แชร์

บทที่ 489 งานเลี้ยงพริก

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จูอวี้เหยียนโน้มตัวและพูดว่า “เหนียงเหนียงพูดแรงไปแล้วเพคะ พวกข้ามีตำแหน่งต้อยต่ำ เหนียงเหนียงมีสถานะสูงส่งเช่นนี้ คงไม่มาทะเลาะเอาความกับผู้ที่ต่ำกว่าอย่างพวกข้า”

อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “พูดได้ดี ข้าคงไม่ลดตัวไปทะเลาะกับพวกเจ้าหรอก เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ข้าจะให้คนนำเข็มเงินมาทำการตรวจสอบก่อน เพื่อไม่ให้พวกเจ้าต้องหวาดระแวง และไม่ยอมกินอาหาร”

อย่างไรก็เรียกพวกนางมาเพื่อยื้อเวลา อินชิงเสวียนไม่ได้รีบร้อน

นางหันไปโบกมือให้อวิ๋นฉ่าย อวิ๋นฉ่ายหยิบเข็มเงินมาด้านหน้าโต๊ะทันที และทำการตรวจสอบยาพิษทีละจาน

เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่เปลี่ยนสี จูอวี้เหยียนก็ยิ้มที่มุมปาก “หม่อมฉันเพียงพูดเล่นเท่านั้น ผู้ใดจะกล้าสงสัยพระนางกุ้ยเฟยเพคะ”

อินชิงเสวียนยิ้มระรื่นและพูดว่า “พวกเจ้าเพิ่งมาถึงที่นี่ ก็สมควรที่จะระแวงข้า ตอนนี้พวกเจ้าเห็นชัดแล้วใช่หรือไม่?”

จูอวี้เหยียนพูดว่า “เห็นชัดแล้วเพคะ ขอบพระทัยเหนียงเหนียง”

อินชิงเสวียนยื่นมือทำท่าทางเชื้อเชิญ

“ไม่ต้องเกรงใจ พี่น้องทุกท่านกินได้ตามสบายเลย”

จูอวี้เหยียนหยิบตะเกียบขึ้นมา คนอื่นๆ ก็หยิบขึ้นมาตามเช่นกัน

อาหารหลายจานบนโต๊ะเป็นพริก
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Chonlada Sanehmit
พระเอกฉลาดมาตลอดทำไมมาเสียท่าจิบน้ำชา
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 490 โกรธแค้น

    เย่จิ่งอวี้หอมแก้มลูกชายของเขา จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาด้วยความดีใจ และกอดคอของเย่จิ่งอวี้ไว้ ใบหน้าเล็กซบลงบนไหล่ของเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ว่า “เสด็จพ่อ~”“จ้าวเอ๋อร์น่ารักจัง”เมื่อมองเด็กน้อยที่ใบหน้าขาวสะอาด ความมืดมนในจิตใจของเย่จิ่งอวี้ก็มลายหายไปเมื่อเห็นความรักของสองพ่อลูก ความสุขก็ผุดขึ้นในใจของอินชิงเสวียนนางไม่ได้อยากเป็นฮองเฮา สิ่งเดียวที่นางต้องการ ก็คือการเป็นคู่รักไปตลอดชีวิตนางไม่สนใจว่าเย่จิ่งอวี้มีสถานะเป็นอะไร ขอเพียงครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้ากันก็พอแล้วเย่จิ่งอวี้หันหน้ามามอง เมื่อเห็นอินชิงเสวียนมองหน้าตัวเองด้วยรอยยิ้ม เขาก็อบอุ่นหัวใจ แทบอยากอุ้มสาวน้อยคนนี้ไปนัวเนียสักรอบเมื่อเห็นแววตาที่มีเลศนัยคู่นั้น อินชิงเสวียนหน้าแดงเล็กน้อย นางอยู่กับเย่จิ่งอวี้มาเป็นเวลานาน นางรู้ดีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงพูดตำหนิว่า “หากฝ่าบาทอยากไปกับหม่อมฉัน ก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเพคะ ไม่เช่นนั้น หม่อมฉันจะไม่รอท่านแล้ว”เย่จิ่งอวี้จึงต้องอดกลั้นความคิดนี้ไว้ในใจ“ได้ ข้าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้”ห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 491 พี่เขยช่างหล่อเหลาจริงๆ

    อินสิงอวิ๋นถูกอินชิงเสวียนดึงหน้าจนยืด แต่บนใบหน้าก็ไม่มีหน้ากากผิวหนังมนุษย์หรืออะไรทำนองนั้นอินชิงเสวียนตรวจสอบอย่างระมัดระวังอีกครั้ง จากนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกนี่จะคงเป็นอินสิงอวิ๋นตัวจริงแน่แล้ว แต่จู่ๆ อินชิงเสวียนนึกถึงเงาร่างที่ดูคล้ายกับฟางรั่วมาก เชื่อว่าอีกไม่นานการเดาของนางคงจะได้รับการยืนยัน“ได้ยินว่าท่านพ่อขอร้องหัวหน้าหมอหลวงเหลียงมารักษาพี่ใหญ่ ไม่รู้ว่าตรวจพบอะไรหรือไม่”อินปู้อวี่พูดด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “หมอหลวงเหลียงบอกว่าพี่ใหญ่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เพียงแต่เลือดลมอ่อนแอ ไม่มีอาการป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว อาการคล้ายกับสถานการณ์ของเย่จั้นเลยนี่การผ่าตัดของเย่จิ่งหลานล้มเหลวไปแล้วครั้งหนึ่ง ถึงตามหาเขาอีกก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น“นอกจากนอนหลับแล้ว เขายังมีการเคลื่อนไหวอื่นอีกหรือไม่”อินปู้อวี่ส่ายศีรษะ“ไม่มี เพียงแต่ง่วงซึมอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ก็ไม่เหมาะนัก ต้องวินิจฉัยโรคก่อน จึงจะรักษาได้”อินชิงเสวียนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “บางที...อาการที่พี่ใหญ่เป็นไม่ใช่โรค”อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 492 ว้าวุ่นใจ

    อินจ้งยืนขึ้นโดยเร็ว“ฝ่าบาทอยากดื่มชาสร่างเมาก่อนเสด็จกลับหรือไม่”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มจางๆ และพูดว่า “ไม่ต้อง สามารถแบ่งเวลาว่างมาได้ครึ่งวันก็ไม่ง่ายแล้ว ข้ายังมีงานอื่นต้องทำ ไม่รั้งอยู่นานดีกว่า”อินจ้งรู้ดีว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ยุ่งงานกิจการบ้านเมือง เขาจึงรีบโค้งคำนับและพูดว่า “เช่นนี้แล้ว กระหม่อมก็ไม่รั้งฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่งเสียงอืมรับคำ จากนั้นเสี่ยวอานจื่อก็พยุงไปที่ประตู อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมาเช่นกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่รอง ข้าจะกลับวังแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นที่บ้าน ให้ส่งคนมาแจ้งข้าด้วย”อินจ้งพยักหน้าหงึกหงัก“เจ้าก็ต้องรักษาสุขภาพ ดูแลลูกให้ดีด้วย”ซูหมิงหลานก้าวไปข้างหน้า จับมืออินชิงเสวียนแล้วกระซิบ “ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา ในบ้านเรียบร้อยดีทุกอย่าง เจ้าอยู่ในวังคนเดียวก็ไม่ง่าย ต้องระวังและคิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ”อินชิงเสวียนรู้สึกอบอุ่นในใจ นางพูดเบาๆ “ขอบคุณท่านแม่รอง ข้าจะจดจำคำสอนของท่านแม่รอง ในช่วงที่ข้าไม่อยู่ ท่านพ่อ พี่รอง และน้องหญิงเล็ก ต้องรบกวนท่านแม่รองให้ช่วยดูแลแล้ว”ซูหมิงหลานพูดด้วยใบหน้าเปี่ยมรัก “เราเป็นครอบครัวเด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 493 ปล่อยพวกนางไป

    “ในเมื่อกงกงให้เราไป เราก็ไปเถอะ เราไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ไม่มีอะไรต้องกลัว”กระเสียงเย้ายวนมีเสน่ห์ดังมาจากในตำหนัก แล้วจูอวี้เหยียนก็เดินนวดนาดออกมาหลี่เต๋อฝูเหลือบมองนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “นายหญิงท่านนี้ยังมีไหวพริบ เช่นนั้นก็เชิญเถิด”จูอวี้เหยียนโน้มตัวเล็กน้อย แล้วพาทุกคนออกจากหอซีอวิ๋นนางหลุบตาลง ระหว่างทางที่เดินก็ระดมหนอนกู่ในร่างกายด้วยในห้องหนังสือ จิตใจของเย่‍จิ่ง‍อวี้เริ่มกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาที่จะพบหน้าสาวใช้เหล่านั้นก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเขานั่งบนเก้าอี้ พยายามสงบจิตใจ หลังจากผ่านไปประมาณสิบห้านาที เขาก็ลุกขึ้นยืน“เด็กๆ ไปคุกหลวง”ในเวลานี้ จูอวี้เหยียนและคนอื่นๆ มาถึงแล้ว นางหันกลับมา ถามด้วยรอยยิ้มหวานราวบุปผา “กงกงท่านนี้ ไม่ทราบว่าพวกเรามาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใด”หลี่เต๋อฝูกล่าวว่า “ฝ่าบาทต้องการถามอะไรบางอย่าง จึงต้องลำบากนายหญิงทุกคนแล้ว เด็กๆ มามัดนายหญิงเหล่านี้ไว้”“ช้าก่อน”เสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านนอกประตูเย่‍จิ่ง‍อวี้ที่สวมเสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามาจากประตูหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับกล่าวว่า “ฝ่าบาท”เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปที่จูอวี้เหยีย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 494 เทคโนโลยีขั้นสูง

    เสี่ยวอานจื่อเงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของอินชิงเสวียน โดยที่ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใด“ไม่ต้องแล้ว เรากลับกันเถอะ”ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชา หลังจากพูดจบนางก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองเสี่ยวอานจื่อรีบไล่ตามหลังไป“พระสนม...”“ข้าไม่เป็นไร”อินชิงเสวียนไม่พูดอะไรอีก นางเดินกลับไปที่ตำหนักจินหวู นางมองซ้ายขวา แล้วเปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นฉากของหอซีอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นเห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่ตำแหน่งที่หนักหลักอย่างสง่าผ่าเผย ด้านล่างเป็นกลุ่มสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้าบ้างก็กำลังเล่นเครื่องดนตรี บ้างก็กำลังร่ายรำ ดูน่าดึงดูดมากสตรีชื่อเหยียนหงนั่งอยู่ข้างๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ คอบปรนนิบัติรับใช้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นฉากนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเปลวไฟที่คุกรุ่นอยู่ในใจไม่กี่ชั่วยามก่อนยังบอกว่าจะพานางไปชมภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ไปฟังเพลงดูการร่ายรำกับสตรีจากเจียงวูเหล่านั้นปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกพกลมจริงๆอินชิงเสวียนโกรธจัดจนแลกเปลี่ยนขนมมานั่งกินบนเตียงอาหารรสเลิศสามารถทำให้คนอารมณ์ดีได้จริงๆ พอกินจนรู้สึกสบายใจแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เวลานี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 495 สั่งสอน

    “นี่เป็น...เรื่องจริงงั้นหรือ”รูม่านตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้หดตัวลงพลัน เรียวตาหงส์คู่นั้นจ้องมองภาพในโทรศัพท์อินชิงเสวียนพูดเบาๆ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อครู่ฝ่าบาทก็ปรากฏตัวด้วย ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าเมื่อครู่เขาอยู่ในหอซีอวิ๋น และฉากภายในก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำโดยไม่ได้ออกมาจากใจ เรียวตาหงส์ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“เจียงวูไม่มีเจตนาดีจริงๆ”อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา อาจส่งผลกระทบต่อความคิดและจิตใจ ฉะนั้นเรื่องนี้มอบให้หม่อมฉันจัดการจึงเหมาะสมที่สุด”จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็นึกถึงถ้วยชาที่จูอวี้เหยียนส่งให้เขา อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเกลียดชัง “คงเป็นเพราะชาถ้วยนั้น”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ฝ่าบาทก็ได้ยินแล้ว เมื่อใดที่กู่พิษเลือกแล้ว คนผู้นั้นก็จะหนีไม่พ้น พวกนางมาถึงเมืองหลวง เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้”“โจรถ่อยพวกนี้...”เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการสั่งให้คนจับตัวพวกนางไปทั้งหมด แต่มีเสียงในใจบอกเขาว่า ห้ามจับเขาไม่สามารถควบคุมความคิดของเขาได้ และมีอาการปวดหัวอีกครั้งเมื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 496 ผลกระทบ

    มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่สวมชุดคลุมมังกรก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“เสวียน‍เอ๋อร์”อินชิงเสวียนหันกลับไปมอง พอเห็นมาลามงกุฎบนศีรษะของเขา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท เหตุใดท่านจึงมาที่นี่”ในเวลานี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องประชุมเช้าอยู่ในราชสำนัก เขาไม่เคยมาวังหลังโดยที่ไม่ถอดมาลามงกุฎ แต่วันนี้กลับดูเร่งร้อนขนาดนี้จู่ๆ จูอวี้เหยียนก็แสดงสีหน้ายินดี นางคลานไปข้างหน้าสองก้าว แล้วกอดขาของเย่‍จิ่ง‍อวี้“ฝ่าบาท กุ้ยเฟยบอกว่าพวกหม่อมฉันเป็นสายลับที่เจียงวูส่งมา มาถึงก็ทุบตีพวกหม่อมฉันโดยไม่ถามถูกผิด ขอฝ่าบาทช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกหม่อมฉันด้วยเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้อดทนต่ออาการปวดหัวแทบระเบิด พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เสวียน‍เอ๋อร์พูดถูก เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าเป็นสายลับ”จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้างามเปื้อนน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝนพูดว่า “ฝ่าบาททรงปรีชา หม่อมฉันไม่ใช่สาบลับจริงๆ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย”เมื่อสบตากัน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ตะลึงงันเสียงในใจของเขาพูดว่า ใช่แล้ว สตรีที่อ่อนแอเช่นนี้จะเป็นสายลับได้อย่างไรเขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น มองไปที่อินชิงเสวียน“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าคงสับสนกร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 497 แผนรับมือ

    จวนจิ้งอ๋องเย่จั้นกำลังเก็บจัดเสื้อผ้า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองหลวง เนื่องจากเมืองซุ่ยหานส่งจดหมายมาแจ้งว่าเป่ยมู่ต๋าถอนกำลังทหารออกไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงขอให้เขาอยู่ต่ออีกสองสามวันเย่จั้นบังเอิญไปที่วัดสุ่ยจิ้ง จากนั้นไปที่โรงน้ำชาเพื่อสอบถามข่าวเป่ยไห่ อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีกทันทีที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้ก็มารายงาน“ท่านอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายวันนี้อินชิงเสวียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่จวนอ๋องได้“กุ้ยเฟยมากับใคร”คนรับใช้กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มีเพียงองค์ชายน้อย และบ่าวรับใช้สองคนเท่านั้น”เย่จั้นพยักหน้า“เชิญเข้ามา”ครู่ต่อมา อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอกเย่จั้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ถวายพระพรกุ้ยเฟย”อินชิงเสวียนยิ้มเบาๆ ตอบว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋อง”พวกเขาทั้งสองก็นับว่าเคยร่วมงานกันหลายครั้ง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status