เฮ่อยวนกับเหมยชิงเกอผ่านความยากลำบากและอันตรายมากมาย ถึงจะกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้งในวันนี้ อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถูกทำลายโดยเด็กสาวคนนี้แม้ว่านางจะเชื่อว่าเฮ่อยวนเป็นผู้ชายที่ดี แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อผู้หญิงตามจีบผู้ชายมักจะสำเร็จง่ายราวกับกั้นด้วยผ้าบางๆ เท่านั้น ตราบใดที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกมาก แถมยังเป็นเด็กสาวขนาดนี้ เฮ่อยวนจะสามารถทนไหวหรือไม่นั้นก็ยังไม่สามารถบอกได้นางหลบไปที่ทางเดินเล็กข้างๆ แกล้งทำเป็นพบกันโดยบังเอิญ“คุณชายหลิว ดึกมากขนาดนี้ ยังไม่พักผ่อนหรือ”หลิวซือจวินพูดอย่างเป็นมิตร “ข้ายังไม่ง่วง เมื่อครู่เพิ่งทำอาหารบำรุงสุขภาพไปมอบให้เจ้าเมือง หลายวันนี้เขาดื่มสุราหนักมาก อาจทำร้ายตับได้”“คุณชายหลิวเป็นคนเอาใจใส่มาก ข้าในฐานะลูกสาวรู้สึกละอายใจจริงๆ ต้องขอขอบคุณแล้ว”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับและกล่าวขอบคุณ หลิวซือจวินก็ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“แม่นางอินอย่าขอบคุณข้าเลย ที่เจ้าเมืองยอมรับข้าเข้ามา หลิวซือจวินก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ทำได้เพียงเท่าที่สามารถทำได้”อินชิงเสวียนนั่งลงบนทางเดินด้านหนึ่ง และตบเก้าอี้ข้างๆ“คิ
สีหน้าท่าทางของนางไม่ได้ดูเสแสร้งจอมปลอม อินชิงเสวียนก็ไม่รู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาทใดๆ หรือว่าตัวเองคิดมากไป?แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้ม “ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าคุณชายหลิวเต็มใจ ข้าจะไปคุยกับท่านแม่พรุ่งนี้”หลิวซือจวินคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้น“หากได้คำนับท่านเจ้าเมืองและฮูหยินเป็นพ่อแม่ ซือจวินจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสานต่อทักษะทางการแพทย์ของอิ๋นเฉิง”อินชิงเสวียนรีบคว้าตัวนางไว้“เจ้าคุกเข่าก็อย่ามาคุกเข่าให้ข้าสิ ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”“ได้ พรุ่งนี้เจอกัน”หลิวซือจวินกล่าวลาอินชิงเสวียนด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น อินชิงเสวียนพิจารณาดูนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกในใจว่า แม่นางน้อยคนนี้ดูจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ บางทีตั้งแต่ข้ามภพมาก็ต้องประสบพบเจอกับการหลอกลวงแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมากเกินไป จนทำให้นางรู้สึกน่าสงสัยทุกคนที่เจอ คงใช้ความคิดของคนเลวไปคาดการณ์ความคิดของคนดีแล้วกระมังถ้านางมีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ คงไม่สวมเสื้อผ้าปลอมตัวผู้ชายตลอดเวลาแม้ว่าหลิวซือจวินจะเป็นศิษย์ของนักพรตเทียนจี แต่ก็ไม่ได้มีภูมิหลังเดียวกับชาวเฟยเหยา นางได้รักษาคน
“ท่านพ่อ...คิดว่าไม่เหมาะสมหรือเจ้าคะ”เฮ่อยวนเป็นคนดีมีเมตตา เพิ่มตะเกียบสักคู่เพิ่มชามสักชามก็คงไม่ถึงขั้นเดือดร้อนขนาดนั้นเฮ่อยวนพยักหน้า“มีบางอย่างไม่เหมาะ”เหมยชิงเกอถามอย่างไม่เข้าใจ “นั่นเพราะอะไรหรือ ขนาดฉางเฟิงท่านยัง...”เพื่อหลีกเลี่ยงกำแพงมีหูประตูมีช่อง เหมยชิงเกอจึงไม่ได้พูดอะไรมากเฮ่อยวนยืนขึ้นจากเก้าอี้ ถอนหายใจและมองไปที่อินชิงเสวียน“พ่อติดค้างเจ้ามากมายนัก ไม่ต้องการให้มีใครมาแบ่งความรักที่พ่อแม่มีต่อเจ้าไป แม้ว่าเจ้าจะไม่อยู่ในเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงนาน พ่อก็หวังว่าในขอบเขตเวลาที่จำกัดนี้ ความรักของข้ากับแม่ของเจ้า จะทุ่มเทให้กับเจ้าจนหมด”อินชิงเสวียนครุ่นคิดไปนานาประการ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเหตุผลนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจเฮ่อยวนเป็นคนดี เป็นสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ดีอย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนไม่รู้สึกผูกพันกับเขามากนัก ถึงอย่างไรก็ไม่ผูกพันเท่าอินจ้งความทรงจำทั้งหมดของเจ้าของร่างเดิมล้วนอยู่ที่ตระกูลอิน ความรู้สึกที่นางมีต่อตระกูลอินนั้น อินชิงเสวียนสามารถเข้าใจความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าเฮ่อยวนและเหมยชิงเกอจะดีกับนางมาก แต่ในใจนั้น ก็
นางเหลือบมองเฮ่อยวนที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมท่านดูไม่เต็มใจนัก หรือว่าอิ๋นเฉิงไม่สามารถเลี้ยงเด็กผู้หญิงแค่คนเดียวไม่ได้?”เฮ่อยวนส่ายหัว กระซิบเสียงแผ่วเบา “อาจมีความเข้าใจผิด”“เข้าใจผิดอะไร”หลังจากได้ยินสิ่งนี้เหมยชิงเกอก็รู้สึกสับสนเฮ่อยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าบังเอิญเห็นภาพบุคคล คนในภาพวาดนั้นคล้ายกับข้ามาก และภาพนี้เป็นของหลิวซือจวิน”เหมยชิงเกอมองเฮ่อยวนด้วยความตกใจ“ท่านหมายความว่า ที่นางยืนกรานที่จะอยู่ที่อิ๋นเฉิง เพราะท่าน? หรือว่านางได้ยินชื่อเสียงของท่าน จึงเกิดตกหลุมรัก?”เฮ่อยวนโอบแขนไว้รอบไหล่เหมยชิงเกอ เม้มริมฝีปากยิ้มแล้วพูดว่า “เจ้าคิดเหลวไหลอะไรอยู่ ข้าเป็นตาแก่ที่ก้าวขาเข้าโลงศพไปแล้วครึ่งหนึ่ง จะไปหาเด็กสาวๆ มาชอบได้อย่างไร”เหมยชิงเกอแค่นเสียงหึและพูดว่า “ฉีอวิ๋นจื่อและกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็ต่อสู้จนตายเพื่อท่านไม่ใช่หรือ”“คราวนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป ทุกครั้งที่น้องชายหลิวมองมาที่ข้า มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง กลับเหมือนกับว่ากำลังมองพ่อ”“หรือว่าท่านทำอะไรโดยไม่ยั้งคิดข้างนอก มีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น?”
หลังจากออกจากที่พักของเฮ่อยวนแล้ว อินชิงเสวียนก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นในห้อง เย่จิ่งอวี้กำลังมองเสี่ยวหนานเฟิงด้วยสายตาอ่อนโยน เขามีเค้าหน้าคล้ายกับพ่อมากนับตั้งแต่กลับมาที่อิ๋นเฉิง เสี่ยวหนานเฟิงแทบจะกลายเป็นม้าป่า เล่นอยู่ในเมืองอย่างสนุกสนานเฟิงเอ้อร์เหนียงกับฮวาเชียนช่วยกันดูแลเขา ทั้งคู่เป็นคนที่อินชิงเสวียนไว้ใจ เย่จิ่งอวี้ก็ดีใจที่ได้เห็นลูกชายปลดปล่อยด้านธรรมชาติเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่า ความปรารถนาของเสวียนเอ๋อร์จะเป็นจริงแล้ว”“ใช่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ลูกหลับหรือยัง”อินชิงเสวียนเดินช้าๆ มองไปยังเสี่ยวหนานเฟิงที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเย่จิ่งอวี้มากขึ้นเรื่อยๆ ก็รู้สึกทอดถอนใจเพียงพริบตา ลูกก็โตขึ้นมาก ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมที่อยู่ในโลกอนาคตจะสบายดีหรือไม่เย่จิ่งอวี้ห่มผ้าให้ลูกชาย แล้วพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “นอนหลับนานแล้ว เจ้าหมอนี่ยิ่งโตก็ยิ่งแข็งแรง ความเร็วในการวิ่งของเขาแทบจะไล่ตามไป๋เสวี่ยทันเลย”อินชิงเสวียนพูดด้วยความภาคภูมิใจ “นี่คือลูกที่ข้าเลี้ยงด้วยน้ำพุวิญญาณ จะไม่แตกต่างจากคนทั่วไปได้หรือ”เย่จินอวี้หัวเ
ผู้ที่เป็นผู้นำอยู่ในวัยสามสิบเศษ สวมเครื่องแบบบัณฑิต ทว่าดวงตากลับไม่มีความสง่างามแบบบัณฑิตเลย แต่กลับเต็มไปด้วยความหื่นกระหายโดยเฉพาะไฝขนที่แก้มขวา ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นแม่นางน้อย ดูเหมือนว่าเราจะโชคดีทีเดียว”“ปากสุนัขคายงาช้างออกมาไม่ได้ ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”อินชิงเสวียนใช้ฝ่ามือโจมตี บัณฑิตคนนั้นแทนที่จะหลบ แต่กลับคว้าข้อมือของอินชิงเสวียน“สาวน้อย พระจันทร์มืดมนลมพัดแรง ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิก็สั้นนัก ทำไมต้องเจ้ากับข้าต้องต่อสู้กันด้วยเล่า มิสู้ไปหาความสำราญกันดีหรือไม่”“หาความสำราญบ้านเตี่ยแกน่ะสิ!”เมื่อมองดูใบหน้าที่น่ารังเกียจของชายคนนั้น อินชิงเสวียนก็รู้สึกคลื่นไส้ แสงสีม่วงเปล่งออกมาจากฝ่ามือ ก่อนที่นิ้วของชายคนนั้นจะเข้าใกล้ ก็ถูกแทงด้วยกำลังภายในที่กดขี่คุกคาม เขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาอีกสามคนเหาะขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์อย่างรวดเร็ว ตะโกนลั่น“มั่วเหล่าชี!”“พวกเจ้าเป็นใคร จงบอกชื่อมาเดี๋ยวนี้”ขณะที่อินชิงเสวียนตะโกนถาม ทั้งสามชักดาบออกมาโจมตีแล้ว อย่างไรก็ตามคนที่พวกเขาโจมตีไม่ใช่อินชิงเสวียน แต่เป็นมั่วเหล่าชีอินชิงเสวียน
“เจ้าเป็นใคร”อินชิงเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกเหมือนเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก คนผู้นั้นจ้องมองนางเงียบๆ ดวงตาสงบเยือกเย็น ไม่แสดงความอาฆาตพยาบาทหรือความอบอุ่นใดๆไร้รูปร่างราวกับน้ำอย่างแท้จริง ทำให้ผู้คนแยกแยะความคิดที่แท้จริงของเขาได้ยากเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูด อินชิงเสวียนจึงถามอีกครั้ง “เจ้ามาที่อิ๋นเฉิงด้วยจุดประสงค์ใด หากไม่พูด จะถือเป็นคนทรยศ”นางค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น แสงสีม่วงก็เปล่งแสงเรืองรองออกมาจากฝ่ามือของนางจู่ๆ คนผู้นั้นก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าอีกก้าว“เจ้าอยากรู้งั้นหรือ ข้าบอกเจ้าก็ได้”อินชิงเสวียนรู้สึกว่าดวงตาไหววูบ จากนั้นก็รู้สึกแน่นลำคอ และถูกพาขึ้นไปบนท้องฟ้ามันเร็วเกินไป ด้วยความสามารถในปัจจุบันของนาง กลับไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าคนชุดดำมาอยู่ข้างหลังนางได้อย่างไร ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเยียบเย็นจับขั้วหัวใจคนผู้นี้คือใครกันแน่ บุคคลที่มีชื่อเสียงในยุทธจักร นางก็พอจะรู้จักเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพแล้ว จะยังมีคนที่มีการบำเพ็ญตบะในระดับสูงเช่นนี้ไม่สิ สิ่งนี้ไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้เพราะจนถึงตอน
ถูกแล้ว เป็นคำว่าปรากฏเด่นชัดออกมาจริงๆเพราะพวกเขาไม่ได้มาจากที่ไหน แต่โผล่ขึ้นมาจากอากาศอย่างเงียบๆ เหมือนผี ซึ่งน่าสะพรึงกลัวมากเมื่อมองดูคนเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็มีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา แต่ในไม่ช้า นางก็คิดออกคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ผีอยู่แล้ว แต่เป็นค่ายกล เป็นค่ายกลที่เคลื่อนย้ายพวกเขามาที่นี่!การคาดเดานี้ ทำให้อินชิงเสวียนสามารถระบุตัวตนของคนชุดดำได้อย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนแคว้นเฟยเหยาจริงๆ แต่เขาไม่ใช่ลั่วสุ่ยชิงขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนว่า “นั่นใคร”“บังอาจ!”“อ๊าก!”เสียงต่างๆ ดังก้องอยู่ในอิ๋นเฉิง อิ๋นเฉิงก็จุดไฟทันที ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิดสว่างไสวเสียงอาวุธดาบกระบี่ดังขึ้นในเมือง ความเงียบในยามค่ำคืนก็ถูกทำลายลงอินชิงเสวียนหัวเราะเย้ยหยัน“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าดูหรือ เกรงว่าเจ้าจะไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของชาวยุทธ์ในจงหยวนแล้วล่ะ”คนชุดดำไม่พูด เขาเพียงแต่ยืนเงียบๆ บนหลังคา ชื่นชมการสังหารที่ด้านล่าง สิ่งที่แปลกก็คือระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่สูงนัก แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นกลุ่มก้อนอากาศธาตุ ไม่มีใครสังเกตเห็นนี่ก็ต้องเป็นค่ายกลเหมือนกัน
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ