Home / โรแมนติก / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 327 เสวียนเทียนไต้ซือ

Share

บทที่ 327 เสวียนเทียนไต้ซือ

Author: ม่อเยี่ยน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
หอสวดมนต์

ในเวลานี้ ไทเฮากำลังสนทนาธรรมกับเสวียนเทียนไต้ซือ หลังจากฟังธรรมมาตลอดทั้งบ่าย นางก็ได้รับประโยชน์มากมาย

เมื่อคนเข้าสู่ช่วงวัยหนึ่ง มักต้องการทราบชะตากรรมของตนอยู่เสมอ

ไทเฮาก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่านางจะรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเลื่อนลอยไม่มีหลักแหล่ง แต่นางก็ยังมีความหวังอยู่ในใจ

เมื่อเห็นว่าแม้ไต้ซือจะอายุไม่มากนัก แต่กลับมีความสง่าน่าเกรงขาม มีความรู้ในทางพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จึงรู้สึกเชื่ออยู่มิวาย

นางหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา เหตุใดจึงไปเชิญไต้ซือมาจากวัดหลงอิ่นได้”

เสวียนเทียนสวดพระนามอมิตภะพุทธเจ้า แล้วกว่าว่า “นักบวชไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ช่วงนี้อาตมาได้ยินเรื่องความโชคร้ายในราชสำนัก จึงมาตรวจดูที่นี่ แม้ว่าอาตมาจะเข้าสู่โลกทางธรรมแล้ว แต่ข้าวหรืออาหารที่ได้ฉันก็มาจากต้าโจว จึงต้องพยายามเพื่อต้าโจวบ้าง”

เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “วังแห่งนี้มีสิ่งอัปมงคลจริงๆ หากต้องการเปลี่ยนฮวงจุ้ย ควรกำจัดทีละอย่าง”

“โอ้? อัปมงคลที่ต้าซือพูดหมายถึง...”

“คือสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าวิญญาณชั่วร้า
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 328 ต่างครุ่นคิดกันคนละเรื่อง

    วันถัดมาขุนนางทุกคนมาประชุมเช้า แล้วต่างคนก็ต่างถวายฎีกาสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม ทำให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ที่ฟังอยู่ก็รู้สึกง่วงนอนหลังจากวันนั้นที่กวนเมิ่งถิงพูดถึงตระกูลอินแล้ว ก็ดูเหมือนเขาจะเงียบเหมือนเป็นใบ้ไปอีกเย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองเขา พลางคิดว่าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้อดทนเก่งจริงๆเมื่อเห็นว่าใกล้เที่ยงแล้ว ขุนนางทุกคนก็เริ่มปิดปากเงียบเย่‍จิ่ง‍อวี้จับเศียรมังกร และลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกร“พรุ่งนี้เป็นวันพักผ่อน ดอกไม้ในสวนบุปผาหลวงกำลังบานสะพรั่งพอดี ข้าเองก็เตรียมจัดงานเลี้ยงในวัง ขึงขอเชิญขุนนางทุกท่านมาเพลิดเพลินกับบุปผา”ขุนนางทุกคนต่างแสดงสีหน้ายินดีทันที คุกเข่าโขกศีรษะว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาท”เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วพูดเบาๆ “ทุกท่านลุกขึ้นเถิด หากไม่มีฎีกาถวายแล้ว ก็เลิกประชุมได้ พรุ่งนี้ในยามโหย่ว (17.00น.-19.00น.) เรียนเชิญทุกท่านเข้าวังมาร่วมงานเลี้ยงด้วย”“พวกกระหม่อมจะเข้าวังมาให้ตรงเวลา ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางต่างทยอยออกจากตำหนักจินหลวน กวนเมิ่งถิงเลิกคิ้วขึ้นสูง คิดในใจว่า นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะลอบเข้าวัง เขาควรแจ้งอา‍ซือ‍หลานโดยด่วน...

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 329 ไม่กล้ามอบให้ทั้งหมดของหัวใจ

    ทันทีที่พูดจบ สวีจือย่วนก็เดินโผล่ออกมาจากตรอกด้านหนึ่งอินชิงเสวียนรับตัดบทซูฉ่ายเวยทันที แล้วพูดเบาๆ กลับข้างหลังนาง “วันนี้นายหญิงสวีก็ออกมาเดินเล่นเช่นกันรึ หาได้ยากจริงๆ”สวีจือย่วนเยื้องกรายมาสองก้าวอย่างงดงาม โค้งคำนับแล้วพูดว่า “หม่อมฉันถวายพระพรพระสนมเหยาเฟย ถวายพระพรพระสนมหลิงเฟย”เมื่อเห็นนาง ซูฉ่ายเวยก็รู้สึกประดักประเดิด ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ตามสบาย ข้ายังมีงานต้องทำอยู่ ต้องกลับไปก่อนแล้ว”สวีจือย่วนก้มศีรษะอย่างนอบน้อม“พระสนมหลิงเฟยกลับดีๆ”เมื่อซูฉ่ายเวยเดินผ่านนางไป ดวงตาของสวีจือย่วนเปลี่ยนเป็นเย็นชา กลับมาเป็นปกติในทันที“ไม่ทราบว่าพระสนมเหยาเฟยกำลังจะไปที่ใด ต้องการให้หม่อมฉันไปด้วยหรือไม่”นางเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงประหม่าทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็นึกถึงภาพตอนที่นางซบอยู่บนตักของเย่‍จิ่ง‍อวี้ได้ รู้สึกไม่พอใจทันทัพูดอย่างเย็นชา “ข้าแค่มาเดินเล่นเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องตามมา”นางโบกมือให้อวิ๋นฉ่ายกับเสี่ยวอานจื่อ แล้วพวกเขาก็เข็นรถเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงมาทันทีเมื่อมองไปที่เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น จู่ๆ สวีจือย่วนก็หันกลับมา และพูดกับอินชิงเสวียน “ตั้งแต่หม่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 330 เหยียบย่ำทุกคนไว้ใต้เท้า

    สวีจือย่วนคุกเข่าลง และโขกศีรษะคำนับเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เดินออกไปแล้วหานปิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ช่วยพยุงสวีจือย่วนลุกขึ้น“นายหญฺง นายท่านได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว”แววตาของสวีจือย่วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขเช่นกัน“ใช่แล้ว ตราบใดที่พยายามมากพอ ย่อมได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอ”หานปิงพยักหน้าอย่างแรง“หากนายหญิงได้รับการอวยยศบ้างก็คงจะดีไม่น้อย แม้จะเป็นสนมขั้นผินก็ยังดี”ทันทีที่พูดจบ ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยจากใครบางคน“เป็นแค่หญิงงาม ยังกล้าฝันอยากเป็นผิน”คนผู้หนึ่งที่มีนางกำนัลสองคนช่วยประคอง ได้เดินออกจากสวนข้างๆ ซึ่งก็เป็นลู่จิ้งเสียนที่นางไม่ได้เจอหน้ามานานแล้ววันนี้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย จึงอยากมาเข้าเฝ้าไทเฮา แต่เมื่อออกจากตำหนักก็บังเอิญเห็นสวีจือย่วน จึงเดินลัดเลาะสวนติดตามนางมาเมื่อไม่กี่วันก่อน นางได้รับการสั่งสอนจากอินชิงเสวียน นางยังเก็บงำความแค้นไว้ในใจเสมอมา นางไม่สามารถเอาชนะอินชิงเสวียนได้ แต่ถ้ามาหาเรื่องนายหญิงคนหนึ่ง ย่อมไม่เป็นปัญหาแน่นอนเมื่อครู่ก็เพิ่งได้เห็นอินชิงเสวียนกับสวีจือย่วนคล้ายจะมีปากเสียงกัน นางก็อดคิดไม่ได้ว่าสวรรค์ก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 331 นี่เป็นวิธีที่ไทเฮาเคยใช้มิใช่หรือ

    หลังจากพูดคุยกันสักพัก อินชิงเสวียนก็ลุกขึ้นและกล่าวลากลิ่นควันบุหรี่ของเย่จิ่งหลานทำให้นางเวียนศีรษะมากอันไท่ผินเอาของเล่นที่ดูน่าสนุกให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของเล่นที่เย่จิ่งหลานเคยเล่นเมื่อตอนที่เขายังเด็กเมื่อเห็นนางมองเย่จิ่งหลานด้วยความรัก อินชิงเสวียนก็ไม่วายเศร้าใจ ถ้ารู้ว่าลูกชายของนางถูกสับเปลี่ยนวิญญาณ นางจะคิดอย่างไรก็ไม่รู้เย่จิ่งหลานออกไปส่งอินชิงเสวียนที่ประตูด้วยกิริยาท่าทางนอบน้อมเช่นเคย เมื่อกลับมาที่ตำหนักจินหวู เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็หลับไปแล้วอวิ๋นฉ่ายพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันไท่ผินหยอกเย้าเด็กเก่งมากเพคะ องค์ชายน้อยคงจะเล่นจนเหนื่อย”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปอุ้มลูกออกมา ตบหลังเขาเบาๆ “ใช่ หายากที่เขาจะนอนกลางวันได้สักพัก พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนเถอะ ข้าอยู่กับเขาก็พอ”อวิ๋นฉ่ายกับเสี่ยวอานจื่อขานรับคำ แล้วถอยออกไปอินชิงเสวียนวางเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงลงบนเตียง จากนั้นพิจารณาดูหน้าตาของเขา ช่างมีประพิมพ์ประพายคล้ายกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ่งนัก โดยเฉพาะท่าทางการขมวดคิ้วซึ่งเหมือนกับท่าทางของฮ่องเต้ไม่มีผิดเลยขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 332 ฝ่าบาทแสดงได้เนียนจริงๆ

    ณ ตำหนักฉือหนิงบรรยากาศเงียบเชียบภายในตำหนักไม่เห็นนางกำนัลหรือขันทีเลยสักคน เย่‍จิ่ง‍อวี้ขมวดคิ้วและพูดอย่างเกรี้ยวกราดเล็กน้อย “พวกบ่าวชาติสุนัขนี่ ไม่รู้จักดูแลไทเฮาให้ดี ไปอยู่ไหนกันหมด”ครั้นเดินตรงไปอีก ก็เห็นประตูห้องโถงใหญ่ที่ปิดสนิทหลี่เต๋อฝูวิ่งไปเปิดประตู แต่กลับเปิดไม่ได้“ฝ่าบาท ดูเหมือนว่ามีคนอยู่ข้างในพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“ไทเฮาประชวรอยู่ไม่ใช่รึ ไปเปิดออก ข้าจะเตะประตูช่วยเอง”หลี่เต๋อฝูรีบวิ่งไปรอที่ข้างๆ ทันทีเย่‍จิ่ง‍อวี้ยกเสื้อคลุมรวบรวมพลังทั้งหมด จากนั้นเตะออกไป แล้วประตูก็เปิดออกด้วยเสียงดังปังภายในห้องโถง ไทเฮาอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าหน้าผมไม่เรียบร้อย กำลังกลิ้งอยู่ที่พื้นกับหลวงจีนผู้หนึ่งเหล่าขุนนางเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนต่างก็ยืนอยู่ข้างหลังเย่‍จิ่ง‍อวี้ เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ต่างก็เบือนหน้าหนีโดยพลันไทเฮาชันษาขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่ยังทำความวุ่นวายในวังหลังได้ ทนมองต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆเย่‍จิ่ง‍อวี้ผงะไปพักหนึ่ง แล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ไทเฮาท่าน...ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร เอาเกียรติของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหนแล้ว”ไทเฮาไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 333 ฮวาเชียน

    อินชิงเสวียนเงยใบหน้าดวงน้อยอันงดงามขึ้นถามว่า “อาจจะอะไรหรือเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจ “ไม่มีอะไร ข้าจะส่งคนไปรอรับพ่อของเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวล”อินชิงเสวียนคิดอยู่นาน ในที่สุดก็พอจะคิดอะไรบางอย่างออก“ฝ่าบาทกลัวว่าเขาจะปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋น ไปลอบสังหารท่านพ่อหม่อมฉันหรือเพคะ”เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืดนิ้วชี้อันเรียวยาวของเขาออก และจิ้มดั้งจมูกของนาง“เรื่องอะไรก็ปกปิดความคิดของเจ้าไม่ได้จริงๆ”อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หม่อมฉันโง่เขลา ต้องคิดอยู่สักพัก จึงจะเข้าใจ”เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ “ถ้าเสวียน‍เอ๋อร์โง่ ในโลกนี้คงไม่มีคนฉลาดอีกแล้วกระมัง”อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดว่า “คราวนี้ฝ่าบาทตรัสเกินจริงจริงแล้ว หม่อมฉันเกิดมาก็ไม่ชอบใช้สมอง และไม่ชอบชีวิตที่ซับซ้อน หลังจากที่ใส่เรื่องราวเข้าไปมากมาย หัวสมองจวนจะระเบิดอยู่แล้ว”“ผิดแล้ว หัวสมองยิ่งใช้ยิ่งฉลาด ไม่ต้องห่วง หัวสมองของเจ้าจะอยู่คู่คอของเข้าไปอีกนาน”อินชิงเสวียนหันขวับ ทันใดนั้นก็เห็นดวงตาที่ยิ้มแย้มคู่หนึ่งในความมืด เรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นประกายระยิบระยับ ราวกับว่ามีดวงดาราซุกซ่อนอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นดั่งแม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 334 การประหารชีวิตแบบเจียกวนจิ้นเจวี๋ย

    “เจ้ารู้ได้อย่างไร”เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปยังไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ค่อยมั่นใจนักไทเฮาทอดสายตามองไปข้างหน้าราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “วันนั้นข้าบังเอิญไปที่ห้องหนังสือ นางกำลังจะออกจากวัง อิงหงนางกำนัลของข้าถูกนางตีจนตาย ส่วนข้าก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ จึงโชคดีรอดมาได้”ข้างกายไทเฮามีนางกำนัลที่มีนามว่าอิงหงที่เสียชีวิตกะทันหันหลังจากที่เสด็จแม่จากไปจริงๆ ด้วยเหตุนี้เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงสงสัยไทเฮามาโดยตลอด คิดว่านางฆ่าคนปิดปากหากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง หรือว่าฮวาเชียนจะเป็นผู้ร้ายที่ฆ่าเสด็จแม่ของเขา?“สิ่งที่ข้าพอจะบอกได้ ข้าก็เล่าให้เจ้าฟังทุกอย่างแล้ว ฮ่องเต้จะยอมปรานีปล่อยลูกชายเพียงคนเดียวของข้าได้หรือไม่”ไทเฮาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้นางเป็นเหมือนแม่ไก่ที่พ่ายแพ้ สูญเสียความเย่อหยิ่งเมื่อก่อนไปโดยสิ้นเชิงเย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ ขอให้ข้าแน่ใจก่อนแล้วค่อยตัดสิน”ทันใดนั้นไทเฮาก็เดือดขึ้นอีกครั้ง คำรามลั่น “เย่‍จิ่ง‍อวี้ ข้าอยากให้เจ้ารับปากตอนนี้”“วันนี้เจ้าพูดพอแล้ว ถึงเวลาหุบปากแล้ว เด็กๆ ทำการเจียกวน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 335 อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

    ทันทีที่กวนเมิ่งถิงพูดจบ เด็กรับใช้ก็มารายงาน“ท่านเสนาบดี อันผิงอ๋องเสด็จมาขอรับ”กวนเมิ่งถิงพูดเรียบๆ “บอกว่าข้าเข้าวังไปร่วมงานศพ ไม่ได้อยู่ในจวน”“ขอรับ”เด็กรับใช้วิ่งกลับไปหาเย่จิ่งเย่าทันทีเย่จิ่งเย่าถามด้วยสีหน้าอึมครึม “กวนเมิ่งถิงเข้าวังตั้งแต่เมื่อใด”“สักพักหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าวังด้วย”เย่จิ่งเย่ากระตุ้นท้องม้า แล้ววิ่งทะยานมุ่งหน้าสู่วังหลวงณ ตำหนักฉือหนิงโคมไฟสีแดงถูกปลดลง แทนที่ด้วยโคมไฟสีขาวขนาดใหญ่หลายดวงแขวนอยู่บนชายคา โดยมีน้ำหมึกสีดำเขียนคำว่าเซ่นไหว้ไว้บนโคม เหล่าขันทีนางกำนัลล้วนสวมชุดไว้ทุกข์สีขาว เมื่อมองดูไกลๆ ก็เห็นเป็นภาพขาวซีดไปทั้งตำหนักมีโลงศพตั้งอยู่ที่กลางห้องโถงใหญ่ ฝาโลงยังไม่ได้ปิดสนิท สามารถมองเห็นไทเฮาที่สวมมงกุฎหงส์ อมหยกโบราณไว้ในโอษฐ์ พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางทับบนอก เมื่อผ่านการจัดการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ สีพระพักตร์ของไทเฮาก็นับว่าสงบพอสมควรเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็สวมชุดไว้ทุกข์ ยืนเด่นเป็นสง่า สูงตระหง่านอยู่หน้าโลงศพใบหน้าหล่อเหลาของเขามีสีหน้าสงบข้างหลังเขาคืออินชิงเสวียนและกลุ่มนางสนม ทั้งหมดกระซิบกระซาบด้วยเส

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status