แชร์

บทที่ 5 ออกอาการหวง

ผู้เขียน: อัญธิญาน์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-02 17:37:12

          วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน

          “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม

          “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย

          “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง

          “ท่านน้า!”

          “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง

          “สร้อยเส้นนั้น...”

          “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ

          “เจ้าบอกข้าได้หรือไม่เจ้าเป็นใคร” นางรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ความจำเสื่อมอย่างที่ทุกคนเข้าใจเพราะตอนที่เจ๋อหรานคือสร้อยให้นางเห็นแววตาบางอย่างจากไป๋หลาน

          “ท่านน้ารู้หรือ...”

          “ข้าผ่านโลกมาก่อนเจ้า นั่งลงเถิดข้าจะเล่าอะไรให้”

          ไป๋หลานนั่งลงที่ข้างกายของเจ๋อหรานแววตาที่แสนเจ็บปวดของเจ๋อหรานทำให้นางเริ่มแปลกใจ

          “ตอนที่ข้าเจอกับพ่อของหวงเอ่อร์ เขาก็ถูกทำร้ายมาและแสร้งว่าจำอะไรไม่ได้ จนข้ารักและยอมตามมาด้วยถึงได้รู้ความจริงว่าพ่อของเขาหลอกข้ามาโดยตลอดพ่อของหวงเอ๋อร์มีสนมมากมายและสุดท้ายข้าเองที่ต้องเจ็บปวด”

          ไป๋หลานฟังเจ๋อหรานเล่านั้นแปลว่าเฟิ่งหวงไม่ใช่คนธรรมดาอาจจะเป็นตระกูลสูงส่ง แต่นางก็ไม่กล้าถามอะไรออกมา

          “เจ้าบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าเป็นใคร”

          “ข้า ข้า...”

          “ข้าจะเก็บความลับเจ้าไว้เช่นเดียวกับที่เจ้าจะเก็บความลับของข้า”

          “ข้าคือองค์หญิงไป๋หลาน เป็นธิดาองค์เดียวของฮ่องเต้จางเหวินเซียวแห่งแคว้นเป่ยเฟิง ข้าถูกทำร้ายและหนีตายข้ากระโดดส่งที่หน้าผาจนมาเจอกับเฟิ่งหวงที่ช่วยข้า” ไป๋หลานไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกแล้ว

          “เจ้ารักหวงเอ๋อร์หรือไม่”

          “ข้ารักเฟิ่งหวง รักแรกและจะเป็นรักเดียวตลอดไปท่านจะเกลียดข้าหรือไม่ เพราะข้ามีสัญญาหมั้นหมายกับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหวางป๋อ”

          เจ๋อหรานตกใจกับสิ่งที่นางเล่ามาหวางเทียนเวิ่นมีองค์รัชทายาทสืบบัลลังก์ด้วยหรือที่นางได้ยินมาแม้แต่สนมก็ไม่สามารถมีลูกให้ได้ และฮองเฮายังมาสวรรคตตั้งแต่อายุยังน้อย

          “องค์รัชทายาทหรือ?”

          “องค์เต้หวางเทียนเวิ่นไม่มีองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ”

          “แล้วใครจะได้สืบบัลลังก์ต่อไป”

          “องค์รัชทายาทหวางหลานซวนเจ้าค่ะ เป็นหลานคนโต”

          เจ๋อหรานกำลังมองเห็นความยางยากที่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้าตอนนี้เฟิ่งหวงไม่มียศบรรดาศักดิ์ที่จะไปสู้องค์รัชทายาทได้หากไป๋หลานต้องกลับไปเกรงว่าเฟิ่งหวงจะช้ำใจหนัก

          “แล้วเจ้าจะทำอย่างไรหวงเอ่อร์เป็นแค่คนธรรมดาไม่มีอะไรไปสู้องค์รัชทายาท”

          “ข้าคงจะแต่งงานกับใครไม่ได้อีกแล้ว สองแคว้นคงมิวายโกรธเคืองกัน” ไป๋หลานยังไม่เห็นหนทางที่จะกราบทูลเสด็จพ่อว่านางนั้นมีบุรุษที่รักอยู่แล้ว

          “หวงเอ๋อร์ของข้าคงจะเสียใจไม่น้อย”

          “เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาเสียนาน” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาในกระโจมเห็นท่านแม่กับไป๋หลานนั่งคุยกันแต่ใบหน้าที่เป็นกังวลทำให้เขาต้องรีบเอ่ยถาม

          “ท่านแม่ทำอะไรนาง”

          “เจ้าเด็กน้อยข้าแค่จะคุยกับลูกสะใภ้ของข้าไม่ได้เชียวหรือ” เจ๋อหรานเอ็ดลูกชายที่ดูจะเข้าข้างไป๋หลานเกินกว่าเหตุนางคงต้องปล่อยในเฟิ่งหวงได้เรียนรู้ความเจ็บปวดด้วยตัวเอง

          “แม่มีอะไรจะให้ลูกด้วย รับไว้เสียและมอบให้กับนางในดวงใจของลูก” ไป๋หลานหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาและมอบให้เฟิ่งหวงซึ่งเป็นสร้อยข้อมือของพ่อเฟิ่งหวงที่เคยมอบให้เจ๋อหราน

          “ลูกอยากจะพานางไปไหนก็ไปเถิด”

          “ขอบใจท่านแม่ขอรับ” เฟิ่งหวงพาไป๋หลานออกไปและพามาที่แม่น้ำที่เขาเจอนางครั้งแรก

          “เจ้าพาข้ามาทำอะไรที่แห่งนี้”

          “ข้าจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้เจ้าหากวันไหนที่เจ้ากับข้าห่างกันเจ้าจะได้อุ่นใจว่ามีข้าอยู่ใกล้ๆ” เฟิ่งหวงสวมสร้อยข้อมือให้แก่นาง ปากหนากำลังจะจูบนางแต่ได้ยินเสียงตะโกนมาแต่ไกล

          “ท่านพี่ ท่านพี่” อาเจิงวิ่งเข้ามาโดยไม่ดูอะไร

          “เจ้ามีอันใด”

          “ท่านพ่อให้มาตามท่านไปช่วยที่คอกม้า”

          “เจ้าไปเถอะข้าจะไปรอที่กระโจม” ไป๋หลานมองเฟิ่งหวงที่เดินไปพร้อมกับอาเจิง เมื่อกำลังจะหมุนตัวกลับก็เจอเข้ากับซินอี้

          “อย่าคิดว่าเจ้าจะชนะข้าได้” ซินอี้มองใบหน้าของไป๋หลานอย่างโกรธเคืองนางแอบรักเฟิ่งหวงมาตั้งนานใยนางถึงไม่ได้ความรักตอบแทน

          “ข้าชนะเจ้าแล้วอย่างไรแพ้แล้วอย่างไรเพราะข้าไม่เคยไปลงแข่งกับเจ้า” ไป๋หลานจ้องใบหน้าของนางอย่างจะเตือนสติเรื่องความรักไม่มีมาบังคับให้ใคร

          “จองหวง”

          “ต่อให้ไม่มีข้าเพิ่งหวงก็ไม่มีวันรักเจ้า” ไป๋หลานไม่ยอมแพ้เช่นกันนางไม่ได้แย่งคนรักของใครและเฟิ่งหวงเป็นคนเลือกนางเอง

          เพียะ!

          “โทษฐานที่เจ้าบังอาจมาต่อปากต่อคำกับข้า”

          ซินอี้ใช้จังหวะทีเผลอตบเข้าที่ใบหน้างามจนแก้มเกิดรอยแดงขึ้นมาไป๋หลานจับใบหน้าตัวเองไว้แล้วจ้องมองไปที่นางอย่างพร้อมจะมีเรื่อง

          “กรี๊ดดดดด” ซินอี้ล้มไปกองอยู่ที่พื้นทำให้ชุดของนางเปื้อนไปด้วยดินและกรีดร้องออกมายามเห็นใบหน้าของไป๋หลานยิ้มเยาะเย้ยซินอี้บนริมฝีปากแน่นห้อเลือดแค้นใจสุดแสน

          “เฟิงซาว (แรดยั่วยวน)” ซินอี้กำหมัดไว้แน่นและเตรียมจะลุกขึ้นมาจัดการนางแต่ก็โดนป็หลานตบเข้าไปแก้มงามหนึ่งครั้ง ซินอี้ตอนนี้ในอกมีเปลวไฟลุกโชนกองหนึ่งแผดเผาอยู่

          “พวกเจ้าทั้งสองทำอะไรกัน!” อี้หรานเดินเข้ามาพยุงลูกสาวขึ้นมองไปที่แก้มงามมีรอยแดงขึ้นมา และหันมาคาดคั้นเอาคำตอบกับลูกสาวตัวเอง

          “มันตบข้าเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านแม่ต้องจัดการมัน”

          “ท่านน้าเชื่อนางหรือเจ้าคะ” ไป๋หลานใยอมเช่นกันจนอี้หรานได้แต่อ่อนใจนางมั่นใจว่าลูกสาวต้องไปทำร้ายไป๋หลานก่อน นางเองที่เลี้ยงลูกได้ไม่ดี

          “น้าขอโทษแทนซินอี้ด้วย แม่นางอย่างถือโทษโกรธนางเลย” อี้หรานเดินมาก้มหัวขอโทษจนไป๋หลานรับห้ามไว้

          “อย่าทำอย่างนั้นเจ้าค่ะ ท่านน้าไม่ได้ทำอันใดผิดไปเลยแต่คนผิดกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”  ไป๋หลานเดินจากไปทำให้ซินอี้โวยวายอยู่ต่อหน้าท่านแม่ตัวเอง

          ยามอิ่วตอนนี้ผู้คนเริ่มออกมาฉลองและนั่งดื่มเหล้าอาหารมากมายถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะอาหารและมีเหล่านักดนตรีในชนเผ่าบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน

          “ซินอี้ไปไหนหรืออี้หราน”

          “นางบอกว่าไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะเลยจะขอนอนพัก” เจ๋อหรานจึงไม่ถามอะไรต่อและนั่งทานข้าวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

          “เจ้ากินเยอะๆ อาเจิงข้าขอเหล้าหน่อย” เฟิ่งหวงหันไปสั่งให้อาเจิงนำเหล้าที่มักไว้มาให้และดื่มจนหมดเพราะคืนนี้ตั้งใจไว้ว่าจะเมา

          “แม่นางไยเจ้าถึงงามอย่างนี้”

          ไป๋หลานกำลังจะเดินผ่านบุรุษที่นั่งอยู่แต่โดนทักขึ้นมาพยายามจะเดินหนีแต่ก็ไม่สำเร็จ

          “หลีกไปข้าจะกลับ”

          “สวยหยาดเยิ้มเสียดายเฟิ่งหวงคงไม่ได้เรื่องเท่าข้า...โอ๊ยยยย”

          “อย่าคิดจะทำอะไรนาง” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาบิดข้อมือของชายผู้นั้นจนสุดแรง จนเขาร้องขอชีวิตขึ้นมาไป๋หลานจึงเข้าไปห้ามเฟิ่งหวง

          “เจ้าปล่อยเขาเถอะข้าง่วงแล้ว” ตั้งแต่นางดื่มเหล้าเข้าไปก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ และเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่จะอยู่ถึงเช้ากับคนอื่นก็คงไม่ได้

          “เจ้าห้ามอยู่ใกล้บุรุษคนไหนนอกจากข้า” เฟิ่งหวงฉายแววตาความหึงหวงออกมาจนเห็นได้ชัดและอุ้มนางกลับกระโจม

          “เจ้าเป็นอะไรเหม่ยเหม่ย”

          “ขะ ข้าร้อนเหลือเกินเจ้าค่ะ”

          มือไม้ของนางเริ่มลูบไล้ไปทั้งแผ่นอกของเฟิ่งหวงอย่างต้องการจนเขาต้องแปลกใจว่าทำไมนางถึงมีอาการแบบนั้น

          “ไปกินอะไรมา”

          “เหล้าเจ้าค่ะ ช่วยข้าด้วยข้าร้อน”

          ไป๋หลานจูบปากเขาอย่างร้อนแรงแม้ตัวจะสูงเพียงหน้าอกของเขาแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค เฟิ่งหวงไม่ปฏิเสธนางปล่อยให้ไป๋หลานได้ทำตามใจตัวเอง

          “หรือในเหล้าจะมีคนแอบเอายาปลุกกำหนัดใส่ไว้ พรุ่งนี้เช้าค่อยหาความจริง”

          เฟิ่งหวงรีบอุ้มนางไปวางที่เตียงและจ้องใบหน้าของไป๋หลานที่แดงก่ำเพราะความต้องการด้วยฤกษ์ยา ไป๋หลานเริ่มไม่ได้สติ

          “ใครมันกล้าทำแบบนั้น”

          “ข้า ข้าอยาก...”

          “เจ้าไม่ต้องห่วง”

          “อื้ออออ”      

เฟิ่งหวงจูบปากนางอย่างหิวกระหายมือหนาเลือนเข้าไปในสาบเสื้อจนสัมผัสเข้ากับยอดปทุมถันที่ชูชันพร้อมให้เขาได้สัมผัสร่างบางยกขาขึ้นมาเกี่ยวตวัดรัดเอวเขาไว้แน่น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทนำ หวางป๋อ

    ฤดูเหมันต์ทำให้ทั้งเมืองมีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณรวมแคว้นหวางป๋อ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายสมกับชื่อของแคว้นมีบรรพบุรุษตระกูลหวางปกครองมาหลายร้อยปี ซึ่งคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ หวางเทียนเวิ่น ที่ขึ้นปกครองเมืองได้ไม่นานเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือทั่วหล้าก็แทบจะยกลูกสาวให้ทั้งเมืองโดยไม่ลังเลเพื่อหวังจะได้เชื่อมความสัมพันธ์“น้องหญิง” หวางเทียนเวิ่นเอ่ยเรียกสตรีที่รักสุดหัวใจด้วยความเจ็บปวด“ท่านมีเวลามาหาแล้วหรือเพคะ” สนมหลี่เจ๋อหรานมองใบหน้าของฮ่องเต้อย่างเจ็บปวดฝ่าบาทกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แต่นางเป็นคนชนเผ่าเล็กๆ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ“ใยเจ้าถึงกล่าวแบบนั้น” ฝ่าบาทเห็นแววตาของคนรักแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่เขารักษาสัญญาให้นางไม่ได้ว่าเขาจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับหญิงนางใดแต่เพื่อบ้านเมืองกลับทำให้เขาผิดสัญญา“ท่านพี่บอกให้น้องตั้งท้องลูกชายเพื่อจะได้เลื่อนขั้นแต่น้องไม่ต้องการตำแหน่งไหนเลยเพคะ” หลี่เจ๋อหรานร้องไห้ออกมาเดิมทีนางอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ่น นางได้ช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้พระองค์ทรงเมตตาจึงรับนางเป็นนางสนมและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีใคร“น้องหญิง...”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 1 ดอกเหมย

    ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาด้วยอาการที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงนางยังไม่ตายอย่างนั้นหรือเพราะรอบกายมีกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงสัตว์ที่ร้องออกมา“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” เจ๋อหรานเดินถือยาสมุนไพรเข้ามาพร้อมกับมองไปที่นางผู้นั้น“ทะ ท่านช่วยข้าไว้หรือข้าเป็นอะไรไป” ไป๋หลานกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร“เจ้าหลับไป 3 วัน เจ้าตอบข้ามาก่อนเจ้าชื่ออะไร”“ข้าชื่อ ปะ...” ชื่อที่กำลังจะหลุดออกจากปากของนางต้องหุบลงเพราะหากบอกชื่อไปเกรงว่านางจะได้รับอันตรายอีกต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงไว้จนกว่าท่านพ่อจะตามหานางเจอ“โอ๊ยยยย ข้าจำไม่ได้ข้าปวดหัวเหลือเกิน” ไป๋หลานแกล้งทำว่าปวดหัวหนักและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครจากการที่หัวกระแทกกับโขดหิน“ท่านแม่...” เฟิ่งหวงเปิดประตูเข้าถึงกับมองนางไม่กะพริบแม้ว่าบนศีรษะจะมีผ้าพันแผลแต่ใบหน้าที่แสนงดงามกลับฉายชัดออกมาจนหัวใจที่หยาบกระด้างของเฟิ่งหวงเต้นแรงขึ้นมา“หวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์!” เจ๋อหรานที่เรียกลูกชายเสียงดังเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าของนางตาไม่กะพริบ“ขะ ขอรับท่านแม่”“นางจำอะไรไม่ได้ช่วงนี้เจ้าก็ดูแลนางไป นางจำอะไรได้เมื่อไรก็ส่งนางกลับบ้านเมืองไป” เจ๋อหรานให้ไป๋หลานด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

    เกือบ 2 เดือนแล้วที่ไป๋หลานใช้ชีวิตอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้ร่างกายของนางกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป เฟิ่งตามติดชีวิตของนางตลอดเวลาจนได้ยินเสียงเล่าลือว่าเฟิ่งหวงนั้นมีใจให้นาง“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาตั้งนาน” ซินอี้ไม่พอใจที่นางเข้ามาทำให้เฟิ่งหวงหวั่นไหวซินอี้ชอบเขามาเนิ่นนาน“เจ้ามีธุระอันใดจะคุยกับข้า”“ออกไปจากชีวิตของท่านพี่เฟิ่งหวง”“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่มาสั่งคนอื่น” ไป๋หลานรู้นางแอบรักเฟิ่งหวงแต่ไม่ควรที่จะมาสั่งว่าผู้ใดมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ข้างกายเขา“ข้า ข้าเป็นคนสนิท”“ภรรยาก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่เจ้าควรให้เฟิ่งหวงเลือกเองไม่ใช่ไปบังคับใคร” ไป๋หลานเตรียมตัวจะเดินหนีแต่ถูกนางคว้าไว้และใช้มือตบเข้าไปที่แก้มของไป๋หลาน“อย่ามาลองดีกับข้า”เพียะ!“กรี้ด” เสียงกรีดร้องของซินอี้ทำให้เฟิ่งหวงและเจ๋อหรานออกมาดูเห็นซินอี้กำลังกุมแก้มที่โดนตบเมื่อนางเห็นคนทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นคนโดนรังแก“ท่านน้านางตบข้าเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”“เจ้าตบนางจริงหรือ”เจ๋อหรานหันมาถามไป๋หลานเพื่อจะสอบถามความจริงนางจะไม่เข้าข้างใครแต่เหมือนว่าเฟิ่งหวงจะไม่เชื่อว่านางเป็นคนตบซินอี้ก่อนเพราะแก้มนั้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 3 ฝนเป็นใจ

    เฟิ่งหวงนั่งลงที่ข้างกายของนางและเข้ามาโอบกอดนางไว้เพื่อคลายหนาวใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบมือ เสียงฝนยังคงกระหน่ำเทลงมา “อื้อออ” เฟิ่งจูบนางอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีให้นาง มือหนาเริ่มเลื้อยไปมาเหมือนงู “ข้า ข้า...” “เจ้ายอมเป็นของข้าได้หรือไม่เหม่ยเหม่ย” เฟิ่งหวงสบตาของนางอย่างลึกซึ้งหากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำอะไรนางเด็ดขาด “ขะ ข้ายอม...อื้ออ” พูดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มจึงประคองในนางนอนลงบนขอนไม้ขนาดใหญ่เฟิ่งหวงยืนมือไปคว้าเอาเสื้อของตัวเองมาปูไว้เพื่อหญิงสาวได้นอนอย่างสบาย “ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี” เฟิ่งหวงยื่นมือมาปลดเชือกที่ชุดของนางออกในล้วงมือเข้าไปจนถึงยอดปทุมถันอันแสนงดงามที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก “อื้อ..อ่าส์...เฟิ่งหวง” นางครางออกมาเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะสัมผัสกับยอดปทุมถันสีสวย ไป๋หลานสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา “เจ้าสวยเหลือเกิน” เฟิ่งหวงพูดอย่างมาหลังที่ที่ได้สัมผัสยอดปทุมถันคู่นั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 4 รักษาระยะห่าง

    สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้ “เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป “ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย” “เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า “ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน “ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น” “อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ “ปล่อยข้า” “หวงเอ๋อร์”เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า “ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน” “นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ” เฟิ่งห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02

บทล่าสุด

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 5 ออกอาการหวง

    วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง “ท่านน้า!” “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง “สร้อยเส้นนั้น...” “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ “เจ้

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 4 รักษาระยะห่าง

    สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้ “เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป “ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย” “เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า “ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน “ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น” “อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ “ปล่อยข้า” “หวงเอ๋อร์”เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า “ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน” “นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ” เฟิ่งห

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 3 ฝนเป็นใจ

    เฟิ่งหวงนั่งลงที่ข้างกายของนางและเข้ามาโอบกอดนางไว้เพื่อคลายหนาวใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบมือ เสียงฝนยังคงกระหน่ำเทลงมา “อื้อออ” เฟิ่งจูบนางอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีให้นาง มือหนาเริ่มเลื้อยไปมาเหมือนงู “ข้า ข้า...” “เจ้ายอมเป็นของข้าได้หรือไม่เหม่ยเหม่ย” เฟิ่งหวงสบตาของนางอย่างลึกซึ้งหากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำอะไรนางเด็ดขาด “ขะ ข้ายอม...อื้ออ” พูดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มจึงประคองในนางนอนลงบนขอนไม้ขนาดใหญ่เฟิ่งหวงยืนมือไปคว้าเอาเสื้อของตัวเองมาปูไว้เพื่อหญิงสาวได้นอนอย่างสบาย “ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี” เฟิ่งหวงยื่นมือมาปลดเชือกที่ชุดของนางออกในล้วงมือเข้าไปจนถึงยอดปทุมถันอันแสนงดงามที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก “อื้อ..อ่าส์...เฟิ่งหวง” นางครางออกมาเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะสัมผัสกับยอดปทุมถันสีสวย ไป๋หลานสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา “เจ้าสวยเหลือเกิน” เฟิ่งหวงพูดอย่างมาหลังที่ที่ได้สัมผัสยอดปทุมถันคู่นั้น

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 2 สอนใช้ชีวิต

    เกือบ 2 เดือนแล้วที่ไป๋หลานใช้ชีวิตอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ๋นตอนนี้ร่างกายของนางกลับมาแข็งแรงเหมือนคนปกติทั่วไป เฟิ่งตามติดชีวิตของนางตลอดเวลาจนได้ยินเสียงเล่าลือว่าเฟิ่งหวงนั้นมีใจให้นาง“เจ้าอยู่นี้เองข้าตามหาตั้งนาน” ซินอี้ไม่พอใจที่นางเข้ามาทำให้เฟิ่งหวงหวั่นไหวซินอี้ชอบเขามาเนิ่นนาน“เจ้ามีธุระอันใดจะคุยกับข้า”“ออกไปจากชีวิตของท่านพี่เฟิ่งหวง”“เจ้ามีสิทธิ์อันใดที่มาสั่งคนอื่น” ไป๋หลานรู้นางแอบรักเฟิ่งหวงแต่ไม่ควรที่จะมาสั่งว่าผู้ใดมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนอยู่ข้างกายเขา“ข้า ข้าเป็นคนสนิท”“ภรรยาก็ไม่ใช่ น้องสาวก็ไม่ใช่เจ้าควรให้เฟิ่งหวงเลือกเองไม่ใช่ไปบังคับใคร” ไป๋หลานเตรียมตัวจะเดินหนีแต่ถูกนางคว้าไว้และใช้มือตบเข้าไปที่แก้มของไป๋หลาน“อย่ามาลองดีกับข้า”เพียะ!“กรี้ด” เสียงกรีดร้องของซินอี้ทำให้เฟิ่งหวงและเจ๋อหรานออกมาดูเห็นซินอี้กำลังกุมแก้มที่โดนตบเมื่อนางเห็นคนทั้งสองจึงแสร้งทำเป็นคนโดนรังแก“ท่านน้านางตบข้าเจ้าค่ะ ข้าเจ็บ”“เจ้าตบนางจริงหรือ”เจ๋อหรานหันมาถามไป๋หลานเพื่อจะสอบถามความจริงนางจะไม่เข้าข้างใครแต่เหมือนว่าเฟิ่งหวงจะไม่เชื่อว่านางเป็นคนตบซินอี้ก่อนเพราะแก้มนั้

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทที่ 1 ดอกเหมย

    ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาด้วยอาการที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรงนางยังไม่ตายอย่างนั้นหรือเพราะรอบกายมีกลิ่นหอมของดอกไม้และเสียงสัตว์ที่ร้องออกมา“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” เจ๋อหรานเดินถือยาสมุนไพรเข้ามาพร้อมกับมองไปที่นางผู้นั้น“ทะ ท่านช่วยข้าไว้หรือข้าเป็นอะไรไป” ไป๋หลานกำลังเรียบเรียงเหตุการณ์ว่ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร“เจ้าหลับไป 3 วัน เจ้าตอบข้ามาก่อนเจ้าชื่ออะไร”“ข้าชื่อ ปะ...” ชื่อที่กำลังจะหลุดออกจากปากของนางต้องหุบลงเพราะหากบอกชื่อไปเกรงว่านางจะได้รับอันตรายอีกต้องปกปิดฐานะที่แท้จริงไว้จนกว่าท่านพ่อจะตามหานางเจอ“โอ๊ยยยย ข้าจำไม่ได้ข้าปวดหัวเหลือเกิน” ไป๋หลานแกล้งทำว่าปวดหัวหนักและจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใครจากการที่หัวกระแทกกับโขดหิน“ท่านแม่...” เฟิ่งหวงเปิดประตูเข้าถึงกับมองนางไม่กะพริบแม้ว่าบนศีรษะจะมีผ้าพันแผลแต่ใบหน้าที่แสนงดงามกลับฉายชัดออกมาจนหัวใจที่หยาบกระด้างของเฟิ่งหวงเต้นแรงขึ้นมา“หวงเอ๋อร์ หวงเอ๋อร์!” เจ๋อหรานที่เรียกลูกชายเสียงดังเพราะมัวแต่จ้องใบหน้าของนางตาไม่กะพริบ“ขะ ขอรับท่านแม่”“นางจำอะไรไม่ได้ช่วงนี้เจ้าก็ดูแลนางไป นางจำอะไรได้เมื่อไรก็ส่งนางกลับบ้านเมืองไป” เจ๋อหรานให้ไป๋หลานด

  • สยบรักมังกรหลงถิ่น   บทนำ หวางป๋อ

    ฤดูเหมันต์ทำให้ทั้งเมืองมีหิมะสีขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณรวมแคว้นหวางป๋อ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมากมายสมกับชื่อของแคว้นมีบรรพบุรุษตระกูลหวางปกครองมาหลายร้อยปี ซึ่งคนที่มีอำนาจสูงสุดคือ หวางเทียนเวิ่น ที่ขึ้นปกครองเมืองได้ไม่นานเมื่อมีอำนาจอยู่ในมือทั่วหล้าก็แทบจะยกลูกสาวให้ทั้งเมืองโดยไม่ลังเลเพื่อหวังจะได้เชื่อมความสัมพันธ์“น้องหญิง” หวางเทียนเวิ่นเอ่ยเรียกสตรีที่รักสุดหัวใจด้วยความเจ็บปวด“ท่านมีเวลามาหาแล้วหรือเพคะ” สนมหลี่เจ๋อหรานมองใบหน้าของฮ่องเต้อย่างเจ็บปวดฝ่าบาทกำลังจะเข้าพิธีอภิเษกกับองค์หญิงต่างแคว้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แต่นางเป็นคนชนเผ่าเล็กๆ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ“ใยเจ้าถึงกล่าวแบบนั้น” ฝ่าบาทเห็นแววตาของคนรักแล้วรู้สึกเจ็บปวดที่เขารักษาสัญญาให้นางไม่ได้ว่าเขาจะไม่เข้าพิธีอภิเษกกับหญิงนางใดแต่เพื่อบ้านเมืองกลับทำให้เขาผิดสัญญา“ท่านพี่บอกให้น้องตั้งท้องลูกชายเพื่อจะได้เลื่อนขั้นแต่น้องไม่ต้องการตำแหน่งไหนเลยเพคะ” หลี่เจ๋อหรานร้องไห้ออกมาเดิมทีนางอยู่ที่เผ่าเฟิงอวิ่น นางได้ช่วยชีวิตฝ่าบาทไว้พระองค์ทรงเมตตาจึงรับนางเป็นนางสนมและให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีใคร“น้องหญิง...”

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status