รอยยิ้มของเย่จิ่งอวี้จางหายไป“ส่งมา”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ขึ้นไปที่ศาลาเล็ก คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นจดหมายให้เย่จิ่งอวี้เย่จิ่งอวี้เปิดจดหมายออกแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจัดทันที ตบโต๊ะหินดังปัง“แค่เมืองเล็กๆ กล้าดีอย่างไรมาขอแต่งงานกับองค์หญิง ช่างไม่สำเหนียกตัวเสียเลย”อินชิงเสวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา พอจะมองเห็นอะไรอยู่บ้าง ประมาณว่าเจียงวูต้องการแต่งงานกับองค์หญิง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าโจว เพื่อหยุดสงครามเมื่อนึกถึงท่าทางที่ไร้เดียงสาและน่ารักของเย่ไห่ถัง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห“คนชั่วพวกนี้ช่วงบังอาจจิงๆ องค์หญิงแห่งต้าโจวจะอภิเสกสมรสกับชนเผ่าเล็กๆ กับพวกเขาได้รึ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างจงเกลียดจงชัง “ถูกต้อง หากวันนี้องค์หญิงต้าโจวแต่งงาน พรุ่งนี้พวกเขาจะขอองค์หญิงคนที่สองจากข้าอีก หรือแม้แต่องค์หญิงคนที่สามหรือสี่ด้วยซ้ำ”“แล้วฝ่าบาทมีแผนจะทำเช่นไรเพคะ”เย่จิ่งอวี้นวดขมับ ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าจะตอบกลับพวกเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เจ้าก็อย่าอยู่ข้างนอกนานนัก หลังฝนตกอากาศชื้น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็สะบัดชายเสื้อเดินไปจากศาลา
ไทเฮาจ้อมมองนางปานจะกินเลือดกินเนื้อ“เรื่องหลวงจีนเพิ่งจะจบไป เจ้าก็คิดจะหานักพรตมาอีก เจ้าคิดว่าเย่จิ่งอวี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ทำไมพูดจาไม่ใช้สมองนะ”ลู่จิ้งเสียนกัดริมฝีปากพูดว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี จะมองดูนางเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยไม่ทำอะไรงั้นหรือเพคะ”“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่”ไทเฮาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องการตรวจสอบเรื่องของของตระกูลอินอีกครั้ง หากอินจ้งกลับราชสำนักไม่ได้ นางก็จะไม่มีที่พึ่ง ที่ฮ่องเต้โปรดปรานก็มีเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป พวกเราต้องหาคนอื่นในวังมาแบ่งปันความโปรดปรานกับนาง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่จิ้งเสียนก็ไม่พอใจอีกครั้ง“ถ้าข้าหาคนอื่นมาเอาใจฝ่าบาท แล้วเขาจะยังสนใจหม่อมฉันหรือ”ไทเฮาพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “ถ้าไม่หาคน แล้วเขาจะสนใจเจ้ารึ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าให้เจ้าไปมาหาสู่กับองค์หญิงบ่อยๆ เจ้าได้ทำตามที่ข้าบอกหรือไม่”ลู่จิ้งเสียนหุบปากทันทีนางดูถูกเย่ไห่ถัง เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ มารดาของเย่ไห่ถังก็ไม่ได้รับความโปรดปราน แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะดีกับนาง แ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนเลิกตากลมโตเสี่ยวอานจื่อพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าไทเฮากำลังหาเรื่องพระสนมสวี นางและหานปิงหน้าบวมแดงเหมือนโดนตบเลยล่ะ บอกว่าเป็นเพราะพระสนมสวีค้างที่ตำหนักจินหวูเมื่อคืนวาน”“แค่เพราะว่านอนค้างก็ถูกตบหรือ บนโลกนี้มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน แม่มดแก่นี่ตั้งใจพุ่งเป้ามาที่ข้าชัดๆ เลย”อินชิงเสวียนโมโหจนลุกขึ้นยืน“เจ้าไปเรียกยายหลี่เข้ามา ให้นางดูแลเสี่ยวหนานเฟิง พวกเราไปดูที่หอสุ่ยอวิ้นกันหน่อย”“ได้เลย”เสี่ยวอานจื่อเรียกยายหลี่เข้ามา และไปยังหอสุ่ยอวิ้นด้วยกันกับอินชิงเสวียนก่อนออกไปนั้น อินชิงเสวียนสั่งให้เสี่ยวอานจื่อถือถังน้ำแข็งไปอีกด้วยในหอสุ่ยอวิ้น ขันทีน้อยสองคนกำลังนั่งตากลมอยู่ในลานบ้าน ข้าหลวงหญิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมมือที่ถือไม้กวาดและพูดคุยกับพวกเขา ไร้ซึ่งท่าทางของคนรับใช้ในวังเมื่อเห็นอินชิงเสวียน พวกเขาต่างตกใจเล็กน้อย รีบวิ่งมาแล้วบอกว่า “หม่อมฉันทั้งหลายขอถวายบังคมพระนางเหยาเฟย”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว มีสิ่งที่อยากพูดในใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของสวีจือย่วนหรือไม่ จึงกลืนคำพูดลงคอไป“พระสนมของพวกเจ้าเล่า?”ข้าหล
เรื่องที่อินชิงเสวียนจับสัตว์ประหลาดและขอฝน ทำให้ผู้คนในวังหวาดกลัวนาง แม้ว่าชุ่ยจู๋จะมีความหยาบคาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนคิ้วคว่ำ ใจของนางอดที่จะสั่นไหวไม่ได้ และไม่กล้าพูดอะไรลู่จิ้งเสียนถูกตบจนผมยุ่งเหยิง แต่ปากยังคงตะโกนพูดจาไม่ปรานีคน “นังคนชั้นต่ำ กล้ามาตบตีข้า เสด็จป้าหญิงของข้าเป็นถึงไทเฮา หากรู้ว่าเจ้ากระทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”เสี่ยวอานจื่อโมโหขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นและตบบ้องหูลู่จิ้งเสียนอยู่หลายที“ท่านกล้ามาด่าเหนียงเหนียงของเรา หาเรื่องโดนตบ”“โอ๊ย! ช่วยข้าด้วย!”ลู่จิ้งเสียนถูกตบจนเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียง เมื่อถูกข่มขู่ด้วยท่าทีดุดันของพระนางเหยาเฟย คนในวังไม่กล้าขยับและไม่กล้าเงยหน้าอินชิงเสวียนพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “ครั้งนี้เจ้านึกจะตะโกนให้ช่วยชีวิตงั้นหรือ ตอนที่ทุบตีผู้อื่น ทำไมไม่คิดว่าตัวเองจะเจ็บบ้างเล่า”ลู่จิ้งเสียนเริ่มด่าในทันที“ชั้นต่ำ เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำ”“ยังกล้าต่อปากอีก”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล นางรีบเร่งฝีเท้ารุดเข้าไป คว้าหม้อเครื่องลายครามบนโต๊ะแล้วทุบลงบนหัวของลู่จิ้งเสียน“วันนี้ข้าจะจัดระเบีย
เย่จิ่งอวี้เดินลงมาจากรถม้าพระที่นั่งมังกร พลางพูดขึ้นเสียงเรียบ “ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซูฉ่ายเวยยืดตัวตรงและพูดขึ้น “เมื่อวานกระหม่อมคิดจะมาเยี่ยมพระนางเหยาเฟย แต่ฝนตกอยู่ตลอด วันนี้เมื่อฝนหยุด กระหม่อมจึงรีบเข้ามาเยี่ยมเยียบเพคะ”เย่จิ่งอวี้กวาดตาเหลือบมองนางด้วยแววตานิ่งๆ“พระสนมมีน้ำใจมาก ตามข้าเข้ามาสิ”“เพคะ”ซูฉ่ายเวยเดินตามฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ด้วยความยินดีปรีดา เมื่อเห็นเงาของคนสองคนซ้อนทับกัน ในใจฉันก็เกิดความยินดีอีกครั้งตัวเองควรจะมาเดินที่นี่ให้มากขึ้น ตราบใดที่ได้เห็นฝ่าบาท มักจะมีโอกาสเสมออินชิงเสวียนกำลังหยอกล้อกับเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ นับตั้งแต่ผ่านไปร้อยวัน เสี่ยวหนานเฟิงก็ไม่ยอมนอนกลางวันอีกเลย ต่อให้นอนหลับ แต่เพียงครู่เดียวก็ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังติดอินชิงเสวียนมากเป็นพิเศษ เพียงแค่เห็นหน้านางก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดอุ้มเลยลูกมีความใกล้ชิดกับตัวเองเช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงดีใจมากตามความหมายที่แท้จริง นางไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวหนานเฟิง ต่เด็กคนนี้เกิดจากร่างกายปัจจุบันของนาง แม้ไม่มีความผูกพันในการตั้งครรภ์ตลอดสิบเดือน แต่มีความรู้สึกผูก
สวีจือย่วนรีบบีบนิ้วของนางอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับและพูดว่า “ไม่เป็นไรเพคะ อีกสักครู่ก็จะหายดี กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอถวายบังคมพระสนมเหนียงเหนียง”หานปิงได้นำผ้าสีขาวผืนหนึ่งมาแล้ว“พระสนม พันแผลไว้ดีกว่าเจ้าค่ะ”ซูฉ่ายเวยยิ้มและพูดว่า “รีบหน่อยเถอะน้องสาว อย่าให้ฝ่าบาทต้องเป็นกังวลเลย”สวีจือย่วนจึงยื่นนิ้วออกมา ให้หานปิงพันนิ้วให้เย่จิ่งอวี้เหลือบมองใบหน้าของนาง ยังคงบวมแดงเล็กน้อยการทุบตีนางสนมเพราะความผิดที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ไทเฮาช่างน่าขยะแขยงจริงๆเขาขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหยาเฟยได้บอกข้าแล้ว ทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรม”สวีจือย่วนก้มลงอย่างสง่างามและกล่าวด้วยความเคารพ “ฝ่าบาททรงเป็นห่วง กระหม่อมรู้สึกไม่สบายใจมาก ขอฝ่าบาทอย่าได้ตำหนิพระนางเหยาเฟย นางทำเพื่อกระหม่อมเพคะ”ซูฉ่ายเวยพูดต่อว่า “เจ้าวางใจเสียเถอะ ฝ่าบาทจะตำหนิน้องเหยาเฟยได้อย่างไร”เมื่อนึกถึงท่าทางของอินชิงเสวียนที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้น และทันใดนั้นเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมาก“นางไม่ได้มีความผิดอะไร ข้าไม่ตำหนินางแน่นอน”สวีจือย
เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเดียว อินชิงเสวียนกระโดดโหยงในทันทีครูดถอยหลังหลายก้าวและพูดว่า “กระหม่อมมีระดู ไม่อาจปรนนิบัติฝ่าบาทได้เพคะ เชิญฝ่าบาทหาคนอื่นเถอะเพคะ”นางไม่เคยแม้แต่จะมีความรักกับใคร จู่ๆ จะให้ขึ้นหอลงเรือนร่วมเตียง ไม่มีทางทนไหวแน่เย่จิ่งอวี้ดึงมือของนางไว้ ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำสิ่งใด ได้พูดคุยกับเจ้าก็พอแล้ว”อินชิงเสวียนชักมือกลับมา“เช่นนั้นก็คุยที่นี่เลยเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “ตอนนี้ก็ถึงเวลาดึกมากแล้ว เจ้ายังคิดจะยืนคุยกับข้าตรงนี้หรือ พรุ่งนี้ข้ายังมีทำราชกิจเช้าอีกนะ”พูดจบก็เดินมาข้างเตียง และต่างคนต่างถอดรองเท้าอินชิงเสวียนรีบร้อนขึ้นมาทันที“นี่ ท่านคงไม่คิดจะพักที่นี่จริงๆ นะเพคะ?”ใครจะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของผู้ชายได้เย่จิ่งอวี้ถอดหยกคาดเอวออก และคลายเสื้อคลุมด้านนอกลงทันที กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ผลุบๆ โผล่ๆ และกระดูกไหปลาร้าอันประณีตงดงามผ่านเข้าม่านตาของอินชิงเสวียนทันทีอินชิงเสวียนรีบเบี่ยงเบนสายตาไปอีกด้าน แม้จะเคยเห็นร่างเปลือยของเย่จิ่งอวี้ แต่ความรู้สึกตอนนี้ที่ถือพิณปิดบังใบ
อินชิงเสวียนนอนหลับค่อนข้างเบา นับตั้งแต่ตอนที่เย่จิ่งอวี้ผลักขาของนาง นางก็ตื่นขึ้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดใจโดยไม่จำเป็น นางจึงแกล้งหลับต่อไปจนกระทั่งฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้เดินจากไปไกล นางจึงค่อยๆ ถอนหายใจช้าๆนางรู้อยู่นานแล้วว่าท่านอนของตัวเองดูไม่ดีมากนัก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยยังเคยตกจากที่นอน เมื่อคืนนี้นางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเตือนตัวเองว่าผู้ที่นอนข้างกายคือฝ่าบาท แต่ร่างกายกลับไม่รู้ตัวแต่ก็ดี เย่จิ่งอวี้ถูกขี่ครั้งเดียวน่าจะไม่มาอีกแล้วอินชิงเสวียนพลิกตัวเพื่อเตรียมนอนหลับต่อ เมื่อคิดได้ว่าวันนี้จะได้ออกจากวัง จู่ๆ หัวใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และความง่วงนอนก็หายไปในทันทีนางหยิบโทรศัพท์สับปะรดเครื่องใหญ่ของตัวเองออกมาจากใต้หมอน เมื่อเปิดหน้าจอก็พบรูปหน้าจอของครอบครัวสามคนหากไม่ใช่ยุคโบราณ อินชิงเสวียนแทบคิดว่าเป็นรูปถ่ายในละครมันมีกลิ่นอายโบราณมากเกินไปจริงๆ และใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ที่หล่อเหลาสามร้อยหกองศาไม่มีมุมดับ แต่งกายด้วยชุดลำลอง สีหน้าของเขาไม่เย็นชาและเคร่งขรึมมากนัก ราวกับเทพบุตรผู้ทรงสง่าเมื่อเห็นแววตาที่ประหลาดใจของเขา อินชิงเสวียนอดไ
“สามวันติดแล้ว ที่ข้าสัมผัสลมปราณของชิงฮุยไม่ได้ หรือว่าเขาจะ...”ที่ด้านบนยอดเขา อินชิงเสวียนหยิบโต๊ะพกพาขนาดเล็กและเบาะที่นั่งสองที่นั่งออกมา ซึ่งบนโต๊ะเต็มไปด้วยน้ำผลไม้และอาหารอร่อยแม้จะบอกว่าออกมาตามหาคน แต่ในเมื่อมีปัจจัยที่อุดมสมบูรณ์เช่นนี้ ทำไมต้องไปทนทุกข์ทรมานโดยไม่จำเป็นล่ะนางหยิบนมพุทราจีนหนึ่งแก้วขึ้นมา แล้วยื่นให้ลั่วสุ่ยชิง“ว่ากันว่าถ้ากินพุทราจีนประจำ จะไม่แก่เร็ว มาลองกัน”ลั่วสุ่ยชิงหยิบขวดโยเกิร์ตขึ้นมาจิบ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวและรสชาติค่อนข้างดี ในช่วงไม่กี่วันที่ออกมาข้างนอกกับอินชิงเสวียน สรรหาของมาให้นางกินจนเคยปากหมดแล้ว“เจ้าเป็นผู้หญิงที่แปลกจริงๆ จนป่านนี้แล้ว ยังมีรสนิยมสูงแบบนี้ได้อีก”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“คนก็เหมือนเหล็ก อาหารก็เหมือนเหล็ก ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อจะหิวโหย เมื่อมีปัจจัยที่เพียบพร้อมเช่นนี้แล้ว ย่อมไม่ควรทำให้ตัวเองลำบาก”“ในมิติของเจ้า มีทุกอย่างจริงๆ หรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้แล้วว่าอินชิงเสวียนมีมิติมาด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง“ประมาณนั้น แต่น่าเสียดายที่คนนอกเข้ามาในมิติของข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เจ้าเ
อินชิงเสวียนดึงมือออก“คุณจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่เพื่อนบ้านเดียวกันของคุณ แต่เป็นลูกสาวของแม่ทัพแห่งต้าโจว อินชิงเสวียน!”“คุณ คือเจ้าของร่างเดิมของอินชิงเสวียน?”เย่จิ่งหลานมองเธอขึ้นๆ ลงๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รูปร่างเหมือนกันทุกประการ แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ว่าเพื่อนบ้านเดียวกันของเขามีพลังความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ ส่วนผู้หญิงตรงหน้าเขาดูอ่อนโยนและอ่อนแอกว่ามากในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงดูคุ้นตากับเด็กน้อยคนนี้ ตอนที่ตัวเองเพิ่งข้ามภพไปยังต้าโจว เขาก็มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเหมือนแบบนี้เลยความทรงจำก็เหมือนกับคลื่นทะเล เป็นคลื่นที่ซัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ในที่สุดเย่จิ่งหลานก็ค่อยๆ จำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในต้าโจวได้ทุกคนช่วยกันต่อต้านชิงฮุยในหุบเขาเชื่อมเมฆา แต่แล้วเขาก็กลับมาในเวลานี้ และกลับมาโดยที่ร่างกายสมบูรณ์ครบถ้วนเมื่อนึกถึงความชั่วร้ายและความเจ้าเล่ห์เพทุบายของชิงฮุย เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก“หรือว่าผมข้ามภพมาได้เพราะป้ายตราคำสั่งนี้ ผมต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”เมื่อเห็นท่าทางกังวลอย่างกะทันหันของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็ตระหนัก
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล