เมื่อเห็นคนผู้นี้ นักพรตเทียนชิงก็ตกใจเล็กน้อย“ชิงฮุย?”ชิงฮุยโค้งคำนับ“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”นักพรตเทียนชิงรับชาไว้ ในใจพอจะเข้าใจแล้วเขาถอนหายใจเบาๆ“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถรอดพ้นการทดสอบของศิลาตอบสวรรค์ได้ แคว้นเฟยเหยาไม่ธรรมดาจริงๆ”ชิงฮุยก้มลงและพูดว่า “ศิษย์ขอบคุณอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนมาหลายปี”นักพรตเทียนชิงยกถ้วยชาขึ้น ดื่มหมดในอึกเดียว“ชาถ้วยนี้ มิตรภาพระหว่างอาจารย์และศิษย์ระหว่างเจ้ากับข้าจบลงแล้ว บอกมาให้หมด ที่เจ้าหลอกข้ามาที่นี่ มีเจตนาใดกันแน่”ชิงฮุยกล่าวอย่างสงบ “ชิงฮุยไม่กล้าหลอกลวงอาจารย์ แค่อยากเชิญให้อาจารย์พักอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ศิษย์จะส่งอาจารย์ลงจากภูเขาด้วยตัวเอง”นักพรตเทียนชิงพูดอย่างสงบ “หากข้าไม่ยอมล่ะ”ชิงฮุยยังคงพูดเนิบช้า “หากอาจารย์สามารถเดินลงจากภูเขานี้ได้ เช่นนั้นก็เป็นพระประสงค์ของสวรรค์ ศิษย์จะไม่กล้าขัดขวาง”“ดีมาก!”นักพรตเทียนชิงยกมือขึ้น ถ้วยชาในมือก็กลายเป็นผงทันที แล้วเดินลงภูเขาโดยไม่หันกลับมามองจนกระทั่งเขาเดินจากไป ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมเจ้าถึงเปิดเผยตัวตน?”ชิงฮุยกล่าวว่า “แน่นอนว่
เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงบรรดาศิษย์ช่วยกันตรวจนับจำนวนผู้เสียชีวิต พบว่ามีผู้เสียชีวิตไม่มาก อย่างมากไม่เกินสิบคน ตรงกันข้ามผู้บุกรุกที่โจมตีเข้ามา ถูกกวาดล้างไปทั้งหมด โดยมีมากถึงร้อยคนเฮ่อฉางเฟิงมองดูศพบนพื้นด้วยความดูถูก“ฝูงนกกาเหล่านี้น่ะหรือที่ต้องการพิชิตจงหยวน คิดอะไรอยู่”หลิวซือจวินก็พยักหน้าเช่นกัน“คนเหล่านี้อ่อนแอปวกเปียกจริงๆ”เฮ่อยวนกลับรู้สึกแปลกๆมีผู้คนมากมายที่ดูไม่เหมือนชาวยุทธ์เลย การที่แคว้นเฟยเหยาทำเหมือนเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไรเหมยชิงเกอก็คิดเช่นเดียวกัน“หรือว่าพวกเขามีแผนอื่นอีก?”“ไม่ทราบแน่ชัด ถ้ามีความสามารถเท่านี้ เพียงศิษย์ธรรมดาก็สามารถปลิดชีพพวกเขาได้ ในเมื่อพวกเขามุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูแคว้น ต้องมีไพ่ตายที่ใหญ่กว่าแน่ๆ”“ท่านพ่อ ท่านแม่ เห็นเสวียนเอ๋อร์หรือไม่”เย่จิ่งอวี้ลอยมาแต่ไหล เพราะเขาไม่พบตัวอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงลางร้ายในใจเซี่ยวอิ๋นหวนกวาดสายตามองไปรอบๆ“ชิงเสวียนไม่อยู่ในห้องหรือ หรืออยู่กับลูก?”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างมั่นใจ “ไม่อยู่ ข้าค้นหาไปทั่วอิ๋นเฉิงแล้วก็ไม่พบนาง”เหมยชิงเกอรู้สึกตกใจ
“อิ๋นเฉิงถูกโจมตี หลังจากการต่อสู้สงบลง เสวียนเอ๋อร์ก็หายตัวไป”เมื่อเขารู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ได้มาที่โรงเตี๊ยม สีหน้าของเย่จิ่งอวี้ก็ดูยุ่งยากยิ่งขึ้นเย่จิ่งหลานถามด้วยความตกใจ “สถานการณ์ผู้เสียชีวิตในอิ๋นเฉิงเป็นอย่างไรบ้าง”“ไม่มีอะไรร้ายแรง ข้าสงสัยว่าอีกฝ่ายอาจสร้างการต่อสู้ครั้งใหญ่ เพื่อพุ่งเป้าไปที่เสวียนเอ๋อร์”เรื่องนี้ผิดปกติมาก จนแม้แต่เย่จิ่งอวี้ที่เฉลียวฉลาดก็ยังไม่สามารถเข้าใจจุดสำคัญได้“จิ่งหลาน สองวันที่ผ่านมาเจ้าได้เจอลั่วสุ่ยชิงบ้างหรือไม่”เย่จิ่งหลานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ข้าพบนางเมื่อสองวันก่อน แล้วจู่ๆ นางก็จากไป และไม่มาที่นี่อีกเลย พี่ใหญ่สงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของนาง?”“อื้ม แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าลั่วสุ่ยชิงจะเป็นราชาแคว้นเฟยเหยา แต่ตัวตนของนางจะต้องเกี่ยวข้องกับแคว้นเฟยเหยาแน่นอน”เย่จิ่งอวี้เชื่อในการคาดคะเนของอินชิงเสวียน“เราควรทำอย่างไรดี พี่ใหญ่รู้ไหมว่าลั่วสุ่ยชิงอาศัยอยู่ที่ไหน”ในแววตาของเย่จิ่งหลานมีความตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาและอินชิงเสวียนเป็นเพื่อนจากยุคเดียวกันอย่างแท้จริง ทั้งยังถือว่ามีความสัมพันธ์ร่วมเป็นร่วมตายกันมา ผู้หญิงที่มีความส
ชายคนนั้นเตรียมการป้องกันอย่างเต็มที่ เมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ“หลี่ชิง เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ข้าเป็นคน!”คนที่ลงมือนั้นบังเอิญเป็นศิษย์น้องของเขา ไม่คาดคิดว่าชายชื่อหลี่ชิงจะดึงกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็วและมีพลังมากกว่าปกติหลายเท่า คนที่พูดไม่สามารถขัดขวางได้ จึงถูกแทงที่แขนทันที“ฉึบ”เขาสูดปากด้วยความเจ็บปวด ตะโกนอีกครั้ง“หลี่ชิง เจ้าดูให้ชัดเจน ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า”หลี่ชิงดูเหมือนจะคลุ้มคลั่งไปแล้ว เขาไม่ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดด้วยซ้ำ เขากวัดแกว่งกระบี่ฟาดฟันไม่เลือกหน้า“ข้าจะฆ่าพวกเจ้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”มีคนถามอย่างกังวลว่า “เขาถูกพิษหรือเปล่า”“ไม่หรอก น้ำที่เราดื่มสามารถรักษาพิษได้หลายร้อยชนิด”ผู้คุมตราเซี่ยวมีความมั่นใจอย่างมากต่อน้ำพุวิญญาณของลูกสะใภ้เหมยชิงเกอพลิกฝ่ามือชี้ไปที่บุคคลนั้น“คุมตัวเขาก่อน”คนอื่นๆ ก็เริ่มลงมือ ซึ่งหลี่ชิงไม่สามารถต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือได้หลายคนอยู่แล้ว เพียงไม่กี่กระบวนท่า เขาก็ถูกกระแทกลงกับพื้นขณะที่ทุกคนกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก จู่ๆ มีคนอีกสองคนในฝูงชนก็คลุ้มคลั่งและตะโกนว่ามีผีเฮ่อยวนลอยขึ้นไปในอากาศ แ
“ปีศาจชั่วร้ายบังอาจนัก ถ้ากล้าก็แสดงตัวออกมา แม้จะนานเพียงใดข้าก็จะสู้เจ้าแน่นอน”ในใจของเก่อหงยวนหวาดกลัว ทว่าท่าทางกลับไม่ยอมแพ้ นางยืนเท้าสะเอว ชี้ไปที่ท้องฟ้าและตะโกนด่าลั่นศิษย์คนอื่นๆ ชักกระบี่ยาวออกมา มองดูท้องฟ้าด้วยสีหน้าหวาดกลัวคนโบราณขาดความรู้ เชื่อเรื่องเทพเจ้าและผีสางมาโดยตลอด ไม่นางก็มีคนยอมแพ้ทรุดตัวลงร้องไห้“ระหว่างทางมาที่นี่ได้ยินมาว่าชาวโจวสังหารหมู่ชาวเฟยเหยาเมื่อหลายพันปีก่อน กษัตริย์ของพวกเขาต้องกลายเป็นผีมาแก้แค้น ไม่ว่าเราจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะผีได้!”“ใช่แล้ว นั่นคือผีร้ายที่อยู่มานับพันปี แม้ว่าเราจะร่วมมือกัน แต่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้!”ความเข้มแข็งทางจิตใจของทุกคนเริ่มหย่อนยาน ทันใดนั้นก็ตกสู่อำนาจสะกดของค่ายกลนี้ พวกเขาสูญเสียการควบคุมอีกครั้ง ดึงกระบี่ยาวออกมา โจมตีไปยังคนรอบตัวอย่างบ้าคลั่งเฮ่อยวนเต็มไปด้วยความโกรธ ตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “อย่ามองขึ้นไปบนฟ้า ทุกสิ่งล้วนเป็นภาพลวงตา ในโลกนี้ไม่ผีสางเทวดา หากราชาแคว้นเฟยเหยากลายเป็นผีจริงๆ ทำไมต้องรอถึงพันปีค่อยกลับมาแก้แค้น!”เหมยชิงเกอจึงกล่าวว่า “ทุกคนรวมตัวกัน รวบรวมสติไว้ อย่าให้ค่ายก
“ในที่สุดก็เต็มใจที่จะปรากฏตัวแล้วงั้นรึ ราชาแคว้นเฟยเหยา?”เสียงของอินชิงเสวียนสงบ ไม่แปลกใจหรือขุ่นเคือง ยังเปี่ยมไปด้วยท่วงท่าของมารดาแห่งแคว้นที่ยิ่งใหญ่ลั่วสุ่ยชิงเดินออกจากเงามืด ดวงตาชัดเจน ร่างสูงโปร่ง พร้อมด้วยความกล้าหาญที่ไม่ด้อยไปกว่าบุรุษเพศ“คิดว่าเจ้าคงรู้ตัวตนของข้ามานานแล้ว เช่นนี้แล้ว เหตุใดจึงต้องเสแสร้งพูดจาอ้อมโลกด้วยเล่า”อินชิงเสวียนยิ้มเล็กน้อย“เจ้าพูดผิดแล้ว ไม่ใช่การเสแสร้งพูดจาอ้อมโลก ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าถือว่าเจ้าเป็นเพื่อน ความใจกว้างและไม่ยึดติดของเจ้า หาได้ยากในหมู่สตรียุคนี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงเข้าใจและเห็นใจ ไม่ได้โกรธเคืองที่เจ้าทำเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“ที่ข้าจะฟื้นฟูแคว้นเป็นความผิดอย่างไร”ลั่วสุ่ยชิงจ้องมองนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“เพราะการฟื้นฟูแคว้นไม่ใช่ความรับผิดชอบของเจ้าเพียงผู้เดียว สงครามระหว่างทั้งสองแคว้นเกี่ยวข้องกับชีวิตและความตายของคนนับหมื่น นี่คือการเข่นฆ่าสังหาร”อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ยืนอยู่ตรงข้ามกับลั่วสุ่ยชิง ทั้งสองเป็นสตรีที่งดงามหยาดเยิ้ม ทั้งสง่างามสูงส่ง แต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง
“วรยุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา ในยุคสมัยที่อยู่ห่างไกลออกไปในอนาคตหลายพันปีของข้า มันเป็นเพียงของเล่นไว้ให้เด็กๆ ออกกำลังกายเท่านั้น ไม่มีอะไรลึกลับเลย”เสียงของอินชิงเสวียนดังออกมาจากหมอกสีดำ ทั้งสบายและสงบลั่วสุ่ยชิงแทบไม่อยากเชื่อเลย นี่เป็นเคล็ดวิชาลับที่มีเพียงราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ทันใดนั้น นางก็คิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง“หรือว่าเจ้ามาจากแคว้นเฟยเหยาด้วย? ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าอยากจะร่วมมือกับเจ้า สร้างแคว้นด้วยกัน ถึงอย่างไรการเป็นฮองเฮานั้นไม่ดีเท่ากับการเป็นฮ่องเต้ด้วยซ้ำ ชีวิต ความตายและเกียรติยศของเจ้า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดของเย่จิ่งอวี้ หากเจ้าเป็นราชาแห่งใต้หล้า ที่กุมอำนาจทั้งโลก ผู้ใดจะกล้าดูหมิ่นเจ้า”หากอินชิงเสวียนได้พบกับลั่วสุ่ยชิงเมื่อหนึ่งปีก่อน นางอาจจะเห็นด้วย อำนาจและความครอบงำแห่งราชา เป็นความฝันสูงสุดของผู้หญิงทุกคนในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!แต่ว่า ตอนนี้แตกต่างออกไปแล้วนางมีความรักต่อดินแดนแห่งนี้ ห่วงใยราษฎรเหล่านี้ ย่อมไม่อาจปล่อยให้ใครมาทำลายมันได้!“ไม่ว่าสถานะของข้าจะเป็นเช่นไร โชคชะตาก็อยู่ในมือของข้าเอง ข้ามั่นใจว่าอาอวี้จะไม่ปฏิบัติต่อข้าเช่น
“ยังไม่ถอยอีก ข้ากำลังคุยกับฮองเฮาต้าโจว ไม่มีที่ว่างให้เจ้าขัดจังหวะ!”ทันใดนั้นเสียงของลั่วสุ่ยชิงก็เย็นชา แขนเสื้อพลิ้วไหว หมอกสีดำก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือ ชิงฮุยไม่ขยับ เขาบิดข้อมือเบาๆ หมอกสีดำทั้งหมดก็สลายไปเขามองไปที่ลั่วสุ่ยชิงแล้วพูดเบาๆ“ในเมื่อท่านราชารู้ว่านางคือฮองเฮาแห่งต้าโจว กลับยังคงต้องการปล่อยนางไป จะนำเหล่าทายาทชาวเฟยเหยาที่ล้มตายในสงครามไปไว้ที่ใด”“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับนาง ไม่เกี่ยวอะไรกับแคว้น ยิ่งไม่ต้องการให้เจ้าออกความเห็น ออกไปให้พ้น!”ลั่วสุ่ยชิงซัดฝ่ามือออกไปอีกครั้ง เมื่อครู่เป็นเพียงคำเตือน แต่คราวนี้นางโกรธมาก ประการแรกเป็นเพราะชิงฮุยต่อต้านกระบวนท่าของนางได้ และประการที่สอง ในฐานะขุนนาง ชิงฮุยพูดมากเกินไปชิงฮุยลงมืออีกครั้ง ต่อต้านกระบวนท่าของลั่วสุ่ยชิงดวงตาของลั่วสุ่ยชิงเย็นชา“ชิงฮุย หรือว่าเจ้าต้องการกบฏ?”ชิงฮุยถามกลับ “จะว่าเป็นกบฏได้อย่างไร”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างเย็นชา “เจ้ากล้าไม่เคารพข้า นั่นแสดงว่าเจ้ากำลังกบฏ!”“กระหม่อมภักดีต่อแคว้นเฟยเหยา เป็นเวลาหลายพันปีที่ถือว่าการฟื้นฟูแคว้นเฟยเหยาเป็นภารกิจมาโดยตลอด นี่แหละคือสิ่งที
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ