หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 232 ท่านอ๋องผู้ทรงสุขเกษม

แชร์

บทที่ 232 ท่านอ๋องผู้ทรงสุขเกษม

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
เรื่องที่อินชิงเสวียนจับสัตว์ประหลาดและขอฝน ทำให้ผู้คนในวังหวาดกลัวนาง แม้ว่าชุ่ยจู๋จะมีความหยาบคาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนคิ้วคว่ำ ใจของนางอดที่จะสั่นไหวไม่ได้ และไม่กล้าพูดอะไร

ลู่จิ้งเสียนถูกตบจนผมยุ่งเหยิง แต่ปากยังคงตะโกนพูดจาไม่ปรานีคน “นังคนชั้นต่ำ กล้ามาตบตีข้า เสด็จป้าหญิงของข้าเป็นถึงไทเฮา หากรู้ว่าเจ้ากระทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”

เสี่ยวอานจื่อโมโหขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นและตบบ้องหูลู่จิ้งเสียนอยู่หลายที

“ท่านกล้ามาด่าเหนียงเหนียงของเรา หาเรื่องโดนตบ”

“โอ๊ย! ช่วยข้าด้วย!”

ลู่จิ้งเสียนถูกตบจนเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียง เมื่อถูกข่มขู่ด้วยท่าทีดุดันของพระนางเหยาเฟย คนในวังไม่กล้าขยับและไม่กล้าเงยหน้า

อินชิงเสวียนพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “ครั้งนี้เจ้านึกจะตะโกนให้ช่วยชีวิตงั้นหรือ ตอนที่ทุบตีผู้อื่น ทำไมไม่คิดว่าตัวเองจะเจ็บบ้างเล่า”

ลู่จิ้งเสียนเริ่มด่าในทันที

“ชั้นต่ำ เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำ”

“ยังกล้าต่อปากอีก”

อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล นางรีบเร่งฝีเท้ารุดเข้าไป คว้าหม้อเครื่องลายครามบนโต๊ะแล้วทุบลงบนหัวของลู่จิ้งเสียน

“วันนี้ข้าจะจัดระเบีย
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 233 หมดซึ่งความสนใจ

    เย่จิ่งอวี้เดินลงมาจากรถม้าพระที่นั่งมังกร พลางพูดขึ้นเสียงเรียบ “ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซูฉ่ายเวยยืดตัวตรงและพูดขึ้น “เมื่อวานกระหม่อมคิดจะมาเยี่ยมพระนางเหยาเฟย แต่ฝนตกอยู่ตลอด วันนี้เมื่อฝนหยุด กระหม่อมจึงรีบเข้ามาเยี่ยมเยียบเพคะ”เย่จิ่งอวี้กวาดตาเหลือบมองนางด้วยแววตานิ่งๆ“พระสนมมีน้ำใจมาก ตามข้าเข้ามาสิ”“เพคะ”ซูฉ่ายเวยเดินตามฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ด้วยความยินดีปรีดา เมื่อเห็นเงาของคนสองคนซ้อนทับกัน ในใจฉันก็เกิดความยินดีอีกครั้งตัวเองควรจะมาเดินที่นี่ให้มากขึ้น ตราบใดที่ได้เห็นฝ่าบาท มักจะมีโอกาสเสมออินชิงเสวียนกำลังหยอกล้อกับเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ นับตั้งแต่ผ่านไปร้อยวัน เสี่ยวหนานเฟิงก็ไม่ยอมนอนกลางวันอีกเลย ต่อให้นอนหลับ แต่เพียงครู่เดียวก็ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังติดอินชิงเสวียนมากเป็นพิเศษ เพียงแค่เห็นหน้านางก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดอุ้มเลยลูกมีความใกล้ชิดกับตัวเองเช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงดีใจมากตามความหมายที่แท้จริง นางไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวหนานเฟิง ต่เด็กคนนี้เกิดจากร่างกายปัจจุบันของนาง แม้ไม่มีความผูกพันในการตั้งครรภ์ตลอดสิบเดือน แต่มีความรู้สึกผูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 234 คืนนี้ข้าจะพักอยู่ที่นี่

    สวีจือย่วนรีบบีบนิ้วของนางอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับและพูดว่า “ไม่เป็นไรเพคะ อีกสักครู่ก็จะหายดี กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอถวายบังคมพระสนมเหนียงเหนียง”หานปิงได้นำผ้าสีขาวผืนหนึ่งมาแล้ว“พระสนม พันแผลไว้ดีกว่าเจ้าค่ะ”ซูฉ่ายเวยยิ้มและพูดว่า “รีบหน่อยเถอะน้องสาว อย่าให้ฝ่าบาทต้องเป็นกังวลเลย”สวีจือย่วนจึงยื่นนิ้วออกมา ให้หานปิงพันนิ้วให้เย่จิ่งอวี้เหลือบมองใบหน้าของนาง ยังคงบวมแดงเล็กน้อยการทุบตีนางสนมเพราะความผิดที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ไทเฮาช่างน่าขยะแขยงจริงๆเขาขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหยาเฟยได้บอกข้าแล้ว ทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรม”สวีจือย่วนก้มลงอย่างสง่างามและกล่าวด้วยความเคารพ “ฝ่าบาททรงเป็นห่วง กระหม่อมรู้สึกไม่สบายใจมาก ขอฝ่าบาทอย่าได้ตำหนิพระนางเหยาเฟย นางทำเพื่อกระหม่อมเพคะ”ซูฉ่ายเวยพูดต่อว่า “เจ้าวางใจเสียเถอะ ฝ่าบาทจะตำหนิน้องเหยาเฟยได้อย่างไร”เมื่อนึกถึงท่าทางของอินชิงเสวียนที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้น และทันใดนั้นเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมาก“นางไม่ได้มีความผิดอะไร ข้าไม่ตำหนินางแน่นอน”สวีจือย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 235 อนาคตยังอีกยาวไกล

    เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเดียว อินชิงเสวียนกระโดดโหยงในทันทีครูดถอยหลังหลายก้าวและพูดว่า “กระหม่อมมีระดู ไม่อาจปรนนิบัติฝ่าบาทได้เพคะ เชิญฝ่าบาทหาคนอื่นเถอะเพคะ”นางไม่เคยแม้แต่จะมีความรักกับใคร จู่ๆ จะให้ขึ้นหอลงเรือนร่วมเตียง ไม่มีทางทนไหวแน่เย่จิ่งอวี้ดึงมือของนางไว้ ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำสิ่งใด ได้พูดคุยกับเจ้าก็พอแล้ว”อินชิงเสวียนชักมือกลับมา“เช่นนั้นก็คุยที่นี่เลยเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “ตอนนี้ก็ถึงเวลาดึกมากแล้ว เจ้ายังคิดจะยืนคุยกับข้าตรงนี้หรือ พรุ่งนี้ข้ายังมีทำราชกิจเช้าอีกนะ”พูดจบก็เดินมาข้างเตียง และต่างคนต่างถอดรองเท้าอินชิงเสวียนรีบร้อนขึ้นมาทันที“นี่ ท่านคงไม่คิดจะพักที่นี่จริงๆ นะเพคะ?”ใครจะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของผู้ชายได้เย่จิ่งอวี้ถอดหยกคาดเอวออก และคลายเสื้อคลุมด้านนอกลงทันที กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ผลุบๆ โผล่ๆ และกระดูกไหปลาร้าอันประณีตงดงามผ่านเข้าม่านตาของอินชิงเสวียนทันทีอินชิงเสวียนรีบเบี่ยงเบนสายตาไปอีกด้าน แม้จะเคยเห็นร่างเปลือยของเย่จิ่งอวี้ แต่ความรู้สึกตอนนี้ที่ถือพิณปิดบังใบ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 236 ท่านพ่อ เขาไม่ใช่คนบ้ากาม

    อินชิงเสวียนนอนหลับค่อนข้างเบา นับตั้งแต่ตอนที่เย่จิ่งอวี้ผลักขาของนาง นางก็ตื่นขึ้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดใจโดยไม่จำเป็น นางจึงแกล้งหลับต่อไปจนกระทั่งฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้เดินจากไปไกล นางจึงค่อยๆ ถอนหายใจช้าๆนางรู้อยู่นานแล้วว่าท่านอนของตัวเองดูไม่ดีมากนัก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยยังเคยตกจากที่นอน เมื่อคืนนี้นางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเตือนตัวเองว่าผู้ที่นอนข้างกายคือฝ่าบาท แต่ร่างกายกลับไม่รู้ตัวแต่ก็ดี เย่จิ่งอวี้ถูกขี่ครั้งเดียวน่าจะไม่มาอีกแล้วอินชิงเสวียนพลิกตัวเพื่อเตรียมนอนหลับต่อ เมื่อคิดได้ว่าวันนี้จะได้ออกจากวัง จู่ๆ หัวใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และความง่วงนอนก็หายไปในทันทีนางหยิบโทรศัพท์สับปะรดเครื่องใหญ่ของตัวเองออกมาจากใต้หมอน เมื่อเปิดหน้าจอก็พบรูปหน้าจอของครอบครัวสามคนหากไม่ใช่ยุคโบราณ อินชิงเสวียนแทบคิดว่าเป็นรูปถ่ายในละครมันมีกลิ่นอายโบราณมากเกินไปจริงๆ และใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ที่หล่อเหลาสามร้อยหกองศาไม่มีมุมดับ แต่งกายด้วยชุดลำลอง สีหน้าของเขาไม่เย็นชาและเคร่งขรึมมากนัก ราวกับเทพบุตรผู้ทรงสง่าเมื่อเห็นแววตาที่ประหลาดใจของเขา อินชิงเสวียนอดไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 237 เจ้าอยากทำธุรกิจนี้จริงหรือ

    “หา? คิดราคาเท่าใดกัน?” อินชิงเสวียนถาม“ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย แต่โชคดีที่มีปริมาณมาก ข้าจึงขายทั้งหมด”หลิวเหล่าไท่ไท่ครุ่นคิด และพูดขึ้นว่า “อีกฝ่ายบอกอีกว่าอยากได้เมล็ดพันธุ์ หากว่ามีเมล็ดพันธุ์ พวกเขาจะให้ราคาเป็นสองเท่า”“ราคาสองเท่างั้นหรือ?”อินชิงเสวียนอดใจเต้นไม่ได้“คนแบบใดกันที่มาซื้อไป?”หลิวเหล่าไท่ไท่ครุ่นคิดและพูดว่า “เป็นแม่นางคนหนึ่ง ท่าทางสะสวยทีเดียว”แม่นาง?ในระหว่างที่อินชิงเสวียนครุ่นคิด หลิวเหล่าไท่ไท่ก็พูดขึ้นว่า “ไม่เพียงแต่ร้านของพวกเรา แต่ทุกร้านที่มีข้าวและเส้นหมี่ต่างถูกพวกเขาซื้อไปหมด ทว่าร้านค้าแบบนี้ไม่ได้มีมาก ในเมืองหลวงมีเพียงสองสามร้านเท่านั้น”ตอนนี้ข้าวและเส้นหมี่ยังไม่ค่อยกระจายมากนัก จึงมีไม่เยอะจริงๆอินชิงเสวียนจับคางและพยักหน้าเบาๆ“ข้ารู้แล้ว อีกครู่ข้าจะให้คนทิ้งแป้งหมี่ขาวไว้ให้จำนวนหนึ่ง หากพวกเขามาอีก ก็บอกว่าเรามีเมล็ดพันธุ์ แต่ให้พวกเขาทิ้งที่อยู่ไว้ ข้าจะหาเวลามาเจรจากับพวกเขาเอง”หลิวเหล่าไท่ไท่พยักหน้าติดต่อกันและพูดว่า “ได้ ข้าจดไว้แล้ว”นางเดินไปที่ด้านหลังข้างๆ ถุงข้าวใบหนึ่ง แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาจำนวน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 238 ข้ารู้แล้ว

    หานสือหัวเราะชอบใจและพูดขึ้นว่า “นับตั้งแต่เหนียงเหนียงขอฝนครั้งนั้น พืชผลมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นมาก”สำหรับเรื่องของการขอฝน แม้ว่าหานสือไม่เชื่อ แต่แล้วอย่างไรเล่า ขอเพียงประชาชนได้รับประโยชน์ก็เพียงพอแล้ว ไม่สนใจว่าฝนจะมาจากที่ใดอินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ใต้เท้าเฒ่าอยู่ในทุ่งนาตลอดทั้งวัน คงจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย”หานสือประสานมือและพูดว่า “เหนียงเหนียงชมเกินไปแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระหม่อมพึงกระทำ เชิญฝ่าบาทและเหนียงเหนียงทางด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนมาที่ขอบทุ่งนาซึ่งมีโต๊ะเล็กๆ พร้อมชาอุ่นๆ เพื่อคลายความร้อนหานสือสั่งให้คนขนย้ายก้อนหินเล็กๆ มาหลายก้อน พร้อมกับเชิญฝ่าบาทและอินชิงเสวียนนั่งลงเมื่อมองดูคลื่นข้าวสาลีที่พัดไปตามสายลม อินชิงเสวียนก็อารมณ์ดีขึ้นมาก“หม่อมฉันอยากไปเดินเล่นที่ทุ่งข้าวสาลีเพคะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและพูดว่า “ไปเถอะ อย่าเดินไปไกลล่ะ”ฉินเทียนและหลี่ฉีเดินตามไปในทันทีหลังจากอินชิงเสวียนเดินไปไกลแล้ว เย่จิ่งอวี้ถามว่า “แป้งและข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ในคราวก่อน ถึงมือของราษฎรหรือไม่?”หานสือพูดด้วยความเคารพทันที “กระหม่อมมอบให้ก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 239 ถูกพิษ

    อินชิงเสวียนยิ้มขึ้นมาในทันที“ฝ่าบาทรู้สิ่งใดเพคะ กระหม่อมเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อย นอกวังจะดีมากเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับอาหารเลิศรสและอาภรณ์สวยหรูในวังได้เพคะ และยังมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้อีกมากโข”เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มราวกับดอกไม้ เย่จิ่งอวี้ก็สับสนในใจเขารู้ดีว่าเหตุใดอินชิงเสวียนจึงพูดเช่นนี้ นางกลัวว่านางจะรักษาสัญญาที่นางอยากให้ไม่ได้เขาก็อิจฉาชีวิตของคนธรรมดาเช่นกันความรักของสามีภรรยา ลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ ครอบครัวที่มีความสุข!แต่ว่า ในเมื่อเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงแล้ว เขาจะต้องแบกรับความรับผิดชอบของผู้เป็นใหญ่ความมั่นคงของไพร่ฟ้าและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ล้วนอยู่ในมือของเขาเขาจะกล้าให้สัญญาเช่นนี้ได้อย่างไร!เมื่อถอนหายใจเงียบๆ เย่จิ่งอวี้จับมือที่เย็นเล็กน้อยข้างนั้นของอินชิงเสวียนไว้“หากเจ้าชอบนอกวัง ข้าจะออกมาเดินเล่นกับเจ้าบ่อยๆ”เมื่อสี่ตาประสานกัน อินชิงเสวียนก็สับสนมึนงงขึ้นทันทีความรักอันลึกซึ้งในดวงตาแหลมคมนั้นราวกับเหวที่ไม่มีก้นบึ้ง ราวกับว่ามันกำลังจะดูดนางเข้าไปการหายใจของอินชิงเสวียนไม่ค่อยราบรื่น และหัวใจของนางก็เต้นเหมื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 240 พบกับอาโฉ่วอีกครั้ง

    ขณะนี้ อินชิงเสวียนได้นำไป๋เสวี่ยออกจากวังแล้วนางรู้ว่าวันนั้นเจ้าสุนัขดื่มน้ำพุวิญญาณ จึงสามารถเลียตุ่มบนตัวของเสี่ยวหนานเฟิงจนหายดีได้ แต่ว่าเย่จิ่งอวี้ไม่รู้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาสงสัย จึงทำได้เพียงให้มันตามไปด้วยไป๋เสวี่ยไม่ค่อยได้ออกจากวัง และเมื่อได้ออกมากับอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะกระโดดไปข้างหน้าและข้างหลังด้วยความดีใจ จนม้าของอินชิงเสวียนร้องครางเสียงยาว และแทบทำให้นางไหลตกลงไปไป๋เสวี่ยเห่าเสียงโฮ่งไปที่ม้าทันที ม้าหยุดฝีเท้าหน้าลงราวกับมันฟังเข้าใจ และบรรทุกอินชิงเสวียนไว้อย่างระมัดระวังอินชิงเสวียนกลัวว่ามันจะทำให้ผู้อื่นตกใจ จึงตำหนิในทันที “อย่าวิ่งเพ่นพ่าน ไม่เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้ากลับไป”ไป๋เสวี่ยครางหงิงๆ และเดินตามม้าของอินชิงเสวียนอย่างเชื่อฟังฉินเทียนและหลี่ฉีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ทั้งสองต่างพูดว่าไป๋เสวี่ยดุร้ายและเลี้ยงยาก แต่กลายเป็นลูกแมงทันทีที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงทรงมีวิธีจริงๆ ด้วยในระหว่างที่ครุ่นคิดก็ได้เข้ามายังถนนเทียนเจียครั้งที่ออกจากวังก่อนหน้านี้ เหล่าราษฎรยังดีๆ อยู่เลย ตอนนี้กลับมีคนจำนวนไม่น้อยนอนร้องโหยหวนอย

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status