ถูกแล้ว เป็นคำว่าปรากฏเด่นชัดออกมาจริงๆเพราะพวกเขาไม่ได้มาจากที่ไหน แต่โผล่ขึ้นมาจากอากาศอย่างเงียบๆ เหมือนผี ซึ่งน่าสะพรึงกลัวมากเมื่อมองดูคนเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็มีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา แต่ในไม่ช้า นางก็คิดออกคนเหล่านี้ย่อมไม่ใช่ผีอยู่แล้ว แต่เป็นค่ายกล เป็นค่ายกลที่เคลื่อนย้ายพวกเขามาที่นี่!การคาดเดานี้ ทำให้อินชิงเสวียนสามารถระบุตัวตนของคนชุดดำได้อย่างรวดเร็ว เขาเป็นคนแคว้นเฟยเหยาจริงๆ แต่เขาไม่ใช่ลั่วสุ่ยชิงขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนว่า “นั่นใคร”“บังอาจ!”“อ๊าก!”เสียงต่างๆ ดังก้องอยู่ในอิ๋นเฉิง อิ๋นเฉิงก็จุดไฟทันที ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิดสว่างไสวเสียงอาวุธดาบกระบี่ดังขึ้นในเมือง ความเงียบในยามค่ำคืนก็ถูกทำลายลงอินชิงเสวียนหัวเราะเย้ยหยัน“นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการให้ข้าดูหรือ เกรงว่าเจ้าจะไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของชาวยุทธ์ในจงหยวนแล้วล่ะ”คนชุดดำไม่พูด เขาเพียงแต่ยืนเงียบๆ บนหลังคา ชื่นชมการสังหารที่ด้านล่าง สิ่งที่แปลกก็คือระยะห่างระหว่างทั้งสองไม่สูงนัก แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นกลุ่มก้อนอากาศธาตุ ไม่มีใครสังเกตเห็นนี่ก็ต้องเป็นค่ายกลเหมือนกัน
เมื่ออินชิงเสวียนฟื้นขึ้นมา ก็เป็นเวลาเช้าแล้วลมหนาวพัดผ่านไป จิตใจก็แจ่มใสนางยืนขึ้นจากพื้น กวาดสายตามองไปรอบๆ พื้นที่โดยรอบว่างเปล่า เต็มไปด้วยภูเขาและโขดหิน มองไปไกลๆ ก็เห็นป่าไม้ที่ทอดยาว มีน้ำไหลเอื่อย หมอกควันที่ลอยฟุ้ง เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองสิ่งนี้แล้ว ที่นี่อยู่สูงมาก คงจะเป็นยอดเขาบนภูเขา ข้างๆ มีโต๊ะที่แกะสลักจากต้นไม้ พร้อมด้วยผลไม้ป่าจำนวนหนึ่ง และกาน้ำชาวางอยู่นอกเหนือจากนี้ไม่มีอะไรอื่น และไม่มีใครอีกแล้วนักพรตเต๋าน้อยนั่นไม่ให้คนมาเฝ้าตัวเองงั้นหรือสำหรับพฤติกรรมของเขานี้ อินชิงเสวียนยากที่จะเข้าใจนางโคจรกำลังภายใน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จิตใจรู้สึกผ่อนคลายขึ้นขณะที่กำลังจะเข้าไปล้างหน้าในมิติ การแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นในหัว“มิติถูกระงับ ไม่สามารถเปิดได้ชั่วคราว!”อินชิงเสวียนตกตะลึงเล็กน้อย ที่นี่ไม่มีคนนอก ทำไมถึงถูกระงับได้ล่ะหรือว่าตัวเองติดอยู่ในค่ายกลอีกแล้ว?อินชิงเสวียนลองเดินไปหลายก้าว แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ และไม่มีภาพลวงตาปรากฏต่อหน้าต่อตานางเมื่อรู้ว่าการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้ถูกจำกัด อินชิงเสวียนรู้สึกใจชื้นขึ้น แต่แล้วก็สับสนอีกครั้งที
บนภูเขาสูงอีกลูกหนึ่ง ลั่วสุ่ยชิงกำลังสนทนาเรื่องปรัชญาเต๋ากับนักพรตเทียนชิง“ข้าได้ยินมาว่าลัทธิเต๋าให้ความสำคัญกับฟ้าดินว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ลัทธิเต๋าก็เป็นเรื่องธรรมชาติ หากเป็นเช่นนี้ ทำไมจึงเชื่อในผู้ก่อตั้งสามเทพที่ไม่รู้ตัวตนเหล่านั้น มิสู้ทำตามใจ ทำทุกอย่างที่อยากทำ จะไม่สนุกกว่ากันหรือ!”หลังจากฟังคำพูดของลั่วสุ่ยชิง นักพรตเทียนชิงก็ไม่รู้สึกไม่พอใจ เขาลูบหนวดเคราสีเทาของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อมีเครื่องมือที่เรียกว่ากฎเกณฑ์ ก็สามารถสร้างให้เป็นรูปทรงกลมและทรงเหลี่ยมได้ แม้ว่าจะอยู่บ้านสบายๆ แต่ก็มีความเชื่อของตัวเองเช่นกัน ดังคำกล่าวที่ว่า เมื่อตอบสนองต่อธรรมชาติที่แท้จริงของตนเองอยู่เสมอ และอยู่ในสภาวะสงบอยู่เสมอ จิตใจจะบริสุทธิ์และสงบตลอดไป!”ลั่วสุ่ยชิงตอบหึเบาๆ“นักพรตพูดมามากมายขนาดนี้ แต่ไม่เคยเห็นว่าอารมณ์ที่แท้จริงของท่านเป็นอิสระสักเท่าใดเลย ในความคิดของข้า ท่านแค่กำลังสร้างรังไหมผูกมัดตัวเอง”นักพรตเทียนชิงจิบชาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเบาๆ “รังไหมคืออะไร อาตมภาพไม่เคยเห็น แต่เคยเห็นรังไหมของแม่นาง อยู่ในใจ อยู่ในห้วงจิตใจ อารมณ์ของเจ้าดูเหมือนอิสระและง่ายดาย แต่ถ
เมื่อเห็นคนผู้นี้ นักพรตเทียนชิงก็ตกใจเล็กน้อย“ชิงฮุย?”ชิงฮุยโค้งคำนับ“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”นักพรตเทียนชิงรับชาไว้ ในใจพอจะเข้าใจแล้วเขาถอนหายใจเบาๆ“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถรอดพ้นการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้ แคว้นเฟยเหยาไม่ธรรมดาจริงๆ”ชิงฮุยก้มลงและพูดว่า “ศิษย์ขอบคุณอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนมาหลายปี”นักพรตเทียนชิงยกถ้วยชาขึ้น ดื่มหมดในอึกเดียว“ชาถ้วยนี้ มิตรภาพระหว่างอาจารย์และศิษย์ระหว่างเจ้ากับข้าจบลงแล้ว บอกมาให้หมด ที่เจ้าหลอกข้ามาที่นี่ มีเจตนาใดกันแน่”ชิงฮุยกล่าวอย่างสงบ “ชิงฮุยไม่กล้าหลอกลวงอาจารย์ แค่อยากเชิญให้อาจารย์พักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ศิษย์จะส่งอาจารย์ลงจากภูเขาด้วยตัวเอง”นักพรตเทียนชิงพูดอย่างสงบ “หากข้าไม่ยอมล่ะ”ชิงฮุยยังคงพูดเนิบช้า “หากอาจารย์สามารถเดินลงจากภูเขานี้ได้ เช่นนั้นก็เป็นพระประสงค์ของสวรรค์ ศิษย์จะไม่กล้าขัดขวาง”“ดีมาก!”นักพรตเทียนชิงยกมือขึ้น ถ้วยชาในมือก็กลายเป็นผงทันที แล้วเดินลงภูเขาโดยไม่หันกลับมามองจนกระทั่งเขาเดินจากไป ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเปิดเผยตัวตน?”ชิงฮุยกล่าวว่า “แน่นอนว่
เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงบรรดาศิษย์ช่วยกันตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิต พบว่ามีผู้เสียชีวิตไม่มาก อย่างมากไม่เกินสิบคน ตรงกันข้ามผู้บุกรุกที่โจมตีเข้ามา ถูกกวาดล้างไปทั้งหมด โดยมีมากถึงร้อยคนเฮ่อฉางเฟิงมองดูศพบนพื้นด้วยความดูถูก“ฝูงนกกาเหล่านี้น่ะหรือที่ต้องการพิชิตจงหยวน คิดอะไรอยู่”หลิวซือจวินก็พยักหน้าเช่นกัน“คนเหล่านี้อ่อนแอปวกเปียกจริงๆ”เฮ่อยวนกลับรู้สึกแปลกๆมีผู้คนมากมายที่ดูไม่เหมือนชาวยุทธ์เลย การที่แคว้นเฟยเหยาทำเหมือนเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรเหมยชิงเกอก็คิดเช่นเดียวกัน“หรือว่าพวกเขามีแผนอื่นอีก?”“ไม่ทราบแน่ชัด ถ้ามีความสามารถเท่านี้ เพียงศิษย์ธรรมดาก็สามารถปลิดชีพพวกเขาได้ ในเมื่อพวกเขามุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูแคว้น ต้องมีไพ่ตายที่ใหญ่กว่าแน่ๆ”“ท่านพ่อ ท่านแม่ เห็นเสวียนเอ๋อร์หรือไม่”เย่จิ่งอวี้ลอยมาแต่ไหล เพราะเขาไม่พบตัวอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงลางร้ายในใจเซี่ยวอิ๋นหวนกวาดสายตามองไปรอบๆ“ชิงเสวียนไม่อยู่ในห้องหรือ หรืออยู่กับลูก?”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างมั่นใจ “ไม่อยู่ ข้าค้นหาไปทั่วอิ๋นเฉิงแล้วก็ไม่พบนาง”เหมยชิงเกอรู้สึกตกใจ
“อิ๋นเฉิงถูกโจมตี หลังจากการต่อสู้สงบลง เสวียนเอ๋อร์ก็หายตัวไป”เมื่อเขารู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ได้มาที่โรงเตี๊ยม สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็ดูยุ่งยากยิ่งขึ้นเย่จิ่งหลานถามด้วยความตกใจ “สถานการณ์ผู้เสียชีวิตในอิ๋นเฉิงเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่มีอะไรร้ายแรง ข้าสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจสร้างการต่อสู้ครั้งใหญ่ เพื่อพุ่งเป้าไปที่เสวียนเอ๋อร์”เรื่องนี้ผิดปกติมาก จนแม้แต่เย่จิ่งอวี้ที่เฉลียวฉลาดก็ยังไม่สามารถเข้าใจจุดสำคัญได้“จิ่งหลาน สองวันที่ผ่านมาเจ้าได้เจอลั่วสุ่ยชิงบ้างหรือไม่”เย่จิ่งหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าพบนางเมื่อสองวันก่อน แล้วจู่ๆ นางก็จากไป และไม่มาที่นี่อีกเลย พี่ใหญ่สงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของนาง?”“อื้ม แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าลั่วสุ่ยชิงจะเป็นราชาแคว้นเฟยเหยา แต่ตัวตนของนางจะต้องเกี่ยวข้องกับแคว้นเฟยเหยาแน่นอน”เย่จิ่งอวี้เชื่อในการคาดคะเนของอินชิงเสวียน“เราควรทำอย่างไรดี พี่ใหญ่รู้ไหมว่าลั่วสุ่ยชิงอาศัยอยู่ที่ไหน”ในแววตาของเย่จิ่งหลานมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาและอินชิงเสวียนเป็นเพื่อนจากยุคเดียวกันอย่างแท้จริง ทั้งยังถือว่ามีความสัมพันธ์ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ผู้หญิงที่มีความส
ชายคนนั้นเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ เมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ“หลี่ชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าเป็นคน!”คนที่ลงมือนั้นบังเอิญเป็นศิษย์น้องของเขา ไม่คาดคิดว่าชายชื่อหลี่ชิงจะดึงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วและมีพลังมากกว่าปกติหลายเท่า คนที่พูดไม่สามารถขัดขวางได้ จึงถูกแทงที่แขนทันที“ฉึบ”เขาสูดปากด้วยความเจ็บปวด ตะโกนอีกครั้ง“หลี่ชิง เจ้าดูให้ชัดเจน ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า”หลี่ชิงดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขาไม่ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยซ้ำ เขากวัดแกว่งกระบี่ฟาดฟันไม่เลือกหน้า“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”มีคนถามอย่างกังวลว่า “เขาถูกพิษหรือเปล่า”“ไม่หรอก น้ำที่เราดื่มสามารถรักษาพิษได้หลายร้อยชนิด”ผู้คุมตราเซี่ยวมีความมั่นใจอย่างมากต่อน้ำพุวิญญาณของลูกสะใภ้เหมยชิงเกอพลิกฝ่ามือชี้ไปที่บุคคลนั้น“คุมตัวเขาก่อน”คนอื่นๆ ก็เริ่มลงมือ ซึ่งหลี่ชิงไม่สามารถต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือได้หลายคนอยู่แล้ว เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขาก็ถูกกระแทกลงกับพื้นขณะที่ทุกคนกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จู่ๆ มีคนอีกสองคนในฝูงชนก็คลุ้มคลั่งและตะโกนว่ามีผีเฮ่อยวนลอยขึ้นไปในอากาศ แ
“ปีศาจชั่วร้ายบังอาจนัก ถ้ากล้าก็แสดงตัวออกมา แม้จะนานเพียงใดข้าก็จะสู้เจ้าแน่นอน”ในใจของเก่อหงยวนหวาดกลัว ทว่าท่าทางกลับไม่ยอมแพ้ นางยืนเท้าสะเอว ชี้ไปที่ท้องฟ้าและตะโกนด่าลั่นศิษย์คนอื่นๆ ชักกระบี่ยาวออกมา มองดูท้องฟ้าด้วยสีหน้าหวาดกลัวคนโบราณขาดความรู้ เชื่อเรื่องเทพเจ้าและผีสางมาโดยตลอด ไม่นางก็มีคนยอมแพ้ทรุดตัวลงร้องไห้“ระหว่างทางมาที่นี่ได้ยินมาว่าชาวโจวสังหารหมู่ชาวเฟยเหยาเมื่อหลายพันปีก่อน กษัตริย์ของพวกเขาต้องกลายเป็นผีมาแก้แค้น ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะผีได้!”“ใช่แล้ว นั่นคือผีร้ายที่อยู่มานับพันปี แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน แต่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้!”ความเข้มแข็งทางจิตใจของทุกคนเริ่มหย่อนยาน ทันใดนั้นก็ตกสู่อำนาจสะกดของค่ายกลนี้ พวกเขาสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง ดึงกระบี่ยาวออกมา โจมตีไปยังคนรอบตัวอย่างบ้าคลั่งเฮ่อยวนเต็มไปด้วยความโกรธ ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “อย่ามองขึ้นไปบนฟ้า ทุกสิ่งล้วนเป็นภาพลวงตา ในโลกนี้ไม่ผีสางเทวดา หากราชาแคว้นเฟยเหยากลายเป็นผีจริงๆ ทำไมต้องรอถึงพันปีค่อยกลับมาแก้แค้น!”เหมยชิงเกอจึงกล่าวว่า “ทุกคนรวมตัวกัน รวบรวมสติไว้ อย่าให้ค่ายก