Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 224 ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นคนนอก

Share

บทที่ 224 ข้าไม่เคยมองเจ้าเป็นคนนอก

Author: ม่อเยี่ยน
พริบตาเดียวก็ตกค่ำแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตก

เมื่อเห็นฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง อินชิงเสวียนก็พยักหน้าอย่างมีความสุข คะแนนที่จ่ายไปก็คุ้มค่าดี

แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเห็นเสี่ยวอานจื่อวิ่งเข้ามา

“พระสนม นายหญิงสวีมาพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กำลังรออยู่ข้างนอก”

อินชิงเสวียนรีบกล่าวขึ้นโดยเร็ว “ให้นางเข้ามาเร็ว ฝนตกหนักขนาดนี้ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

หลังจากนั้นไม่นาน หานปิงก็ประคองสวีจือย่วนเดินเข้ามาจากด้านนอก

“สวีจือย่วนน้อมคำนับพระสนมเหยาเฟย”

สวีจือย่วนยอบกายคำนับ แล้วอินชิงเสวียนก็พยุงนางขึ้นมาทันที

“เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องมากพิธี โดนฝนเปียกมาหรือไม่”

อินชิงเสวียนมองสวีจือย่วนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า รู้สึกว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก ไม่อาจต้านลมฝนได้นัก

สวีจือย่วนยิ้มอ่อนโยน

“ไม่เปียก สุขภาพของพระสนมเป็นอย่างไรบ้าง”

“ข้าสบายดีมาก มีชีวิตชีวาดีทีเดียว”

อินชิงเสวียนชูหมัดขึ้น เมื่อสวีจือย่วนเห็นว่านางดูกระปรี้กระเปร่าก็สบายใจขึ้นมาก

“ก่อนหน้านี้ที่เห็นฝ่าบาทอุ้มเจ้ากลับมาที่ตำหนักจินหวู ข้ายังเป็นห่วงแทบแย่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดีแล้ว! “

เมื่อเห็นสวีจือย่วนเป็นห่วงตัวเองมากขนาดนี้ อินชิงเสว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 225 เป็นข้า

    สวีจือย่วนเงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้อินชิงเสวียนเบาๆ แล้วกระซิบว่า “ข้าก็เหมือนกัน!”ตอนที่นางพูดคำนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำเล็กน้อย แล้วก้มศีรษะลงทันทีอินชิงเสวียนพอจะเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าอยู่ในตำหนักว่างๆ แล้วรู้สึกเบื่อก็มาที่นี่บ่อยๆ นะ”ดวงตาของสวีจือย่วนสว่างขึ้น จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างแรงพวกนางทั้งสองพูดคุยกันพลาง รับประทานอาหารกันพลาง โดยเรื่องที่คุยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสัพเพเหระเสียมากสวีจือย่วนรู้กาลเทศะ ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลย ซึ่งช่วยให้อินชิงเสวียนประหยัดคำพูดได้มากเพียงพริบตาเดียว ฟ้าก็มืดลงแล้วสวีจือย่วนยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าอยู่ที่นี่มาหลายชั่วยามแล้ว ควรกลับได้แล้ว ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟยสำหรับการต้อนรับ”นางยอบกายคำนับด้วยท่วงท่าสง่างามอินชิงเสวียนช่วยประคองนางลุกขึ้น แล้วหันไปมองดูฝนข้างนอก จึงพูดว่า “ฝนตกหนักลมแรง ยามคำคืนทางมืดเดินลำบาก คืนนี้เจ้าค้างที่นี่เถอะ พวกเราจะได้คุยกันยาวๆ ใต้แสงเทียน”“เอ่อ...”สวีจือย่วนลังเลมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน นางยังไม่ได้ถามถึงอินสิงอวิ๋นเลย ในใจนางอยากรู้เรื่องของ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 226 เขาไม่มีทางหลอกข้า

    “ข้า...ข้ามาเยี่ยมพระสนมเหยาเฟย...”สวีจือย่วนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาซึ่งอินสิงอวิ๋นได้ไปจับมือของอินชิงเสวียนแล้ว“ข้างนอกมีข่าวลือว่าเจ้าขอฝนได้ เกิดอะไรขึ้น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกหลวงจีนพาไปขังไว้ในหอสวดมนต์ จึงให้คนมาสืบดู แต่เขาบอกว่าเจ้าไร้อันตราย แต่เหตุเจ้าถึงได้ไปขอฝนกับหลวงจีนนั่นได้”เมื่อเห็นอินสิงอวิ๋นมองนางอย่างร้อนใจ อินชิงเสวียนก็รู้สึกอบอุ่นในใจ พูดปลอบใจเขา “ทั้งหมดเป็นแผนของไทเฮา ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง”อินสิงอวิ๋นพูดอย่างกังวล “เจ้าลำบากอยู่ในวัง ข้าจะไม่เป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร เย่จิ่งอวี้กับไทเฮาสนิทกันจนนุ่งกางเกงตัวเดียวกันได้แล้ว เจ้าควรรีบตัดสินใจ รีบไปกับข้า”อินชิงเสวียนผลักมือของเขาออก พูดอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้ข้าได้รับแต่งตั้งยศเป็นสนมขั้นเฟยแล้ว จะออกจากวังได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร ถ้าข้าจากไป จะมีผู้คนมากมายหลายชีวิตเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”“ชิงเสวียน!”อินสิงอวิ๋นก้าวไปข้างหน้า และจับไหล่ของนางเมื่อมองดูใบหน้าเล็กๆ งดงามดวงนั้น อินสิงอวิ๋นก็รู้สึกถึงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจ แล้วโพล่งออกมาว่า “อย่าบอกนะ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 227 ข้าไม่ชอบ

    ในเวลานี้ สวีจือย่วนน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตันใจนางคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับคนผู้นั้นจริงๆพอมานึกดูตอนนี้ ก็รู้สึกเหมือนอยู่ในห้วงความฝัน แทบไม่อยากจะเชื่อเลย!นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงทุกรายละเอียดของอินสิงอวิ๋น ตั้งแต่เข้ามาในตำหนักจนออกไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรกับตัวเองมากนัก แต่สวีจือย่วนก็มีความสุขเมื่อคิดว่ายังมีร่องรอยของเขาอยู่ในห้องนี้อินชิงเสวียนหยิบตะบันไฟออกมาจุดตะเกียงอีกครั้งเมื่อเห็นน้ำตาบนแก้มของสวีจือย่วน นางก็เดินไปหาอย่างอดไม่ได้ แล้วตบไหล่นางเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้เจ้าได้พบเขาแล้ว ก็น่าจะสบายใจได้แล้วนะ”สวีจือย่วนพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก คุกเข่าลงพร้อมกับสะอื้น“ขอบพระทัยพระสนมเหยาเฟย”อินชิงเสวียนเอื้อมมือไปประคองร่างนางขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่ต้องพูดคำสุภาพอีกแล้ว ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พักผ่อนกันก่อนเถอะ”“อืม”สวีจือย่วนถอดกระโปรงออก แล้วนอนบนเตียงกับอินชิงเสวียน มือของนางจับมุมผ้าห่มไว้แน่น นางยิ้มอยู่พักหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ร้องไห้ออกมาอีกเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็โคลงศีรษะอย่างช่วยไม่ได้นางไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 228 เจ้าคิดจะหอบลูกหอบเงินหนีรึ

    อินชิงเสวียนตกตะลึงเย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “กิจการบ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ยากที่จะจัดการได้ ข้ามีอารมณ์ไปหาสตรีได้อย่างไร”อินชิงเสวียนมองดูเขา แล้วถามด้วยความสับสน “ตอนนี้เก็บเกี่ยวข้าวสาลีได้แล้ว ทหารจากเมืองหลวงถูกส่งไปยังเจียงวูแล้ว ฝ่าบาทต้องกังวลอะไรอีก”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว พูดด้วยโทรเสียงทุ้มต่ำ “ทหารโล่ของเจ้าถูกศัตรูพบวิธีเอาชนะได้แล้ว เมื่อเช้านี้ ข้าได้รับรายงานด่วนแปดร้อยลี้ คูเมืองชายแดนถูกทำลาย กองกำลังได้ถอยร่นมารักษาอยู่ที่ด่านถงกู่ ถ้าเกิดว่าช่องทางนี้พังอีก เจียงวูจะโรมรุกบุกตะลุยเข้ามาอย่างแน่นอน”อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจ“พวกเขาสามารถผ่านค่ายกลโล่กำแพงได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรเพคะ”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ข้าสงสัยว่าในกองทัพมีหนอนบ่อนไส้”อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “มีเพียงความเป็นไปได้นี้เพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นศัตรูคงไม่สามารถทำลายค่ายกลได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้”ทันใดนั้นนางก็นึกถึงจังเถี่ยและสวีเหลียง จึงถามขึ้นทันที “ทหารได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง”เย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “มีค่ายกลฌล่กำแพงเป็นเกรา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 229 ใช้พิษต้านพิษ

    รอยยิ้มของเย่จิ่งอวี้จางหายไป“ส่งมา”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ขึ้นไปที่ศาลาเล็ก คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วยื่นจดหมายให้เย่จิ่งอวี้เย่จิ่งอวี้เปิดจดหมายออกแล้วอ่านอย่างรวดเร็ว เขาโกรธจัดทันที ตบโต๊ะหินดังปัง“แค่เมืองเล็กๆ กล้าดีอย่างไรมาขอแต่งงานกับองค์หญิง ช่างไม่สำเหนียกตัวเสียเลย”อินชิงเสวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา พอจะมองเห็นอะไรอยู่บ้าง ประมาณว่าเจียงวูต้องการแต่งงานกับองค์หญิง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าโจว เพื่อหยุดสงครามเมื่อนึกถึงท่าทางที่ไร้เดียงสาและน่ารักของเย่ไห่ถัง นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโมโห“คนชั่วพวกนี้ช่วงบังอาจจิงๆ องค์หญิงแห่งต้าโจวจะอภิเสกสมรสกับชนเผ่าเล็กๆ กับพวกเขาได้รึ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างจงเกลียดจงชัง “ถูกต้อง หากวันนี้องค์หญิงต้าโจวแต่งงาน พรุ่งนี้พวกเขาจะขอองค์หญิงคนที่สองจากข้าอีก หรือแม้แต่องค์หญิงคนที่สามหรือสี่ด้วยซ้ำ”“แล้วฝ่าบาทมีแผนจะทำเช่นไรเพคะ”เย่จิ่งอวี้นวดขมับ ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าจะตอบกลับพวกเขาก่อน แล้วค่อยตัดสินใจ เจ้าก็อย่าอยู่ข้างนอกนานนัก หลังฝนตกอากาศชื้น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”หลังจากที่เย่จิ่งอวี้พูดจบ เขาก็สะบัดชายเสื้อเดินไปจากศาลา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 230 หาเรื่องกล่าวหา

    ไทเฮาจ้อมมองนางปานจะกินเลือดกินเนื้อ“เรื่องหลวงจีนเพิ่งจะจบไป เจ้าก็คิดจะหานักพรตมาอีก เจ้าคิดว่าเย่จิ่งอวี้จะเห็นด้วยหรือไม่ ทำไมพูดจาไม่ใช้สมองนะ”ลู่จิ้งเสียนกัดริมฝีปากพูดว่า “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี จะมองดูนางเที่ยวใช้อำนาจบาตรใหญ่โดยไม่ทำอะไรงั้นหรือเพคะ”“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่”ไทเฮาเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้ต้องการตรวจสอบเรื่องของของตระกูลอินอีกครั้ง หากอินจ้งกลับราชสำนักไม่ได้ นางก็จะไม่มีที่พึ่ง ที่ฮ่องเต้โปรดปรานก็มีเพียงภาพลวงตาเท่านั้น ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป พวกเราต้องหาคนอื่นในวังมาแบ่งปันความโปรดปรานกับนาง”เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่จิ้งเสียนก็ไม่พอใจอีกครั้ง“ถ้าข้าหาคนอื่นมาเอาใจฝ่าบาท แล้วเขาจะยังสนใจหม่อมฉันหรือ”ไทเฮาพูดอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า “ถ้าไม่หาคน แล้วเขาจะสนใจเจ้ารึ ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าให้เจ้าไปมาหาสู่กับองค์หญิงบ่อยๆ เจ้าได้ทำตามที่ข้าบอกหรือไม่”ลู่จิ้งเสียนหุบปากทันทีนางดูถูกเย่ไห่ถัง เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิตอยู่ มารดาของเย่ไห่ถังก็ไม่ได้รับความโปรดปราน แม้ว่าเย่จิ่งอวี้จะดีกับนาง แ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 231 ตบปากนาง

    “เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ?”อินชิงเสวียนเลิกตากลมโตเสี่ยวอานจื่อพูดขึ้น “ดูเหมือนว่าไทเฮากำลังหาเรื่องพระสนมสวี นางและหานปิงหน้าบวมแดงเหมือนโดนตบเลยล่ะ บอกว่าเป็นเพราะพระสนมสวีค้างที่ตำหนักจินหวูเมื่อคืนวาน”“แค่เพราะว่านอนค้างก็ถูกตบหรือ บนโลกนี้มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน แม่มดแก่นี่ตั้งใจพุ่งเป้ามาที่ข้าชัดๆ เลย”อินชิงเสวียนโมโหจนลุกขึ้นยืน“เจ้าไปเรียกยายหลี่เข้ามา ให้นางดูแลเสี่ยวหนานเฟิง พวกเราไปดูที่หอสุ่ยอวิ้นกันหน่อย”“ได้เลย”เสี่ยวอานจื่อเรียกยายหลี่เข้ามา และไปยังหอสุ่ยอวิ้นด้วยกันกับอินชิงเสวียนก่อนออกไปนั้น อินชิงเสวียนสั่งให้เสี่ยวอานจื่อถือถังน้ำแข็งไปอีกด้วยในหอสุ่ยอวิ้น ขันทีน้อยสองคนกำลังนั่งตากลมอยู่ในลานบ้าน ข้าหลวงหญิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมมือที่ถือไม้กวาดและพูดคุยกับพวกเขา ไร้ซึ่งท่าทางของคนรับใช้ในวังเมื่อเห็นอินชิงเสวียน พวกเขาต่างตกใจเล็กน้อย รีบวิ่งมาแล้วบอกว่า “หม่อมฉันทั้งหลายขอถวายบังคมพระนางเหยาเฟย”อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว มีสิ่งที่อยากพูดในใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งของสวีจือย่วนหรือไม่ จึงกลืนคำพูดลงคอไป“พระสนมของพวกเจ้าเล่า?”ข้าหล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 232 ท่านอ๋องผู้ทรงสุขเกษม

    เรื่องที่อินชิงเสวียนจับสัตว์ประหลาดและขอฝน ทำให้ผู้คนในวังหวาดกลัวนาง แม้ว่าชุ่ยจู๋จะมีความหยาบคาย แต่ตอนนี้เมื่อเห็นอินชิงเสวียนคิ้วคว่ำ ใจของนางอดที่จะสั่นไหวไม่ได้ และไม่กล้าพูดอะไรลู่จิ้งเสียนถูกตบจนผมยุ่งเหยิง แต่ปากยังคงตะโกนพูดจาไม่ปรานีคน “นังคนชั้นต่ำ กล้ามาตบตีข้า เสด็จป้าหญิงของข้าเป็นถึงไทเฮา หากรู้ว่าเจ้ากระทำกับข้าเช่นนี้ จะต้องไม่ไว้ชีวิตเจ้าแน่”เสี่ยวอานจื่อโมโหขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นและตบบ้องหูลู่จิ้งเสียนอยู่หลายที“ท่านกล้ามาด่าเหนียงเหนียงของเรา หาเรื่องโดนตบ”“โอ๊ย! ช่วยข้าด้วย!”ลู่จิ้งเสียนถูกตบจนเกลือกกลิ้งไปทั่วเตียง เมื่อถูกข่มขู่ด้วยท่าทีดุดันของพระนางเหยาเฟย คนในวังไม่กล้าขยับและไม่กล้าเงยหน้าอินชิงเสวียนพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชา “ครั้งนี้เจ้านึกจะตะโกนให้ช่วยชีวิตงั้นหรือ ตอนที่ทุบตีผู้อื่น ทำไมไม่คิดว่าตัวเองจะเจ็บบ้างเล่า”ลู่จิ้งเสียนเริ่มด่าในทันที“ชั้นต่ำ เจ้าก็แค่คนชั้นต่ำ”“ยังกล้าต่อปากอีก”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะเดือดดาล นางรีบเร่งฝีเท้ารุดเข้าไป คว้าหม้อเครื่องลายครามบนโต๊ะแล้วทุบลงบนหัวของลู่จิ้งเสียน“วันนี้ข้าจะจัดระเบีย

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status