้ว่าบนศีรษะจะมีผ้าพันแผลแต่ใบหน้าที่แสนงดงามกลับฉายชัดออกมาจนหัวใจที่หยาบกระด้างของเฟิ่งหวงเต้นแรงขึ้นมา“หวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์!” เจ๋อหรานที่เรียกลูกชายเสียงดังเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าของนางตาไม่กะพริบ“ขะ ขอรับท่านแม่”“นางจำอะไรไม่ได้ช่วงนี้เจ้าก็ดูแลนางไป นางจำอะไรได้เมื่อไรก็ส่งนางกลับบ้านเมืองไป” เจ๋อหรานให้ไป๋หลานด

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทนำ หวางป๋อ

    ฤดูเหมันต์ทำให้ทั้งเมืองมีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณรวมแคว้นหวางป๋อ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายสมกับชื่อของแคว้นมีบรรพบุรุษตระกูลหวางปกครองมาหลายร้อยปี ซึ่งคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ หวางเทียนเวิ่น ที่ขึ้นปกครองเมืองได้ไม่นานเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือทั่วหล้าก็แทบจะยกลูกสาวให้ทั้งเมืองโดยไม่ลังเลเพื่อหวังจะได้เชื่อมความสัมพันธ์“น้องหญิง” หวางเทียนเวิ่นเอ่ยเรียกสตรีที่รักสุดหัวใจด้วยความเจ็บปวด“ท่านมีเวลามาหาแล้วหรือเพคะ” สนมหลี่เจ๋อหรานมองใบหน้าของฮ่องเต้อย่างเจ็บปวดฝ่าบาทกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แต่นางเป็นคนชนเผ่าเล็กๆ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ“ใยเจ้าถึงกล่าวแบบนั้น” ฝ่าบาทเห็นแววตาของคนรักแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่เขารักษาสัญญาให้นางไม่ได้ว่าเขาจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับหญิงนางใดแต่เพื่อบ้านเมืองกลับทำให้เขาผิดสัญญา“ท่านพี่บอกให้น้องตั้งท้องลูกชายเพื่อจะได้เลื่อนขั้นแต่น้องไม่ต้องการตำแหน่งไหนเลยเพคะ” หลี่เจ๋อหรานร้องไห้ออกมาเดิมทีนางอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ่น นางได้ช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้พระองค์ทรงเมตตาจึงรับนางเป็นนางสนมและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีใคร“น้องหญิง...”

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status