สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้
“เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”
เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป
“ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย”
“เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า
“ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน
“ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น”
“อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ
“ปล่อยข้า”
“หวงเอ๋อร์”
เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า
“ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน”
“นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ”
เฟิ่งหวงไม่มีท่าทีว่าจะพูดเล่นท่านแม่พูดออกมาแล้วจึงถือโอกาสดีที่จะพูดถึงเรื่องแต่งงานของเขากับไป๋หลาน นางจะได้เป็นภรรยาของเขาเสียที
“...”
“ลูกรักนางและเราก็รักกัน คืนนั้นเราก็เป็นของกันและกันแล้วท่านม่ให้ข้าแต่งงานกับนางเถิด”
“เจ้ากลับไปคิดให้ดีนางเป็นใครเรายังไม่รู้”
“ตอนที่ท่านแม่รักท่านพ่อ ท่านก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ” เฟิ่งหวงยกเอาเรื่องของท่านแม่มาพูดเพราะเขาเคยได้ยินท่านแม่เล่าให้ฟัง
“หวงเอ๋อร์…!”
“ข้ากับนางรักกันไยท่านแม่ต้องห้าม ท่านแม้ห้ามไม่ให้นางมาพบข้าใช่หรือไม่”
“อาไว้ลูกใจเย็นลงเราค่อยมาพูดคุยกันใหม่” เจ๋อหรานเดินเข้ามาในกระโจมและเปิดหีบหยิบสร้อยออกมา
“โชคชะตาฟ้าลิขิตคนเราไม่เหมือนกัน” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินเข้ามาดูน้องสาวที่ทุกข์ระทมกับเรื่องราวในอดีตมานานหลายสิบปีและไม่ยอมปล่อยวาง
“ท่านพี่”
“ลูกเจ้าโตแล้วปล่อยให้เฟิ่งหวงตัดสินใจเองเสียเถิด”
“ข้ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ” นางไม่อยากให้เฟิ่งหวงมีชีวิตรักเหมือนนาง และนางไม่อยากให้ลูกต้องมีอำนาจยิ่งใหญ่เหมือนกับพ่อของเขา
“หากหวางเทียนเวิ่นรู้เข้า เฟิ่งหวงก็คงไม่พ้นที่จะ...”
“ท่านพี่อย่าพูดชื่อนั้นให้ข้าได้ยินอีก”
“เฟิ่งหวงสักวันต้องได้เป็นใหญ่เจ้าคิดให้ดีเสียเถิดน้องพี่”
หลี่เจี้ยนกั๋วปล่อยให้นางได้อยู่กับตัวเองคนเราหนีสวรรค์ฟ้าลิขิตของตัวเองไม่ได้ เขาอยากให้น้องสาวและหลานมีความสุขโดยไม่ต้องทุกข์ระทม
“เวรกรรมที่ท่านผิดสัญญากับข้าบัดนี้ท่านไม่เหลือใครแม้แต่ทายาทสืบบัลลังก์” เจ๋อหรานกำสร้อยประจำตระกูลหวางไว้แน่นซึ่งมีเส้นเดียวที่หลงเหลืออยู่
“หากน้องหญิงมีลูกโปรดให้ลูกเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้ให้ดี” หวางเทียนเวิ่นหยิบสร้อยขึ้นมาสวมให้เจ๋อหราน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินทางกลับแคว้นหว๋างป่อแต่ทะว่าเมื่อมาถึงนางถึงได้รู้ความจริงว่าเทียนเวิ่นคือองค์รัชทายาทและมีว่าที่พระชายาอยู่แล้ว ส่วนนางก็เป็นได้แต่สนมเอก
“ท่านหลอกข้า”
เจ๋อหรานมีแต่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดเขาปกปิดตัวตนไว้ไม่ให้นางรู้และสนมอีกมากมาย เมื่อถึงใกล้วันพิธีอภิเษกนางถึงรู้ว่านางตั้งครรภ์
ก่อนนางจะจากไปนางได้เขียนจดหมายทิ้งไว้พร้อมกับคำพูดไม่ให้เทียนเวิ่นมีทายาทสืบสกุลและให้อยู่อย่างทุกข์ทรมานจนถึงทุกวันนี้
“ลูกของข้า ข้าเลี้ยงได้”
ตำหนักหยางกง หวางเทียนเวิ่นช่วงนี้ทรงประชวรอยู่บ่อยครั้งและยังคงให้ทหารออกตามหานางอยู่ตลอดหลายสิบปีเมื่อคิดว่าอาจจะไม่เจอแล้วจึงให้ล้มเลิกการตามหา
“กราบทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
“อย่าพิธีรีตองมากพูดมาเถิด”
“นักสืบทรงได้ความมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” กงกงรีบมารายงานความคืบหน้าที่ให้ทหารและนักสืบออกตามหาเจ๋อหรานตลอดหลายปีก็ได้แต่เรื่องเดิม
“คงจะเรื่องเดิม”
“ทางสำนักเซียนรายงานมาว่าก่อนที่อดีตพระสนมหลี่เจ๋อหรานจะหนีไปนางกำลังตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ ซึ่งกระหม่อมพาหมอหลวงมายืนยันด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าพูดความจริงใช่หรือไม่” หวางเทียนเวิ่นกำลังตกใจกับสิ่งที่กงกงรายงาน หากเขามีทายาทตอนนี้ก็คงจะโตเป็นหนุ่มสาวแล้วหรือที่นางหนีไปเพราะตั้งครรภ์
“กระหม่อมได้ไปตรวจครรภ์พระสนมปรากฏว่าตั้งครรภ์พ่ะย่ะค่ะ” อดีตหมอหลวงที่ตอนนี้เริ่มแก่เฒ่าแล้วเขาจำอดีตพระสนมได้เขาผิดที่ไม่รายงานฮ่องเต้
“ตอนนั้นนางขอร้องให้กระหม่อมอย่าเพิ่งไปรายงานฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าออกไป” เทียนเวิ่นไล่ให้อดีตหมอหลวงออกไปและหันมาสั่งอะไรบางอย่างเพื่อให้กงกงจัดการตามที่เขาต้องการ
“เจ้าเก็บเรื่องนี้ไว้และให้คนออกตามหาต่อ ส่วนเรื่ององค์หญิงจางมีความคืบหน้าอะไรบ้าง” ใกล้จะถึงวันพิธีอภิเษกก็เกินเรื่องเมื่อทหารมารายงานว่าขบวนเสด็จขององค์หญิงถูกโจรดักปล้นและฆ่าทหารที่ตามเสด็จตายจนหมดแต่องค์หญิงจางกลับหายตัวไป
“หรือที่องค์หญิงจางเดินทางมาครั้งนี้จะมีคนในแอบลอบทำร้าย”
“เป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่คิดว่าจะเป็นคนของแคว้นเป่ยเฟิง แต่คิดว่าเป็นคนของเราต่างหาก”
“อีกไม่กี่วันฮ่องเต้จางเหวินเซียวจะเสด็จด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ”
“เตรียมรับเสด็จให้พร้อมและส่งคนออกตามหาองค์หญิงจาง หากไม่เจอศพข้าก็ไม่เชื่อว่านางตาย” เทียนเวิ่นให้กงกงออกไปและหยิบสร้อยอีกเส้นขึ้นมาซึ่งเขาสั่งทำไว้สองเส้น
“ขอให้ข้าได้เจอหน้าลูกสักครั้งเถิด” เทียนเวิ่นหวังว่านางจะใจอ่อนยอมให้เขาได้เจอหน้าลูกสักครั้งเวลาผ่านไปยี่สิบปีเขาก็ยังไม่ลืมเจ๋อหราน
เผ่าเฟิงอวิ่น เฟิงหวงกำลังนั่งน่าเศร้าอยู่เพราะถูกท่านแม่สั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับไป๋หลานซึ่งเขาต้องแอบมาดักรอเพื่อพบหน้านางเมื่อเห็นว่าที่แม่น้ำไม่มีใครแล้วจึงเดินเข้ามาสวมกอดนางไว้แน่น
“เจ้า เฟิ่งหวงปล่อยข้า”
“ข้าคิดถึงเจ้าให้ข้ากอดหน่อยเถิด”
ไป๋หลานจึงยอมให้เฟิ่งกอดนางก็คิดถึงเขาไม่แพ้กันแต่ความรู้สึกเหมือนว่าใกล้จะถึงเวลาที่ต้องจากกันแล้ว หากวันนั้นมาถึงนางอยากให้เขาลืมนาง
“ข้าจะไปขอท่านแม่แต่งงานกับเจ้า”
“เจ้าพูดอะไรออกมา”
“คนอย่างข้าไม่เคยพูดเล่น”
เฟิ่งหวงยังคงกอดนางไว้แน่นไม่ว่านางจะเป็นใครเขาก็ยังจะรักนาง และจะไม่มีอะไรแยกเขากับนางจากกันได้ยกเว้นความตายเท่านั้น
“เจ้าปล่อยข้าก่อน” ไป๋หลานดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อให้เขานั้นปล่อยนางได้เป็นอิสรแต่พอเขาปล่อยนางเฟิ่งหวงกลับคว้าท้ายทอยนางเข้าหาตัว
“อื้ออออ...” ปากเล็กถูกเฟิ่งหวงครอบครองอย่างกักขฬะและไม่ยอมปล่อยนาง เขาจับล็อกคางนางไว้แน่นเพื่อไม่ให้นางดิ้นหนีไปไหน
“อย่าทำแบบนี้ข้าขอร้อง”
“เจ้าเป็นเมียข้าทำไมข้าถึงทำไม่ได้” เฟิ่งหวงยังไม่ละความพยายามที่จะจูบหลายวันที่ผ่านมาเขาทั้งคิดถึงและโหยหากลิ่นตัวหอมๆ จากนาง
“ข้าจะแต่งงานกับเจ้า”
“เจ้ารักข้าอย่างนั้นหรือ”
“การที่ข้ากับเจ้าเรานอนด้วยกันนั้นแปลว่าข้ารักเจ้าไม่ใช่แค่ต้องการร่างกายของเจ้า”
“...”
ไป๋หลานไม่พูดอะไรออกมาหากแต่งงานกันไปสักวันนางจะต้องจากไปอยู่นี้ แต่เฟิ่งหวงนั้นดูไร้เดียงสานักคงจะเป็นรักแรกที่เขาทุ่มเทให้
“ข้า ข้าจะแต่งงานกับเจ้า” เฟิ่งหวงออกอาการจนเห็นได้ชัดและรีบคว้าตัวนางเข้ามากอดอีกครั้ง
“เจ้าเกลียดคนแบบไหนหรือ”
“ข้าเกลียดคนโกหกเช่นเดียวกับท่านพ่อที่ข้าไม่เคยเห็นหน้าและไม่อยากจะเจอหน้าด้วย” เฟิ่งหวงเกลียดที่ท่านพ่อไม่เลือกท่านแม่ของเขาและปล่อยให้ท่านแม่ลำบากหอบเขาหนีมาอยู่ชนเผ่า
“ข้าจะไม่ทำแบบนั้น” หลังจากที่ข้าจากไป นางได้แต่พูดคำนี้ออกมาอีกไม่กี่วันเสด็จพ่อและเหล่าทหารคงตามหานางเจอนางคงเสียใจไม่แพ้กับเขา
“เจ้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้?”
“ข้าเปล่าสักหน่อย”
ไป๋หลานส่งยิ้มให้เพื่อไม่ให้เฟิ่งหวงเป็นห่วงและทั้งสองพากันเดินกลับกระโจมโดยมีซินอี้ที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินถึงกับเก็บอาการไม่อยู่
“ท่านพี่เฟิ่งหวงเป็นของข้า” นางแอบชอบเขามาแต่วัยเยาว์จะไม่มีวันปล่อยเฟิ่งหวงไปไหนและงานแต่งงานจะไม่มีวันได้เกิดขึ้น
วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง “ท่านน้า!” “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง “สร้อยเส้นนั้น...” “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ “เจ้
“เจ้าว่าอะไรนะ โง่” ซินอี้ถึงกับกรีดร้องออกมานางจ้างวานให้เฟยอินเอายาปลุกกำหนัดไปใส่ในเหล้าในเฟิ่งหวงดื่มและจะออกอุบายให้มาหานางแต่ผิดคาด “ข้าก็เอาไปให้แล้วแต่แม่นางเหม่ยเหม่ยเป็นคนกินเข้าไป เจ้าอย่าลืมค่าจ้างข้า” เขาถือว่าทำงานลุล่วงเพราะแค่น้ำยาไปใส่ให้เหล้าใครจะดื่มหรือไม่ดื่มไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา “ทำงานไม่สำเร็จยังจะมาเอาเงินอีกหรือ” “เจ้าแค่สั่งให้ข้าเอายาไปใส่ในเหล้าไม่ได้บอกว่าให้ใครดื่ม เอาเงินมาไม่งั้นข้าจะบอกให้ทุกคนรู้” เฟยอินขู่เข็ญนางเพื่อที่จะได้เงินค่าจ้าง “เอาไปและปิดปากให้เงียบ” ซินอี้ให้เงินเฟยอินไปมากโขแลกกับที่ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรนางก็แพ้ไป๋หลานไปทุกอย่าง “ข้าต้องหาความลับของเจ้าให้ได้” ซินอี้คิดอะไรออกบางอย่างพรุ่งนี้เช้าจะรีบเข้าไปในเมือง ไม่นานนางต้องกระเด็นออกไปจากชนเผ่าเฟิงอวิ่น ทางด้านไป๋หลานตอนนี้กำลังร้อนรุ่มราวกับไฟที่กำลังแผดเผาร่างกายของนาง นางกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวโดยไม่สนอะไร “เจ้าอย่าใจร้อนสิ” “ข้าไม่ไหวแล้ว อืมมม” ไป๋หลานครางออกมาอย่
วันแต่งงานก็เดินทางมาถึงเฟิ่งหวงอยู่ในชุดชนเผ่าสีแดงสวยอร่ามสมกับเป็นว่าที่ผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่นใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบ่งบอกว่าวันนี้กำลังมีความสุขมากเพียงใด “เจ้าดูดีสมกับเป็นว่าที่ผู้นำของชนเผ่า” “ขอบใจท่านแม่มากที่ให้ข้าแต่งงานกับเหม่ยเหม่ย” เจ๋อหรานหน้าถอดสีลงเล็กน้อยแต่พยายามที่จะเก็บความลับของไป๋หลานไว้ แค่ลูกของนางมีความสุขคนเป็นแม่ก็มีความสุขไปด้วย ไป๋หลานอยู่ในชุดเจ้าสาวที่แดงสวยงามเป็นผ้าไหมที่ปักเย็บอย่างประณีตประดับด้วยลวดลายต่างๆ อย่างสวยงามใบหน้าแต่งแต้มสีสันสวยงามและทายาทลงไปเพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งฝาดแดงระเรื่อ “แม่นางสวยงามราวกับเทพธิดา” อี้หรานชมนางจากใจเพราะไม่เคยเห็นหญิงคนไหนงดงามเหมือนกับไป๋หลานเพียงแค่นางมองนางก็มั่นใจว่านางไม่ใช่คนธรรมดาหรือชาวบ้านทั่วไป “ขอบใจท่านน้ามากเจ้าค่ะ” “แม่นางอย่าถือโทษโกรธอี้เอ่อร์เลยนะ ข้าตามใจนางจนนางเสียคนตั้งแต่พ่อของนางตายข้าก็เลี้ยงดูนางมาคนเดียวตลอด” “ท่านน้าไม่ผิดอะไรเลยเจ้าค่ะ” นางก็เสียเสด็จแม่ไปตั้งวัยเยาว์เหลือแค่เสด็จพ่อ “ใก
ทางด้านซินอี้กำลังตรอมใจเมื่อคนที่รักได้แต่งงานกับหญิงอื่นไปนางกำลังวางแผนกำจัดไป๋หลานให้ออกไปจากชีวิตของเฟิ่งหวงตลอดกาล “นางต้องหายไปตลอดกาล” “อี้เอ๋อร์มากินข้าวเถอะลูก” อี้หรานยกกับข้าวมาให้ลูกสาวที่หมกตัวอยู่แต่ในกระโจมนางเห็นใจลูกสาวที่รักเฟิ่งหวงมาเนิ่นนานแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางไม่โทษใคร “ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ” “มากินข้าวแล้วออกไปเดินเล่นบ้างเถิด” “ข้าจะลุกไปกินเจ้าค่ะ” ซินอี้ลุกมากินข้าวกินปลาแต่ภายในใจกำลังเศร้าหมองคิดถึงคำนึงหาแต่เฟิ่งหวง และคิดหาหนทางกำจัดมารหัวใจตลอดเวลา ซินอี้เดินมาที่แม่น้ำที่ชาวบ้านใช้เป็นประจำแต่สายตาก็หันไปเจอเข้ากับไป๋หลานที่นั่งอยู่ริมฝั่งคนเดียวจึงมีแผนร้ายขึ้นมาเมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเฟิ่งหวง “มานั่งเศร้าเพิ่งเข้าห้องสามีไม่สนใจหรือไง” “เจ้าอย่ามากวนอารมณ์โมโหข้า” นางกำลังคิดถึงเสด็จพ่อไม่รู้ป่านนี้จะได้เบาะแสนางหรือยัง “ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ที่นี้ไม่ได้” ซินอี้จ้องมองนางอย่างโกรธแค้น นางก็สวยไม่แพ้ไป๋หลานใยเฟิ่งหวงถึงไม่มองนางบ้าง นางไม่ยอมแพ้เด็ดขาด “เจ้าก็ควรจะทำ
ยามเหม่าเฟิ่งงหวงจึงพาไป๋หลานออกเดินทางสู่เมืองใหญ่ยานพาหนะคือม้าที่เฟิ่งหวงเป็นคนควบม้า ตลอดทางข้างทางท้องฟ้ายังมืดสนิทไม่นานพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นขึ้นมาส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ “สวยจัง” เขาพานางมาหยุดรออยู่ที่หน้าผาสูงชันไป๋หลานมองไปที่พระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วบริเวณและหมอกเมฆที่ปกคลุมไปทั้งบริเวณ “เอาไว้พี่จะพาน้องหญิงมาอีก” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ไป๋หลานใช้ผ้าปกคลุมใบหน้าเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็นใบหน้าของนาง บางทีคนร้ายอาจจะยังตามล่าหาตัวนางอยู่ ไป๋หลานอ้างว่านางแพ้อากาศอาจจะทำให้ไม่สบายได้จึงขอใช้ผ้าปิดบังใบหน้าอันแสนงดงามไว้ ซึ่งเฟิ่งหวงก็ไม่ได้ขัดอะไรคืนนี้เฟิ่งหวงจึงชวนนางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน “รอตอนเย็นพี่จะพาน้องหญิงออกไปเดินเล่น พักผ่อนเสียเถิด” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นว่านางหลับไปแล้วจึงออกมาเดินสำรวจโรงเตี๊ยมแห่งนี้และเห็นเหล่าทหารมากมายเหมือนกำลังออกตามหาอะไรสักอย่าง “เถ้าแก่คนพวกนั้นกำลังหาอะไรหรือ” “เมื่อหลายเดือนก่อนมีองค์หญิงจากแคว้นเป่ยเฟิงถูกดักทำร้ายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย น่าเสียดายยั
“ส่งม้าเร็วนำข้อความนี้ไปให้ท่านพ่ออีก 2 วันข้าจะไปรับตัวน้องสาวของข้ากลับและจะทูลขอยกเลิกราชโองการ” หลีเหว่ยคงไม่สามารถให้น้องสาวแต่งงานได้เพราะคนร้ายยังคงเก็บตัวเขาเชื่อว่าอีกไม่นานคนร้ายต้องเผยตัว “เจ้าสงสัยใครมากที่สุดมู่เฉิน” “กระหม่อมคิดว่าคงจะเป็นคนในวังหลวงที่ไม่อยากให้การเชื่อมความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ทรงทูลไปตามความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง “มีแต่คนเดียวเท่านั้น! เจ้าแอบส่งคนแกะรอยตามคนพวกนั้นและยื่นข้อเสนอที่พอจะให้พวกมันพูดได้” หลีเหว่ยแอบเตรียมกำลังทหารที่จะเข้าไปรับตัวน้องสาวในอีกสองวันข้างหน้า ส่วนคนร้ายตอนนี้เขากำลังหาหลักฐาน “องค์หญิงไป๋หลานต้องปลอดภัยกลับมาข้าไม่มีวันให้นางเข้าพิธีอภิเษกตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฝั่งด้านคนที่กำลังโดนพูดถึงเมื่อทหารเข้ามารายงานว่าตอนนี้องค์หญิงไป๋หลานยังคงมีชวิตอยู่ถึงกับร้องโวยวายออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง “พวกโง่!” “ข้าวางแผนมาตั้งนานทำไมนางถึงยังไม่ตาย” หวางหลานซวนโมโหถึงขั้นสุดหากท่านลุงรู้เข้าเขาคงโดนเนรเทศเพราะฉะนั้นพิธีแ
“คงจะเป็นที่นี้พ่ะย่ะค่ะ” เช้าตรู่ของเช้าวันใหม่หลีเหว่ยออกเดินทางมาถึงยังชนเผ่าเฟิงอวิ่นกลิ่นอายของธรรมชาติทำให้ที่หมูบ้านแห่งนี้ดูน่ามองไปหมด เขาลงจากม้าทันที “ข้าอ๋องจางหลีเหว่ยนำกำลังทหารมาตามหาองค์หญิงมิได้มีเจตนามาทำร้ายใคร” “ข้าหลี่เจี้ยนกั๋วผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่น” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินออกมาและแปลกใจว่าท่านอ๋องมาตามหาผู้ใด “ข้ามาตามหาน้องสาวของข้าองค์หญิงจางไป๋หลาน” เขาเดินมาเผชิญหน้าหลี่เจี้ยนกั๋วเขาต้องรีบพาน้องสาวของเขากลับไปยังวังหลวง “ทูลท่านอ๋องคนที่ท่านตามหาคงไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้” “หากพวกเจ้าโกหกข้าจะฆ่าทิ้ง” เฟิ่งที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาหาท่านลุงแปลกใจที่มีคนแปลกหน้าเข้ามายังชนเผ่าได้เมื่อพิจารณาแล้วคือท่านอ๋องที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่อหลายวันก่อน “เจ้านั้นเอง” หลีเหว่ยแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นคนที่เคยช่วยเหลือเขาไว้ตอนที่เขาถูกรอยทำร้าย “ท่านลุงคนเหล่านั้นมาทำอะไรหรือขอรับ” “ท่านอ๋องมาตามหาน้องสาว” หลี่เจี้ยนกั๋วกำลังสังหรณ์ใจว่าคนที่ท่านอ๋องตามหาคงไม่ใช่คนที่เขากำลังนึกถึง ทั้ง
สามวันกับการจากไปของไป๋หลานเฟิ่งหวงไม่ยอมกินข้าวกินปลาเพราะคิดถึงคะนึงหาแต่เพียงนาง เขาเมามายทุกวันเพื่อจะให้นอนหลับโดยไม่ต้องทรมาน เฟิ่งหวงไม่เคยโกรธนางเลยสักนิด “ข้าคิดถึงเจ้า” เจ๋อหรานที่เห็นสภาพของลูกสายก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน สามวันมานี้นางใจแข็งไม่ยอมเข้าไปปลอบลูกชายเฟิ่งหวงเอาแต่โทษตัวเองว่าเขาเป็นคนต่ำต้อยไม่คู่ควรกับนาง “เจ้าว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินเข้ามาเมื่อมองไปที่หลานชายก็ส่ายหัวคนเป็นแม่ก็ใจแข็งเสียจนเขาอ่อนใจ “ท่านพี่ว่าข้าควรบอกความจริงกับลูกชายดีหรือไม่เจ้าค่ะ” หากเฟิ่งกลายเป็นองค์รัชทายาทก็คงจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับไป๋หลาน แต่หากชาตินี้ไม่มีวาสนาได้คู่กันก็คงต้องจากกันไปตลอดกาล “เจ้าเป็นคนขี้ขลาดตั้งเมื่อไรกันน้องพี่” “หรือว่าพ่อลูกเขาควรจะได้เจอกัน” นางคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรต่อดีเฟิ่งหวงลูกชายของนางก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าไป๋หลานเลยสักนิด แถมยังเป็นคนที่ใต้หล้าต้องก้มหัวให้ “เจ้าเลือกเอาเถิดอยากให้หวงเอ่อร์เป็นเช่นไร” หลี่เจี้ยนกั๋วปล่อยให้นางได้ตัดสินใจแต่สิ่งที่แม่หมอทำน
ชนเผ่าอวิ่น ฮ่องเต้เฟิ่งหวงพาฮองเฮากลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและองค์รัชทายาทตงหยางพร้อมกับองค์หญิงอ้ายเสิน ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก “ซินอี้” “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ” ซินอี้ก้มลงเพื่อทำความเคารพฮองเฮาที่ครั้งหนึ่งนางเคยคิดจะกำจัด “ตอนนี้อยู่นอกวังเจ้าไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เจ้าสบายดีหรือไม่” ไป๋หลานไม่คิดโกรธเคืองนางเลยสักนิดเวลาผ่านไปคนเราก็สามารถเปลี่ยนกันได้ “หม่อมฉันสบายดีเจ้าค่ะ” “ไทเฮาบอกว่าเจ้ากำลังจะมีลูกน้อย” “เพคะหม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์” ซินอี้แต่งงานกับคุณชายแซ่เหลียงและได้ออกไปเปิดโรงน้ำชาด้วยกันจนมีพยานรักที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของนาง “ข้ายินดีกับเจ้าด้วยอดีตผ่านไปแล้วเจ้าก็ได้บทเรียนแล้ว เราแค่ลืมและเดินหน้าต่อไป” “หม่อมฉันขออภัยในครั้งนั้นด้วยเพค่ะ” “ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก” ไป๋หลานไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแคว้นในวันนี้นางคิดได้แล้ว ก็ต่างคนต่างมีชีวิตและเดินตามเส้นทางของตัวเอง “หม่อมฉันขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ” ไป๋หลานเดินกลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เฟิ่งหวงที่นั่งดูลูกๆ วิ่ง
วันเวลาผ่านไปจนครบเก้าเดือนองค์หญิงไป๋หลานได้ให้กำเนิดลูกฝาแฝดโอรสและธิดาสร้างความปีติยินดีให้กับทุกคนโดยเฉพาะเฟิ่งหวงที่เฝ้ารอพระชายาอยู่หน้าตำหนักไม่ยอมไปไหน “หวงเอ๋อร์พระชายาของลูกแค่หลับเพราะเหนื่อยอย่ากังวลไปนักเลย” “ลูกเป็นห่วงนาง” เฟิ่งหวงนั่งไม่อยู่กับที่เขาเดินไปเดินมาเพื่อรอว่าเมื่อไรนางจะฟื้นขึ้นมา ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของนางใจเขาแทบขาด “หวงเอ่อร์ลูกจะให้โอรสและธิดาชื่อว่าอะไร” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้ลูกทั้งสองและมองหน้ากันสลับไปมาลูกของเขาทั้งสองเกิดจากความรักของพ่อและแม่ “โอรสให้ชื่อตงหยาง ธิดาให้ชื่ออ้ายเสิน” “ดีๆ พ่อชอบชื่อนี้” ฝ่าบาททรงตามใจลูกในการตั้งชื่ออีกไม่นานเฟิ่งหวงจะต้องขึ้นครองบัลลังก์แทนฮ่องเต้ ไป๋หลานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดสิ่งแรกที่นางนึกถึงคือลูกทั้งสองนางได้ยินเสียงร้องก่อนที่นางจะหมดสติไป ไป๋หลานพยายามที่จะขยับตัว “พระชายาอย่าเพิ่งลุกเพค่ะ” “น้องหญิงเป็นยังไงบ้าง” เฟิ่งหวงรีบเข้ามาดูอาการทันทีเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยเขาก็หายห่วง “ลูกของน้อง...”
“หม่อมฉันจะไปตามหมอมาให้เพคะ” “ไม่ต้องหรอกหวงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร” จากที่นางได้ฟังเรื่องราวมาจากไป๋หลานและองครักษ์จึงพอจะเดาได้ว่าเฟิ่งหวงเป็นอะไรถึงได้ไม่สบายแบบนั้น “น้องหญิงแล้วหวงเอ่อร์ไยถึงไม่สบาย” ฮ่องเต้แปลกใจเฟิ่งหวงเกิดอาการแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่มีอาการดีขึ้น “หวงเอ่อร์แค่แพ้ท้องแทนไป๋หลาน คนท้องมักจะชอบกินของรสเปรี้ยวซึ่งหวงเอ่อร์ไม่ชอบและเกลียดส้มจะตาย” เจ๋อหรานรู้ว่าลูกชายชอบหรือเกลียดอะไร เฟิ่งหวงเป็นแบบนี้ก็เพราะแพ้ท้องแทนพระชายา “เฟิ่งหวงจะทรงหายหรือไม่เพคะ” “ไม่ต้องห่วง” ไป๋หลานจึงอยู่ดูแลเฟิ่งหวงเมื่อคิดถึงคำพูดของเจ๋อหรานนางถึงกับหน้าแดงขึ้นมา เจ๋อหรานบอกว่าบุรุษที่แพ้ท้องแทนแม่ของลูกแสดงว่าเขานั้นรักนางมาก “อย่าดื้อกับเสด็จพ่อนะลูก” ไป๋หลานหันไปพูดกับลูกน้อยตอนนี้สีหน้าของเฟิ่งหวงดูซีดเซียวนางจึงคอยดูแลไม่ห่าง กำหนดการเดินทางกลับแคว้นนางคงจะต้องเลื่อนออกไป “น้องไป๋หลาน” “เสด็จพี่” “พี่จะกลับแคว้นแล้วน้องต้องดูแลตัวเอง” “ไยถึงเร็วแบบนั้นเพค่ะ” ไป๋หลานใจหายที่เสด็จพี่จ
เฟิ่งหวงกำลังจัดการงานต่างๆ ด้วยความยากลำบากเขาทรงงานอย่างหนักเพื่อจะรีบกลับไปหาไป๋หลานที่เขาคิดถึงคะนึงหา ฮ่องเต้ทิ้งให้องค์รัชทายาทต้องเผชิญกับปัญหาและปล่อยให้เขาจัดการกับคนร้าย “องค์รัชทายาทท่านพักผ่อนหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” โม่โฉวเห็นองค์รัชทายาทมุ่งหน้าทำแต่งานที่ประชาชนร้องเรียนมา อีกไม่นานองค์รัชทายาทก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้ “ตอนนี้ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง” “ทุกคนยังคงไว้อาลัยให้องค์ชายหลานซวนพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งงหวงหยักหน้าเขาเห็นใจหวางไห่เถิ่งที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และเรื่องที่หลานซวนก่อขึ้นมาทำให้วงศ์ตระกูลเสียหายโทษต้องกักขังไปยังญาติพี่น้องแต่เฟิ่งหวงก็ไม่ยอมเพราะหวางไห่เถิงไม่มีส่วนรู้เห็น “องค์รัชทายาท! ตามหมอหลวงเร็วเข้า” โม่โฉวหันไปเรียกกงกงเมื่อองค์รัชทายาททรงเป็นลมไป ทำให้ทั้งตำหนักวุ่นวายไปหมดใบหน้าซีดเผือดขององค์รัชทายาทนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง “องค์รัชทายาทน่าจะทรงงานหนักให้พักผ่อนสักหน่อยจะดีขึ้นเองขอรับ” “ท่านให้คนไปส่งหมอหลวง” “พระชายาไม่อยู่นั้นกระหม่อมจะดูแลท่านเอง” โม่
“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเพคะ” ลู่เสียนเกรี้ยวกราดขึ้นมาเมื่อแม่ทัพหลิงหยุนมาบอกข่าวร้าย “องค์รัชทายาททรงส่งเจ้ากลับจวน” “กรี๊ดดดด องค์รัชทายาทจะทำแบบนั้นกับข้าไม่ได้” ลู่เสียนกับมาคิดดูแล้วสิ่งที่องค์รัชทายาททำไปก็แค่ใช้นางเป็นเครื่องมือและส่งองค์หญิงออกไปนอกวัง หลอกให้นางดีใจพอเรื่องราวจบก็ส่งนางกลับจวน “ลูกพ่อองค์รัชทายาทยกเลิกที่จะรับลูกเป็นสนม” หลิงยุนไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเพราะคือคำขาดจากองค์รัชทายาทในอนาคตก็จะขึ้นครองบัลลังก์ “ลูกไม่ดีตรงไหนทำไมองค์รัชทายาทถึงหลงใหลมันนัก” “ลูก! เจ้าระวังคำพูดด้วย” ลู่เสียนโกรธและพร่ำเพ้อออกมานางเห็นใบหน้าขององค์รัชทายาทครั้งแรก ก็ตกหลุมรักหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้และทรงขอร้องท่านพ่อให้เข้าไปกราบทูลฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมขององค์รัชทายาท นางดีใจจนแทบบ้าที่ได้รับข่าวดี แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างเป็นแค่แผนหลอกให้นางไปเสี่ยงตายแต่กับปกป้ององค์หญิงไป๋หลาน “องค์รัชทายาทตรัสไว้ชาตินี้จะไม่รับสนมจะมีแค่พระชายาคนเดียว” “ทำไมนางถึงไม่ตายตั้งแต่ตอนนั้น” ลู่เสียนโกรธแค้นที่สุดท้ายแล้วนาง
ไป๋หลานเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักของเฟิ่งหวงนางกำนัลมาแจ้งข่าวว่าเขากำลังจะรับสนมเข้ามาในตำหนักวันนี้ ถึงแม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากับทำในนางเจ็บปวดไม่น้อย “องค์หญิง” “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรเฟิ่งหวง” ไป๋หลานมองไปที่องค์รัชทายาทด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดที่เห็นเขากำลังนั่งอยู่ใกล้นางสนมคนนั้น “ก็อย่างที่เจ้าเห็นข้าจะรับนางเป็นสนม” เฟิ่งหวงเห็นแววตาที่แสนเจ็บปวดนั้นก็หันใบหน้าหนีเขาใจไม่แข็งพอที่จะเห็นน้ำตาของนาง “หม่อมฉันเลี่ยงซูเพค่ะองค์หญิงไป๋หลาน” “ข้าไม่อยากรู้จักเจ้า! เจ้าตอบข้ามาคำว่ารักที่เจ้าพูดหรือมันแค่หลอกลวง” ไป๋หลานเจ็บปวดเหลือเกินที่เห็นเขาไม่แยแสนางหรือที่เขาทำเพื่อจะแก้แค้นนาง “เจ้าพูดเหมือนไม่เคยหลอกข้า ออกไปข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” “เจ้าต้องการแก้แค้นข้าหรือ” ไป๋หลานปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาเขาจะรักนางแต่ทุกอย่างกับไม่ใช่เขาแค่ต้องการแก้แค้นนาง “หรือหากเจ้ารับไม่ได้เจ้าก็กลับบ้านเมืองเจ้าไปเสียพิธีอภิเษกของเราถือว่ายกเลิก” เฟิ่งหวงพยายามที่จะกลั้นใจพูดออกมาเพื่อให้นางเกลียดเขา
“เฟิ่งหวง อ๊ะ” ไป๋หลานครางออกมาเมื่อเฟิ่งหวงใช้มือกอบกุมเต้าคู่งามไว้และขย้ำหน้าอกของนางอย่างแรงจนนางต้องตีมือเขาไว้ “เจ้าดูมังกรของข้าสิ” เฟิ่งหวงนำมังกรมาถูไถบริเวณแผ่นหลังของนาง “เจ้าคนหื่น” ไป๋หลานได้แต่บนเขาในใจไม่รู้ว่าเฟิ่งหวงอดอยากมาจากไหนถึงได้ตะกละตะกลามกินนางอย่างมูมมามและกินไม่อิ่มเสียที “ไยเจ้าถึงไม่ท้องเสียที มีโอรสหรือธิดาให้ข้า” เฟิ่งหวงขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะมั่นใจว่าเขาสามารถทำให้นางท้องได้แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไป๋หลานจะตั้งท้อง “ขะ ข้า” “หรือเจ้ามีอะไรปิดบังข้า” ไป๋หลานเงียบเพราะนางคุมกำเนิดทุกครั้งยามที่สุขสมตอนนี้นางอยากให้ทุกอย่างสงบสุขก่อน “ข้าคุมกำเนิด” “เจ้าทำย่างนั้นทำไมเจ้าไม่อยากมีลูกกับข้าหรือ” เฟิ่งหวงให้นางหันมาเผชิญหน้ากัน เขาเฝ้ารอที่นางจะตั้งท้องแต่ทุกอย่างก็พังลงแววตาเสียใจทำให้ไป๋หลานหันหน้าหนี “บ้านเมืองของเจ้ายังไม่สงบสุขเจ้าคิดว่าหากคนเหล่านั้นย้อนกลับมาทำร้ายข้าและลูกเจ้าจะทำอย่างไร” ไป๋หลานอยากให้เฟิ่งหวงมีเหตุผลมากกว่าที่เป็นอยู่ “ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ
เวลาต่อมาทั้งแผ่นดินของแคว้นหวางป๋อจึงได้รับรู้ว่าได้มีองค์รัชทายาทองค์ใหม่พร้อมกับอีกไม่นานจะมีพิธีอภิเษกระหว่างองค์รัชทายาทเฟิ่งหวงกับองค์หญิงไป๋หลาน “หวางหลิ่วอิน” หลีเหว่ยเดินเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพร้อมกับมองไปที่ชายชุดดำที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ “ท่านอ๋อง” “หลานซวนทำไมถึงคิดก่อกบฏ” ตอนนี้ท่านอ๋องและฮ่องเต้รู้ความจริงกันหมดแล้วว่าหลานซวนคิดจะก่อกบฏตอนนี้พวกเขายังไม่ทำอะไรปล่อยให้คนร้ายตายใจเสียก่อน “ข้าไม่คิดว่าเสด็จพี่จะทรงคิดกำจัดองค์หญิงและองค์รัชทายาท หากเสด็จพ่อรู้เข้าต้องเสียพระทัยอย่างหนัก” หวางหลิ่วอินไม่อยากให้บิดารับรู้แต่สิ่งที่หลานซวนทำนั้นเรื่องใหญ่นัก “อย่าให้ใครรู้เราแยกกันตรงนี้” “ทูลลาท่านอ๋อง” หลีเหว่ยเดินทางกลับเข้ามาในวังหลวงทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “องค์หญิงอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทเพค่ะ” “เจ้านั้นคิดจะกักขังน้องไป๋หลานไว้หรือไง” หลีเหว่ยพูดออกมาเมื่อเฟิ่งหวงไม่ยอมปล่อยไป๋หลานกลับตำหนัก เฟิ่งหวงอาการดีขึ้นอย่างมากเพราะมีองค์หญิงไป๋หลานคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เพราะเฟิ่งห
เฟิ่งหวงทรงลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากและนึกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเขาถูกยิงด้วยธนูที่ต้นแขนแล้วไป๋หลานนางปลอดภัยหรือไม่ “องค์รัชทายาทฟื้นแล้วเพค่ะ” นางกำนัลรีบมากราบทูลฮ่องเต้ที่ทรงนั่งรออยู่หน้าตำหนักจึงรีบเข้ามาดูองค์รัชทายาท “หวงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงตรวจดูอาการองค์รัชทายาท” “ไป๋หลานทรงปลอดภัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หากนาวงเป็นอะไรไปเขาจะอยู่อย่างไร ราวกับมีเข็มเป็นพันหมื่นเล่มทิ่มแทงหัวใจของเขา “องค์หญิงทรงมิได้เป็นอะไรนางเฝ้าไข้ลูกทั้งคืนเพิ่งกลับไปพักผ่อนลูกวางใจเถิด” มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มองค์รัชทายาทถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่มีผิด “ข้าอยากพบหน้านาง โม่โฉวเจ้าไปตามองค์หญิงมา” เมื่อได้ยินดังนั้นความวิตกเล็กน้อยสลายไปจนสิ้น “พ่ะย่ะค่ะ” “ลูกพักผ่อนเสียเถิดเอาไว้หายดีแล้วค่อยมาพูดคุยกัน” ไป๋หลานเดินทางมายังตำหนักของเฟิ่งหวงอีกครั้งสีหน้านั้นเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ “โอ้ยย ไป๋หลานข้าเจ็บเหลือเกิน” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาจึงแทรกทำเป็นร้องโวยวายออกมาในยามที่หมอหลวงกำลังทำแผล