แชร์

บทที่ 231 ตบปากนาง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-01-23 16:00:00
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?”

อินชิงเสวียนเลิกตากลมโต

เสี่ยวอานจื่อพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าไทเฮากำลังหาเรื่องพระสนมสวี นางและหานปิงหน้าบวมแดงเหมือนโดนตบเลยล่ะ บอกว่าเป็นเพราะพระสนมสวีค้างที่ตำหนักจินหวูเมื่อคืนวาน”

“แค่เพราะว่านอนค้างก็ถูกตบหรือ บนโลกนี้มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน แม่มดแก่นี่ตั้งใจพุ่งเป้ามาที่ข้าชัดๆ เลย”

อินชิงเสวียนโมโหจนลุกขึ้นยืน

“เจ้าไปเรียกยายหลี่เข้ามา ให้นางดูแลเสี่ยวหนานเฟิง พวกเราไปดูที่หอสุ่ยอวิ้นกันหน่อย”

“ได้เลย”

เสี่ยวอานจื่อเรียกยายหลี่เข้ามา และไปยังหอสุ่ยอวิ้นด้วยกันกับอินชิงเสวียน

ก่อนออกไปนั้น อินชิงเสวียนสั่งให้เสี่ยวอานจื่อถือถังน้ำแข็งไปอีกด้วย

ในหอสุ่ยอวิ้น ขันทีน้อยสองคนกำลังนั่งตากลมอยู่ในลานบ้าน ข้าหลวงหญิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมมือที่ถือไม้กวาดและพูดคุยกับพวกเขา ไร้ซึ่งท่าทางของคนรับใช้ในวัง

เมื่อเห็นอินชิงเสวียน พวกเขาต่างตกใจเล็กน้อย รีบวิ่งมาแล้วบอกว่า “หม่อมฉันทั้งหลายขอถวายบังคมพระนางเหยาเฟย”

อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว มีสิ่งที่อยากพูดในใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของสวีจือย่วนหรือไม่ จึงกลืนคำพูดลงคอไป

“พระสนมของพวกเจ้าเล่า?”

ข้าหล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 232 ท่านอ๋องผู้ทรงสุขเกษม

    เรื่องที่อินชิงเสวียนจับสัตว์ประหลาดและขอฝน ทำให้ผู้คนในวังหวาดกลัวนาง แม้ว่าชุ่ยจู๋จะมีความหยาบคาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนคิ้วคว่ำ ใจของนางอดที่จะสั่นไหวไม่ได้ และไม่กล้าพูดอะไรลู่จิ้งเสียนถูกตบจนผมยุ่งเหยิง แต่ปากยังคงตะโกนพูดจาไม่ปรานีคน “นังคนชั้นต่ำ กล้ามาตบตีข้า เสด็จป้าหญิงของข้าเป็นถึงไทเฮา หากรู้ว่าเจ้ากระทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”เสี่ยวอานจื่อโมโหขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นและตบบ้องหูลู่จิ้งเสียนอยู่หลายที“ท่านกล้ามาด่าเหนียงเหนียงของเรา หาเรื่องโดนตบ”“โอ๊ย! ช่วยข้าด้วย!”ลู่จิ้งเสียนถูกตบจนเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียง เมื่อถูกข่มขู่ด้วยท่าทีดุดันของพระนางเหยาเฟย คนในวังไม่กล้าขยับและไม่กล้าเงยหน้าอินชิงเสวียนพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “ครั้งนี้เจ้านึกจะตะโกนให้ช่วยชีวิตงั้นหรือ ตอนที่ทุบตีผู้อื่น ทำไมไม่คิดว่าตัวเองจะเจ็บบ้างเล่า”ลู่จิ้งเสียนเริ่มด่าในทันที“ชั้นต่ำ เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำ”“ยังกล้าต่อปากอีก”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล นางรีบเร่งฝีเท้ารุดเข้าไป คว้าหม้อเครื่องลายครามบนโต๊ะแล้วทุบลงบนหัวของลู่จิ้งเสียน“วันนี้ข้าจะจัดระเบีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 233 หมดซึ่งความสนใจ

    เย่จิ่งอวี้เดินลงมาจากรถม้าพระที่นั่งมังกร พลางพูดขึ้นเสียงเรียบ “ลุกขึ้นเถอะ”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซูฉ่ายเวยยืดตัวตรงและพูดขึ้น “เมื่อวานกระหม่อมคิดจะมาเยี่ยมพระนางเหยาเฟย แต่ฝนตกอยู่ตลอด วันนี้เมื่อฝนหยุด กระหม่อมจึงรีบเข้ามาเยี่ยมเยียบเพคะ”เย่จิ่งอวี้กวาดตาเหลือบมองนางด้วยแววตานิ่งๆ“พระสนมมีน้ำใจมาก ตามข้าเข้ามาสิ”“เพคะ”ซูฉ่ายเวยเดินตามฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้ด้วยความยินดีปรีดา เมื่อเห็นเงาของคนสองคนซ้อนทับกัน ในใจฉันก็เกิดความยินดีอีกครั้งตัวเองควรจะมาเดินที่นี่ให้มากขึ้น ตราบใดที่ได้เห็นฝ่าบาท มักจะมีโอกาสเสมออินชิงเสวียนกำลังหยอกล้อกับเสี่ยวหนานเฟิงอยู่ นับตั้งแต่ผ่านไปร้อยวัน เสี่ยวหนานเฟิงก็ไม่ยอมนอนกลางวันอีกเลย ต่อให้นอนหลับ แต่เพียงครู่เดียวก็ตื่นขึ้นมา อีกทั้งยังติดอินชิงเสวียนมากเป็นพิเศษ เพียงแค่เห็นหน้านางก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดอุ้มเลยลูกมีความใกล้ชิดกับตัวเองเช่นนี้ อินชิงเสวียนจึงดีใจมากตามความหมายที่แท้จริง นางไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวหนานเฟิง ต่เด็กคนนี้เกิดจากร่างกายปัจจุบันของนาง แม้ไม่มีความผูกพันในการตั้งครรภ์ตลอดสิบเดือน แต่มีความรู้สึกผูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-23
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 234 คืนนี้ข้าจะพักอยู่ที่นี่

    สวีจือย่วนรีบบีบนิ้วของนางอย่างรวดเร็ว โค้งคำนับและพูดว่า “ไม่เป็นไรเพคะ อีกสักครู่ก็จะหายดี กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท ขอถวายบังคมพระสนมเหนียงเหนียง”หานปิงได้นำผ้าสีขาวผืนหนึ่งมาแล้ว“พระสนม พันแผลไว้ดีกว่าเจ้าค่ะ”ซูฉ่ายเวยยิ้มและพูดว่า “รีบหน่อยเถอะน้องสาว อย่าให้ฝ่าบาทต้องเป็นกังวลเลย”สวีจือย่วนจึงยื่นนิ้วออกมา ให้หานปิงพันนิ้วให้เย่จิ่งอวี้เหลือบมองใบหน้าของนาง ยังคงบวมแดงเล็กน้อยการทุบตีนางสนมเพราะความผิดที่ไม่มีมูลเช่นนี้ ไทเฮาช่างน่าขยะแขยงจริงๆเขาขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เหยาเฟยได้บอกข้าแล้ว ทำให้เจ้าต้องได้รับความไม่เป็นธรรม”สวีจือย่วนก้มลงอย่างสง่างามและกล่าวด้วยความเคารพ “ฝ่าบาททรงเป็นห่วง กระหม่อมรู้สึกไม่สบายใจมาก ขอฝ่าบาทอย่าได้ตำหนิพระนางเหยาเฟย นางทำเพื่อกระหม่อมเพคะ”ซูฉ่ายเวยพูดต่อว่า “เจ้าวางใจเสียเถอะ ฝ่าบาทจะตำหนิน้องเหยาเฟยได้อย่างไร”เมื่อนึกถึงท่าทางของอินชิงเสวียนที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม เย่จิ่งอวี้ยกมุมปากขึ้น และทันใดนั้นเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมาก“นางไม่ได้มีความผิดอะไร ข้าไม่ตำหนินางแน่นอน”สวีจือย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 235 อนาคตยังอีกยาวไกล

    เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบเดียว อินชิงเสวียนกระโดดโหยงในทันทีครูดถอยหลังหลายก้าวและพูดว่า “กระหม่อมมีระดู ไม่อาจปรนนิบัติฝ่าบาทได้เพคะ เชิญฝ่าบาทหาคนอื่นเถอะเพคะ”นางไม่เคยแม้แต่จะมีความรักกับใคร จู่ๆ จะให้ขึ้นหอลงเรือนร่วมเตียง ไม่มีทางทนไหวแน่เย่จิ่งอวี้ดึงมือของนางไว้ ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ข้าก็ไม่ได้คิดจะทำสิ่งใด ได้พูดคุยกับเจ้าก็พอแล้ว”อินชิงเสวียนชักมือกลับมา“เช่นนั้นก็คุยที่นี่เลยเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดขึ้นอย่างทำอะไรไม่ได้ “ตอนนี้ก็ถึงเวลาดึกมากแล้ว เจ้ายังคิดจะยืนคุยกับข้าตรงนี้หรือ พรุ่งนี้ข้ายังมีทำราชกิจเช้าอีกนะ”พูดจบก็เดินมาข้างเตียง และต่างคนต่างถอดรองเท้าอินชิงเสวียนรีบร้อนขึ้นมาทันที“นี่ ท่านคงไม่คิดจะพักที่นี่จริงๆ นะเพคะ?”ใครจะเชื่อคำพูดบ้าๆ ของผู้ชายได้เย่จิ่งอวี้ถอดหยกคาดเอวออก และคลายเสื้อคลุมด้านนอกลงทันที กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ผลุบๆ โผล่ๆ และกระดูกไหปลาร้าอันประณีตงดงามผ่านเข้าม่านตาของอินชิงเสวียนทันทีอินชิงเสวียนรีบเบี่ยงเบนสายตาไปอีกด้าน แม้จะเคยเห็นร่างเปลือยของเย่จิ่งอวี้ แต่ความรู้สึกตอนนี้ที่ถือพิณปิดบังใบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 236 ท่านพ่อ เขาไม่ใช่คนบ้ากาม

    อินชิงเสวียนนอนหลับค่อนข้างเบา นับตั้งแต่ตอนที่เย่จิ่งอวี้ผลักขาของนาง นางก็ตื่นขึ้นแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงความอึดอัดใจโดยไม่จำเป็น นางจึงแกล้งหลับต่อไปจนกระทั่งฝีเท้าของเย่จิ่งอวี้เดินจากไปไกล นางจึงค่อยๆ ถอนหายใจช้าๆนางรู้อยู่นานแล้วว่าท่านอนของตัวเองดูไม่ดีมากนัก ตอนเรียนมหาวิทยาลัยยังเคยตกจากที่นอน เมื่อคืนนี้นางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเตือนตัวเองว่าผู้ที่นอนข้างกายคือฝ่าบาท แต่ร่างกายกลับไม่รู้ตัวแต่ก็ดี เย่จิ่งอวี้ถูกขี่ครั้งเดียวน่าจะไม่มาอีกแล้วอินชิงเสวียนพลิกตัวเพื่อเตรียมนอนหลับต่อ เมื่อคิดได้ว่าวันนี้จะได้ออกจากวัง จู่ๆ หัวใจก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และความง่วงนอนก็หายไปในทันทีนางหยิบโทรศัพท์สับปะรดเครื่องใหญ่ของตัวเองออกมาจากใต้หมอน เมื่อเปิดหน้าจอก็พบรูปหน้าจอของครอบครัวสามคนหากไม่ใช่ยุคโบราณ อินชิงเสวียนแทบคิดว่าเป็นรูปถ่ายในละครมันมีกลิ่นอายโบราณมากเกินไปจริงๆ และใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ที่หล่อเหลาสามร้อยหกองศาไม่มีมุมดับ แต่งกายด้วยชุดลำลอง สีหน้าของเขาไม่เย็นชาและเคร่งขรึมมากนัก ราวกับเทพบุตรผู้ทรงสง่าเมื่อเห็นแววตาที่ประหลาดใจของเขา อินชิงเสวียนอดไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 237 เจ้าอยากทำธุรกิจนี้จริงหรือ

    “หา? คิดราคาเท่าใดกัน?” อินชิงเสวียนถาม“ต่ำกว่าราคาตลาดเล็กน้อย แต่โชคดีที่มีปริมาณมาก ข้าจึงขายทั้งหมด”หลิวเหล่าไท่ไท่ครุ่นคิด และพูดขึ้นว่า “อีกฝ่ายบอกอีกว่าอยากได้เมล็ดพันธุ์ หากว่ามีเมล็ดพันธุ์ พวกเขาจะให้ราคาเป็นสองเท่า”“ราคาสองเท่างั้นหรือ?”อินชิงเสวียนอดใจเต้นไม่ได้“คนแบบใดกันที่มาซื้อไป?”หลิวเหล่าไท่ไท่ครุ่นคิดและพูดว่า “เป็นแม่นางคนหนึ่ง ท่าทางสะสวยทีเดียว”แม่นาง?ในระหว่างที่อินชิงเสวียนครุ่นคิด หลิวเหล่าไท่ไท่ก็พูดขึ้นว่า “ไม่เพียงแต่ร้านของพวกเรา แต่ทุกร้านที่มีข้าวและเส้นหมี่ต่างถูกพวกเขาซื้อไปหมด ทว่าร้านค้าแบบนี้ไม่ได้มีมาก ในเมืองหลวงมีเพียงสองสามร้านเท่านั้น”ตอนนี้ข้าวและเส้นหมี่ยังไม่ค่อยกระจายมากนัก จึงมีไม่เยอะจริงๆอินชิงเสวียนจับคางและพยักหน้าเบาๆ“ข้ารู้แล้ว อีกครู่ข้าจะให้คนทิ้งแป้งหมี่ขาวไว้ให้จำนวนหนึ่ง หากพวกเขามาอีก ก็บอกว่าเรามีเมล็ดพันธุ์ แต่ให้พวกเขาทิ้งที่อยู่ไว้ ข้าจะหาเวลามาเจรจากับพวกเขาเอง”หลิวเหล่าไท่ไท่พยักหน้าติดต่อกันและพูดว่า “ได้ ข้าจดไว้แล้ว”นางเดินไปที่ด้านหลังข้างๆ ถุงข้าวใบหนึ่ง แล้วหยิบตั๋วเงินออกมาจำนวน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-24
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 238 ข้ารู้แล้ว

    หานสือหัวเราะชอบใจและพูดขึ้นว่า “นับตั้งแต่เหนียงเหนียงขอฝนครั้งนั้น พืชผลมีการเจริญเติบโตที่ดีขึ้นมาก”สำหรับเรื่องของการขอฝน แม้ว่าหานสือไม่เชื่อ แต่แล้วอย่างไรเล่า ขอเพียงประชาชนได้รับประโยชน์ก็เพียงพอแล้ว ไม่สนใจว่าฝนจะมาจากที่ใดอินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นก็ดี ใต้เท้าเฒ่าอยู่ในทุ่งนาตลอดทั้งวัน คงจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย”หานสือประสานมือและพูดว่า “เหนียงเหนียงชมเกินไปแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กระหม่อมพึงกระทำ เชิญฝ่าบาทและเหนียงเหนียงทางด้านนี้พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนมาที่ขอบทุ่งนาซึ่งมีโต๊ะเล็กๆ พร้อมชาอุ่นๆ เพื่อคลายความร้อนหานสือสั่งให้คนขนย้ายก้อนหินเล็กๆ มาหลายก้อน พร้อมกับเชิญฝ่าบาทและอินชิงเสวียนนั่งลงเมื่อมองดูคลื่นข้าวสาลีที่พัดไปตามสายลม อินชิงเสวียนก็อารมณ์ดีขึ้นมาก“หม่อมฉันอยากไปเดินเล่นที่ทุ่งข้าวสาลีเพคะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและพูดว่า “ไปเถอะ อย่าเดินไปไกลล่ะ”ฉินเทียนและหลี่ฉีเดินตามไปในทันทีหลังจากอินชิงเสวียนเดินไปไกลแล้ว เย่จิ่งอวี้ถามว่า “แป้งและข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ในคราวก่อน ถึงมือของราษฎรหรือไม่?”หานสือพูดด้วยความเคารพทันที “กระหม่อมมอบให้ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 239 ถูกพิษ

    อินชิงเสวียนยิ้มขึ้นมาในทันที“ฝ่าบาทรู้สิ่งใดเพคะ กระหม่อมเพียงแค่พูดเรื่อยเปื่อย นอกวังจะดีมากเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบได้กับอาหารเลิศรสและอาภรณ์สวยหรูในวังได้เพคะ และยังมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้อีกมากโข”เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มราวกับดอกไม้ เย่จิ่งอวี้ก็สับสนในใจเขารู้ดีว่าเหตุใดอินชิงเสวียนจึงพูดเช่นนี้ นางกลัวว่านางจะรักษาสัญญาที่นางอยากให้ไม่ได้เขาก็อิจฉาชีวิตของคนธรรมดาเช่นกันความรักของสามีภรรยา ลูกกตัญญูต่อพ่อแม่ ครอบครัวที่มีความสุข!แต่ว่า ในเมื่อเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงแล้ว เขาจะต้องแบกรับความรับผิดชอบของผู้เป็นใหญ่ความมั่นคงของไพร่ฟ้าและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ ล้วนอยู่ในมือของเขาเขาจะกล้าให้สัญญาเช่นนี้ได้อย่างไร!เมื่อถอนหายใจเงียบๆ เย่จิ่งอวี้จับมือที่เย็นเล็กน้อยข้างนั้นของอินชิงเสวียนไว้“หากเจ้าชอบนอกวัง ข้าจะออกมาเดินเล่นกับเจ้าบ่อยๆ”เมื่อสี่ตาประสานกัน อินชิงเสวียนก็สับสนมึนงงขึ้นทันทีความรักอันลึกซึ้งในดวงตาแหลมคมนั้นราวกับเหวที่ไม่มีก้นบึ้ง ราวกับว่ามันกำลังจะดูดนางเข้าไปการหายใจของอินชิงเสวียนไม่ค่อยราบรื่น และหัวใจของนางก็เต้นเหมื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-01-25

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1509 เข้าสู่เมือง

    ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆเฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง “ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาดในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาวชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนเขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1508 กลับสู่เมืองหลวง

    ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเมืองหลวงอินชิงเสวียนไม่สามารถทนต่อการโคลงเคลงสั่นสะเทือนได้ นางจึงอยู่ในมิติกับเสี่ยวหนานเฟิงเกือบตลอดเวลาในช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ นางพบว่าเสี่ยวหนานเฟิงไม่เพียงแต่ฉลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนวรยุทธ์อีกด้วยอายุยังน้อยไม่เพียงแต่เรียนรู้บทกวีในสมัยถังและซ่ง ยังมีกำลังภายในลึกล้ำน่าประหลาดใจ มือซ้ายสามารถใช้เคล็ดวิชาใจเพียวเหมี่ยวได้ มือขวาใช้เคล็ดวิชาใจตำหนักเทพได้ แม้กระทั่งเรียนรู้วิชาขลุ่ยลวงใจของเจ้าสำนักเซี่ยว อินชิงเสวียนนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าช่วงที่นางไม่ได้อยู่กับเสี่ยวหนานเฟิงนั้น เขาได้เรียนรู้วิชามาจากทุกคนรอบตัวเขา“แค่กๆ เจ้า...ชอบฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า?”จากมุมมองที่เห็นแก่ตัว อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้เสี่ยวหนานเฟิงมีฝีมมือสูงส่งเกินไป ท้ายที่สุดแล้ว ยิ่งมีความสามารถสูง ความรับผิดชอบก็ยิ่งสูงตาม ศาสตร์แห่งราชาต่างหาก คือสิ่งที่เขาควรต้องศึกษาเสี่ยวหนานเฟิงกะพริบตาโตแล้วพูดว่า “ชอบสิ รู้วรยุทธ์ ก็สามารถปกป้องท่านแม่ได้”อินชิงเสวียนกอดลูกชายตัวนุ่มนิ่มและมีกลิ่นหอม แล้วพูดอย่างจริงจัง “ต่อจากนี้ไปสิ่งที่เจ้

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1507 ขอบคุณศิษย์พี่ลิ่น

    ระหว่างเจ้าสำนักเซี่ยวและเจ้าสำนักเฮ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ทว่าระหว่างเซี่ยวอิ่นหวนและลิ่นเซียวนั้นอยู่ในระดับปานกลาง จนแทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยบัดนี้เห็นเขาขวางทาง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตายของศิษย์น้องเฟิ่งอี๋ ทำให้กลายเป็นคนสติเลอะเลือน กระทำการสิ่งใดล้วนไม่ผ่านการใช้ความคิด เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจทันทีว่าเขามีเจตนาอะไรลิ่นเซียวรู้จักนาง พยักหน้าเบาๆ“เฟิ่งอี๋ตายแล้ว ข้ารู้แล้ว”เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเจ็บปวดในใจ แต่เดิมก็เจ็บปวดจากการพลัดพรากอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดถึงศิษย์น้องที่รักดุจน้องสาว หางตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีริมฝีปากของนางสั่นเทา ลดเสียงลง กดซ่อนความเศร้าไว้ในใจ“ศิษย์พี่ลิ่นควรจะออกมาสู่ความจริงได้แล้ว ถ้าศิษย์น้องอยู่บนสวรรค์มีญาณรับรู้ คงไม่อยากเห็นท่านจมปลักอยู่ที่นี่เพราะนางแน่นอน...”ลิ่นเซียวไม่ต่อคำ แต่พูดต่อว่า “ตาเฒ่าเซี่ยวก็จากไปแล้วเช่นกัน”หัวใจของเซี่ยวอิ่นหวนเจ็บปวดรวดร้าวอีกครั้ง ก้มหน้าสะอื้น“พ่อบุญธรรมเสียชีวิตเพื่อผดุงความยุติธรรมในยุทธจักร ไม่ผิดต่อปณิธานที่ก่อตั้งหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์”ลิ่นเซียวย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1506 เส้นทางที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนมอบตั๋วเงินเงินอีกหนึ่งพันตำลึงให้แก่ทั้งสามคน กำชับพวกเขาว่าอย่าใช้ฟุ่มเฟือย หากไม่เจอตัวคน ก็สามารถไปพำนักที่เมืองหลวงได้ทั้งสามพยักหน้าซ้ำๆ ขนของทั้งหมดขึ้นรถม้า และจากไปอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้“นิสัยแบบนี้นี่เข้ากับเย่จิ่งหลานได้เป็นอย่างดี”เย่จิ่งอวี้ก็มองไปที่ทั้งสามคน พูดด้วยรอยยิ้ม “ชาวยุทธ์ ก็ควรจะเป็นอิสระไม่ยึดติดอย่างชาวยุทธ์ นี่แหละคือความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง!”“เช่นนั้นพวกเราก็ควรจากไปอย่างไม่ยึดติดใช่ไหม”อินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้ ทั้งสองตกลงกันไว้ก่อนแล้ว ว่าแทนที่จะรอให้พวกเขาสร่างเมา พลัดพรากจากกันด้วยความเป็นความตาย มิสู้จากไปอย่างเงียบๆ “ข้าเชื่อเมียข้าอยู่แล้ว”เย่จิ่งอวี้ผิวปาก เงาสีขาวสองเงาพุ่งออกมาจากระยะไกล ตามมาด้วยรถม้าอินชิงเสวียนตะโกนอย่างมีความสุข“ไป๋เสวี่ย เสี่ยวไป๋!”ไป๋เสวี่ยกางอุ้งเท้าใหญ่ แล้วกอดเอวของอินชิงเสวียนอย่างเสน่หาเสี่ยวไป๋ก็กลิ้งหน้าถูขาของอินชิงเสวียน ซึ่งเป็นการแสดงความใกล้ชิดกับคนที่หาได้ยากอินชิงเสวียนลูบหัวอันใหญ่โตของไป๋เสวี่ย จากนั้นลูบหัวของเสี่ยวไป๋

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1505 ความรู้สึกที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้

    เฮ่อซือจวินออกแรงดึงอินชิงเสวียนขึ้นมา แล้วกอดนางไว้ พูดเสียงสะอื้น “เจ้ายอมรับข้า ข้ารู้สึกขอบคุณยิ่งนัก ชั่วชีวิตนี้จะพยายามดูแลสุขภาพของท่านพ่อและน้าเหมยอย่างเต็มที่”อินชิงเสวียนโน้มตัวไปใกล้ใบหน้าของนาง แล้วพูดเสียงอ่อนหวาน “ท่านเป็นพี่สาวต่างแม่ของข้า จะแตกต่างจากพี่สาวแท้ๆ ได้อย่างไร หากท่านอยู่ในอิ๋นเฉิงแล้วรู้สึกเหนื่อยล้า ก็ไปหาข้าที่เมืองหลวงได้ ข้าจะพาท่านท่องเที่ยวให้สำราญใจแน่นอน”เฮ่อซือจวินพยักหน้าโดยเร็ว“ได้ ถ้ามีโอกาส ข้าจะไปหาเจ้าแน่นอน”“สนใจแต่พี่สาวของเจ้าเท่านั้น ไม่ต้องการพี่ชายแล้วหรือ”เฮ่อฉางเฟิงเดินเข้ามาจากประตู สวมเสื้อคลุมใบไผ่สีเขียวที่ขับเน้นให้เขาดูหล่อเหลา สง่า และเป็นวีรบุรุษไม่ธรรมดา“ชิงเสวียนคำนับพี่ใหญ่”อินชิงเสวียนโค้งคำนับ เฮ่อฉางเฟิงก็รีบเอื้อมมือไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น“เจ้ากับข้าเป็นพี่น้อง ไม่ต้องมากพิธี ตั้งใจจะออกเดินทางเมื่อไหร่หรือ”อินชิงเสวียนถอนหายใจ“พรุ่งนี้น่ะ ไม่ว่าเราจะอยู่กี่วันก็ต้องไปอยู่ดี ฮ่องเต้จากเมืองหลวงมานานเกินไปแล้ว ในใจพะวงถึงอยู่ตลอด ถึงเวลาต้องกลับไปดูแลแล้ว”เฮ่อฉางเฟิงก็ตัดใจจากน้องสาวไม่ได้ และยังไม่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1504 เศร้าโศกเพราะการจากลา

    ในวันที่สอง สำนักในยุทธ์จักรที่นำโดยเฮ่ออวิ๋นทง ต่างกล่าวคำอำลากับเฮ่อยวนเฮ่อยวนนำลูกศิษย์อิ๋นเฉิงส่งกันไปไกลถึงสิบสิบลี้ ในอิ๋นเฉิง เซี่ยวอิ่นหวนจับมือของอินชิงเสวียน“กลับภูเขาคราวนี้ เกรงว่าจะต้องจัดระเบียบยกใหญ่ ไม่รู้จะได้เจอพวกเจ้าอีกเมื่อไร พวกเจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง หากเผชิญหน้ากับเรื่องใด ต้องพูดมันออกไป อย่าเก็บมันไว้ในใจตัวเอง จะได้ไม่เกิดความขุ่นเคืองสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ”นางถอนหายใจแล้วพูดว่า “แม้ว่าแม่จะเคยเป็นกุ้ยเฟย แต่ไม่รู้หลักการปกครองบ้านเมือง ความรุ่งเรืองและความเสื่อมของต้าโจวล้วนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ด้วยความสามารถและการเรียนรู้ของเจ้าทั้งสอง เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปี ก็จะสามารถนำความรุ่งเรืองมาสู่ต้าโจวได้ ถ้าแม่มีเวลาว่าง จะไปหาพวกเจ้ากับจ้าวเอ๋อร์ที่เมืองหลวงย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนจับมือเย่จิ่งอวี้ แล้วพูดอ่อนโยน “ท่านแม่วางใจ ข้ากับอาอวี้จะรักษาตัวให้ดีอย่างแน่นอน”อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหนานเฟิงดึงชายเสื้อของเซี่ยวอิ่นหวนอย่างไม่เต็มใจ“ท่านย่าจะไปแล้วหรือ”เซี่ยวอิ่นหวนกอดเสี่ยวหนานเฟิง จูบใบหน้ากลมจ้ำม่ำของเขา แล้วพูดด้วยความรัก “ใช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1503 เรื่องราวจบลง

    ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “แม้แต่เป็นฮ่องเต้ข้ายังไม่สนใจด้วยซ้ำ จะสนใจพระชายาอ๋องได้อย่างไร”“พูดมาก็มีเหตุผล งั้นข้ายังมีที่อื่นที่อยากไป”เย่จิ่งหลานค่อยๆ หยัดกายขึ้นนั่ง หยิบแผนที่ออกมาจากอกเสื้อ“ตอนที่ข้ากำลังเดินทางไปตงหลิว พบว่ามีหลายแคว้นอยู่ใกล้เคียง ทำไมเจ้ากับข้าไม่พยายามพิชิตพวกเขาทั้งหมดล่ะ”ลั่วสุ่ยชิงสาดน้ำเย็นใส่เขาทันที“ตอนนี้เจ้ายังมีความสามารถนั้นอยู่รึ?”“หากเจ้าเต็มใจที่จะบ่มเพาะร่างกายและจิตวิญญาณกับข้า บางทีวรยุทธ์ของข้าอาจจะกลับคืน”ลั่วสุ่ยชิงถูกเขาทำให้โกรธจนกำลังภายในพุ่งสูงขึ้น กระทั่งจุดที่ถูกจี้สกัดได้คลายออก นางตบศีรษะเย่จิ่งหลานทันที“ไร้ยางอาย”“เจ้าหายแล้ว?”เย่จิ่งหลานมีความสุขมาก เขาพยายามคุกเข่า ฝืนยืนขึ้น ร่างกายโงนเงน ล้มลงตรงหน้าลั่วสุ่ยชิง ฉวยโอกาสกอดเอวของนาง“จอมยุทธ์หญิงลั่ว ข้ายืนไม่ไหว โปรดช่วยพยุงข้าด้วย”ใบหน้าของลั่วสุ่ยชิงเปลี่ยนเป็นสีแดง ยกมือขึ้นผลักเขาลงไปที่พื้น เย่จิ่งหลานล้มหงายหลัง เหมือนกับเต่าที่นอนหงายลั่วสุ่ยชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะงอหาย เมื่อนางหัวเราะมากพอแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างเงียบๆ และบ่นว่า “เสด็จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1502 หน้าด้านหน้าทน

    อินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งหลานแวบหนึ่ง“แน่นอนว่ามีคนไม่อยากให้เจ้าไป”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานมองมาทางนี้ ลั่วสุ่ยชิงก็เริ่มวิตกกังวล“ปล่อยข้านะ!”อินชิงเสวียนกระตุกมุมปากยิ้มๆ“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องถามก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นยืนโดยมีพี่ชายช่วยพยุงขึ้นอินชิงเสวียนเดินเข้าไปถาม“เจ้าสบายดีไหม มิติของเจ้า พังจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างอ่อนแรง “ยังไงตอนนี้ก็ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้ามันไม่พัง ชิงผิงกับชิงอานก็คงไม่ได้ออกมา”อินชิงเสวียนมองเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ“นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรง”เย่จิ่งหลานถามอย่างไร้ยางอาย “เฮ้ นี่เจ้าไม่คิดจะดูแลข้าแล้วรึ”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากยิ้มๆ“ก็มีคนรอดูแลเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ เจ้าไปเองสิ อาอวี้ เรากลับไปดื่มสุรากันต่อเถอะ”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าและตบไหล่เย่จิ่งหลาน“พวกเราช่วยเจ้าได้แค่นี้”เมื่อเห็นว่าหมู่เมฆหายไป ชาวยุทธ์หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เฮ่อยวนแอบโคจรกำลังภายใน พูดเสียงดัง “ตอนนี้เมื่อวิกฤติคลี่คลายแล้ว เฮ่อยวนจึงจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง จัดเลี้ยงส่งเพื่อคลายความกังวลให้แก่เพื่อนพ้องในยุทธภพ!”คราวนี้เป็นกา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1501 สายล่อฟ้าปรากฏ

    ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างในชุดสีดำก็เหาะมาจากระยะไกล ลอยอยู่บนอากาศคนผู้นี้รูปร่างโปร่ง ชุดผ้าโปร่งสีดำปลิวไปตามสายลม เรือนผมดำขลับสยายออก ในชั่วพริบตา ร่างนั้นก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีดำเมื่อเห็นคนผู้นี้ เย่จิ่งหลานก็พยายามลุกขึ้นยืน“ลั่วสุ่ยชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ หนีไป!”ลั่วสุ่ยชิงยกมือขวาขึ้นสู่ท้องฟ้า เผชิญหน้ากับเสียงฟ้าคำรน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เย่จิ่งหลาน เจ้าฆ่าพ่อของข้า ถ้าเจ้าตายแบบนี้ จะไม่ดูถูกเจ้าเกินไปหรือ เจ้าควรจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป ทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดทีละน้อย!”เย่จิ่งหลานจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทุกคำที่นางพูดล้วนเป็นพูดด้วยอารมณ์โกรธ ถ้านางไม่มีใจต่อเขา นางจะกลับมาได้อย่างไรอย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาเหมือนกับเส้นบะหมี่ ที่ไม่สามารถยืนตรงได้ จึงไม่สามารถหยุดยั้งลั่วสุ่ยชิงได้เลยเมื่อมองดูร่างเพรียวบางที่ต่อสู้กับฟ้าผ่า พลันรู้สึกเจ็บปวดกระบอกตา หยาดน้ำตาสองหยดร่วงหล่นกลืนหายไปในสายลมในเวลานี้ มีร่างเพรียวอีกร่างหนึ่งลอยออกมา โดยถือวัตถุที่มีลักษณะคล้ายแท่งไม้ขนาดใหญ่อยู่ในมือ มีปลายโค้งยาวมากซึ่งดูแปลกตา“ลั่วสุ่ยชิง ข้าจะใช้สายล่อฟ้าช่วยเจ้า!”ของสิ่งนั้นห

DMCA.com Protection Status