แชร์

บทที่ 333 ฮวาเชียน

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
อินชิงเสวียนเงยใบหน้าดวงน้อยอันงดงามขึ้นถามว่า “อาจจะอะไรหรือเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจ “ไม่มีอะไร ข้าจะส่งคนไปรอรับพ่อของเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวล”

อินชิงเสวียนคิดอยู่นาน ในที่สุดก็พอจะคิดอะไรบางอย่างออก

“ฝ่าบาทกลัวว่าเขาจะปลอมตัวเป็นอินสิงอวิ๋น ไปลอบสังหารท่านพ่อหม่อมฉันหรือเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยืดนิ้วชี้อันเรียวยาวของเขาออก และจิ้มดั้งจมูกของนาง

“เรื่องอะไรก็ปกปิดความคิดของเจ้าไม่ได้จริงๆ”

อินชิงเสวียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หม่อมฉันโง่เขลา ต้องคิดอยู่สักพัก จึงจะเข้าใจ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ “ถ้าเสวียน‍เอ๋อร์โง่ ในโลกนี้คงไม่มีคนฉลาดอีกแล้วกระมัง”

อินชิงเสวียนถอนหายใจและพูดว่า “คราวนี้ฝ่าบาทตรัสเกินจริงจริงแล้ว หม่อมฉันเกิดมาก็ไม่ชอบใช้สมอง และไม่ชอบชีวิตที่ซับซ้อน หลังจากที่ใส่เรื่องราวเข้าไปมากมาย หัวสมองจวนจะระเบิดอยู่แล้ว”

“ผิดแล้ว หัวสมองยิ่งใช้ยิ่งฉลาด ไม่ต้องห่วง หัวสมองของเจ้าจะอยู่คู่คอของเข้าไปอีกนาน”

อินชิงเสวียนหันขวับ ทันใดนั้นก็เห็นดวงตาที่ยิ้มแย้มคู่หนึ่ง

ในความมืด เรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้เป็นประกายระยิบระยับ ราวกับว่ามีดวงดาราซุกซ่อนอยู่ในนั้น ซึ่งเป็นดั่งแม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 334 การประหารชีวิตแบบเจียกวนจิ้นเจวี๋ย

    “เจ้ารู้ได้อย่างไร”เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปยังไทเฮาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ค่อยมั่นใจนักไทเฮาทอดสายตามองไปข้างหน้าราวกับกำลังหวนนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พูดว่า “วันนั้นข้าบังเอิญไปที่ห้องหนังสือ นางกำลังจะออกจากวัง อิงหงนางกำนัลของข้าถูกนางตีจนตาย ส่วนข้าก็ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ จึงโชคดีรอดมาได้”ข้างกายไทเฮามีนางกำนัลที่มีนามว่าอิงหงที่เสียชีวิตกะทันหันหลังจากที่เสด็จแม่จากไปจริงๆ ด้วยเหตุนี้เย่‍จิ่ง‍อวี้จึงสงสัยไทเฮามาโดยตลอด คิดว่านางฆ่าคนปิดปากหากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง หรือว่าฮวาเชียนจะเป็นผู้ร้ายที่ฆ่าเสด็จแม่ของเขา?“สิ่งที่ข้าพอจะบอกได้ ข้าก็เล่าให้เจ้าฟังทุกอย่างแล้ว ฮ่องเต้จะยอมปรานีปล่อยลูกชายเพียงคนเดียวของข้าได้หรือไม่”ไทเฮาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้นางเป็นเหมือนแม่ไก่ที่พ่ายแพ้ สูญเสียความเย่อหยิ่งเมื่อก่อนไปโดยสิ้นเชิงเย่‍จิ่ง‍อวี้เหลือบมองนางแล้วพูดอย่างเย็นชา “เรื่องนี้ ขอให้ข้าแน่ใจก่อนแล้วค่อยตัดสิน”ทันใดนั้นไทเฮาก็เดือดขึ้นอีกครั้ง คำรามลั่น “เย่‍จิ่ง‍อวี้ ข้าอยากให้เจ้ารับปากตอนนี้”“วันนี้เจ้าพูดพอแล้ว ถึงเวลาหุบปากแล้ว เด็กๆ ทำการเจียกวน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 335 อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

    ทันทีที่กวนเมิ่งถิงพูดจบ เด็กรับใช้ก็มารายงาน“ท่านเสนาบดี อันผิงอ๋องเสด็จมาขอรับ”กวนเมิ่งถิงพูดเรียบๆ “บอกว่าข้าเข้าวังไปร่วมงานศพ ไม่ได้อยู่ในจวน”“ขอรับ”เด็กรับใช้วิ่งกลับไปหาเย่จิ่งเย่าทันทีเย่จิ่งเย่าถามด้วยสีหน้าอึมครึม “กวนเมิ่งถิงเข้าวังตั้งแต่เมื่อใด”“สักพักหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเข้าวังด้วย”เย่จิ่งเย่ากระตุ้นท้องม้า แล้ววิ่งทะยานมุ่งหน้าสู่วังหลวงณ ตำหนักฉือหนิงโคมไฟสีแดงถูกปลดลง แทนที่ด้วยโคมไฟสีขาวขนาดใหญ่หลายดวงแขวนอยู่บนชายคา โดยมีน้ำหมึกสีดำเขียนคำว่าเซ่นไหว้ไว้บนโคม เหล่าขันทีนางกำนัลล้วนสวมชุดไว้ทุกข์สีขาว เมื่อมองดูไกลๆ ก็เห็นเป็นภาพขาวซีดไปทั้งตำหนักมีโลงศพตั้งอยู่ที่กลางห้องโถงใหญ่ ฝาโลงยังไม่ได้ปิดสนิท สามารถมองเห็นไทเฮาที่สวมมงกุฎหงส์ อมหยกโบราณไว้ในโอษฐ์ พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางทับบนอก เมื่อผ่านการจัดการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ สีพระพักตร์ของไทเฮาก็นับว่าสงบพอสมควรเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็สวมชุดไว้ทุกข์ ยืนเด่นเป็นสง่า สูงตระหง่านอยู่หน้าโลงศพใบหน้าหล่อเหลาของเขามีสีหน้าสงบข้างหลังเขาคืออินชิงเสวียนและกลุ่มนางสนม ทั้งหมดกระซิบกระซาบด้วยเส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 336 ไม่ช้าก็เร็วข้าจะต้องชำระหนี้แค้นนี้

    อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่สามารถคิดหาเหตุผลได้ ดังนั้นนางจึงปล่อยวางไปเสียดื้อๆ และหันไปเล่นกับเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงหลังจากเล่นสนุกนานกว่าสองชั่วยาม ในที่สุดเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็รู้สึกง่วง มือเล็กจ้อยขยี้ตายุกยิก อินชิงเสวียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา พลางโยกตัวซ้ายขวา พลางร้องเพลงกล่อมเด็กไปด้วยเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น มองนางด้วยท่าทางน่ารัก ดวงตาของเขาหรี่เล็กลงเรื่อยๆ หลังจากนั้นไม่นานก็หลับไปยายหลี่อุ้มเด็กอย่างระมัดระวัง แล้วพูดกับอินชิงเสวียน “พระสนมรีบนอนเถิดเพคะ แม้ว่าเราไม่ต้องไปเฝ้าศพ แต่ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็ยังต้องไปคำนับพระศพ”“อืม ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”อินชิงเสวียนอ้าปากหาว การดูแลเด็กเป็นงานที่ใช้แรงมากจริงๆ ตอนนี้นางเริ่มปวดหลังแล้ว อยากนอนไปนอนพักบนเตียงแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็สว่างแล้วอินชิงเสวียนยืดเส้นยืดสาย และลุกขึ้นจากเตียงด้วยจิตใจผ่องใสเสียงหัวเราะของเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงดังมาจากข้างนอก อินชิงเสวียนเปิดหน้าต่าง ก็เห็นเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำกำลังจับหางของไป๋เสวี่ยเล่นตอนนี้ไป๋เสวี่ยกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กและเพื่อนเล่นของเสี่ย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 337 เสี่ยวหนานเฟิงถูกลักพาตัวไป

    หลังจากออกจากตำหนักฉือหนิง บรรยากาศก็ดูสดชื่นขึ้นเป็นกองอินชิงเสวียนลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกชายอย่างอารมณ์ดี แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่จะพาเจ้าไปหาผีเสื้อ”ไม่มีประโยชน์ที่จะโมโหอารมณ์เสียไปกับคนชั่ว ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆแต่เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงไม่อยากนั่งรถเข็นเด็กแล้ว มือน้อยๆ จับหลังคารถเข็นเด็กจะดันตัวออกมาเมื่อเสี่ยวอานจื่อเห็นดังนี้ เขาก็รีบก้มลงไปอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงออกมาเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงจำเสี่ยวอานจื่อได้ จึงนอนซบบนไหล่ของเขาอย่างเชื่อฟังทันที นิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่ต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอย่างมีความสุข แล้วก็เริ่มพูดอ้อแอ้ๆเสี่ยวอานจื่ออุ้มเขาไปที่โคนต้นไม้ เอื้อมมือออกไปหยิบใบไม้มา แล้ววางลงบนมือเล็กๆ ของเด็กน้อยเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก้มศีรษะลงดูอย่างอยากรู้อยากเห็น มุ่ยปาก และศึกษาใบไม้ด้วยท่าทางจริงจังเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของลูกน้อย อินชิงเสวียนก็อดยิ้มไม่ได้การตายของไทเฮานับว่านางได้กำจัดศัตรูที่แข็งแกร่งออกไปแล้ว ต่อไปก็สามารถพาลูกออกไปเดินเล่นได้บ่อยขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเหมือนเมื่อก่อนในเวลานี้ ผีเสื้อหลากสีสันได้บินออกมาจากสวนทันใดนั้นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็รู้สึกตื่นเต้น ชี้ไปที่ผีเสื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 338 เห็นอาซือหลานอีกแล้ว

    “เจ้ากล้ารึ!”อินชิงเสวียนตะโกนเสียงแหลม แต่ชายคนนั้นก็จากไปไกลแล้วเมื่อคิดว่าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอายุเพียงไม่กี่เดือน อินชิงเสวียนก็อดขาอ่อนไม่ได้ และเกือบจะล้มลงกับพื้นนางบังคับตัวเองให้ยืนอย่างมั่นคง และบอกตัวเองว่าให้สงบสติอารมณ์เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ฆ่าเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงทันที นั่นหมายความว่าเขาจะยังไม่ฆ่าเด็กตอนนี้ตราบใดที่ตัวเองรีบไปยังสถานที่ที่เขาพูด ก็จะมีโอกาสช่วยเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงได้หากเกิดอะไรขึ้นกับลูก ต่อให้นางต้องตาย นางก็จะทำให้หัวขโมยนั่นตายไปพร้อมกับลูกของนาง!“พระสนม!”พวกเสี่ยวอานจื่อทั้งสามคนก็วิ่งตามมาทันแล้วเมื่อเห็นอินชิงเสวียนยันตัวด้วยกำแพงวัง สีหน้าซีดเซียว เสี่ยวอานจื่อก็เหงื่อออก คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดัง“กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมสมควรตาย เป็นกระหม่อมที่ไม่ดูแลองค์ชายน้อยให้ดี ขอให้พระสนมลงโทษด้วย”อวิ๋นฉ่ายก็ตกใจจนร้องไห้เช่นกัน ถามด้วยเสียงสะอื้นว่า “พระสนมเพคะ องค์ชายน้อยจะเป็นอะไรหรือไม่เพคะ”เมื่อเห็นว่าเด็กหายไปแล้วจริงๆ ยายหลี่ก็หมดสติไปทันทีตั้งแต่เด็กเกิดมาจนถึงตอนนี้ ก็เป็นนางที่ดูแลมาโดยตลอด เมื่อครู่ได้ยินเสี่ยวอานจื่อบอกว่าเด็กถูกชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 339 เจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว

    เห็นได้ชัดว่าเด็กกลัวจนร้องไห้อยู่ตลอดเวลา หยาดน้ำตาเม็ดใหญ่เท่าถั่วไหลรินออกมาจากด้วยตาไม่ขาดสาย ขอบตาของเขาแดงก่ำอินชิงเสวียนที่อุ้มเขาไว้ขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววเบื่อหน่ายขณะที่กำลังจะเข้าไปในวัง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกีบเท้าม้าชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดคลุมสีขาว ขี่ม้านำกลุ่มทหารรักษาพระองค์ออกมา เมื่อเขาเห็นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง ชายคนนั้นดูประหลาดใจ และลงจากหลังม้าทันที“เสวียน‍เอ๋อร์ จ้าวเอ๋อร์ พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ”คนที่ถามคำถามนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเย่‍จิ่ง‍อวี้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันในรัชสมัยนี้ครึ่งชั่วยามที่แล้ว เขากำลังคุยเรื่องพิธีศพของไทเฮากับซ่งหันเจียงเสนาบดีกรมพิธีการ และสวีเม่าผู้ช่วยเจ้ากรมพิธีการที่เพิ่งแต่งตั้งใหม่ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสี่ยวอานจื่อมารายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก บอกว่าจ้าวเอ๋อร์ถูกลักพาตัวไปเมื่อเขารู้ว่าอินชิงเสวียนไปตามลูกที่ทางทิศตะวันตกของเมือง เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็เป็นกังวลอย่างมาก เขาไล่ขุนนางทั้งสองกลับไปออกทันที แล้วนำทหารออกจากวังหลวง แต่ไม่คาดคิดจะได้เห็นพวกนางสองแม่ลูกอยู่ที่หน้าประตูวัง เขาก็รู้สึกโล่งใจในที่สุดขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด เงาสีขาวก็

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 340 โทสะโจมตีหัวใจ

    ในระยะใกล้เช่นนี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเขามาถึงเมื่อใดเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็มืดลง พลังที่มองไม่เห็นถูกรวบรวมอยู่ในฝ่ามือของเขา“เป็นเจ้า!”ซึ่งคนผู้นี้ก็คือคนประหลาดผมขาวในคืนจันทรุปราคานั่นเองคนประหลาดก้าวไปข้างหน้า มองไปยังเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงด้วยดวงตาที่ไม่แยแสคู่หนึ่งแทนที่จะตอบกลับถามว่า “นี่เป็นลูกของแม่หนูนั่นรึ”“ไม่เกี่ยวกับเจ้า”เย่‍จิ่ง‍อวี้สะบัดฝ่ามือใส่เขา ชายประหลาดผมขาวสะบัดแขนเสื้อพรึบ ก็สามารถสลายพลังได้ทันทีในที่สุดก็มีการเปลี่ยนแปลงในแววตาที่เป็นเหมือนบ่อน้ำโบราณคู่นั้นเขามองเย่‍จิ่ง‍อวี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย“ไม่ได้เจอเจ้าแค่ไม่กี่วัน แต่วรยุทธ์ของเจ้ากลับสูงขึ้นอีกขั้น ช่างหายากยิ่งนัก”ดวงตาของเย่‍จิ่ง‍อวี้ฉายแววหวาดกลัวเล็กน้อย เพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถสลายพลังของเขาได้ คนประหลาดผู้นี้แข็งแกร่งมากจริงๆทันทีที่ดีดนิ้ว กระบี่ยาวบนเอวก็ถูกปลดออก ปลายกระบี่อันสั่นไหวได้แทงไปยังคนประหลาดผมขาวชายคนนั้นหลบไปด้านข้าง และร่างของเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของยายหลี่ นิ้วเรียวเป็นเหมือนสาหร่ายที่ไต่ผ่านแข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 341 แผนการ

    อินชิงเสวียนที่ได้ยินทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน นางอดไม่ได้ที่เป็นกังวล หากนางออกจากต้าโจว ก็ไม่สามารถเห็นหน้าลูกได้อีกแล้วไม่ใช่หรอกหรือนางไปไม่ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ นางจะเข้าไปซ่อนตัวในมิติก่อน แล้วค่อยคิดแผนตอบโต้จากนั้นก็ได้ยินฟางรั่วถามว่า “นายท่านจะกลับมาไปเมื่อใดหรือ”อา‍ซือ‍หลานพูดเรียบๆ “ข้ายังมีงานสำคัญที่ต้องทำ เจ้าพาชิงเสวียนกลับไปก่อน หากนางฟื้นขึ้นมาอีกก็ให้ใช้กู่หอมเมฆาของราชครู กู่ชนิดนี้สามารถทำให้คนหมดสติได้ แต่จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย”เมื่อได้ยินอาซือหลานเปนห่วง็นห่วงสุขภาพของอินชิงเสวียนมาก นัยน์ตาของฟางรั่วก็ฉายแววริษยา นางโค้งคำนับและพูดว่า “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”อา‍ซือ‍หลานพูดอย่างรำคาญ “เช่นนั้นก็รีบไปลงมือเดี๋ยวนี้”“เจ้าค่ะ”ฟางรั่วหยิบหน้ากากผิวหนังมนุษย์ที่มีหนวดออกมา แล้วกดมันลงบนใบหน้าของอินชิงเสวียน จากนั้นจึงไขเชือกและหิ้วนางออกจากบ้านอินชิงเสวียนยังสัมผัสได้ถึงลมปราณของอา‍ซือ‍หลาน จึงไม่กล้าตุกติก จากนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองถูกพาเข้าไปในรถม้าเสียงของอา‍ซือ‍หลานดังมาจากนอกรถ กระแสเสียงนั้นทั้งชั่วร้ายและเย็นชา“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องส่งนางกลับไปที่เจี

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1457 อย่าพูดจาเหลวไหล

    “แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ

DMCA.com Protection Status