เฟิ่งหวงนั่งลงที่ข้างกายของนางและเข้ามาโอบกอดนางไว้เพื่อคลายหนาวใบหน้าทั้งสองอยู่ห่างกันแค่คืบมือ เสียงฝนยังคงกระหน่ำเทลงมา
“อื้อออ” เฟิ่งจูบนางอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีให้นาง มือหนาเริ่มเลื้อยไปมาเหมือนงู
“ข้า ข้า...”
“เจ้ายอมเป็นของข้าได้หรือไม่เหม่ยเหม่ย”
เฟิ่งหวงสบตาของนางอย่างลึกซึ้งหากนางไม่ยินยอมเขาก็จะไม่ทำอะไรนางเด็ดขาด
“ขะ ข้ายอม...อื้ออ”
พูดไม่ทันขาดคำชายหนุ่มจึงประคองในนางนอนลงบนขอนไม้ขนาดใหญ่เฟิ่งหวงยืนมือไปคว้าเอาเสื้อของตัวเองมาปูไว้เพื่อหญิงสาวได้นอนอย่างสบาย
“ข้าจะดูแลเจ้าให้ดี” เฟิ่งหวงยื่นมือมาปลดเชือกที่ชุดของนางออกในล้วงมือเข้าไปจนถึงยอดปทุมถันอันแสนงดงามที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก
“อื้อ..อ่าส์...เฟิ่งหวง” นางครางออกมาเมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ แตะสัมผัสกับยอดปทุมถันสีสวย ไป๋หลานสั่นสะท้านไปทั่วร่างกายกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อนความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา
“เจ้าสวยเหลือเกิน” เฟิ่งหวงพูดอย่างมาหลังที่ที่ได้สัมผัสยอดปทุมถันคู่นั้น
“อ๊ะ อ่าส์” ไป๋หลานเกาะคำคอของเขาไว้แน่นและแอ่นอกรับสัมผัสของเฟิ่งหวงชีวิตหนึ่งนางจะมอบกายให้คนที่รักเท่านั้น
“ข้าชักอยากจะชิมอย่างอื่นแล้ว”
“เจ้าจะอำอันใด อ๊ะ เฟิ่งหวง” ชายหนุ่มแทรกใบหน้าเข้าไประหว่างเรียวขาคู่งามและแหวกสิ่งปกปิดของสวยงามออกจนเจอเข้ากับผิวเนื้อสีหวานเป็นครั้งแรกที่เฟิ่งหวงได้เห็น
“ข้าจะชิมมัน” พูดจบจึงใช้ลิ้นค่อยๆ สัมผัสกับผิวเนื้อเพื่อกระตุ้นให้นางปล่อยน้ำหวานออกมาให้เขาได้ลิ้มลองลิ้นหนาลากไปทั่วบริเวณจนทำให้นางยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยและใช้มือดึงทึ่งกลุ่มผมของเขาเพื่อระบายความเสียวซ่าน
กลิ่นกายของนางช่างหอมหวานจนทำให้เฟิ่งหวงละห่างจากตัวนางไม่ได้ลิ้นหนายังคงหยอกล้อกับผิวเนื้อและขึ้นมาดูดเลียกับปุ่มเสียวยามที่ปากหนาครอบครองทำให้นางครางออกมา เมื่อเห็นว่าเสียงตัวเองน่าอายจึงใช้มือปิดปากไว้แน่น
“เอามือออกข้าอยากฟังเสียงของเจ้า”
“อ่าส์ อืม ขะข้ารู้สึกทรมาน” ยามที่ชายหนุ่มเร่งจังหวะลิ้นนางยิ่งเกร็งเมื่อใกล้จะถึงจุดเสียวนางยิ่งยกสะโพกให้เขาได้สัมผัสอย่างสะดวก ร่างบางเกร็งตัวและปลดปล่อยน้ำหวานออกมาเฟิ่งหวงปาดเลียจนสะอาด
“ข้าชอบน้ำของเจ้าที่สุด” เฟิ่งหวงขึ้นคร่อมร่างของนางและจุมพิตอย่างอ่อนโยนเพื่อไม่ให้นางเป็นกังวลเพราะยามที่เขาลงลิ้นตัวนางสั่นสะท้านไปหมด
“อื้อออ เฟิ่งหวง”
“ข้ารักเจ้า”
ไป๋หลานมองไปที่แท่งหยกที่แข็งขืนมันทั้งใหญ่ทั้งยาวไม่รู้ว่าร่างกายของนางจะรับไหวหรือไม่ หรือบางทีอาจจะเข้ามาในตัวของนางไม่ได้ด้วยซ้ำไป
“เจ้าอย่ากังวลไปเลย อ่าส์”
เฟิ่งหวงจับแท่งหยกถูไถที่กลีบร่องเพื่อให้หญิงสาวไม่เกร็งตัวและอาศัยทีเผลอกระแทกเข้าไปจนมิดด้ามและกดแช่เอาไว้
กึด!
“กรี้ดดดด ข้าเจ็บ” น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของนางอย่างน่าสงสารเยื่อพรหมจรรย์สีแดงไหลออกมาเปรอะเปี้อนกับแท่งหยกของเขา นางเจ็บราวกับร่างกายจะปริแตก
“ข้ารู้ว่าเจ้าเจ็บแต่เจ้าอย่าดิ้นเลยข้าก็ทรมานไม่แพ้เจ้า”
แรงตอดรัดแท่งหยกทำให้เฟิ่งหวงทรมานเช่นเดียวกับนางใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดยิ่งนางดิ้นเขาก็ยิ่งเจ็บเมื่อเห็นว่าไป๋หลานเริ่มปรับตัวได้เขาจึงขยับเอวสอบ
“เจ้าบอกข้า เจ้าเป็นของใคร”
“ข้าเป็นของเจ้า อื้อออ”
“เจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว หากเจ้าทิ้งข้าไปข้าก็จะลากตัวกลับมา” เฟิ่งหวงกระแทกแท่งหยกเข้าออกจนเหงื่อไหลออกมาตามไรผมเสียงครางของทั้งดังแข่งกับเสียงฝนที่ตกไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเปลวไฟที่ว่าร้อนก็ยังไม่เท่าเฟิ่งหวงในเวลานี้
“ข้าเจ็บ อื้อ” นางครางออกมาและรู้สึกเหนื่อยแต่เฟิ่งหวงไม่มีท่าทีว่าจะหยุดชายหนุ่มยิ่งกระแทกกายหนาเข้ามาเรียวขางามเกาะเกี่ยวสะโพกของเฟิ่งหวงไว้แน่นแสงจากเปลวไฟทำให้ทั้งสองมองเห็นใบหน้ากันได้ชัดเจนจนนางรู้สึกเขินอาย
“ไม่ต้องอายอะไรแล้วข้าเห็นมาหมดแล้ว”
“ข้า ข้ารู้เหมือนอะไรก็ไม่รู้”
“ปล่อยตัวให้สบายและเสร็จสมไปพร้อมข้า” เฟิ่งหวงรีบเร่งขยับสะโพกเพื่อที่จะส่งนางขึ้นสวรรค์ กลิ่นกายของนางทำให้เขายากตลอดเวลา
“อร้าย / โอ้ว” เฟิ่งหวงปลดปล่อยสายธารเข้าไปในตัวของไป๋หลานเมื่อถอนแท่งหยกออกมาสายธารก็ไหลย้อนกลับจนล้นออกมาด้านนอก ชายหนุ่มมองผลงานตัวเองอย่างพึ่งพอใจและหยิบเสื้อของเขาขึ้นมาเช็ดให้
“เจ้าขยับออกไป”
“ไม่ต้องอายข้าเห็นหมอแล้ว”
“เจ้าจะทำอะไร”
“ข้ายังไม่อิ่ม” เฟิ่งหวงเริ่มใช้ปากดูดเลียที่ซอกคอขาวเนียนอย่างหิวกระหายตอนนี้เขานอนช้อนหลังของนางและจับเรียวขายกขึ้นข้างหนึ่งอ้าออกกว้างจนได้องศา
“ให้ข้าได้เข้าไปอีกครั้งเถิด” เฟิ่งหวงไม่รอช้าที่จะบอกรักนางอีกครั้งเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามพายุรักจึงสงบลงไป๋หลานนอนกอดเอวเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าเฟิ่งหวงจะหายไปไหน
“เจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง” ชายหนุ่มมองใบหน้าของนางแล้วไม่ลืมที่จะจุมพิตหน้าผากข้างนอกฝนเริ่มหยุดตกแล้วเหลือไว้เพียงอากาศเหน็บหนาวยามค่ำคืนจนนางห่อตัวเข้าหาไออุ่นจากเฟิ่งหวง
ยามเหม่าไป๋หลานรู้สึกตัวเพราะเสียงนกร้องนางจึงลุกออกมาดูบรรยากศภายนอกถ้ำ เมฆหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณไป๋หลานยังคงครุ่นคิดว่าจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
“หากท่านพ่อตามหาข้าเจอ ข้าต้องกลับไปเข้าพิธีอภิเษกอยู่ดี หรือไม่ก็ตามหาข้าไม่เจออีกเลย”
เพราะเป็นธิดาองค์เดียวของฮ่องเต้แคว้นเป่ยเฟิงการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างของแคว้นนางจึงต้องรับภาระหน้าที่ไป แต่คิดว่าถึงเวลาต้องจากเขาไปไยนางถึงรู้สึกเจ็บปวดนัก
เฟิ่งหวงใช้แขนคว้านหาตัวนางมากอดแต่ก็ต้องพบแค่ความว่างเปล่าทำให้เขาต้องดีดตัวขึ้นมาและมองไปรอบๆ ไม่มีนางอยู่แล้วความร้อนรนจึงรีบออกตามหานาง
“เหม่ยเหม่ย เจ้าอยู่ไหน” ชายหนุ่มเดินออกมาหน้าปากถ้ำก็เจอเข้ากับนางที่นั่งอยู่บนโขดหินใบหน้งอันแสนงดงามเหม่อลอยราวกับมีเรื่องให้ครุ่นคิด
“เหม่ยเหม่ย!”
“เจ้ามาตั้งอต่เมื่อไร ข้าตกใจหมด”
“ข้าเรียกเจ้าหลายครั้งแล้วเจ้ามีเรื่องอันใดให้คิดหนัก หากเป็นเรื่องเมื่อคืนข้ายินดีรับผิดชอบเจ้า” เฟิ่งหวงเกรงว่านางจะคิดมากเรื่องที่ผ่านมา
“ข้าแค่อยากจำเรื่องราวของตัวเองได้”
นางเลือกที่จะพูดปดหากวันนั้นมาถึงต่อให้เฟิ่งหวงเกลียดนาง นางก็พอจะเข้าใจชีวิตของนางไม่มีทางเลือกมากนัก
“หากเจ้าจำได้เจ้าจะไปจากข้าหรือ ข้าไม่ยอม” ชายหนุ่มเดินเข้ามากอดนางไว้แน่นต่อให้พลิกแผ่นดินหานางเขาก็จะทำและจะไม่มีอะไรพรากนางไปจากเขาได้
“ข้าจะไปจากเจ้าได้อย่างไร เรากลับกันเถอะข้าเริ่มหิวแล้ว”
“เจ้าขึ้นหลังข้ามา” เฟิ่งหวงแบกนางขึ้นหลังและเดินลงจากเขากว่าจะถึงหมูบ้านก็เกือบถึงยามเฉินเฟิ่งหวงมาส่งนางที่กระโจมก่อนที่จะกลับกระโจมของตัวเอง
“มาได้เสียทีเจ้าลูกคนนี้”
“ท่านแม่รอข้าหรือขอรับ”
“เจ้าหายไปทั้งคืนทำให้แม่เป็นห่วง”
“ฝนตกหนักข้าเลยกลับไม่ได้ขอรับ” เฟิ่งหวงจึงทำท่าทีว่าง่วงนอนและเดินไปล้มตัวลงบนเตียง
“หากเจ้าไปทำอะไรที่ไม่ดีไม่งามมาแม่จะลงหวายที่หลังของเจ้า” เจ๋อหรานส่ายหน้านับวันลูกชายยิ่งเหมือนพ่อเข้าไปใหญ่ นางเดินกลับที่กระโจมและหยิบสร้อยของไป๋หลานขึ้นมา
“หรือเจ้าไม่ใช่คนธรรมดา” สร้อยที่สลักเพชรพลอยไว้อย่างสวยงามและลวดลายที่ปราณีตอาจเป็นของประจำตระกูลเจ๋อหรานจึงจะส่งคืนเจ้าของ
“ข้าเอาของมาคืน”
“ของอะไรหรือเจ้าคะ” ไป๋หลานมองไปที่สร้อยเส้นนั้นซึ่งเป็นสร้อยประจำตระกูลของนาง ทีแรกนางคิดว่าหายไปแล้วแต่โชคยังดีที่อยู่กับเจ๋อหราน
“นี่เป็นสร้อยอะไรไยถึงสวยงามนัก”
“ข้า ข้าจำยังไม่ได้เจ้าค่ะ” ไป๋หลานโกหกออกไปไม่รู้ว่าจะโกหกทุกคนได้นานแค่ไหน
“เจ้าคิดอะไรกับลูกชายของข้า”
“ข้า ข้า เอ่อ...” นางถึงกับพูดไม่ออกตอนนี้กำลังสับสนนางต้องเข้าพิธีอภิเษกแต่ก็ยังปล่อยตัวให้กับเฟิ่งหวง
“หวงเอ๋อร์โตมากับข้าแค่สองคน พ่อของเขาใจร้ายกับข้ามาก ข้าไม่อยากเห็นลูกต้องเจ็บปวดเพราะความรักเช่นเดียวกับข้า” สิ่งที่นางจะทำได้ก็คงได้แต่เตือนลูกชายเพราะไม่สามารถไปบังคับจิตใจของลูกได้
“ข้าชอบเฟิ่งหวง” ไป๋หลานพูดออกไปไม่ใช่เพราะกลัวว่าเจ๋อหรานจะต่อว่าแต่เพราะหัวใจของนางสั่งให้พูดแบบนั้น เฟิ่งหวงคือรักแรกและจะเป็นรักเดียวของนาง
“ชายหญิงอยู่ใกล้กันมากไม่ดี เมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับบ้าน ลูกข้าคงอยู่ไม่ได้เจ้าควรอยู่ให้ห่างจากหวงเอ๋อร์”
เจ๋อหรานกลัวว่านางผู้นี้จะทำให้ลูกของนางเจ็บปวดเช่นเดียวกับที่นางเคยโดน
“สงสารข้าเสียเถิดข้ามีลูกคนเดียว”
“เจ้าค่ะ เมื่อถึงเวลาข้าจะกลับบ้าน” ไป๋หลานก้มหน้าและรับปากเจ๋อหราน
“ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด” เจ๋อหรานอยากให้นางกลับบ้านกลัวว่าลูกชายจะถลำลึกไปมากกว่านี้ นางผู้นี้ต้องเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์
“เจ้าเอายานี้ไปกิน”
“ยาอะไรหรือเจ้าค่ะ”
“ยาคุมกำเนิด” ไป๋หลานมองไปที่ถ้วยยาและยกขึ้นดื่มจนหมดหากมีลูกเกิดมาอีกเกรงว่าทุกอย่างจะยุ่งยากไปมากกว่านี้ นางได้แต่โทษโชคชะตาหากเลือกได้นางขอเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่ต้องมียศบรรดาสูงศักดิ์ที่แม้แต่ชีวิตตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้เลือก
“ข้าขอโทษ”
นางได้แต่ขอโทษชาย
อันเป็นที่รักไม่รู้ว่าจะได้อยู่ใกล้กับเฟิ่งหวงได้อีกนานแค่ไหน
สองวันมาแล้วที่ไป๋หลานหลบหน้าหลบตาเฟิ่งหวงจริงอย่างที่แม่ของเขาบอก สักวันนางต้องกลับบ้านเมืองของนางไม่สร้างความผูกพันกันไปมากกว่านี้ “เจ้าหลบหน้าข้าหรือเหม่ยเหม่ย”เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้นางเพราะสองวันที่ผ่านมานางไม่ยอมมาเจอหน้าเขาเลย จนทำให้เขาร้อนใจว่าเขาทำอะไรผิดไป “ข้าไม่ได้หลบหน้าเสียหน่อย” “เจ้าโกหกข้า” เมื่อนางพยายามหลบตาเฟิ่งหวงจึงรู้เพราะนางโกหกไม่เป็นยามที่นางโกหกมักจะสายตาไม่กล้าสู้หน้า “ปล่อยข้าเฟิ่งหวง” นางจะเดินหนีแต่ถูกมือหนาของเขารั้งไว้ไม่ยอมให้ไปไหน “ข้าไม่ให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น” “อื้อ!” ปากหนาครอบครองนางไว้มือหนารั้งท้ายทอยไว้เพื่อไม่ให้นางดิ้นไปไหน เฟิ่งหวงร้อนใจกลัวว่านางจะเป็นอะไรพยายามมาดักรอ “ปล่อยข้า” “หวงเอ๋อร์”เจ๋อหรานเข้ามาขัดทำให้ไป๋หลานขอตัวออกไปเพื่อให้แม่ลูกได้คุยกัน เจ๋อหรานส่ายหน้านางคงห้ามผิดคนคนที่จะต้องห้ามควรจะเป็นลูกชายนางมากกว่า “ลูกทำเยื้องนี้กับนางไม่ได้เจ้าทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน” “นั้นท่านแม่ก็ให้ข้าแต่งงานกับนางสิ” เฟิ่งห
วันฉูชี (วันส่งท้ายปี) ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือน 12 เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า และร่วมรับประทานอาหารกันตั้งแต่เย็น ร่ำสุราไปจนถึงเช้า เป็นค่ำคืนที่สนุกสนาน “พี่สะใภ้ใหญ่สวยราวกับเทพธิดา” อาเจิงถึงกับตาค้างที่เห็นไป๋หลานสวมชุดสีชมพูสะอาดหน้าใบที่แต่งแต้มจนสวยงาม “ขอบใจเจ้ามาก” ไป๋หลานเตรียมตัวที่จะไปเฉลิมฉลองวันฉูชีวันนี้จะมีเหล่าชนเผ่าออกมาร่ำสุรากันอย่างมากมายทั้งหมูบ้านประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากสีสันมองไปทางไหนก็ทำให้ผ่อนคลายไม่น้อย “ท่านน้าเจ้าคะ” ไป๋หลานเดินเข้ามาหาเจ๋อหรานในกระโจมแต่เห็นนางนั่งมองสร้อยเส้นหนึ่งที่อยู่ในมือแม้จะเรียกเสียงแค่ไหนนางก็ไม่ตอบสนอง “ท่านน้า!” “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไร” เจ๋อหรานรีบเก็บสร้อยเส้นนั้นลงไปไว้ที่กล่องเก่าๆ แต่ก็ไม่พ้นสายตาของไป๋หลานสร้อยที่ประดับด้วยเพชรพลอยคงจะเป็นของราชวงศ์ชั้นสูง “สร้อยเส้นนั้น...” “เจ้ารู้หรือว่าคืออะไร” เจ๋อหรานไม่แปลกใจเท่าไรเวลานี้นางยอมที่จะให้ทั้งสองแต่งงานกันตามความต้องการของเฟิ่งหวงเพราะนางไม่อยากเห็นลูกต้องเสียใจ “เจ้
“เจ้าว่าอะไรนะ โง่” ซินอี้ถึงกับกรีดร้องออกมานางจ้างวานให้เฟยอินเอายาปลุกกำหนัดไปใส่ในเหล้าในเฟิ่งหวงดื่มและจะออกอุบายให้มาหานางแต่ผิดคาด “ข้าก็เอาไปให้แล้วแต่แม่นางเหม่ยเหม่ยเป็นคนกินเข้าไป เจ้าอย่าลืมค่าจ้างข้า” เขาถือว่าทำงานลุล่วงเพราะแค่น้ำยาไปใส่ให้เหล้าใครจะดื่มหรือไม่ดื่มไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา “ทำงานไม่สำเร็จยังจะมาเอาเงินอีกหรือ” “เจ้าแค่สั่งให้ข้าเอายาไปใส่ในเหล้าไม่ได้บอกว่าให้ใครดื่ม เอาเงินมาไม่งั้นข้าจะบอกให้ทุกคนรู้” เฟยอินขู่เข็ญนางเพื่อที่จะได้เงินค่าจ้าง “เอาไปและปิดปากให้เงียบ” ซินอี้ให้เงินเฟยอินไปมากโขแลกกับที่ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรนางก็แพ้ไป๋หลานไปทุกอย่าง “ข้าต้องหาความลับของเจ้าให้ได้” ซินอี้คิดอะไรออกบางอย่างพรุ่งนี้เช้าจะรีบเข้าไปในเมือง ไม่นานนางต้องกระเด็นออกไปจากชนเผ่าเฟิงอวิ่น ทางด้านไป๋หลานตอนนี้กำลังร้อนรุ่มราวกับไฟที่กำลังแผดเผาร่างกายของนาง นางกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวโดยไม่สนอะไร “เจ้าอย่าใจร้อนสิ” “ข้าไม่ไหวแล้ว อืมมม” ไป๋หลานครางออกมาอย่
วันแต่งงานก็เดินทางมาถึงเฟิ่งหวงอยู่ในชุดชนเผ่าสีแดงสวยอร่ามสมกับเป็นว่าที่ผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่นใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบ่งบอกว่าวันนี้กำลังมีความสุขมากเพียงใด “เจ้าดูดีสมกับเป็นว่าที่ผู้นำของชนเผ่า” “ขอบใจท่านแม่มากที่ให้ข้าแต่งงานกับเหม่ยเหม่ย” เจ๋อหรานหน้าถอดสีลงเล็กน้อยแต่พยายามที่จะเก็บความลับของไป๋หลานไว้ แค่ลูกของนางมีความสุขคนเป็นแม่ก็มีความสุขไปด้วย ไป๋หลานอยู่ในชุดเจ้าสาวที่แดงสวยงามเป็นผ้าไหมที่ปักเย็บอย่างประณีตประดับด้วยลวดลายต่างๆ อย่างสวยงามใบหน้าแต่งแต้มสีสันสวยงามและทายาทลงไปเพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งฝาดแดงระเรื่อ “แม่นางสวยงามราวกับเทพธิดา” อี้หรานชมนางจากใจเพราะไม่เคยเห็นหญิงคนไหนงดงามเหมือนกับไป๋หลานเพียงแค่นางมองนางก็มั่นใจว่านางไม่ใช่คนธรรมดาหรือชาวบ้านทั่วไป “ขอบใจท่านน้ามากเจ้าค่ะ” “แม่นางอย่าถือโทษโกรธอี้เอ่อร์เลยนะ ข้าตามใจนางจนนางเสียคนตั้งแต่พ่อของนางตายข้าก็เลี้ยงดูนางมาคนเดียวตลอด” “ท่านน้าไม่ผิดอะไรเลยเจ้าค่ะ” นางก็เสียเสด็จแม่ไปตั้งวัยเยาว์เหลือแค่เสด็จพ่อ “ใก
ทางด้านซินอี้กำลังตรอมใจเมื่อคนที่รักได้แต่งงานกับหญิงอื่นไปนางกำลังวางแผนกำจัดไป๋หลานให้ออกไปจากชีวิตของเฟิ่งหวงตลอดกาล “นางต้องหายไปตลอดกาล” “อี้เอ๋อร์มากินข้าวเถอะลูก” อี้หรานยกกับข้าวมาให้ลูกสาวที่หมกตัวอยู่แต่ในกระโจมนางเห็นใจลูกสาวที่รักเฟิ่งหวงมาเนิ่นนานแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางไม่โทษใคร “ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ” “มากินข้าวแล้วออกไปเดินเล่นบ้างเถิด” “ข้าจะลุกไปกินเจ้าค่ะ” ซินอี้ลุกมากินข้าวกินปลาแต่ภายในใจกำลังเศร้าหมองคิดถึงคำนึงหาแต่เฟิ่งหวง และคิดหาหนทางกำจัดมารหัวใจตลอดเวลา ซินอี้เดินมาที่แม่น้ำที่ชาวบ้านใช้เป็นประจำแต่สายตาก็หันไปเจอเข้ากับไป๋หลานที่นั่งอยู่ริมฝั่งคนเดียวจึงมีแผนร้ายขึ้นมาเมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเฟิ่งหวง “มานั่งเศร้าเพิ่งเข้าห้องสามีไม่สนใจหรือไง” “เจ้าอย่ามากวนอารมณ์โมโหข้า” นางกำลังคิดถึงเสด็จพ่อไม่รู้ป่านนี้จะได้เบาะแสนางหรือยัง “ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ที่นี้ไม่ได้” ซินอี้จ้องมองนางอย่างโกรธแค้น นางก็สวยไม่แพ้ไป๋หลานใยเฟิ่งหวงถึงไม่มองนางบ้าง นางไม่ยอมแพ้เด็ดขาด “เจ้าก็ควรจะทำ
ยามเหม่าเฟิ่งงหวงจึงพาไป๋หลานออกเดินทางสู่เมืองใหญ่ยานพาหนะคือม้าที่เฟิ่งหวงเป็นคนควบม้า ตลอดทางข้างทางท้องฟ้ายังมืดสนิทไม่นานพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นขึ้นมาส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ “สวยจัง” เขาพานางมาหยุดรออยู่ที่หน้าผาสูงชันไป๋หลานมองไปที่พระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วบริเวณและหมอกเมฆที่ปกคลุมไปทั้งบริเวณ “เอาไว้พี่จะพาน้องหญิงมาอีก” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ไป๋หลานใช้ผ้าปกคลุมใบหน้าเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็นใบหน้าของนาง บางทีคนร้ายอาจจะยังตามล่าหาตัวนางอยู่ ไป๋หลานอ้างว่านางแพ้อากาศอาจจะทำให้ไม่สบายได้จึงขอใช้ผ้าปิดบังใบหน้าอันแสนงดงามไว้ ซึ่งเฟิ่งหวงก็ไม่ได้ขัดอะไรคืนนี้เฟิ่งหวงจึงชวนนางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน “รอตอนเย็นพี่จะพาน้องหญิงออกไปเดินเล่น พักผ่อนเสียเถิด” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นว่านางหลับไปแล้วจึงออกมาเดินสำรวจโรงเตี๊ยมแห่งนี้และเห็นเหล่าทหารมากมายเหมือนกำลังออกตามหาอะไรสักอย่าง “เถ้าแก่คนพวกนั้นกำลังหาอะไรหรือ” “เมื่อหลายเดือนก่อนมีองค์หญิงจากแคว้นเป่ยเฟิงถูกดักทำร้ายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย น่าเสียดายยั
“ส่งม้าเร็วนำข้อความนี้ไปให้ท่านพ่ออีก 2 วันข้าจะไปรับตัวน้องสาวของข้ากลับและจะทูลขอยกเลิกราชโองการ” หลีเหว่ยคงไม่สามารถให้น้องสาวแต่งงานได้เพราะคนร้ายยังคงเก็บตัวเขาเชื่อว่าอีกไม่นานคนร้ายต้องเผยตัว “เจ้าสงสัยใครมากที่สุดมู่เฉิน” “กระหม่อมคิดว่าคงจะเป็นคนในวังหลวงที่ไม่อยากให้การเชื่อมความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ทรงทูลไปตามความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง “มีแต่คนเดียวเท่านั้น! เจ้าแอบส่งคนแกะรอยตามคนพวกนั้นและยื่นข้อเสนอที่พอจะให้พวกมันพูดได้” หลีเหว่ยแอบเตรียมกำลังทหารที่จะเข้าไปรับตัวน้องสาวในอีกสองวันข้างหน้า ส่วนคนร้ายตอนนี้เขากำลังหาหลักฐาน “องค์หญิงไป๋หลานต้องปลอดภัยกลับมาข้าไม่มีวันให้นางเข้าพิธีอภิเษกตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฝั่งด้านคนที่กำลังโดนพูดถึงเมื่อทหารเข้ามารายงานว่าตอนนี้องค์หญิงไป๋หลานยังคงมีชวิตอยู่ถึงกับร้องโวยวายออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง “พวกโง่!” “ข้าวางแผนมาตั้งนานทำไมนางถึงยังไม่ตาย” หวางหลานซวนโมโหถึงขั้นสุดหากท่านลุงรู้เข้าเขาคงโดนเนรเทศเพราะฉะนั้นพิธีแ
“คงจะเป็นที่นี้พ่ะย่ะค่ะ” เช้าตรู่ของเช้าวันใหม่หลีเหว่ยออกเดินทางมาถึงยังชนเผ่าเฟิงอวิ่นกลิ่นอายของธรรมชาติทำให้ที่หมูบ้านแห่งนี้ดูน่ามองไปหมด เขาลงจากม้าทันที “ข้าอ๋องจางหลีเหว่ยนำกำลังทหารมาตามหาองค์หญิงมิได้มีเจตนามาทำร้ายใคร” “ข้าหลี่เจี้ยนกั๋วผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่น” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินออกมาและแปลกใจว่าท่านอ๋องมาตามหาผู้ใด “ข้ามาตามหาน้องสาวของข้าองค์หญิงจางไป๋หลาน” เขาเดินมาเผชิญหน้าหลี่เจี้ยนกั๋วเขาต้องรีบพาน้องสาวของเขากลับไปยังวังหลวง “ทูลท่านอ๋องคนที่ท่านตามหาคงไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้” “หากพวกเจ้าโกหกข้าจะฆ่าทิ้ง” เฟิ่งที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาหาท่านลุงแปลกใจที่มีคนแปลกหน้าเข้ามายังชนเผ่าได้เมื่อพิจารณาแล้วคือท่านอ๋องที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่อหลายวันก่อน “เจ้านั้นเอง” หลีเหว่ยแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นคนที่เคยช่วยเหลือเขาไว้ตอนที่เขาถูกรอยทำร้าย “ท่านลุงคนเหล่านั้นมาทำอะไรหรือขอรับ” “ท่านอ๋องมาตามหาน้องสาว” หลี่เจี้ยนกั๋วกำลังสังหรณ์ใจว่าคนที่ท่านอ๋องตามหาคงไม่ใช่คนที่เขากำลังนึกถึง ทั้ง
ชนเผ่าอวิ่น ฮ่องเต้เฟิ่งหวงพาฮองเฮากลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและองค์รัชทายาทตงหยางพร้อมกับองค์หญิงอ้ายเสิน ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก “ซินอี้” “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ” ซินอี้ก้มลงเพื่อทำความเคารพฮองเฮาที่ครั้งหนึ่งนางเคยคิดจะกำจัด “ตอนนี้อยู่นอกวังเจ้าไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เจ้าสบายดีหรือไม่” ไป๋หลานไม่คิดโกรธเคืองนางเลยสักนิดเวลาผ่านไปคนเราก็สามารถเปลี่ยนกันได้ “หม่อมฉันสบายดีเจ้าค่ะ” “ไทเฮาบอกว่าเจ้ากำลังจะมีลูกน้อย” “เพคะหม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์” ซินอี้แต่งงานกับคุณชายแซ่เหลียงและได้ออกไปเปิดโรงน้ำชาด้วยกันจนมีพยานรักที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของนาง “ข้ายินดีกับเจ้าด้วยอดีตผ่านไปแล้วเจ้าก็ได้บทเรียนแล้ว เราแค่ลืมและเดินหน้าต่อไป” “หม่อมฉันขออภัยในครั้งนั้นด้วยเพค่ะ” “ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก” ไป๋หลานไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแคว้นในวันนี้นางคิดได้แล้ว ก็ต่างคนต่างมีชีวิตและเดินตามเส้นทางของตัวเอง “หม่อมฉันขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ” ไป๋หลานเดินกลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เฟิ่งหวงที่นั่งดูลูกๆ วิ่ง
วันเวลาผ่านไปจนครบเก้าเดือนองค์หญิงไป๋หลานได้ให้กำเนิดลูกฝาแฝดโอรสและธิดาสร้างความปีติยินดีให้กับทุกคนโดยเฉพาะเฟิ่งหวงที่เฝ้ารอพระชายาอยู่หน้าตำหนักไม่ยอมไปไหน “หวงเอ๋อร์พระชายาของลูกแค่หลับเพราะเหนื่อยอย่ากังวลไปนักเลย” “ลูกเป็นห่วงนาง” เฟิ่งหวงนั่งไม่อยู่กับที่เขาเดินไปเดินมาเพื่อรอว่าเมื่อไรนางจะฟื้นขึ้นมา ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของนางใจเขาแทบขาด “หวงเอ่อร์ลูกจะให้โอรสและธิดาชื่อว่าอะไร” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้ลูกทั้งสองและมองหน้ากันสลับไปมาลูกของเขาทั้งสองเกิดจากความรักของพ่อและแม่ “โอรสให้ชื่อตงหยาง ธิดาให้ชื่ออ้ายเสิน” “ดีๆ พ่อชอบชื่อนี้” ฝ่าบาททรงตามใจลูกในการตั้งชื่ออีกไม่นานเฟิ่งหวงจะต้องขึ้นครองบัลลังก์แทนฮ่องเต้ ไป๋หลานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดสิ่งแรกที่นางนึกถึงคือลูกทั้งสองนางได้ยินเสียงร้องก่อนที่นางจะหมดสติไป ไป๋หลานพยายามที่จะขยับตัว “พระชายาอย่าเพิ่งลุกเพค่ะ” “น้องหญิงเป็นยังไงบ้าง” เฟิ่งหวงรีบเข้ามาดูอาการทันทีเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยเขาก็หายห่วง “ลูกของน้อง...”
“หม่อมฉันจะไปตามหมอมาให้เพคะ” “ไม่ต้องหรอกหวงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร” จากที่นางได้ฟังเรื่องราวมาจากไป๋หลานและองครักษ์จึงพอจะเดาได้ว่าเฟิ่งหวงเป็นอะไรถึงได้ไม่สบายแบบนั้น “น้องหญิงแล้วหวงเอ่อร์ไยถึงไม่สบาย” ฮ่องเต้แปลกใจเฟิ่งหวงเกิดอาการแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่มีอาการดีขึ้น “หวงเอ่อร์แค่แพ้ท้องแทนไป๋หลาน คนท้องมักจะชอบกินของรสเปรี้ยวซึ่งหวงเอ่อร์ไม่ชอบและเกลียดส้มจะตาย” เจ๋อหรานรู้ว่าลูกชายชอบหรือเกลียดอะไร เฟิ่งหวงเป็นแบบนี้ก็เพราะแพ้ท้องแทนพระชายา “เฟิ่งหวงจะทรงหายหรือไม่เพคะ” “ไม่ต้องห่วง” ไป๋หลานจึงอยู่ดูแลเฟิ่งหวงเมื่อคิดถึงคำพูดของเจ๋อหรานนางถึงกับหน้าแดงขึ้นมา เจ๋อหรานบอกว่าบุรุษที่แพ้ท้องแทนแม่ของลูกแสดงว่าเขานั้นรักนางมาก “อย่าดื้อกับเสด็จพ่อนะลูก” ไป๋หลานหันไปพูดกับลูกน้อยตอนนี้สีหน้าของเฟิ่งหวงดูซีดเซียวนางจึงคอยดูแลไม่ห่าง กำหนดการเดินทางกลับแคว้นนางคงจะต้องเลื่อนออกไป “น้องไป๋หลาน” “เสด็จพี่” “พี่จะกลับแคว้นแล้วน้องต้องดูแลตัวเอง” “ไยถึงเร็วแบบนั้นเพค่ะ” ไป๋หลานใจหายที่เสด็จพี่จ
เฟิ่งหวงกำลังจัดการงานต่างๆ ด้วยความยากลำบากเขาทรงงานอย่างหนักเพื่อจะรีบกลับไปหาไป๋หลานที่เขาคิดถึงคะนึงหา ฮ่องเต้ทิ้งให้องค์รัชทายาทต้องเผชิญกับปัญหาและปล่อยให้เขาจัดการกับคนร้าย “องค์รัชทายาทท่านพักผ่อนหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” โม่โฉวเห็นองค์รัชทายาทมุ่งหน้าทำแต่งานที่ประชาชนร้องเรียนมา อีกไม่นานองค์รัชทายาทก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้ “ตอนนี้ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง” “ทุกคนยังคงไว้อาลัยให้องค์ชายหลานซวนพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งงหวงหยักหน้าเขาเห็นใจหวางไห่เถิ่งที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และเรื่องที่หลานซวนก่อขึ้นมาทำให้วงศ์ตระกูลเสียหายโทษต้องกักขังไปยังญาติพี่น้องแต่เฟิ่งหวงก็ไม่ยอมเพราะหวางไห่เถิงไม่มีส่วนรู้เห็น “องค์รัชทายาท! ตามหมอหลวงเร็วเข้า” โม่โฉวหันไปเรียกกงกงเมื่อองค์รัชทายาททรงเป็นลมไป ทำให้ทั้งตำหนักวุ่นวายไปหมดใบหน้าซีดเผือดขององค์รัชทายาทนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง “องค์รัชทายาทน่าจะทรงงานหนักให้พักผ่อนสักหน่อยจะดีขึ้นเองขอรับ” “ท่านให้คนไปส่งหมอหลวง” “พระชายาไม่อยู่นั้นกระหม่อมจะดูแลท่านเอง” โม่
“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเพคะ” ลู่เสียนเกรี้ยวกราดขึ้นมาเมื่อแม่ทัพหลิงหยุนมาบอกข่าวร้าย “องค์รัชทายาททรงส่งเจ้ากลับจวน” “กรี๊ดดดด องค์รัชทายาทจะทำแบบนั้นกับข้าไม่ได้” ลู่เสียนกับมาคิดดูแล้วสิ่งที่องค์รัชทายาททำไปก็แค่ใช้นางเป็นเครื่องมือและส่งองค์หญิงออกไปนอกวัง หลอกให้นางดีใจพอเรื่องราวจบก็ส่งนางกลับจวน “ลูกพ่อองค์รัชทายาทยกเลิกที่จะรับลูกเป็นสนม” หลิงยุนไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเพราะคือคำขาดจากองค์รัชทายาทในอนาคตก็จะขึ้นครองบัลลังก์ “ลูกไม่ดีตรงไหนทำไมองค์รัชทายาทถึงหลงใหลมันนัก” “ลูก! เจ้าระวังคำพูดด้วย” ลู่เสียนโกรธและพร่ำเพ้อออกมานางเห็นใบหน้าขององค์รัชทายาทครั้งแรก ก็ตกหลุมรักหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้และทรงขอร้องท่านพ่อให้เข้าไปกราบทูลฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมขององค์รัชทายาท นางดีใจจนแทบบ้าที่ได้รับข่าวดี แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างเป็นแค่แผนหลอกให้นางไปเสี่ยงตายแต่กับปกป้ององค์หญิงไป๋หลาน “องค์รัชทายาทตรัสไว้ชาตินี้จะไม่รับสนมจะมีแค่พระชายาคนเดียว” “ทำไมนางถึงไม่ตายตั้งแต่ตอนนั้น” ลู่เสียนโกรธแค้นที่สุดท้ายแล้วนาง
ไป๋หลานเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักของเฟิ่งหวงนางกำนัลมาแจ้งข่าวว่าเขากำลังจะรับสนมเข้ามาในตำหนักวันนี้ ถึงแม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากับทำในนางเจ็บปวดไม่น้อย “องค์หญิง” “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรเฟิ่งหวง” ไป๋หลานมองไปที่องค์รัชทายาทด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดที่เห็นเขากำลังนั่งอยู่ใกล้นางสนมคนนั้น “ก็อย่างที่เจ้าเห็นข้าจะรับนางเป็นสนม” เฟิ่งหวงเห็นแววตาที่แสนเจ็บปวดนั้นก็หันใบหน้าหนีเขาใจไม่แข็งพอที่จะเห็นน้ำตาของนาง “หม่อมฉันเลี่ยงซูเพค่ะองค์หญิงไป๋หลาน” “ข้าไม่อยากรู้จักเจ้า! เจ้าตอบข้ามาคำว่ารักที่เจ้าพูดหรือมันแค่หลอกลวง” ไป๋หลานเจ็บปวดเหลือเกินที่เห็นเขาไม่แยแสนางหรือที่เขาทำเพื่อจะแก้แค้นนาง “เจ้าพูดเหมือนไม่เคยหลอกข้า ออกไปข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” “เจ้าต้องการแก้แค้นข้าหรือ” ไป๋หลานปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาเขาจะรักนางแต่ทุกอย่างกับไม่ใช่เขาแค่ต้องการแก้แค้นนาง “หรือหากเจ้ารับไม่ได้เจ้าก็กลับบ้านเมืองเจ้าไปเสียพิธีอภิเษกของเราถือว่ายกเลิก” เฟิ่งหวงพยายามที่จะกลั้นใจพูดออกมาเพื่อให้นางเกลียดเขา
“เฟิ่งหวง อ๊ะ” ไป๋หลานครางออกมาเมื่อเฟิ่งหวงใช้มือกอบกุมเต้าคู่งามไว้และขย้ำหน้าอกของนางอย่างแรงจนนางต้องตีมือเขาไว้ “เจ้าดูมังกรของข้าสิ” เฟิ่งหวงนำมังกรมาถูไถบริเวณแผ่นหลังของนาง “เจ้าคนหื่น” ไป๋หลานได้แต่บนเขาในใจไม่รู้ว่าเฟิ่งหวงอดอยากมาจากไหนถึงได้ตะกละตะกลามกินนางอย่างมูมมามและกินไม่อิ่มเสียที “ไยเจ้าถึงไม่ท้องเสียที มีโอรสหรือธิดาให้ข้า” เฟิ่งหวงขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะมั่นใจว่าเขาสามารถทำให้นางท้องได้แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไป๋หลานจะตั้งท้อง “ขะ ข้า” “หรือเจ้ามีอะไรปิดบังข้า” ไป๋หลานเงียบเพราะนางคุมกำเนิดทุกครั้งยามที่สุขสมตอนนี้นางอยากให้ทุกอย่างสงบสุขก่อน “ข้าคุมกำเนิด” “เจ้าทำย่างนั้นทำไมเจ้าไม่อยากมีลูกกับข้าหรือ” เฟิ่งหวงให้นางหันมาเผชิญหน้ากัน เขาเฝ้ารอที่นางจะตั้งท้องแต่ทุกอย่างก็พังลงแววตาเสียใจทำให้ไป๋หลานหันหน้าหนี “บ้านเมืองของเจ้ายังไม่สงบสุขเจ้าคิดว่าหากคนเหล่านั้นย้อนกลับมาทำร้ายข้าและลูกเจ้าจะทำอย่างไร” ไป๋หลานอยากให้เฟิ่งหวงมีเหตุผลมากกว่าที่เป็นอยู่ “ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ
เวลาต่อมาทั้งแผ่นดินของแคว้นหวางป๋อจึงได้รับรู้ว่าได้มีองค์รัชทายาทองค์ใหม่พร้อมกับอีกไม่นานจะมีพิธีอภิเษกระหว่างองค์รัชทายาทเฟิ่งหวงกับองค์หญิงไป๋หลาน “หวางหลิ่วอิน” หลีเหว่ยเดินเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพร้อมกับมองไปที่ชายชุดดำที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ “ท่านอ๋อง” “หลานซวนทำไมถึงคิดก่อกบฏ” ตอนนี้ท่านอ๋องและฮ่องเต้รู้ความจริงกันหมดแล้วว่าหลานซวนคิดจะก่อกบฏตอนนี้พวกเขายังไม่ทำอะไรปล่อยให้คนร้ายตายใจเสียก่อน “ข้าไม่คิดว่าเสด็จพี่จะทรงคิดกำจัดองค์หญิงและองค์รัชทายาท หากเสด็จพ่อรู้เข้าต้องเสียพระทัยอย่างหนัก” หวางหลิ่วอินไม่อยากให้บิดารับรู้แต่สิ่งที่หลานซวนทำนั้นเรื่องใหญ่นัก “อย่าให้ใครรู้เราแยกกันตรงนี้” “ทูลลาท่านอ๋อง” หลีเหว่ยเดินทางกลับเข้ามาในวังหลวงทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “องค์หญิงอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทเพค่ะ” “เจ้านั้นคิดจะกักขังน้องไป๋หลานไว้หรือไง” หลีเหว่ยพูดออกมาเมื่อเฟิ่งหวงไม่ยอมปล่อยไป๋หลานกลับตำหนัก เฟิ่งหวงอาการดีขึ้นอย่างมากเพราะมีองค์หญิงไป๋หลานคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เพราะเฟิ่งห
เฟิ่งหวงทรงลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากและนึกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเขาถูกยิงด้วยธนูที่ต้นแขนแล้วไป๋หลานนางปลอดภัยหรือไม่ “องค์รัชทายาทฟื้นแล้วเพค่ะ” นางกำนัลรีบมากราบทูลฮ่องเต้ที่ทรงนั่งรออยู่หน้าตำหนักจึงรีบเข้ามาดูองค์รัชทายาท “หวงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงตรวจดูอาการองค์รัชทายาท” “ไป๋หลานทรงปลอดภัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หากนาวงเป็นอะไรไปเขาจะอยู่อย่างไร ราวกับมีเข็มเป็นพันหมื่นเล่มทิ่มแทงหัวใจของเขา “องค์หญิงทรงมิได้เป็นอะไรนางเฝ้าไข้ลูกทั้งคืนเพิ่งกลับไปพักผ่อนลูกวางใจเถิด” มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มองค์รัชทายาทถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่มีผิด “ข้าอยากพบหน้านาง โม่โฉวเจ้าไปตามองค์หญิงมา” เมื่อได้ยินดังนั้นความวิตกเล็กน้อยสลายไปจนสิ้น “พ่ะย่ะค่ะ” “ลูกพักผ่อนเสียเถิดเอาไว้หายดีแล้วค่อยมาพูดคุยกัน” ไป๋หลานเดินทางมายังตำหนักของเฟิ่งหวงอีกครั้งสีหน้านั้นเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ “โอ้ยย ไป๋หลานข้าเจ็บเหลือเกิน” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาจึงแทรกทำเป็นร้องโวยวายออกมาในยามที่หมอหลวงกำลังทำแผล