แชร์

บทที่ 494 เทคโนโลยีขั้นสูง

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เสี่ยวอานจื่อเงยหน้าขึ้นมองดูสีหน้าของอินชิงเสวียน โดยที่ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใด

“ไม่ต้องแล้ว เรากลับกันเถอะ”

ใบหน้าของอินชิงเสวียนเย็นชา หลังจากพูดจบนางก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เสี่ยวอานจื่อรีบไล่ตามหลังไป

“พระสนม...”

“ข้าไม่เป็นไร”

อินชิงเสวียนไม่พูดอะไรอีก นางเดินกลับไปที่ตำหนักจินหวู

นางมองซ้ายขวา แล้วเปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นฉากของหอซีอวิ๋นก็ปรากฏขึ้น

เห็นเย่‍จิ่ง‍อวี้นั่งอยู่ตำแหน่งที่หนักหลักอย่างสง่าผ่าเผย ด้านล่างเป็นกลุ่มสตรีที่สวมผ้าคลุมหน้า

บ้างก็กำลังเล่นเครื่องดนตรี บ้างก็กำลังร่ายรำ ดูน่าดึงดูดมาก

สตรีชื่อเหยียนหงนั่งอยู่ข้างๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ คอบปรนนิบัติรับใช้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เมื่อเห็นฉากนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเปลวไฟที่คุกรุ่นอยู่ในใจ

ไม่กี่ชั่วยามก่อนยังบอกว่าจะพานางไปชมภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียง แต่เพียงพริบตาเดียวก็ไปฟังเพลงดูการร่ายรำกับสตรีจากเจียงวูเหล่านั้น

ปากของบุรุษ มีแต่คำโกหกพกลมจริงๆ

อินชิงเสวียนโกรธจัดจนแลกเปลี่ยนขนมมานั่งกินบนเตียง

อาหารรสเลิศสามารถทำให้คนอารมณ์ดีได้จริงๆ พอกินจนรู้สึกสบายใจแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก เวลานี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Chonlada Sanehmit
ทำไมโดนพิษกู่ง่ายๆถ้าไปหลงราชครูอีกจะเลิกอ่านแล้วนะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 495 สั่งสอน

    “นี่เป็น...เรื่องจริงงั้นหรือ”รูม่านตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้หดตัวลงพลัน เรียวตาหงส์คู่นั้นจ้องมองภาพในโทรศัพท์อินชิงเสวียนพูดเบาๆ “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อครู่ฝ่าบาทก็ปรากฏตัวด้วย ย่อมรู้ว่าสิ่งนี้ไม่สามารถปลอมแปลงได้”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าเมื่อครู่เขาอยู่ในหอซีอวิ๋น และฉากภายในก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนจริงๆเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำโดยไม่ได้ออกมาจากใจ เรียวตาหงส์ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา“เจียงวูไม่มีเจตนาดีจริงๆ”อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ตอนนี้ฝ่าบาทอยู่ภายใต้การควบคุมของกู่เสน่หา อาจส่งผลกระทบต่อความคิดและจิตใจ ฉะนั้นเรื่องนี้มอบให้หม่อมฉันจัดการจึงเหมาะสมที่สุด”จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็นึกถึงถ้วยชาที่จูอวี้เหยียนส่งให้เขา อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเกลียดชัง “คงเป็นเพราะชาถ้วยนั้น”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ฝ่าบาทก็ได้ยินแล้ว เมื่อใดที่กู่พิษเลือกแล้ว คนผู้นั้นก็จะหนีไม่พ้น พวกนางมาถึงเมืองหลวง เราก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้”“โจรถ่อยพวกนี้...”เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องการสั่งให้คนจับตัวพวกนางไปทั้งหมด แต่มีเสียงในใจบอกเขาว่า ห้ามจับเขาไม่สามารถควบคุมความคิดของเขาได้ และมีอาการปวดหัวอีกครั้งเมื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 496 ผลกระทบ

    มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่สวมชุดคลุมมังกรก็เดินเข้ามาจากด้านนอก“เสวียน‍เอ๋อร์”อินชิงเสวียนหันกลับไปมอง พอเห็นมาลามงกุฎบนศีรษะของเขา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ฝ่าบาท เหตุใดท่านจึงมาที่นี่”ในเวลานี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ต้องประชุมเช้าอยู่ในราชสำนัก เขาไม่เคยมาวังหลังโดยที่ไม่ถอดมาลามงกุฎ แต่วันนี้กลับดูเร่งร้อนขนาดนี้จู่ๆ จูอวี้เหยียนก็แสดงสีหน้ายินดี นางคลานไปข้างหน้าสองก้าว แล้วกอดขาของเย่‍จิ่ง‍อวี้“ฝ่าบาท กุ้ยเฟยบอกว่าพวกหม่อมฉันเป็นสายลับที่เจียงวูส่งมา มาถึงก็ทุบตีพวกหม่อมฉันโดยไม่ถามถูกผิด ขอฝ่าบาทช่วยให้ความเป็นธรรมกับพวกหม่อมฉันด้วยเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้อดทนต่ออาการปวดหัวแทบระเบิด พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “เสวียน‍เอ๋อร์พูดถูก เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าเป็นสายลับ”จูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้น ใบหน้างามเปื้อนน้ำตาดั่งดอกสาลี่ต้องหยาดฝนพูดว่า “ฝ่าบาททรงปรีชา หม่อมฉันไม่ใช่สาบลับจริงๆ หม่อมฉันถูกใส่ร้าย”เมื่อสบตากัน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ตะลึงงันเสียงในใจของเขาพูดว่า ใช่แล้ว สตรีที่อ่อนแอเช่นนี้จะเป็นสายลับได้อย่างไรเขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น มองไปที่อินชิงเสวียน“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าคงสับสนกร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 497 แผนรับมือ

    จวนจิ้งอ๋องเย่จั้นกำลังเก็บจัดเสื้อผ้า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองหลวง เนื่องจากเมืองซุ่ยหานส่งจดหมายมาแจ้งว่าเป่ยมู่ต๋าถอนกำลังทหารออกไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงขอให้เขาอยู่ต่ออีกสองสามวันเย่จั้นบังเอิญไปที่วัดสุ่ยจิ้ง จากนั้นไปที่โรงน้ำชาเพื่อสอบถามข่าวเป่ยไห่ อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีกทันทีที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้ก็มารายงาน“ท่านอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายวันนี้อินชิงเสวียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่จวนอ๋องได้“กุ้ยเฟยมากับใคร”คนรับใช้กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มีเพียงองค์ชายน้อย และบ่าวรับใช้สองคนเท่านั้น”เย่จั้นพยักหน้า“เชิญเข้ามา”ครู่ต่อมา อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอกเย่จั้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ถวายพระพรกุ้ยเฟย”อินชิงเสวียนยิ้มเบาๆ ตอบว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋อง”พวกเขาทั้งสองก็นับว่าเคยร่วมงานกันหลายครั้ง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 498 ฆ่าทันที

    เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของอินชิงเสวียน ยายหลี่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก นางโค้งคำนับแล้วถอยออกไปอินชิงเสวียนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง เล่นเกมไปด้วย มองกล้องวงจรปิดด้านนอกไปด้วยชั่วพริบตาก็ถึงยามไห้ (เวลา 21.00 - 23.00 น.)อินชิงเสวียนกำลังเล่นเกมแคนดี้ครัชอยู่ลำพัง แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงจากกล้องวงจรปิดแล้วมีคนตะโกน “นั่นใคร”ฟางรั่วและคนอื่นๆ ไม่คาดคิดว่าจะมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ในตำหนักจินหวูจำนวนมาก พวกนางตกใจทันทีนางพลิกฝ่ามือแล้วกระแทกใส่คนหนึ่งในนั้นออกไป และกระซิบ “รีบสู้รีบกลับ จัดการกับพวกเขาโดยเร็ว”อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา แล้วพาเขาเข้าไปในมิติจากนั้นก็เปิดประตู แล้วเดินออกจากเรือนอย่างสงบ“ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงเป็นฟางรั่วกระมัง ในเมื่อเจ้าชื่นชอบเจ้านายของเจ้ามากถึงเพียงนั้น ทำไมเจ้าถึงกลับมาที่ต้าโจวอีก”หัวใจของฟางรั่วเต้นรัว อินชิงเสวียนสามารถเดาตัวตนของนางได้!ขณะที่กำลังตกตะลึง ทหารองครักษ์ก็เข้าโจมตีแล้วฟางรั่วไม่กล้าวอกแวก ต่อสู้กับทหารองครักษ์ทันทีอินชิงเสวียนมองไปที่ฟางรั่วอย่างเย็นชา พูดเชิงสัพยอก “คิดว่าจูอวี้เหยียนคงไปที่ห้องห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 499 เกลียดเข้ากระดูกดำ

    สติสัมปชัญญะของเย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ในภวังค์ทันที“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่านักฆ่าคือคนเหล่านี้จริงๆ”อินชิงเสวียนพูดไม่ออกชั่วขณะ หากนางไม่รู้ว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกครอบงำโดยกู่เสน่หา อินชิงเสวียนคงจะสงสัยว่าฝ่าบาทที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมฮ่องเต้น้อยที่ครั้งหนึ่งเคยเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว แววตาเฉียบคม กลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางทั้งหงุดหงิด ทั้งปวดใจจริงๆไม่ว่าต้องใช้วิธีใด นางก็ต้องช่วยเย่‍จิ่ง‍อวี้กำจัดพิษกู่ให้ได้ นังแม่มดจูอวี้เหยียนก็ต้องชดใช้เช่นกัน“หม่อมฉันแน่ใจ ทหารองครักษ์เหล่านี้ล้วนถูกส่งมาจากฝ่าบาท แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่เชื่อหม่อมฉัน แต่จะไม่เชื่อพวกเขาหรือเพคะ”ทหารองครักษ์คุกเข่าลงทันที ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้คือคนที่มาที่ตำหนักจินหวูเพื่อลอบสังหารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”จูอวี้เหยียนกล่าวอีกครั้ง “ฝ่าบาท เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจึงพูดว่า “ฝ่าบาท มีสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ หม่อมฉันจะโป้ปดมดเท็จได้หรือเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ในความสับสนเนื่องจากอิทธิพลของหนอนกู่ แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินพวกนางทะเลาะกัน เขาก็เริ่มปวดหัวอีกครั้ง“เรื่องนี้ไว้ค่อย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 500 อดีต

    จูอวี้เหยียนกลอกตา เหลือบมองหญิงสาวเหล่านั้น แล้วหัวเราะเบาๆ “พวกเจ้าจงรักภักดีต่อข้า?”ทุกคนคุกเข่าลงอย่างลนลาน “พวกบ่าวไม่มีทางคิดไม่ซื่อต่อราชครู”จูอวี้เหยียนยังคงยิ้มอยู่ นางหยิบยาลูกกลอนสีเขียวหลายเม็ดออกจากแขนเสื้อ แล้ววางลงบนโต๊ะ“ในเมื่อพวกเจ้าภักดีต่อข้า เช่นนั้นก็กินยานี่ ต่อไปทุกวันที่หนึ่งของเดือน ข้าจะให้ยาแก้พิษกับพวกเจ้า”หญิงสาวเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน แล้วทยอยเดินไปหยิบยาทุกคนจูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นมอง“ฟางรั่ว ถึงตาเจ้าแล้ว”ใบหน้าของฟางรั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “บ่าวก็ต้องกินด้วยหรือ”จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มแต่แววตาไม่ยิ้ม “ฟางรั่ว เจ้าไม่ใช่หน่วยกล้าตายของอา‍ซือ‍หลานอีกต่อไปแล้ว เป็นข้าที่ช่วยเจ้าไว้ เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าไปตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าเจ้าควรกินหรือไม่เล่า”ฟางรั่วเม้มริมฝีปากแรงๆ แล้วหยิบยาเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปากในอีกด้านหนึ่งของหน้าจอโทรศัพท์ อินชิงเสวียนกำลังดูภาพในหอซีอวิ๋นสำหรับความคิดเห็นของเย่จั้น นางไม่มีความหวังมากนัก แต่ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเฝ้าจับตาดูจูอวี้เหยียนก่อน แล้วค่อยหาข้อพิรุธให้เจอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 501 รู้สึกผิด

    ผู้เฒ่ากวนกล่าวว่า “ข้าแค่คาดเดา แต่ข้าไม่รู้ว่าราชครูแซ่จูผู้นั้นอายุเท่าไหร่”อินจ้งส่ายศีรษะ แม้ว่าเขาจะได้พบกับจูอวี้เหยียนในระหว่างการโจมตีเมืองลั่วซย่าในวันนั้น แต่ท้องฟ้าก็มืดเกินไป เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน“ศิษย์ก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่หากพิจารณาจากเสียงแล้ว นางน่าจะเป็นหญิงสาว”ผู้เฒ่ากวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกสงสัย เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงส่งคนไปตามหาคนแซ่จู แต่กลับกลายเป็นว่างเปล่า เรื่องนี้ควรจะสอบสวนโดยละเอียดดีกว่า บางที...สตรีคนนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับเจ้าอยู่บ้าง”อินจ้งขมวดคิ้ว หรือว่า...เป็นไปไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ผู้เฒ่ากวนก็ตบมือของเขา แล้วพูดอย่างใจดี “ข้าแค่พูดไปเฉยๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องกำจัดพิษกู่ของสิงอวิ๋น ข้าได้ยินมาว่าพิษกู่สามารถกำจัดโดยคนที่เสกพิษกู่ใส่ นอกจากนี้ เราสามารถหาคนที่มีกำลังภายในสูงเท่านั้น ถึงจะขับไล่พิษกู่ออกจากร่างกายได้ ในจวนข้ามีชาวยุทธ์มามากมายพอดี พรุ่งนี้ข้าจะถามพวกเขาดู ว่ายังมีวิธีอื่นหรือไม่”อินจ้งลุกขึ้นยืนประกบมือคำนับทันที“ขอบคุณท่านอาจารย์”“สำหรับข้า สิงอวิ๋นและ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 502 เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกท่านพ่อกับท่านพี่ของข้า

    หลี่เต๋อฝูรีบตอบรับ “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง จะไม่ยอมให้บุคคลภายนอกรบกวนฝ่าบาทในห้องหนังสืออีก”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าแล้วสั่ง “พรุ่งนี้ให้ห้องครัวหลวงทำอาหารอร่อยๆ ข้าอยากจะกินข้าวเย็นกับเสวียน‍เอ๋อร์”หลี่เต๋อฝูตอบด้วยใบหน้ามีความสุข “กระหม่อมทราบแล้ว จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างดีแน่นอน”จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“ข้ายังไม่ง่วง ไปห้องหนังสือกันเถอะ ยังเหลือฎีกาอีกหลายฉบับ ข้าจะอ่านให้หมด”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทอารมณ์ดี สีหน้าของหลี่เต๋อฝูก็มีรอยยิ้มวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็รับประทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ แล้วพา เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไปที่สำนักศึกษาหลวงแม้ว่าปัญหาเรื่องพิษกู่จะต้องรีบจัดการ แต่สำนักศึกษาหลวงก็ไม่สามารถทิ้งไว้ได้ เหล่าบัณฑิตเฒ่าหลายคนกำลังทำงานกันอย่างหนัก วิชาเรียนจะต้องไม่ถูกขัดจังหวะในเวลานี้เนื่องจากตัวเองต้องสวมชุดบุรุษออกมาข้างนอก จึงไม่สะดวกที่พาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไปด้วย อินชิงเสวียนจึงฝากลูกชายไว้ที่จวนแม่ทัพ มีเพียงฝากลูกไว้กับพ่อและพี่ชายเท่านั้น นางถึงจะสบายใจได้เมื่ออินจื่อลั่วเห็นหลานชายมา นาง

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status