แชร์

บทที่ 497 แผนรับมือ

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
จวนจิ้งอ๋อง

เย่จั้นกำลังเก็บจัดเสื้อผ้า ตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแล้ว ถึงเวลาออกเดินทางแล้ว

เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เตรียมตัวที่จะออกจากเมืองหลวง เนื่องจากเมืองซุ่ยหานส่งจดหมายมาแจ้งว่าเป่ยมู่ต๋าถอนกำลังทหารออกไปแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงขอให้เขาอยู่ต่ออีกสองสามวัน

เย่จั้นบังเอิญไปที่วัดสุ่ยจิ้ง จากนั้นไปที่โรงน้ำชาเพื่อสอบถามข่าวเป่ยไห่ อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้รู้เรื่องเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ต่ออีก

ทันทีที่เก็บของเสร็จเรียบร้อย คนรับใช้ก็มารายงาน

“ท่านอ๋อง หวงกุ้ยเฟยเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ”

เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลายวันนี้อินชิงเสวียนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมาที่จวนอ๋องได้

“กุ้ยเฟยมากับใคร”

คนรับใช้กล่าวอย่างพินอบพิเทา “มีเพียงองค์ชายน้อย และบ่าวรับใช้สองคนเท่านั้น”

เย่จั้นพยักหน้า

“เชิญเข้ามา”

ครู่ต่อมา อินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเดินเข้ามาจากด้านนอก

เย่จั้นโค้งคำนับ กล่าวว่า “ถวายพระพรกุ้ยเฟย”

อินชิงเสวียนยิ้มเบาๆ ตอบว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ข้ามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องสำคัญจะหารือกับท่านอ๋อง”

พวกเขาทั้งสองก็นับว่าเคยร่วมงานกันหลายครั้ง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 498 ฆ่าทันที

    เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของอินชิงเสวียน ยายหลี่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก นางโค้งคำนับแล้วถอยออกไปอินชิงเสวียนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถง เล่นเกมไปด้วย มองกล้องวงจรปิดด้านนอกไปด้วยชั่วพริบตาก็ถึงยามไห้ (เวลา 21.00 - 23.00 น.)อินชิงเสวียนกำลังเล่นเกมแคนดี้ครัชอยู่ลำพัง แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงจากกล้องวงจรปิดแล้วมีคนตะโกน “นั่นใคร”ฟางรั่วและคนอื่นๆ ไม่คาดคิดว่าจะมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่ในตำหนักจินหวูจำนวนมาก พวกนางตกใจทันทีนางพลิกฝ่ามือแล้วกระแทกใส่คนหนึ่งในนั้นออกไป และกระซิบ “รีบสู้รีบกลับ จัดการกับพวกเขาโดยเร็ว”อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา แล้วพาเขาเข้าไปในมิติจากนั้นก็เปิดประตู แล้วเดินออกจากเรือนอย่างสงบ“ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงเป็นฟางรั่วกระมัง ในเมื่อเจ้าชื่นชอบเจ้านายของเจ้ามากถึงเพียงนั้น ทำไมเจ้าถึงกลับมาที่ต้าโจวอีก”หัวใจของฟางรั่วเต้นรัว อินชิงเสวียนสามารถเดาตัวตนของนางได้!ขณะที่กำลังตกตะลึง ทหารองครักษ์ก็เข้าโจมตีแล้วฟางรั่วไม่กล้าวอกแวก ต่อสู้กับทหารองครักษ์ทันทีอินชิงเสวียนมองไปที่ฟางรั่วอย่างเย็นชา พูดเชิงสัพยอก “คิดว่าจูอวี้เหยียนคงไปที่ห้องห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 499 เกลียดเข้ากระดูกดำ

    สติสัมปชัญญะของเย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ในภวังค์ทันที“เสวียน‍เอ๋อร์ เจ้าแน่ใจหรือว่านักฆ่าคือคนเหล่านี้จริงๆ”อินชิงเสวียนพูดไม่ออกชั่วขณะ หากนางไม่รู้ว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้ถูกครอบงำโดยกู่เสน่หา อินชิงเสวียนคงจะสงสัยว่าฝ่าบาทที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่คนเดิมฮ่องเต้น้อยที่ครั้งหนึ่งเคยเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว แววตาเฉียบคม กลับกลายมาเป็นเช่นนี้ ซึ่งทำให้นางทั้งหงุดหงิด ทั้งปวดใจจริงๆไม่ว่าต้องใช้วิธีใด นางก็ต้องช่วยเย่‍จิ่ง‍อวี้กำจัดพิษกู่ให้ได้ นังแม่มดจูอวี้เหยียนก็ต้องชดใช้เช่นกัน“หม่อมฉันแน่ใจ ทหารองครักษ์เหล่านี้ล้วนถูกส่งมาจากฝ่าบาท แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่เชื่อหม่อมฉัน แต่จะไม่เชื่อพวกเขาหรือเพคะ”ทหารองครักษ์คุกเข่าลงทันที ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “คนเหล่านี้คือคนที่มาที่ตำหนักจินหวูเพื่อลอบสังหารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”จูอวี้เหยียนกล่าวอีกครั้ง “ฝ่าบาท เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจึงพูดว่า “ฝ่าบาท มีสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ หม่อมฉันจะโป้ปดมดเท็จได้หรือเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ตกอยู่ในความสับสนเนื่องจากอิทธิพลของหนอนกู่ แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินพวกนางทะเลาะกัน เขาก็เริ่มปวดหัวอีกครั้ง“เรื่องนี้ไว้ค่อย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 500 อดีต

    จูอวี้เหยียนกลอกตา เหลือบมองหญิงสาวเหล่านั้น แล้วหัวเราะเบาๆ “พวกเจ้าจงรักภักดีต่อข้า?”ทุกคนคุกเข่าลงอย่างลนลาน “พวกบ่าวไม่มีทางคิดไม่ซื่อต่อราชครู”จูอวี้เหยียนยังคงยิ้มอยู่ นางหยิบยาลูกกลอนสีเขียวหลายเม็ดออกจากแขนเสื้อ แล้ววางลงบนโต๊ะ“ในเมื่อพวกเจ้าภักดีต่อข้า เช่นนั้นก็กินยานี่ ต่อไปทุกวันที่หนึ่งของเดือน ข้าจะให้ยาแก้พิษกับพวกเจ้า”หญิงสาวเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน แล้วทยอยเดินไปหยิบยาทุกคนจูอวี้เหยียนเงยหน้าขึ้นมอง“ฟางรั่ว ถึงตาเจ้าแล้ว”ใบหน้าของฟางรั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “บ่าวก็ต้องกินด้วยหรือ”จูอวี้เหยียนพูดด้วยรอยยิ้มแต่แววตาไม่ยิ้ม “ฟางรั่ว เจ้าไม่ใช่หน่วยกล้าตายของอา‍ซือ‍หลานอีกต่อไปแล้ว เป็นข้าที่ช่วยเจ้าไว้ เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้าไปตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าเจ้าควรกินหรือไม่เล่า”ฟางรั่วเม้มริมฝีปากแรงๆ แล้วหยิบยาเม็ดหนึ่งใส่เข้าไปในปากในอีกด้านหนึ่งของหน้าจอโทรศัพท์ อินชิงเสวียนกำลังดูภาพในหอซีอวิ๋นสำหรับความคิดเห็นของเย่จั้น นางไม่มีความหวังมากนัก แต่ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเฝ้าจับตาดูจูอวี้เหยียนก่อน แล้วค่อยหาข้อพิรุธให้เจอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 501 รู้สึกผิด

    ผู้เฒ่ากวนกล่าวว่า “ข้าแค่คาดเดา แต่ข้าไม่รู้ว่าราชครูแซ่จูผู้นั้นอายุเท่าไหร่”อินจ้งส่ายศีรษะ แม้ว่าเขาจะได้พบกับจูอวี้เหยียนในระหว่างการโจมตีเมืองลั่วซย่าในวันนั้น แต่ท้องฟ้าก็มืดเกินไป เขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน“ศิษย์ก็มองเห็นได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่หากพิจารณาจากเสียงแล้ว นางน่าจะเป็นหญิงสาว”ผู้เฒ่ากวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกสงสัย เมื่อไม่กี่วันก่อนจึงส่งคนไปตามหาคนแซ่จู แต่กลับกลายเป็นว่างเปล่า เรื่องนี้ควรจะสอบสวนโดยละเอียดดีกว่า บางที...สตรีคนนี้อาจมีความเชื่อมโยงกับเจ้าอยู่บ้าง”อินจ้งขมวดคิ้ว หรือว่า...เป็นไปไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ผู้เฒ่ากวนก็ตบมือของเขา แล้วพูดอย่างใจดี “ข้าแค่พูดไปเฉยๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมาก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องกำจัดพิษกู่ของสิงอวิ๋น ข้าได้ยินมาว่าพิษกู่สามารถกำจัดโดยคนที่เสกพิษกู่ใส่ นอกจากนี้ เราสามารถหาคนที่มีกำลังภายในสูงเท่านั้น ถึงจะขับไล่พิษกู่ออกจากร่างกายได้ ในจวนข้ามีชาวยุทธ์มามากมายพอดี พรุ่งนี้ข้าจะถามพวกเขาดู ว่ายังมีวิธีอื่นหรือไม่”อินจ้งลุกขึ้นยืนประกบมือคำนับทันที“ขอบคุณท่านอาจารย์”“สำหรับข้า สิงอวิ๋นและ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 502 เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกท่านพ่อกับท่านพี่ของข้า

    หลี่เต๋อฝูรีบตอบรับ “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง จะไม่ยอมให้บุคคลภายนอกรบกวนฝ่าบาทในห้องหนังสืออีก”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าแล้วสั่ง “พรุ่งนี้ให้ห้องครัวหลวงทำอาหารอร่อยๆ ข้าอยากจะกินข้าวเย็นกับเสวียน‍เอ๋อร์”หลี่เต๋อฝูตอบด้วยใบหน้ามีความสุข “กระหม่อมทราบแล้ว จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างดีแน่นอน”จู่ๆ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“ข้ายังไม่ง่วง ไปห้องหนังสือกันเถอะ ยังเหลือฎีกาอีกหลายฉบับ ข้าจะอ่านให้หมด”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทอารมณ์ดี สีหน้าของหลี่เต๋อฝูก็มีรอยยิ้มวันรุ่งขึ้นอินชิงเสวียนตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่เช้าตรู่ จากนั้นก็รับประทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ แล้วพา เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไปที่สำนักศึกษาหลวงแม้ว่าปัญหาเรื่องพิษกู่จะต้องรีบจัดการ แต่สำนักศึกษาหลวงก็ไม่สามารถทิ้งไว้ได้ เหล่าบัณฑิตเฒ่าหลายคนกำลังทำงานกันอย่างหนัก วิชาเรียนจะต้องไม่ถูกขัดจังหวะในเวลานี้เนื่องจากตัวเองต้องสวมชุดบุรุษออกมาข้างนอก จึงไม่สะดวกที่พาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไปด้วย อินชิงเสวียนจึงฝากลูกชายไว้ที่จวนแม่ทัพ มีเพียงฝากลูกไว้กับพ่อและพี่ชายเท่านั้น นางถึงจะสบายใจได้เมื่ออินจื่อลั่วเห็นหลานชายมา นาง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 503 ตวาด

    กวนเซี่ยวก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “ข้าแค่รู้สึกว่านางดูคุ้นตา จนกระทั่งเดินทางออกจากเจียงวู ถึงได้สงสัยว่านางอาจจะเป็นฟางรั่ว”อินชิงเสวียนมองไปยังกวนเซี่ยวด้วยสายตานิ่งขึง“พี่ชายกวน เจ้าชอบฟางรั่วอย่างนั้นหรือ”กวนเซี่ยวตัวสั่นเล็กน้อย“กุ้ยเฟยโปรดอย่าเดาส่งเดช”เสียงของอินชิงเสวียนเย็นชาเล็กน้อย“ถ้าไม่ใช่ เจ้าจะปิดบังเรื่องนี้ไม่ยอมรายงานได้อย่างไร เจ้าน่าจะรู้ว่าฟางรั่วเป็นสาวใช้คนสนิทของอา‍ซือ‍หลาน การที่นางเดินทางมาในขบวนด้วย ไม่น่าสงสัยเลยกระนั้นหรือ”ศีรษะของกวนเซี่ยวหดลงเล็กน้อย“ตอนนั้นพวกนางสวมผ้าปิดหน้ากันหมด ข้าไม่สามารถมองรูปร่างหน้าตาของพวกนางได้เลย”“นี่เป็นเพียงข้อแก้ตัว ตลอดการเดินทางสิบกว่าวัน หากเจ้าอยากตรวจสอบก็มีโอกาสมากมาย ขอแค่ไม่เข้าเมืองหลวง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป”ยิ่งอินชิงเสวียนพูดมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น หากกวนเซี่ยวรายงานเรื่องนี้ อินจ้งจะต้องมีแผนรับมืออย่างแน่นอน หากสาวใช้เหล่านี้ไม่ได้เข้ามาในเมืองหลวง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็คงไม่ถูกเสกกู่ใส่กวนเซี่ยวกัดฟัน คุกเข่าลงกับพื้น“เป็นข้าที่ประมาท หวังว่ากุ้ยเฟยจะเมตตา กวนเซี่ยวเต็มใจที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 504 ท่านพี่ข้าก็อยากออกไปเดินเล่น

    อินจ้งขมวดคิ้วมุ่นขึ้นเขาได้ยินอินปู้อวี่พูดว่าถ้าเขาต้องการกำจัดพิษกู่ของบุตรชายคนโต จำเป็นต้องตามหาหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ของสำนักสันโดษ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่สามารถใช้เครื่องดนตรีเพื่อขับไล่หนอนร้ายออกมาได้เขานำทหารออกรบมานานหลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสำนักแบบนี้มาก่อน คงจะหาพบได้ยากแน่นอน วิธีเดียวที่จะช่วยทั้งสองคนได้ คือการขอยาแก้พิษจากจูอวี้เหยียนเมื่อนึกถึงอินสิงอวิ๋นที่หมดสติ และฝ่าบาทที่เลิกประชุมเช้าเร็วเพราะปวดศีรษะ อินจ้งก็เงยหน้าขึ้นพูดว่า “ปมที่แก้ยากก็ยังมีทางแก้ น้ำไกลไม่อาจดับกระหายได้ ไปหาจูอวี้เหยียนหารือเงื่อนไขกับนางดีกว่า”“นางกับอาซือหลานก็ตะเภาเดียวกัน เหตุผลที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อควบคุมฝ่าบาท ยึดอำนาจของฝ่าบาทไว้ในมือของนางเอง และร่วมมือกับอาซือหลานทั้งภายในและภายนอกเพื่อโค่นล้มต้าโจว นางจะไม่มีวันประนีประนอมแน่ ตอนนี้ข้าอยากจะรู้ว่าการมีชีวิตอยู่ของนางมีความเชื่อมโยงกับพิษกู่อย่างไร ถ้าไม่มี ข้าจะฆ่านางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลัง”เมื่ออินชิงเสวียนพูดเช่นนี้ นัยน์ตาก็เป็นประกายด้วยเจตนาฆ่าอินจ้งพูดขึ้นโดยเร็ว “อย่าเพิ่งผลีผลาม ในเมื่อจูอวี้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 505 ระวังจะไม่มีคนขอแต่งงาน

    สี่ชั่วยามต่อมา หญิงสาวทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในย่านใจกลางเมืองทุกครั้งที่อินชิงเสวียนออกจากวังนางมักจะรีบเร่งอยู่เสมอ ไม่เคยเดินเที่ยวเล่นเช่นนี้มาก่อน เมื่อมองดูผู้คนที่ยุ่งวุ่นวายทำการค้าบนถนน จู่ๆ นางก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นที่ตลาดนัดกลางคืนทั้งสองมองไปรอบๆ รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากฉินเทียนและหลี่ฉีติดตามทั้งสองอยู่ข้างหลัง แต่กลับทำท่าระแวดระวังราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขามคนผู้นี้เป็นถึงกุ้ยเฟยของฝ่าบาทองค์ปัจจุบัน ทั้งยังมีบุตรีคนที่สี่ของแม่ทัพอิน หากเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบไหว“ท่านพี่ น้ำตาลปั้นเจ้าค่ะ!”อินจื่อลั่วชี้ไปที่คนขายน้ำตาลปั้น แล้วทำท่าเหมือนอยากไปลองกินอินชิงเสวียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไป พวกเราไปชื้อมาลองชิมสองอัน”นับตั้งแต่ออกจากวังเย็น อินชิงเสวียนก็มีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ มากมาย ยากมากที่อินชิงเสวียนจะผ่อนคลายจิตใจเช่นนี้อินจื่อลั่ววิ่งไปที่แผงขายน้ำตาลปั้น หมายตาน้ำตาลปั้นเล็กๆ ที่อยู่ด้านบนสุด นางเอื้อมมือจะไปหยิบ แต่กลับมีมืออีกข้างหนึ่งมาฉวยไปก่อนอินจื่อลั่วจ้องตามมือไปหาเจ้าของมือ แล้วก็เห็นว่าคนที่แย่งน้ำตาลปั้

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1467 ฉันอยากกลับไป

    อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

DMCA.com Protection Status