“เจ้าว่าอะไรนะ โง่” ซินอี้ถึงกับกรีดร้องออกมานางจ้างวานให้เฟยอินเอายาปลุกกำหนัดไปใส่ในเหล้าในเฟิ่งหวงดื่มและจะออกอุบายให้มาหานางแต่ผิดคาด
“ข้าก็เอาไปให้แล้วแต่แม่นางเหม่ยเหม่ยเป็นคนกินเข้าไป เจ้าอย่าลืมค่าจ้างข้า”
เขาถือว่าทำงานลุล่วงเพราะแค่น้ำยาไปใส่ให้เหล้าใครจะดื่มหรือไม่ดื่มไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา
“ทำงานไม่สำเร็จยังจะมาเอาเงินอีกหรือ”
“เจ้าแค่สั่งให้ข้าเอายาไปใส่ในเหล้าไม่ได้บอกว่าให้ใครดื่ม เอาเงินมาไม่งั้นข้าจะบอกให้ทุกคนรู้” เฟยอินขู่เข็ญนางเพื่อที่จะได้เงินค่าจ้าง
“เอาไปและปิดปากให้เงียบ” ซินอี้ให้เงินเฟยอินไปมากโขแลกกับที่ไม่ต้องพูดเรื่องนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรนางก็แพ้ไป๋หลานไปทุกอย่าง
“ข้าต้องหาความลับของเจ้าให้ได้” ซินอี้คิดอะไรออกบางอย่างพรุ่งนี้เช้าจะรีบเข้าไปในเมือง ไม่นานนางต้องกระเด็นออกไปจากชนเผ่าเฟิงอวิ่น
ทางด้านไป๋หลานตอนนี้กำลังร้อนรุ่มราวกับไฟที่กำลังแผดเผาร่างกายของนาง นางกระชากเสื้อผ้าออกจากตัวโดยไม่สนอะไร
“เจ้าอย่าใจร้อนสิ”
“ข้าไม่ไหวแล้ว อืมมม” ไป๋หลานครางออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อชายหนุ่มดูดเลียยอดปทุมถันราวกับเป็นอาหารรสโปรดนางแอ่นอกรับสัมผัสของเขาอย่างไม่นึกอาย
“เจ้าชอบแบบนี้ไหม”
“ขะ ข้าชอบเจ้าอย่าหยุด” ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาจนถึงสะดือใช้ลิ้นเลียวนรอบสะดือสร้างความเสียวซ่านให้กับนางไม่น้อย เพราะนางบิดตัวอย่างทรมานและครางออกมาไม่หยุดยามที่ลิ้นหนาสัมผัสกับร่างกาย
เฟิ่งหวงจับเรียวขอของนางแยกออกจากกันจนได้องศาที่ต้องการมองไปยังผิวเนื้อสีสวยที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมาเหมือนเชิญชวนให้เขาได้ลิ้มลอง เฟิ่งหวงไม่รอช้าที่จะจัดการกับน้ำหวานตรงหน้า
“เจ้าสวยที่สุดยอดรักของข้า” เขาใช้ลิ้นสัมผัสกับกลีบดอกไม้จนนางสะดุ้งตัวลิ้นหนาลากไล้ไปทั่วบริเวณและดูดเลียติ่งเสียว
“อื้อออ เฟิ่งหวงข้าไม่ไหวแล้ว อ่าส์” นางปลดปล่อยความต้องการออกมาแต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยนางให้เป็นอิสระยังคงปาดเลียน้ำหวานจนสะอาด
“ข้าอยากให้เจ้าทำให้ข้าบ้าง”
“ทะ ทำแบบไหน” ไป๋หลานลืมตาขึ้นมาสบตากับเขาเฟิ่งหวงทิ้งตัวลงนอนข้างไป๋หลานและจับพลิกตัวนางให้ขึ้นคร่อมเขาไม่ลืมสั่งให้นางถอดชุดออกให้
“ข้าต้องทำอย่างไร”
“ดูดเลียมัน มันเป็นของเจ้าจัดการมันได้เลย” เฟิ่งหวงกำลังทรมานแท่งหยกแข็งขืนยิ่งนางจับเขายิ่งครางออกมาอย่างถูกใจ
“อ่าส์...” ยามที่ปากบางครอบครองส่วนหัวเขายิ่งครางออกมาและมองการกระทำของนางอย่างถูกใจเต้างามโชว์เด่นต่อหน้าทั้งขาวทั้งอวบแต่เขาละสายตาไม่ได้มือบางลูบศีรษะของนางอย่างเอ็นดู
“อย่างนั้นไม่ต้องรีบ ซี๊ด!” เฟิ่งหวงครางไม่หยุดตอนนี้ทั้งปากของนางกำลังครอบครองแท่งหยกของเขายิ่งนางรีบเร่งเขายิ่งทนไม่ไหวกระแทกแท่งหยกใส่ปากของนางจนน้ำกามแตกออกมาใส่ปากนาง
“เจ้าคายออกมา”
แต่ไป๋หลานกับกลืนน้ำลงท้องเสียหมดและจ้องหน้าเฟิ่งหวงอย่างไร้เดียงสา เฟิ่งหวงจับนางให้นอนบนเตียงคืนนี้คงไม่ได้หลับได้นอนเสียแล้ว
“เจ้าเบาๆ เขาเจ็บ อร้ายยย”
เฟิ่งหวงดันแท่งหยกเข้ามาจนสุดทางในครั้งเดียวร่องสวาทตอดรัดเขาแน่นและสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายของนางทำให้ไป๋หลานน้ำตาซึมออกมาเหมือนครั้งแรก
“อย่าร้องข้าจะอ่อนโยนกับเจ้า” เฟิ่งหวงเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือเมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับตัวได้เขาจึงไม่รอช้าที่จะอัดสะโพกหนาเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง
“เฟิ่งหวง อ่าส์ ข้ารักเจ้า” ไป๋หลานบอกรักเฟิ่งหวงนี่ไม่ใช่บอกรักเพื่อให้ชายหนุ่มรู้สึกดีแต่เพราะส่วนลึกในหัวใจสั่งให้นางพูดออกไป
“เมียรักของข้า อ่าส์” เฟิ่งหวงกอดร่างบางไว้แน่นกลัวว่าจะหายไปนางคือรักแรกของเขาและเขาจะไม่ปันใจไปรักใครเด็ดขาดชีวิตนี้ขอมีแค่นางเพียงคนเดียว
พรึบ!
“เจ้าจะทำอะไร”
“เจ้าทำให้ข้าเหมือนตอนที่ควบม้า” นางเคยควบม้าเสียที่ไหนไป๋หลานมองไปยังจุดเชื่อมกันอย่างเขินอาย เฟิ่งหวงเริ่มจับสะโพกของนางให้โยกตามจังหวะของเขา
“อ่าส์ อย่างนั้น”
“อื้ออออ”
“เจ้าเก่งที่สุด”
“อื้อ ข้ารู้สึกทรมาน”
แท่งหยกที่เข้าไปจนลึกทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเริ่มชินจึงเริ่มขยับสะโพกราวกับกำลังควบม้าอย่างที่เฟิ่งหวงบอก แต่ตอนนี้นางกำลังปลดปล่อยสายธารออกมาตัวนางราวกับร่องลอยอยู่ในอากาศ
“อร้ายย” ไป๋หลานซบหน้าเข้าไปที่ซอกคอของชายหนุ่มโดยที่ร่องสวาทยังคงเชื่อมกันอยู่ ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ่งชายหนุ่มพลิกให้นางนอนลงเช่นเดิม
“ข้าทรมาน อ่าส์” เมื่อทนความต้องการไม่ไหวเฟิ่งหวงจึงปลดปล่อยน้ำกามเข้าไปในตัวของนางจนหมดเมื่อถอนแท่งหยกออกน้ำกามก็ไหลย้อนออกมาจนล้นออกมาเลาะไปหมด
“ข้าเหนื่อยแล้ว”
“แต่ข้ายังอยากอีก เจ้าเหนื่อยก็นอนไปเสียเถิด”
เฟิ่งราวกับเป็นที่ถูกวางยาเสียเองเพราะรอบเดียวสำหรับเขาไม่มีทางที่จะอิ่มชายหนุ่มอาศัยจังหวะที่นางเผลอดันแท่งหยกเข้ามาอีกครั้งซึ่งครั้งนี้สามารถเอาเข้ามาง่ายดายเพราะยังมีสายธารหล่อลื่น
“เฟิ่งหวงเจ้าคนบ้า อื้อ อืม” ไป๋หลานทุบเข้าไปที่หน้าอกของเขาหนึ่งครั้ง เฟิ่งหวงทำราวกับถูกใจยามที่นางครางออกมาเขายิ่งกระแทกเข้าไปจนสุด
“เจ้านอนคว่ำลงไป”
ไป๋หลานทำตามที่เฟิ่งหวงบอกอย่างว่าง่ายชายหนุ่มจูบแผ่นหลังที่ขาวเนียนราวกับคนต้องมนต์เสน่ห์ และดันแท่งหยกเข้าทางด้านหลังและออกแรงขยับตัว เขาปลดปล่อยแล้วปลดปล่อยเล่าก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดจนนางหลับไปเฟิ่งหวงจึงปลดปล่อยออกมาครั้งสุดท้าย
จนเวลาล่วงเลยมาถึงยามยามโฉ่วเฟิ่งหวงจึงได้พักผ่อนโดยไม่ลืมที่จะเช็ดตัวทำความสะอาดให้นาง และสวมเสื้อผ้าให้เพราะเกรงว่ายามเช้าจะมีคนเข้ามา
“ข้ารักเจ้าเหม่ยเหม่ยขอแค่เจ้าไม่มีอะไรปิดบังข้าก็พอข้าเกลียดคนโกหก” เขาคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แน่นยิ่งดึกอากาศยิ่งหนาวเหน็บกลิ่นหอมจากตัวของไป๋หลานทำให้เขาผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ยามเฉินเจ๋อหรานเข้ามาคุยกับพี่ชายหลี่เจี้ยนกั๋วเพื่อพูดคุยงานแต่งงานของลูกชายแม้ในใจจะไม่คัดค้านแต่เป็นความสุขของนางต้องยอมเฟิ่งหวงโตมากแล้วนางเลี้ยงได้แค่ตัวแต่หัวใจนางไม่สามารถบังคับได้
“ข้าทำถูกแล้วใช่หรือไม่ท่านพี่”
“ทุกคนหลีกหนีโชควาสนาไม่พ้นเจ้าอย่ากังวลไปเลยอีกเจ็ดวันข้างหน้าเจ้าบอกให้เฟิ่งหวงเตรียมตัวให้ดีก็พอ” หลี่เจี้ยนกั๋วได้วันและเวลาที่จะจัดงานแต่งงานไหว้ฟ้าดินให้หลานชาย
“แคว้นหวางป๋อไม่มีทายาทสืบบัลลังก์เจ้าคิดว่าในอนาคตพอเปลี่ยนฮ่องเต้บ้านเมืองจะเป็นเช่นไร”
“ท่านพี่ถามข้าทำไมข้าไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น” เจ๋อหรานไม่อยากรับรู้เรื่องการเมืองรวมถึงเรื่องฮ่องเต้คนปัจจุบันหากใครจะขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ก็ไม่เกี่ยวกับนาง
“ข้าแค่อยากเตือนสติของเจ้า”
“ข้าคิดดีแล้วดีเจ้าค่ะ” เจ๋อหรานจึงเดินออกมาจากกระโจมของหลี่เจี้ยนกั๋วนางไม่ได้ใจร้ายหรือเห็นแก่ตัวแต่นางรักลูกมากกว่าสิ่งใด
“ท่านแม่ว่าอย่างไรเจ้าค่ะ”
“หวงเอ๋อร์จะเข้าพิธีแต่งงานในอีก 7 วันข้างหน้า” อี้หรานมองหน้าลูกสาวตั้งแต่เสียพ่อของลูกไปนางก็เลี้ยงลูกสาวคนเดียวมาตลอดเป็นนางเอกที่ตามใจลูกมากเกินไปจนลูกเอาแต่ใจและไม่ยอมฟังใคร
“ไยท่านพี่เฟิ่งหวงถึงอยากแต่งงานกับนาง” ซินอี้ร้องไห้ออกมาคนที่นางรักกำลังจะแต่งงานกับหญิงอื่น เฟิ่งหวงใจร้ายเกินไป
“ลูกคนเราเก่งอะไรก็แข่งได้แต่แข่งบุญวาสนาไม่ได้ลูกปล่อยวางเสียเถิด”
“ข้ารักของข้ามาตั้งนาน ฮึก” ซินอี้นั่งลงที่พื้นและร้องไห้ออกมา นางต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้ทั้งสองได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
ซินอี้เดินทางเข้ามาในเมืองใหญ่ชนเผ่าอวิ่นจะเดินทางเข้าเมืองมาทุกวันเพื่อขายเนื้อสัตว์และผักปลาเป็นประจำนางเดินเข้าไปที่ร้านขายภาพวาดร้านหนึ่ง
“ใช่แบบนี้หรือเปล่าแม่นาง”
จิตรกรหนุ่มยื่นรูปที่ซินอี้ให้วาดขึ้นมาและยื่นให้นางดู ซินอี้ยิ้มอย่างพอใจที่ภาพวาดเหมือนกับคนจริงๆ และยิ้มร้ายออกมาเมื่อจ่ายเงินเสร็จจึงเดินออกมา
“พวกเจ้าดูอะไรกัน” เมื่อเห็นว่ามีคนมุ่งดูจึงเดินเข้าไปใกล้เห็นประกาศจากทางวังหลวงซึ่งในนั้นระบุตามหาองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยเฟิง
“องค์หญิงจางไป๋หลาน” นางกำลังจะมองไปที่รูปวาดแต่ก็ถูกใครคนหนึ่งชนเข้าจึงเดินออกมาเพราะผู้คนต่างมามุ่งดู ซินอี้เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วจึงเตรียมตัวจะกลับชนเผ่า
“แม่น้ำสายนี้ผ่านที่หมู่บ้านไหนบ้าง”
“ชาวบ้านบอกว่ามีชนเผ่าแห่งหนึ่งอาศัยอยู่แต่หาทางเข้ายากพ่ะย่ะค่ะ”
“ใครบอกทางเข้าของเผ่าเฟิงอวิ่นได้ข้ามีรางวัลให้อย่างงาม” ซินอี้ได้ยินอย่างนั้นจึงรีบเดินทางกลับเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเหล่าทหารพากันตามหาชนเผ่าของนางทำไมกันหรือจะมีภัยร้ายเกิดขึ้น
วันแต่งงานก็เดินทางมาถึงเฟิ่งหวงอยู่ในชุดชนเผ่าสีแดงสวยอร่ามสมกับเป็นว่าที่ผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่นใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบ่งบอกว่าวันนี้กำลังมีความสุขมากเพียงใด “เจ้าดูดีสมกับเป็นว่าที่ผู้นำของชนเผ่า” “ขอบใจท่านแม่มากที่ให้ข้าแต่งงานกับเหม่ยเหม่ย” เจ๋อหรานหน้าถอดสีลงเล็กน้อยแต่พยายามที่จะเก็บความลับของไป๋หลานไว้ แค่ลูกของนางมีความสุขคนเป็นแม่ก็มีความสุขไปด้วย ไป๋หลานอยู่ในชุดเจ้าสาวที่แดงสวยงามเป็นผ้าไหมที่ปักเย็บอย่างประณีตประดับด้วยลวดลายต่างๆ อย่างสวยงามใบหน้าแต่งแต้มสีสันสวยงามและทายาทลงไปเพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งฝาดแดงระเรื่อ “แม่นางสวยงามราวกับเทพธิดา” อี้หรานชมนางจากใจเพราะไม่เคยเห็นหญิงคนไหนงดงามเหมือนกับไป๋หลานเพียงแค่นางมองนางก็มั่นใจว่านางไม่ใช่คนธรรมดาหรือชาวบ้านทั่วไป “ขอบใจท่านน้ามากเจ้าค่ะ” “แม่นางอย่าถือโทษโกรธอี้เอ่อร์เลยนะ ข้าตามใจนางจนนางเสียคนตั้งแต่พ่อของนางตายข้าก็เลี้ยงดูนางมาคนเดียวตลอด” “ท่านน้าไม่ผิดอะไรเลยเจ้าค่ะ” นางก็เสียเสด็จแม่ไปตั้งวัยเยาว์เหลือแค่เสด็จพ่อ “ใก
ทางด้านซินอี้กำลังตรอมใจเมื่อคนที่รักได้แต่งงานกับหญิงอื่นไปนางกำลังวางแผนกำจัดไป๋หลานให้ออกไปจากชีวิตของเฟิ่งหวงตลอดกาล “นางต้องหายไปตลอดกาล” “อี้เอ๋อร์มากินข้าวเถอะลูก” อี้หรานยกกับข้าวมาให้ลูกสาวที่หมกตัวอยู่แต่ในกระโจมนางเห็นใจลูกสาวที่รักเฟิ่งหวงมาเนิ่นนานแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนางไม่โทษใคร “ข้าไม่หิวเจ้าค่ะ” “มากินข้าวแล้วออกไปเดินเล่นบ้างเถิด” “ข้าจะลุกไปกินเจ้าค่ะ” ซินอี้ลุกมากินข้าวกินปลาแต่ภายในใจกำลังเศร้าหมองคิดถึงคำนึงหาแต่เฟิ่งหวง และคิดหาหนทางกำจัดมารหัวใจตลอดเวลา ซินอี้เดินมาที่แม่น้ำที่ชาวบ้านใช้เป็นประจำแต่สายตาก็หันไปเจอเข้ากับไป๋หลานที่นั่งอยู่ริมฝั่งคนเดียวจึงมีแผนร้ายขึ้นมาเมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นเฟิ่งหวง “มานั่งเศร้าเพิ่งเข้าห้องสามีไม่สนใจหรือไง” “เจ้าอย่ามากวนอารมณ์โมโหข้า” นางกำลังคิดถึงเสด็จพ่อไม่รู้ป่านนี้จะได้เบาะแสนางหรือยัง “ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ที่นี้ไม่ได้” ซินอี้จ้องมองนางอย่างโกรธแค้น นางก็สวยไม่แพ้ไป๋หลานใยเฟิ่งหวงถึงไม่มองนางบ้าง นางไม่ยอมแพ้เด็ดขาด “เจ้าก็ควรจะทำ
ยามเหม่าเฟิ่งงหวงจึงพาไป๋หลานออกเดินทางสู่เมืองใหญ่ยานพาหนะคือม้าที่เฟิ่งหวงเป็นคนควบม้า ตลอดทางข้างทางท้องฟ้ายังมืดสนิทไม่นานพระอาทิตย์ก็โผล่พ้นขึ้นมาส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณ “สวยจัง” เขาพานางมาหยุดรออยู่ที่หน้าผาสูงชันไป๋หลานมองไปที่พระอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นท้องฟ้าสว่างไสวไปทั่วบริเวณและหมอกเมฆที่ปกคลุมไปทั้งบริเวณ “เอาไว้พี่จะพาน้องหญิงมาอีก” “ขอบคุณเจ้าค่ะ” ไป๋หลานใช้ผ้าปกคลุมใบหน้าเพราะกลัวว่าจะมีใครเห็นใบหน้าของนาง บางทีคนร้ายอาจจะยังตามล่าหาตัวนางอยู่ ไป๋หลานอ้างว่านางแพ้อากาศอาจจะทำให้ไม่สบายได้จึงขอใช้ผ้าปิดบังใบหน้าอันแสนงดงามไว้ ซึ่งเฟิ่งหวงก็ไม่ได้ขัดอะไรคืนนี้เฟิ่งหวงจึงชวนนางเข้าพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน “รอตอนเย็นพี่จะพาน้องหญิงออกไปเดินเล่น พักผ่อนเสียเถิด” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นว่านางหลับไปแล้วจึงออกมาเดินสำรวจโรงเตี๊ยมแห่งนี้และเห็นเหล่าทหารมากมายเหมือนกำลังออกตามหาอะไรสักอย่าง “เถ้าแก่คนพวกนั้นกำลังหาอะไรหรือ” “เมื่อหลายเดือนก่อนมีองค์หญิงจากแคว้นเป่ยเฟิงถูกดักทำร้ายและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย น่าเสียดายยั
“ส่งม้าเร็วนำข้อความนี้ไปให้ท่านพ่ออีก 2 วันข้าจะไปรับตัวน้องสาวของข้ากลับและจะทูลขอยกเลิกราชโองการ” หลีเหว่ยคงไม่สามารถให้น้องสาวแต่งงานได้เพราะคนร้ายยังคงเก็บตัวเขาเชื่อว่าอีกไม่นานคนร้ายต้องเผยตัว “เจ้าสงสัยใครมากที่สุดมู่เฉิน” “กระหม่อมคิดว่าคงจะเป็นคนในวังหลวงที่ไม่อยากให้การเชื่อมความสัมพันธ์นี้เกิดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ทรงทูลไปตามความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง “มีแต่คนเดียวเท่านั้น! เจ้าแอบส่งคนแกะรอยตามคนพวกนั้นและยื่นข้อเสนอที่พอจะให้พวกมันพูดได้” หลีเหว่ยแอบเตรียมกำลังทหารที่จะเข้าไปรับตัวน้องสาวในอีกสองวันข้างหน้า ส่วนคนร้ายตอนนี้เขากำลังหาหลักฐาน “องค์หญิงไป๋หลานต้องปลอดภัยกลับมาข้าไม่มีวันให้นางเข้าพิธีอภิเษกตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้” “พ่ะย่ะค่ะ” ฝั่งด้านคนที่กำลังโดนพูดถึงเมื่อทหารเข้ามารายงานว่าตอนนี้องค์หญิงไป๋หลานยังคงมีชวิตอยู่ถึงกับร้องโวยวายออกมาราวกับคนบ้าคลั่ง “พวกโง่!” “ข้าวางแผนมาตั้งนานทำไมนางถึงยังไม่ตาย” หวางหลานซวนโมโหถึงขั้นสุดหากท่านลุงรู้เข้าเขาคงโดนเนรเทศเพราะฉะนั้นพิธีแ
“คงจะเป็นที่นี้พ่ะย่ะค่ะ” เช้าตรู่ของเช้าวันใหม่หลีเหว่ยออกเดินทางมาถึงยังชนเผ่าเฟิงอวิ่นกลิ่นอายของธรรมชาติทำให้ที่หมูบ้านแห่งนี้ดูน่ามองไปหมด เขาลงจากม้าทันที “ข้าอ๋องจางหลีเหว่ยนำกำลังทหารมาตามหาองค์หญิงมิได้มีเจตนามาทำร้ายใคร” “ข้าหลี่เจี้ยนกั๋วผู้นำชนเผ่าเฟิงอวิ่น” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินออกมาและแปลกใจว่าท่านอ๋องมาตามหาผู้ใด “ข้ามาตามหาน้องสาวของข้าองค์หญิงจางไป๋หลาน” เขาเดินมาเผชิญหน้าหลี่เจี้ยนกั๋วเขาต้องรีบพาน้องสาวของเขากลับไปยังวังหลวง “ทูลท่านอ๋องคนที่ท่านตามหาคงไม่ได้อยู่ในที่แห่งนี้” “หากพวกเจ้าโกหกข้าจะฆ่าทิ้ง” เฟิ่งที่เห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาหาท่านลุงแปลกใจที่มีคนแปลกหน้าเข้ามายังชนเผ่าได้เมื่อพิจารณาแล้วคือท่านอ๋องที่เขาเคยช่วยเหลือเมื่อหลายวันก่อน “เจ้านั้นเอง” หลีเหว่ยแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นคนที่เคยช่วยเหลือเขาไว้ตอนที่เขาถูกรอยทำร้าย “ท่านลุงคนเหล่านั้นมาทำอะไรหรือขอรับ” “ท่านอ๋องมาตามหาน้องสาว” หลี่เจี้ยนกั๋วกำลังสังหรณ์ใจว่าคนที่ท่านอ๋องตามหาคงไม่ใช่คนที่เขากำลังนึกถึง ทั้ง
สามวันกับการจากไปของไป๋หลานเฟิ่งหวงไม่ยอมกินข้าวกินปลาเพราะคิดถึงคะนึงหาแต่เพียงนาง เขาเมามายทุกวันเพื่อจะให้นอนหลับโดยไม่ต้องทรมาน เฟิ่งหวงไม่เคยโกรธนางเลยสักนิด “ข้าคิดถึงเจ้า” เจ๋อหรานที่เห็นสภาพของลูกสายก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน สามวันมานี้นางใจแข็งไม่ยอมเข้าไปปลอบลูกชายเฟิ่งหวงเอาแต่โทษตัวเองว่าเขาเป็นคนต่ำต้อยไม่คู่ควรกับนาง “เจ้าว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง” หลี่เจี้ยนกั๋วเดินเข้ามาเมื่อมองไปที่หลานชายก็ส่ายหัวคนเป็นแม่ก็ใจแข็งเสียจนเขาอ่อนใจ “ท่านพี่ว่าข้าควรบอกความจริงกับลูกชายดีหรือไม่เจ้าค่ะ” หากเฟิ่งกลายเป็นองค์รัชทายาทก็คงจะได้เข้าพิธีอภิเษกกับไป๋หลาน แต่หากชาตินี้ไม่มีวาสนาได้คู่กันก็คงต้องจากกันไปตลอดกาล “เจ้าเป็นคนขี้ขลาดตั้งเมื่อไรกันน้องพี่” “หรือว่าพ่อลูกเขาควรจะได้เจอกัน” นางคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรต่อดีเฟิ่งหวงลูกชายของนางก็ไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าไป๋หลานเลยสักนิด แถมยังเป็นคนที่ใต้หล้าต้องก้มหัวให้ “เจ้าเลือกเอาเถิดอยากให้หวงเอ่อร์เป็นเช่นไร” หลี่เจี้ยนกั๋วปล่อยให้นางได้ตัดสินใจแต่สิ่งที่แม่หมอทำน
ภายในหัวใจของเฟิ่งหวงกำลังเต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้นเมื่อผ่านประตูเมืองเข้ามาได้ ท่านแม่ให้เขาแอบเข้าไปที่ตำหนักของฮ่องเต้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเข้าไปได้เขาต้องรอเวลากลางคืนที่จะแอบเข้าไป “อีกถึงหนึ่งชั่วยาม” เฟิ่งหวงนั่งอยู่บนรั่วและเฝ้ามองเหล่าทหารที่เดินลาดตระเวนอย่างเคร่งครัดสายตาของเขาเหลียวมองกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่งซึ่งดูจากการแต่งองค์ทรงเครื่องแล้วคนผู้นั้นต้องเป็นคนที่เขาต้องเข้าไปพบ “ฮ่องเต้เทียนเวิ่น” แต่พอฝ่าบาททรงหันพระพักตร์มาทำให้เฟิ่งหวงต้องหยุดนิ่งใบหน้าของฝ่าบาทช่างเหมือนกับเขาเสียจริงหรือนี่คือสิ่งที่แม่ของเขาปิดบังใจแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื้อ “เรื่องอะไรกัน” แม่ของเขาไม่ได้บอกว่าให้มาพบฮ่องเต้ในเรื่องอันใดเพียงแค่บอกว่าหากทุกคนเห็นสร้อยเส้นนี้ก็จะรู้คำตอบเอง เขากำสร้อยข้อมือไว้แน่นและนำขึ้นมามอง “ตั้งแต่เกิดข้าไม่เคยพบเจอท่านพ่อท่านลุงบอกเพียงแค่ว่าท่านพ่อทิ้งข้ากับแม่ไป” นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่เคยถามว่าใครคือพ่อของเขาอีกเลยยามซวีเฟิ่งหวงแอบปีนเข้ามาทางหน้าที่เปิดอ้าไว้และแอบอยู่บริเวณเตียงนอนของฮ่องเต้
“ว้ายพวกเจ้าเป็นใคร” นางกำนัลตกใจถึงกับกรีดร้องออกมาที่มีคนมาบุกรุก ไป๋หลานได้ยินเช้านั้นจึงรีบเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น “มูมู่มีเรื่องอันใดกัน” “มีคนบุกรุกเพค่ะองค์หญิงระวังตัวด้วย” ฟุบ โม่โฉวกระโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่และรีบเข้ามาดูอาการขององค์รัชทายาททันที เดิมที่จะเรียกองค์ชายจึงเปลี่ยนสรรพนามเรียกทันที “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” “...” เฟิ่งหวงยังนอนจุกที่พื้นเพราะกระโดดลงมาไม่ทันตั้งตัวจึงเงยหน้าขึ้นไปมองไป๋หลาน “เฟิ่งหวงเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร มูมู่เจ้าไปดูคนของเสด็จพี่ห้ามใครเข้ามาใกล้” ไป๋หลานรีบเข้าไปพยุงเฟิ่งหวงให้ลุกขึ้นพร้อมกับมองไปที่คนข้างกายที่ไม่คุ้นหน้า “ข้าขอคุยกับเจ้าได้หรือไม่” “องค์หญิงเพค่ะหากท่านอ๋องรู้เข้าคงเป็นเรื่องใหญ่อีกไม่กี่วันเราต้องแคว้นเป่ยเฟิงแล้ว” “เจ้าจะหนีข้าไปไหนอีก” เฟิ่งหวงได้ยินเช่นนั้นก็หมดความอดทนเข้าเดินทางฝ่าวงล้อมของทหารเข้ามากว่าจะได้พบหน้านาง แต่มาถึงกลับบอกว่าอีกไม่นานก็ต้องกลับบ้านเมือง “ว้ายยยย” “องค์หญิง!” ไป๋หลานถูกเฟิ่ง
ชนเผ่าอวิ่น ฮ่องเต้เฟิ่งหวงพาฮองเฮากลับมาเยี่ยมบ้านเกิดและองค์รัชทายาทตงหยางพร้อมกับองค์หญิงอ้ายเสิน ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก “ซินอี้” “ถวายบังคมฮองเฮาเพคะ” ซินอี้ก้มลงเพื่อทำความเคารพฮองเฮาที่ครั้งหนึ่งนางเคยคิดจะกำจัด “ตอนนี้อยู่นอกวังเจ้าไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เจ้าสบายดีหรือไม่” ไป๋หลานไม่คิดโกรธเคืองนางเลยสักนิดเวลาผ่านไปคนเราก็สามารถเปลี่ยนกันได้ “หม่อมฉันสบายดีเจ้าค่ะ” “ไทเฮาบอกว่าเจ้ากำลังจะมีลูกน้อย” “เพคะหม่อมฉันกำลังตั้งครรภ์” ซินอี้แต่งงานกับคุณชายแซ่เหลียงและได้ออกไปเปิดโรงน้ำชาด้วยกันจนมีพยานรักที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์ของนาง “ข้ายินดีกับเจ้าด้วยอดีตผ่านไปแล้วเจ้าก็ได้บทเรียนแล้ว เราแค่ลืมและเดินหน้าต่อไป” “หม่อมฉันขออภัยในครั้งนั้นด้วยเพค่ะ” “ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก” ไป๋หลานไม่ใช่คนที่เจ้าคิดเจ้าแคว้นในวันนี้นางคิดได้แล้ว ก็ต่างคนต่างมีชีวิตและเดินตามเส้นทางของตัวเอง “หม่อมฉันขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ” ไป๋หลานเดินกลับมาและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เฟิ่งหวงที่นั่งดูลูกๆ วิ่ง
วันเวลาผ่านไปจนครบเก้าเดือนองค์หญิงไป๋หลานได้ให้กำเนิดลูกฝาแฝดโอรสและธิดาสร้างความปีติยินดีให้กับทุกคนโดยเฉพาะเฟิ่งหวงที่เฝ้ารอพระชายาอยู่หน้าตำหนักไม่ยอมไปไหน “หวงเอ๋อร์พระชายาของลูกแค่หลับเพราะเหนื่อยอย่ากังวลไปนักเลย” “ลูกเป็นห่วงนาง” เฟิ่งหวงนั่งไม่อยู่กับที่เขาเดินไปเดินมาเพื่อรอว่าเมื่อไรนางจะฟื้นขึ้นมา ตอนที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของนางใจเขาแทบขาด “หวงเอ่อร์ลูกจะให้โอรสและธิดาชื่อว่าอะไร” เฟิ่งหวงเดินเข้ามาใกล้ลูกทั้งสองและมองหน้ากันสลับไปมาลูกของเขาทั้งสองเกิดจากความรักของพ่อและแม่ “โอรสให้ชื่อตงหยาง ธิดาให้ชื่ออ้ายเสิน” “ดีๆ พ่อชอบชื่อนี้” ฝ่าบาททรงตามใจลูกในการตั้งชื่ออีกไม่นานเฟิ่งหวงจะต้องขึ้นครองบัลลังก์แทนฮ่องเต้ ไป๋หลานค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดสิ่งแรกที่นางนึกถึงคือลูกทั้งสองนางได้ยินเสียงร้องก่อนที่นางจะหมดสติไป ไป๋หลานพยายามที่จะขยับตัว “พระชายาอย่าเพิ่งลุกเพค่ะ” “น้องหญิงเป็นยังไงบ้าง” เฟิ่งหวงรีบเข้ามาดูอาการทันทีเมื่อเห็นว่านางปลอดภัยเขาก็หายห่วง “ลูกของน้อง...”
“หม่อมฉันจะไปตามหมอมาให้เพคะ” “ไม่ต้องหรอกหวงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร” จากที่นางได้ฟังเรื่องราวมาจากไป๋หลานและองครักษ์จึงพอจะเดาได้ว่าเฟิ่งหวงเป็นอะไรถึงได้ไม่สบายแบบนั้น “น้องหญิงแล้วหวงเอ่อร์ไยถึงไม่สบาย” ฮ่องเต้แปลกใจเฟิ่งหวงเกิดอาการแบบนี้มาหลายวันแล้วแต่ก็ไม่มีอาการดีขึ้น “หวงเอ่อร์แค่แพ้ท้องแทนไป๋หลาน คนท้องมักจะชอบกินของรสเปรี้ยวซึ่งหวงเอ่อร์ไม่ชอบและเกลียดส้มจะตาย” เจ๋อหรานรู้ว่าลูกชายชอบหรือเกลียดอะไร เฟิ่งหวงเป็นแบบนี้ก็เพราะแพ้ท้องแทนพระชายา “เฟิ่งหวงจะทรงหายหรือไม่เพคะ” “ไม่ต้องห่วง” ไป๋หลานจึงอยู่ดูแลเฟิ่งหวงเมื่อคิดถึงคำพูดของเจ๋อหรานนางถึงกับหน้าแดงขึ้นมา เจ๋อหรานบอกว่าบุรุษที่แพ้ท้องแทนแม่ของลูกแสดงว่าเขานั้นรักนางมาก “อย่าดื้อกับเสด็จพ่อนะลูก” ไป๋หลานหันไปพูดกับลูกน้อยตอนนี้สีหน้าของเฟิ่งหวงดูซีดเซียวนางจึงคอยดูแลไม่ห่าง กำหนดการเดินทางกลับแคว้นนางคงจะต้องเลื่อนออกไป “น้องไป๋หลาน” “เสด็จพี่” “พี่จะกลับแคว้นแล้วน้องต้องดูแลตัวเอง” “ไยถึงเร็วแบบนั้นเพค่ะ” ไป๋หลานใจหายที่เสด็จพี่จ
เฟิ่งหวงกำลังจัดการงานต่างๆ ด้วยความยากลำบากเขาทรงงานอย่างหนักเพื่อจะรีบกลับไปหาไป๋หลานที่เขาคิดถึงคะนึงหา ฮ่องเต้ทิ้งให้องค์รัชทายาทต้องเผชิญกับปัญหาและปล่อยให้เขาจัดการกับคนร้าย “องค์รัชทายาทท่านพักผ่อนหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” โม่โฉวเห็นองค์รัชทายาทมุ่งหน้าทำแต่งานที่ประชาชนร้องเรียนมา อีกไม่นานองค์รัชทายาทก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้ “ตอนนี้ท่านอาเป็นอย่างไรบ้าง” “ทุกคนยังคงไว้อาลัยให้องค์ชายหลานซวนพ่ะย่ะค่ะ” เฟิ่งงหวงหยักหน้าเขาเห็นใจหวางไห่เถิ่งที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และเรื่องที่หลานซวนก่อขึ้นมาทำให้วงศ์ตระกูลเสียหายโทษต้องกักขังไปยังญาติพี่น้องแต่เฟิ่งหวงก็ไม่ยอมเพราะหวางไห่เถิงไม่มีส่วนรู้เห็น “องค์รัชทายาท! ตามหมอหลวงเร็วเข้า” โม่โฉวหันไปเรียกกงกงเมื่อองค์รัชทายาททรงเป็นลมไป ทำให้ทั้งตำหนักวุ่นวายไปหมดใบหน้าซีดเผือดขององค์รัชทายาทนอนหลับอยู่บนเตียงกว้าง “องค์รัชทายาทน่าจะทรงงานหนักให้พักผ่อนสักหน่อยจะดีขึ้นเองขอรับ” “ท่านให้คนไปส่งหมอหลวง” “พระชายาไม่อยู่นั้นกระหม่อมจะดูแลท่านเอง” โม่
“ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเพคะ” ลู่เสียนเกรี้ยวกราดขึ้นมาเมื่อแม่ทัพหลิงหยุนมาบอกข่าวร้าย “องค์รัชทายาททรงส่งเจ้ากลับจวน” “กรี๊ดดดด องค์รัชทายาทจะทำแบบนั้นกับข้าไม่ได้” ลู่เสียนกับมาคิดดูแล้วสิ่งที่องค์รัชทายาททำไปก็แค่ใช้นางเป็นเครื่องมือและส่งองค์หญิงออกไปนอกวัง หลอกให้นางดีใจพอเรื่องราวจบก็ส่งนางกลับจวน “ลูกพ่อองค์รัชทายาทยกเลิกที่จะรับลูกเป็นสนม” หลิงยุนไม่มีสิทธิ์โต้แย้งเพราะคือคำขาดจากองค์รัชทายาทในอนาคตก็จะขึ้นครองบัลลังก์ “ลูกไม่ดีตรงไหนทำไมองค์รัชทายาทถึงหลงใหลมันนัก” “ลูก! เจ้าระวังคำพูดด้วย” ลู่เสียนโกรธและพร่ำเพ้อออกมานางเห็นใบหน้าขององค์รัชทายาทครั้งแรก ก็ตกหลุมรักหาวิธีที่จะได้เข้าใกล้และทรงขอร้องท่านพ่อให้เข้าไปกราบทูลฮ่องเต้ให้รับนางเป็นสนมขององค์รัชทายาท นางดีใจจนแทบบ้าที่ได้รับข่าวดี แต่พอมาวันนี้ทุกอย่างเป็นแค่แผนหลอกให้นางไปเสี่ยงตายแต่กับปกป้ององค์หญิงไป๋หลาน “องค์รัชทายาทตรัสไว้ชาตินี้จะไม่รับสนมจะมีแค่พระชายาคนเดียว” “ทำไมนางถึงไม่ตายตั้งแต่ตอนนั้น” ลู่เสียนโกรธแค้นที่สุดท้ายแล้วนาง
ไป๋หลานเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าตำหนักของเฟิ่งหวงนางกำนัลมาแจ้งข่าวว่าเขากำลังจะรับสนมเข้ามาในตำหนักวันนี้ ถึงแม้ไม่อยากจะเชื่อแต่ภาพที่เห็นตรงหน้ากับทำในนางเจ็บปวดไม่น้อย “องค์หญิง” “เจ้ากำลังคิดจะทำอะไรเฟิ่งหวง” ไป๋หลานมองไปที่องค์รัชทายาทด้วยแววตาที่แสนเจ็บปวดที่เห็นเขากำลังนั่งอยู่ใกล้นางสนมคนนั้น “ก็อย่างที่เจ้าเห็นข้าจะรับนางเป็นสนม” เฟิ่งหวงเห็นแววตาที่แสนเจ็บปวดนั้นก็หันใบหน้าหนีเขาใจไม่แข็งพอที่จะเห็นน้ำตาของนาง “หม่อมฉันเลี่ยงซูเพค่ะองค์หญิงไป๋หลาน” “ข้าไม่อยากรู้จักเจ้า! เจ้าตอบข้ามาคำว่ารักที่เจ้าพูดหรือมันแค่หลอกลวง” ไป๋หลานเจ็บปวดเหลือเกินที่เห็นเขาไม่แยแสนางหรือที่เขาทำเพื่อจะแก้แค้นนาง “เจ้าพูดเหมือนไม่เคยหลอกข้า ออกไปข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า” “เจ้าต้องการแก้แค้นข้าหรือ” ไป๋หลานปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเมื่อคิดว่าที่ผ่านมาเขาจะรักนางแต่ทุกอย่างกับไม่ใช่เขาแค่ต้องการแก้แค้นนาง “หรือหากเจ้ารับไม่ได้เจ้าก็กลับบ้านเมืองเจ้าไปเสียพิธีอภิเษกของเราถือว่ายกเลิก” เฟิ่งหวงพยายามที่จะกลั้นใจพูดออกมาเพื่อให้นางเกลียดเขา
“เฟิ่งหวง อ๊ะ” ไป๋หลานครางออกมาเมื่อเฟิ่งหวงใช้มือกอบกุมเต้าคู่งามไว้และขย้ำหน้าอกของนางอย่างแรงจนนางต้องตีมือเขาไว้ “เจ้าดูมังกรของข้าสิ” เฟิ่งหวงนำมังกรมาถูไถบริเวณแผ่นหลังของนาง “เจ้าคนหื่น” ไป๋หลานได้แต่บนเขาในใจไม่รู้ว่าเฟิ่งหวงอดอยากมาจากไหนถึงได้ตะกละตะกลามกินนางอย่างมูมมามและกินไม่อิ่มเสียที “ไยเจ้าถึงไม่ท้องเสียที มีโอรสหรือธิดาให้ข้า” เฟิ่งหวงขมวดคิ้วอย่างสงสัยเพราะมั่นใจว่าเขาสามารถทำให้นางท้องได้แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไป๋หลานจะตั้งท้อง “ขะ ข้า” “หรือเจ้ามีอะไรปิดบังข้า” ไป๋หลานเงียบเพราะนางคุมกำเนิดทุกครั้งยามที่สุขสมตอนนี้นางอยากให้ทุกอย่างสงบสุขก่อน “ข้าคุมกำเนิด” “เจ้าทำย่างนั้นทำไมเจ้าไม่อยากมีลูกกับข้าหรือ” เฟิ่งหวงให้นางหันมาเผชิญหน้ากัน เขาเฝ้ารอที่นางจะตั้งท้องแต่ทุกอย่างก็พังลงแววตาเสียใจทำให้ไป๋หลานหันหน้าหนี “บ้านเมืองของเจ้ายังไม่สงบสุขเจ้าคิดว่าหากคนเหล่านั้นย้อนกลับมาทำร้ายข้าและลูกเจ้าจะทำอย่างไร” ไป๋หลานอยากให้เฟิ่งหวงมีเหตุผลมากกว่าที่เป็นอยู่ “ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเจ
เวลาต่อมาทั้งแผ่นดินของแคว้นหวางป๋อจึงได้รับรู้ว่าได้มีองค์รัชทายาทองค์ใหม่พร้อมกับอีกไม่นานจะมีพิธีอภิเษกระหว่างองค์รัชทายาทเฟิ่งหวงกับองค์หญิงไป๋หลาน “หวางหลิ่วอิน” หลีเหว่ยเดินเข้ามาในหมู่บ้านแห่งหนึ่งพร้อมกับมองไปที่ชายชุดดำที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ “ท่านอ๋อง” “หลานซวนทำไมถึงคิดก่อกบฏ” ตอนนี้ท่านอ๋องและฮ่องเต้รู้ความจริงกันหมดแล้วว่าหลานซวนคิดจะก่อกบฏตอนนี้พวกเขายังไม่ทำอะไรปล่อยให้คนร้ายตายใจเสียก่อน “ข้าไม่คิดว่าเสด็จพี่จะทรงคิดกำจัดองค์หญิงและองค์รัชทายาท หากเสด็จพ่อรู้เข้าต้องเสียพระทัยอย่างหนัก” หวางหลิ่วอินไม่อยากให้บิดารับรู้แต่สิ่งที่หลานซวนทำนั้นเรื่องใหญ่นัก “อย่าให้ใครรู้เราแยกกันตรงนี้” “ทูลลาท่านอ๋อง” หลีเหว่ยเดินทางกลับเข้ามาในวังหลวงทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “องค์หญิงอยู่ที่ตำหนักองค์รัชทายาทเพค่ะ” “เจ้านั้นคิดจะกักขังน้องไป๋หลานไว้หรือไง” หลีเหว่ยพูดออกมาเมื่อเฟิ่งหวงไม่ยอมปล่อยไป๋หลานกลับตำหนัก เฟิ่งหวงอาการดีขึ้นอย่างมากเพราะมีองค์หญิงไป๋หลานคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง เพราะเฟิ่งห
เฟิ่งหวงทรงลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากและนึกคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านเขาถูกยิงด้วยธนูที่ต้นแขนแล้วไป๋หลานนางปลอดภัยหรือไม่ “องค์รัชทายาทฟื้นแล้วเพค่ะ” นางกำนัลรีบมากราบทูลฮ่องเต้ที่ทรงนั่งรออยู่หน้าตำหนักจึงรีบเข้ามาดูองค์รัชทายาท “หวงเอ๋อร์เจ้าเป็นอย่างไรบ้างหมอหลวงตรวจดูอาการองค์รัชทายาท” “ไป๋หลานทรงปลอดภัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หากนาวงเป็นอะไรไปเขาจะอยู่อย่างไร ราวกับมีเข็มเป็นพันหมื่นเล่มทิ่มแทงหัวใจของเขา “องค์หญิงทรงมิได้เป็นอะไรนางเฝ้าไข้ลูกทั้งคืนเพิ่งกลับไปพักผ่อนลูกวางใจเถิด” มุมปากหยักโค้งขึ้นน้อยๆ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มองค์รัชทายาทถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่มีผิด “ข้าอยากพบหน้านาง โม่โฉวเจ้าไปตามองค์หญิงมา” เมื่อได้ยินดังนั้นความวิตกเล็กน้อยสลายไปจนสิ้น “พ่ะย่ะค่ะ” “ลูกพักผ่อนเสียเถิดเอาไว้หายดีแล้วค่อยมาพูดคุยกัน” ไป๋หลานเดินทางมายังตำหนักของเฟิ่งหวงอีกครั้งสีหน้านั้นเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ “โอ้ยย ไป๋หลานข้าเจ็บเหลือเกิน” เฟิ่งหวงเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาจึงแทรกทำเป็นร้องโวยวายออกมาในยามที่หมอหลวงกำลังทำแผล